Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ปีที่แล้ว ขึ้นค่าจ้าง 300 บาทใน 6 จังหวัด ตั้งแต่ 1 เมษายน 2555
ปีนี้ ขึ้นค่าจ้าง 300 บาทในจังหวัดที่เลือก ตั้งแต่ 1 มค 2556
ตอนนี้จบไตรมาสที่ 1 ราคาสินค้ายังไม่ได้ปรับราคาขึ้น หรือลดปริมาณลงราคาคงเดิม
สถานการณ์ตอนนี้ คือ ผู้ประกอบการเริ่มออกมากดดันในเรื่อง การเพิ่มราคาขายสินค้าต่างๆ หรือ เริ่มหาหนทางในเรื่องการปรับลงปริมาณลง แต่ขายราคาเดิม
มันคือเหตุการณ์ที่ด้าน Supply มันมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ (Supply Shock) เกิดขึ้น
ดังนั้นจึงจับตาดูว่า Supply Shock เกิดในเรื่องการขึ้นราคาหรือการปรับลงปริมาณในการขายลงแต่ราคาคงเดิมนั้น
มีผลต่อพฤติกรรมบริโภค ในระยะสั้นอย่างไง และผู้บริโภคปรับตัวในระยะยาวอย่างไง ในเหตุการณ์แบบนี้

ผมไปกินอาหารญี่ปุ่นร้านฟูจิ พบว่า ทั้งปริมาณ และคุณภาพลดลงอย่างมาก แต่ยังไม่ขึ้นราคา...
อย่างนี้จะเสียลูกค้านะครับ (นับผมรวมไป 1 คน)
ผมว่าธุรกิจ QSR กำลังประสบกับความท้าทาย จากปัญหาแรงงาน
สงสัยต้องทำแบบอเมริการ รับ Work and Travel มาทำงานร้านอาหาร

ก็คงใช้เวลาในการปรับตัวอีกระยะหนึ่งคับจนกว่าการลดภาษีนิติบุคคล
จะส่งผลให้ช่วยเรื่องต้นทุน แล้วก็การเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนในระยะถัดไป

โดยส่วนตัวผมว่าในภาวะที่เงินเฟ้อไม่ได้เร่งตัวมาก และดอกเบี้ยเหมาะสม และค่าเงินที่แข็งขึ้น
อย่างควบคุมได้ ส่งผลดีต่อการบริโภคในประเทศ และการนำเข้าสินค้าทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพอสมควรเลย

ก็ยังไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ก๋วยเตี๋ยวยังปรับไปเป็นชามละ 40-60 กันแล้ว ขนาดเป็นร้านข้างถนนในต่างจังหวัด
ไม่เหนจะมีนโยบายช่วยเหลือ sme เลย มีแต่พวกรายใหญ่ๆที่ได้ประโยชน์เรื่องภาษี

kyoza เขียน:ก๋วยเตี๋ยวยังปรับไปเป็นชามละ 40-60 กันแล้ว ขนาดเป็นร้านข้างถนนในต่างจังหวัด
ไม่เหนจะมีนโยบายช่วยเหลือ sme เลย มีแต่พวกรายใหญ่ๆที่ได้ประโยชน์เรื่องภาษี

แพงจังเลยผมอยู่ กทม. ฉามละ 35 เอง 40-60 ข้อนข้างเอาเปรียนไปหน่อยนะครับ

แถวบ้านก็ขายข้าวหมูแดงเริ่ม40กันแล้ว ตัดผมจาก70กลายเป็น80

โอ้ว กลิ่นล็อคกระทู้โชยมาแต่ไกล

อย่าล็อคละ
ถ้าคราวนี้ ใครกล่าวถึงเรื่องที่ผิดใน web board
โกรธจริงๆ
อุตสาห์ สะืท้อนภาพ ว่าตอนนี้ธุรกิจ ปรับตัวเนื่องจาก 300 บาท อย่างไง

ดังนั้น งบไตรมาสหนึ่งของบริษัท ในตลาดหลักทรัพย์ไม่น่าจะมีผลกระทบมากมาย
ยกเว้น กลุ่มที่ใช้แรงงานเป็นหลัก และมีโรงงานในจังหวัดที่ค่าแรงยังไม่ขึ้น 300 บาท พึ่งจะขึ้นค่าแรงปีนี้

ก่อนหน้านี้มีสำรวจ จาก TDRT (หรือเปล่า) ที่สำรวจค่าจ้างแรงงาน ปรากฏว่า มีบางส่วนเท่านั้นที่ได้ 300 บาท
บางส่้วนก็ยังไม่ได้ จนกระทั่งมีช่วงหนึ่งของไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา มีข่าวปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน ว่า
จำนวนบริษัทปิดตัวมากกว่าปกติ หรือเปล่า (มันเป็นเพียงข้อสังเกต) แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ กรมพัฒนาธุรกิจ ก็ออกมาให้ข่าวว่า เป็นปกติ

ดังนั้น มาถึงไตรมาสที่สอง สภาพอุตสาหกรรม ออกมาเอง ดังนั้น จึงเป็นข่าวอีกรอบ
แต่ผลกระทบ คือ ตอนนี้ ผมก็ทานข้าวแพงขึ้น จับจ่ายข้าวของแพงขึ้น
วันนี้ 100บาท ทาน ข้าวหมูแดง 30 บาท น้ำส้ม 1 ขวด 12 บาท ซื้อกลับมาให้คนในบ้านทาน ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ 40 บาท แป๊บซี่แม็ก 1 ขวด 18 บาท เหลือ เงินทอน 12 บาท พอดี
เนี่ยยังไม่ทานแบบท่านบางคนที่เจอ ข้าวหมูแดง 50 บาท หรือ ก๋วยเตี๋ยวธรรมดา 50 บาทเช่นกันละ

วันนี้เห็นข่าวคํ่าช่อง7 รายงานว่าผู้ประกอบการของกินของใช้จะขึ้นราคาสินค้า

ผมก็อยากรู้จริงๆนะ สินค้าอุปโภค บริโภคเค้าGP NPเท่าไหร่
พอค่าแรงขึ้น เงินเฟ้อขึ้น ก็กดดันพาณิชย์ขึ้นราคาได้ตลอด
เคยได้ยินว่ารัฐบาลปล่อยให้สินค้าพวกนี้อยู่ในมือของผู้ผลิตน้อยรายซึ่งเป็นต่างชาติ

มันเป็นอย่างนี้มานานแล้วครับ
เรียกร้องขึ้นค่าแรง ข้าราชการปรับเงินเดือนขึ้นตามค่าแรง ของแพงขึ้น

ข้าวข้างใต้ รพ จักษุรัตนินนท์ เด๋วนี้จานละ 100 แล้วครับ

หมู5-6ชิ้น ผักอีกหน่อย ราคาสมเหตุผลมั่กๆ สมแล้วที่เป็นย่านธุรกิจ

ผมเคยกินตั้งแต่ข้าวสมัยประถม จานละ5บาท น้ำฟรี

เจอแบบนี้ บ่องตง คิดถูกแล้วที่ไม่มีบ้านอยู่กลางเมืองหรือย่านธุรกิจ

นอกจากมลพิษจะเยอะ อากาศจะร้อนจน(ตับ)แตก และรถที่ติดมากทุกวัน

แถมคนยัง แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันมาก ถ้าแต่งตัวปร้าๆ ไม่อินเทรนด์ก้จะถูกมองเหมือน

พึ่งคัมแบ๊กจาก เวียงจันทร์


อนาคต20ปี ถ้าค่าแรงยังแค่ 300 ในเมืองก้ึคงกินได้แค่ ข้าว2มื้อและน้ำอัดลม

RIP ข้าวหมูกระเทียมแห่งชาติ จานละ100

จริงๆ ค่าข้าวนี่ไม่น่าจะเป็น labor intensive ที่จำเป็นต้องขึ้นราคาตาม ค่าแรง 300 บาทที่เพิ่มขึ้นนะครับ อาจจะมีผมกระทบต่อต้นทุนบ้างจากพวกราคาวัตถุดิบ แต่ก็น้อยมากเพราะราคาวัตถุดิบหลักๆเป็น commodity products ซึ่งมีขึ้นมีลงอยู่ดี ผมว่าจริงๆ เป็นจังหวะฉวยโอกาสขึ้นราคามากกว่า

ผมจำได้ช่วงราคาน้ำมันขึ้นไปสูงๆ บะหมี่แถวบ้านผมจาก 25 ขึ้นเป็น 30 บาท พอราคาน้ำมันลงไม่เห็นลดราคาบ้างเลย

เงินเฟ้อเดือนมีนาคมครับ อาหารปรับตัวเพิ่ม แต่น้ำมันและพลังงานลง เลยทำให้เงินเฟ้อโดยรวมลดลง เอาแต่ fact มา ไม่ได้เอาความเห็นมาใส่ครับ

http://thainews.prd.go.th/centerweb/new ... 4010020008

กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนมีนาคม 2556 สูงขึ้นร้อยละ 2.69 พร้อมคาดการณ์ทั้งปีจะอยู่ในกรอบร้อยละ 2.80-3.40
นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรืออัตราเงินเฟ้อประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ว่า เท่ากับ 104.73 หรือสูงขึ้นร้อยละ 2.69 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการปรับตัวสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง และจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ร้อยละ 3.66 ทั้งในหมวดข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง หมวดเนื้อสัตว์ เป็ด ไก่และสัตว์น้ำ ผัก ผลไม้ ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (กุมภาพันธ์ 56)สูงขึ้นร้อยละ 0.07 ปัจจัยหลักมาจากการเคลื่อนไหวของราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ที่สูงขึ้นร้อยละ 0.26 โดยเฉพาะหมวดผักและผลไม้ สูงขึ้นร้อยละ 2.80 เนื่องจากหลายพื้นที่ประสบภัยแล้ง ขณะที่เนื้อสุกร ไก่สด และไข่ มีราคาลดลง จากผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น

ลืมแนบการวิเคราะห์ของ SCB
http://www.thannews.th.com/index.php?op ... Itemid=524

Analysis เงินเฟ้อทั่วไปเดือนมีนาคมชะลอตัวตามการลดลงของราคาสินค้าในหมวดพลังงาน ราคาสินค้าในหมวดพลังงานปรับเพิ่มขึ้น 6.22%YOY (เทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2012) ชะลอลงจาก 9.37%YOY ในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศปรับลดราว 0.4%MOM (เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า) ซึ่งสอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลงตามการชะลอตัวของความต้องการใช้น้ำมัน และอุปทานที่ขยายตัวมากขึ้นจากผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปค โดยราคาน้ำมันดิบดูไบในเดือนมีนาคมลดลงถึง 5.1%MOM อีกทั้งช่วงเดือนเดียวกันในปีก่อนฐานราคาพลังงานยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูงตามราคาน้ำมันดิบจากภาวะความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

ราคาอาหารปรุงสำเร็จเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เงินเฟ้อพื้นฐานชะลอตัว ดัชนีราคาสินค้าในหมวดอาหารปรุงสำเร็จซึ่งเป็นปัจจัยองค์ประกอบสำคัญของราคาสินค้าพื้นฐาน (ไม่รวมราคาสินค้าในหมวดพลังงานและอาหารสด) ในเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.56%YOY ชะลอลงจาก 2.72%YOY ในเดือนกุมภาพันธ์ จากฐานราคาอาหารปรุงสำเร็จนอกบ้านที่สูงในช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน

ผมสังเกตุเห็นสินค้าบางตัวที่กิน ใช้อยู่ มี2แนว คือ ราคาเดิม ลดปริมาณ กับ ราคาเพิ่ม ปริมาณลด
นี่ต่างจังหวัดนะครับ

kyoza เขียน:ก๋วยเตี๋ยวยังปรับไปเป็นชามละ 40-60 กันแล้ว ขนาดเป็นร้านข้างถนนในต่างจังหวัด
ไม่เหนจะมีนโยบายช่วยเหลือ sme เลย มีแต่พวกรายใหญ่ๆที่ได้ประโยชน์เรื่องภาษี

ข้างถนนแถวบ้านผม อยู่วงแหวนกาญจนาภิเษก บะหมี่หมูแดง 35 บาท พิเศษ 40 บาท

ข้าวมันไก่ 30 บาท พิเศษ 35 บาท

การที่เลือกปรับต้นทุนค่าแรง (นี่ยังดีที่ตรึงราคาพลังงานบางอย่างไว้นะ) ตามทฤษฎีสองสูงอันลือลั่น ก็แปลว่าเราเลือกที่จะเดินรอยตามประเทศพัฒนาแล้ว ต่อจากนี้ค่าครองชีพจะขึ้นไปไล่มาเลย์ สิงคโปร์ เข้าไปเรื่อยๆ ทั้งของกิน ของใช้ ค่าเช่าบ้าน ค่าเดินทาง ฯลฯ เตรียมตัวรับมือได้เลยครับ

ข้าว+กับข้าว 3 อย่าง ในหลายจุดที่ผมทำงาน (กรุงเทพ) เริ่มปรับราคาจาก 35 เป็น 40 บาทไม่นานนี้เอง
ถ้าสินค้าหลายอย่างราคาปรับขึ้น แต่รายได้ที่คุยกันว่าจะปรับ ปรับบ้างไม่ปรับบ้าง
เรื่องลดภาษีบุคคลธรรมดา กว่าจะมีผลจริงจังคงปีหน้า ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ทดสอบกำลังซื้อพอสมควรเลย

ขอแชร์ด้วยคนคับ ผมทำงานแถวสาธร ยังหาข้าวแกงกับ 2 อย่างจานพูนๆ ราคา 35 บาท , ข้าวขาหมูใส่ไข่ก็ 35 ก๋วยเต๋ยวไก่ใส่ 2 น่องราคา 40 อันนี้แถวนางลิ้นจี่คับ

kyoza เขียน:ก๋วยเตี๋ยวยังปรับไปเป็นชามละ 40-60 กันแล้ว ขนาดเป็นร้านข้างถนนในต่างจังหวัด
ไม่เหนจะมีนโยบายช่วยเหลือ sme เลย มีแต่พวกรายใหญ่ๆที่ได้ประโยชน์เรื่องภาษี

ผมเข้าใจว่า SME หลายราย เสียภาษีค่อนข้างน้อยอยู่แล้วนะครับ เมื่อเทียบกับ PLC ทั้งรายจ่ายหักภาษีมั่วๆหน่อย หรือ บัญชีสองเล่มเป็นต้น

แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะ เป็นการสนับสนุนให้ SME ที่เอาเปรียบในเรื่องของภาษีมีโอกาสที่จะอยู่รอดมากกว่า ในตลาดที่การแข่งขันสูง

จริงๆ ราคาสินค้าหลายอย่างทยอยปรับขึ้นกันมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปีก่อนแล้วนะครับ

ยิ่งปีนี้ตั้งแต่ต้นปีตลาดซบเซาลงไปพอสมควร สินค้าหลายๆ กลุ่มเจอผลกระทบเรื่องยอดขายที่ลดลงหรือไม่เติบโต

ซึ่งสาเหตุอาจมาจากหลายปัจจัย ทั้งรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น หรือครอบครัวอาจมีภาระมากขึ้นเช่น ผ่อนรถคันแรกเพิ่มขึ้นมา

อย่างร้านอาหารบางอย่าง ไม่ขึ้นราคาแต่ก็ปรับลดคุณภาพ หรือปริมาณลง อย่างเห็นได้ชัด

กระทู้นี้เอาเรื่องจริงมาพูดแล้วก็เป็นเรื่องที่ทุกคนประสบแล้วว่ามันจริง ของแพงขึ้นมากครับผมยังต้องประเมินใหม่เลยว่า
ถ้าตกงานขึ้นหรือถ้าจะเกษียนในอนาคตจำเป็นต้องมีเงินเท่าไรกันแน่

ซึ่งผลของ 300 บาท คาดว่าจะเห็นผลกับอุตสาหกรรมที่ใช้คนจำนวนมากทีเดียวในไตรมาส1 ปี56

ปล.ผมรู้จักผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างบางรายก็บ่นๆๆ หาคนไม่ได้แล้วที่ได้ 300 บาทต่อวัน (อ้อ 300 นี่จ้างคนต่างประเทศนะครับ)

miracle เขียน:ปีที่แล้ว ขึ้นค่าจ้าง 300 บาทใน 6 จังหวัด ตั้งแต่ 1 เมษายน 2555
ปีนี้ ขึ้นค่าจ้าง 300 บาทในจังหวัดที่เลือก ตั้งแต่ 1 มค 2556
ตอนนี้จบไตรมาสที่ 1 ราคาสินค้ายังไม่ได้ปรับราคาขึ้น หรือลดปริมาณลงราคาคงเดิม
สถานการณ์ตอนนี้ คือ ผู้ประกอบการเริ่มออกมากดดันในเรื่อง การเพิ่มราคาขายสินค้าต่างๆ หรือ เริ่มหาหนทางในเรื่องการปรับลงปริมาณลง แต่ขายราคาเดิม
มันคือเหตุการณ์ที่ด้าน Supply มันมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ (Supply Shock) เกิดขึ้น
ดังนั้นจึงจับตาดูว่า Supply Shock เกิดในเรื่องการขึ้นราคาหรือการปรับลงปริมาณในการขายลงแต่ราคาคงเดิมนั้น
มีผลต่อพฤติกรรมบริโภค ในระยะสั้นอย่างไง และผู้บริโภคปรับตัวในระยะยาวอย่างไง ในเหตุการณ์แบบนี้

ในเรื่องของพฤติกรรมการบริโภคในระยะสั้น จากที่ผมสังเกตเองคิดว่าผู้บริโภคต้องประหยัดมากขึ้น เริ่มลดสิ่งที่ไม่จำเป็นลง ส่วนระยะยาว คงต้องดูกันต่อไปว่าสถานการณ์จะดีขึ้นหรือแย่ลงยังไง ถ้าราคาเริ่มคงที่ไม่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคก็จะเริ่มปรับตัวได้ รับได้กับราคาที่มันขึ้นมาแล้ว เหมือนราคาสินค้าร้านอาหารในห้างทุกวันนี้ที่แพงกว่าเมื่อก่อนเยอะ แต่คนก็ยังเต็มกัน เพราะเค้ารับได้กับราคาที่ขายแล้ว

บะหมี่ไข่ใส่เกี้ยวหมูแดง 25บาท อร่อยสุดสุด ใส่ปูล้วน ก็ 25บาท ขายในร้านค้าสวัสดิการทหารบก เยื้อง รพ วิชัยยุทธ กินที่นี่แล้ว กระเดือกชายสี่หมี่เกี้ยวไม่ลง
หมูสะเต๊ะ นายนะ นายกสมัครชวนชิม 10ไม้ 60บาท ร้านอยู่ใกล้กัน นี่็ก็อร่อยสุดเหมือนกัน

ถ้าค่าครองชีพปรับขึ้นในอัตราส่วนเดียวกับรายได้ ผมคิดว่าจะดี

ถ้าคนไทยรายได้ 20,000 บาท ค่าครองชีพ 18,000 บาท

ต่างชาติ ทำงานเหมือนเรา ใช้จ่ายเหมือนเรา รายได้ 60,000 บาท ค่าครองชีพ 54,000 บาท

ต่างชาติมาใช้จ่ายในไทยคุ้มสุดๆ ในขณะที่เราไม่สามารถใช้จ่ายต่างประ้ทศได้ ผมว่าเราเสียเปรียบมากๆ

เราต้องปรับตัว พัฒนาประเทศ เลิกคิดเรื่องขายสินค้าและบริการถูกๆได้แล้ว ไม่งั้นคนไทยจะทำงานเหนื่อยไม่คุ้มค่าแรง

เห็นด้วยกับพี่ฉัตรครับ

ในเรื่องของสินค้าบริโภค อุปโภค ผมคิดว่ามันยังไม่ได้แพงอะไรมากมาย เมื่อเทียบกับการแพงขึ้นของ
สินค้าและบริการอื่นๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล บริการเสริมความงาม ราคาที่อยู่อาศัย ที่ดิน
ผมสัมผัสกับฝรั่ง มักบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ค่าใช้จ่ายกิน และอุปโภค ประจำวันถูกมากๆ

2สูงคับ

ผม อยู่ต่างจังหวัด จาก 225 มาเป็น 300 นี่ ถือว่าขึ้นเยอะนะครับ ได้เพิ่มขึ้นมา วันล่ะ 75 บาท
ที่นี้ มาดูค่าครองชีพบ้าง เดี๋ยวนี้แพงหมดครับ ได้เพิ่มขึ้นมา 75 บาท ต่อวัน หรือ 2250 บาทต่อเดือน
ที่นี้ลูกน้องผม จะอยู่ยัง ไง มาดูกัน
ของที่ต้องใช้ในชีวิตประจำเดือน 1 เดือนนี้ มัน หลาย Item ครับ นับมาเลย

1. ของกินนี่กินทุกวันครับ ได้มาวันล่ะ 75 บาท แต่ก่อน ข้าวจานมื้อล่ะ 25 บาท แต่เดี๋ยวนี้ 35 บาท + อิชิตันทุกวัน อยากรวยเร็ว อย่างต่ำ ส่วนต่าง ก็ 10 บาท ต่อมื้อ x 3 ก็ 30 บาท แหล่ะ เหลือได้เพิ่มมาแค่ 45 บาท ต่อวัน หรือ 1350 บาท ต่อเดือนที่ได้เพิ่มขึ้นมา

2. ที่นี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า ไอ้ 1350 บาท ที่ได้ขึ้นมา มันไม่พอแน่นอนครับ มาดูว่า อะไรขึ้นบ้าง
- 1 เดือนเราซื้ออะไรบ้าง เอาแค่ของพื้นๆนะครับ น้ำมันพืช น้ำตาล ผัก หมู เป็ด ไก่ ปลา ผลไม้ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน
- น้ำมัน ก๊าชหุงต้ม ค่าไฟ พวกนี้ขึ้นหมด ไข่ มะนาว ลูกล่ะ 9 บาท
ทุกอย่างแพงขึ้นหมด ตัวหาร 1350 ด้วย สินค้าเหล่านี้ มันไม่พอแน่นอนครับเพราะ มันไม่สมดุลกัน สินค้าบางอย่างขึ้นแล้วไม่เคยลง

3. หลายครอบครัวยังมี ภาระ ส่งลูกเรียน ส่งงวดรถมอเตอร์ไซ ต้องเจ็บ ต้องป่วย
4. ยังมีสินค้าฟุ่มเฟือย ต้องกินดืม เที่ยวบ้าง

นี่คือภาระของคนที่เป็นลูกจ้างแรงงาน ส่วนคนที่มีรายได้เยอะ แต่ผมรับประกันเลยว่า ท่าน รับรู้ แต่ " ไม่เข้าใจ" เพราะท่านไม่ได้สัมผัสกับมันตรงๆ
สองสูง ท่านเข้าสัวนั้น ที่ผมคิดว่า สูงเร็วไปหน่อย ผมเห็นด้วยกับการปรับค่าแรง
แต่ พวกปัจจัยสี่นี่มันขึ้นไปแรงมาก เพราะ ธุรกิจเค้าไม่มีเวลาปรับตัว เค้าก็ต้องปรับราคาเพื่อความอยู่รอดเหมือนกัน
จะให้ไทย เปลี่ยนไปเป็นเหมือน สิงคโป หรือ เมืองนอก ในระยะเวลาอันสั้นนั้น เหมือนกับ กำลังจะบอกว่า SME ที่อยู่ไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนอาชีพ หรือ ออกไปสร้างฐานที่อื่น อันนี้ผมรับได้ครับ ถ้าเค้าบอกผมล่วงหน้า 3-4 ปีให้เตรียมตัว
ถ้าคนไม่ได้รับผลกระทบจริงๆ ไม่รู้หรอกครับว่า เหนื่อยขนาดไหนกับการสร้างธุรกิจขึ้นมา จากรุ่นสู่รุ่น แล้วมาโดนนโยบาย_____ แบบนี้

เริ่มอิน พอแค่นี้ก่อน เหอะๆ เด๊๋ยวมาม่า

Jazzman เขียน:ผม อยู่ต่างจังหวัด จาก 225 มาเป็น 300 นี่ ถือว่าขึ้นเยอะนะครับ ได้เพิ่มขึ้นมา วันล่ะ 75 บาท
ที่นี้ มาดูค่าครองชีพบ้าง เดี๋ยวนี้แพงหมดครับ ได้เพิ่มขึ้นมา 75 บาท ต่อวัน หรือ 2250 บาทต่อเดือน
ที่นี้ลูกน้องผม จะอยู่ยัง ไง มาดูกัน
ของที่ต้องใช้ในชีวิตประจำเดือน 1 เดือนนี้ มัน หลาย Item ครับ นับมาเลย

1. ของกินนี่กินทุกวันครับ ได้มาวันล่ะ 75 บาท แต่ก่อน ข้าวจานมื้อล่ะ 25 บาท แต่เดี๋ยวนี้ 35 บาท + อิชิตันทุกวัน อยากรวยเร็ว อย่างต่ำ ส่วนต่าง ก็ 10 บาท ต่อมื้อ x 3 ก็ 30 บาท แหล่ะ เหลือได้เพิ่มมาแค่ 45 บาท ต่อวัน หรือ 1350 บาท ต่อเดือนที่ได้เพิ่มขึ้นมา

2. ที่นี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า ไอ้ 1350 บาท ที่ได้ขึ้นมา มันไม่พอแน่นอนครับ มาดูว่า อะไรขึ้นบ้าง
- 1 เดือนเราซื้ออะไรบ้าง เอาแค่ของพื้นๆนะครับ น้ำมันพืช น้ำตาล ผัก หมู เป็ด ไก่ ปลา ผลไม้ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน
- น้ำมัน ก๊าชหุงต้ม ค่าไฟ พวกนี้ขึ้นหมด ไข่ มะนาว ลูกล่ะ 9 บาท
ทุกอย่างแพงขึ้นหมด ตัวหาร 1350 ด้วย สินค้าเหล่านี้ มันไม่พอแน่นอนครับเพราะ มันไม่สมดุลกัน สินค้าบางอย่างขึ้นแล้วไม่เคยลง

3. หลายครอบครัวยังมี ภาระ ส่งลูกเรียน ส่งงวดรถมอเตอร์ไซ ต้องเจ็บ ต้องป่วย
4. ยังมีสินค้าฟุ่มเฟือย ต้องกินดืม เที่ยวบ้าง

นี่คือภาระของคนที่เป็นลูกจ้างแรงงาน ส่วนคนที่มีรายได้เยอะ แต่ผมรับประกันเลยว่า ท่าน รับรู้ แต่ " ไม่เข้าใจ" เพราะท่านไม่ได้สัมผัสกับมันตรงๆ
สองสูง ท่านเข้าสัวนั้น ที่ผมคิดว่า สูงเร็วไปหน่อย ผมเห็นด้วยกับการปรับค่าแรง
แต่ พวกปัจจัยสี่นี่มันขึ้นไปแรงมาก เพราะ ธุรกิจเค้าไม่มีเวลาปรับตัว เค้าก็ต้องปรับราคาเพื่อความอยู่รอดเหมือนกัน
จะให้ไทย เปลี่ยนไปเป็นเหมือน สิงคโป หรือ เมืองนอก ในระยะเวลาอันสั้นนั้น เหมือนกับ กำลังจะบอกว่า SME ที่อยู่ไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนอาชีพ หรือ ออกไปสร้างฐานที่อื่น อันนี้ผมรับได้ครับ ถ้าเค้าบอกผมล่วงหน้า 3-4 ปีให้เตรียมตัว
ถ้าคนไม่ได้รับผลกระทบจริงๆ ไม่รู้หรอกครับว่า เหนื่อยขนาดไหนกับการสร้างธุรกิจขึ้นมา จากรุ่นสู่รุ่น แล้วมาโดนนโยบาย_____ แบบนี้

เริ่มอิน พอแค่นี้ก่อน เหอะๆ เด๊๋ยวมาม่า

ความเห็น คุณ Jazzman ก็น่าเห็นใจครับ แต่มองในมุมกลับบ้าง ถ้าไม่ขึ้นค่าแรงแล้วราคาของมันขึ้น แทบทุกปีอยู่แล้ว อย่างเช่น ราคาอาหารเนี่ยอย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้า คือตอนนั้นบะหมี่แถวบ้านผม ราคา 25 พอราคาน้ำมันขึ้นไป peak ตอน 2008 ขึ้นราคาเป็น 30 หลังจากนั้นราคาน้ำมันตกไปมากกลับไม่ลดราคาลงอยู่ดี ฉะนั้นเท่าที่เห็นการปรับราคาอาหาร ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบเท่านั้น ยังขึ้นอยู่กับความพึ่งพอใจและจังหวะของคนขายด้วย (เพราะขึ้นแล้วต่อให้ต้นทุนวัตถุดิบต่ำลงก็ไม่ลดราคาให้อยู่ดี) ส่วนเรื่องค่า น้ำมัน ค่าไฟต่างๆมีขึ้นมีลงนะครับ แต่ trend ค่าไฟแพงขึ้นเรื่อยๆอยู่แล้ว จากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้น มะนาว 9 บาท ปีนี้เข้าใจว่าผลผลิตน้อยเพราะแล้งจัดแต่ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกปีหรอกครับ ปีที่ผลผลิตเยอะก็ราคาตกต่ำ อันนี้ก็ต้องช่วยชาวไร่ ชาวนาเขาเหมือนกัน (ผมว่ากลุ่มเกษตกรนี้แหละน่าเห็นใจที่สุด)

ส่วนเรื่อง SMEs ลำบากนั้น เป็น trend ที่เกิดกับประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่แล้ว ปลาใหญ่กินปลาเล็กเป็นสัจจะธรรม ปลาเล็กที่อยู่รอดได้ก็คงต้องรีบขยายหรือไม่ก็ไปในน่านน้ำใหม่ๆที่การแข่งขันไม่สูงแหละครับ ถ้าจากคำบอกเล่าของคุณ Jazzman มานี้คงเป็นธุรกิจที่ใช้คนมาก การปรับราคาขายยากเพราะไม่มีความแตกต่างจากจ้าวอื่น ทำให้เกิดภาระต้นทุนที่สูงขึ้นมาก คงต้องหาทางออกแบบนอกกรอบเข้ามาช่วยในการ add value ให้กับ products แล้วครับ

ปล. ขอให้หาทางออกเจอนะครับ