รวบรวม AGM Q1 /2556 ครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 27, 2013 4:34 pm
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=55578
จากโครงการนี้ครับ ผมได้รวบรวม AGM จาก กระทู้ต่างๆ เพื่อให้สมาชิกได้ศึกษาข้อมูลกัน
และ เพื่อเป็นต้นแบบไอเดียในการเข้าประชุม AGM ในบริษัทต่างๆ
หมายเหตุ กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื่องจาก ข้อมูลต่างๆ เป็นเพียงข้อมูลที่สมาชิกแต่ละท่านได้โพสต์
อาจจะมี conflict of interest หรือ มีการชี้นำราคา ในทางบวกหรือ ทางลบได้
เนื่องจากในแต่ละรายชื่อหุ้น มี คนโพสต์อาจจะหลายคน แต่คงนำมาได้ไม่ทั้งหมด
จะพยายามนำข้อความนี่ ครอบคลุมมากสุด หรือ เห็นถึงความตั้งใจของคนโพสต์มากสุด
หาก ผมตกข้อความ หรือ AGM ของใคร กรุณา PM มา แนะนำได้ที่ผมโดยตรงครับ
กระทู้นี้ เป็นกระทู้ที่ไว้รวบรวม AGM เท่านั้น เพื่อให้กระทู้นี้เรียบร้อยง่ายต่อการอ่าน ผมขอ lock กระทู้ และให้อ่านได้เท่านั้นนะครับ หากใครต้องการโต้แย้งหรือเพิ่มเติมความเห็นใดๆกรุณาตามอ่านใน ร้อยคนร้อยหุ้น ตามรายชื่อหุ้นได้โดยตรงเลยครับ
A
B
C
CI
CPF
DEMCO
จากโครงการนี้ครับ ผมได้รวบรวม AGM จาก กระทู้ต่างๆ เพื่อให้สมาชิกได้ศึกษาข้อมูลกัน
และ เพื่อเป็นต้นแบบไอเดียในการเข้าประชุม AGM ในบริษัทต่างๆ
หมายเหตุ กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื่องจาก ข้อมูลต่างๆ เป็นเพียงข้อมูลที่สมาชิกแต่ละท่านได้โพสต์
อาจจะมี conflict of interest หรือ มีการชี้นำราคา ในทางบวกหรือ ทางลบได้
เนื่องจากในแต่ละรายชื่อหุ้น มี คนโพสต์อาจจะหลายคน แต่คงนำมาได้ไม่ทั้งหมด
จะพยายามนำข้อความนี่ ครอบคลุมมากสุด หรือ เห็นถึงความตั้งใจของคนโพสต์มากสุด
หาก ผมตกข้อความ หรือ AGM ของใคร กรุณา PM มา แนะนำได้ที่ผมโดยตรงครับ
กระทู้นี้ เป็นกระทู้ที่ไว้รวบรวม AGM เท่านั้น เพื่อให้กระทู้นี้เรียบร้อยง่ายต่อการอ่าน ผมขอ lock กระทู้ และให้อ่านได้เท่านั้นนะครับ หากใครต้องการโต้แย้งหรือเพิ่มเติมความเห็นใดๆกรุณาตามอ่านใน ร้อยคนร้อยหุ้น ตามรายชื่อหุ้นได้โดยตรงเลยครับ
A
B
C
CI
CPALLACME49 เขียน:วันนี้ได้ไปประชุมมาเอาข้อมูลมาแชร์ให้ผู้ที่ไม่ได้ไปได้ทราบถึงข้อมูล
ผู้ถือหุ้นไปประมาณ 30-40 คน จำนวนหุ้น ประมาณ74.4 ล้านหุ้น
มติต่างๆ ลงมติผ่านหมด
ประเด็นที่จะมาแชร์คือความคืบหน้าของโครงการในปัจจุบันและอนาคต
1.โครงการอิสระลาดพร้าว มูลค่าโครงการ 1400 ล้านเหลือ 30 ห้องชุดมีการปรับราคาขายขึ้นทำให้กำไรมากขึ้นน่าจะหมดปีนี้
2.โครงการทิวทะเล1 มูลค่าโครงการ 2000 ล้านขายได้85% แล้วงบการตลาดวางไว้ 90 ล้าน ใช้ไป 45 ล้านตอกเสาเข็มแล้วขึ้นชั้น1 อยู่เสร็จq357
3.โครงการทิวทะเล2 มูลค่าโครงการ 1800 ล้านขายได้เกือบ40% แล้วงบการตลาดวางไว้ 80 ล้าน ใช้ไป 20 ล้านแล้ว ยังไม่สร้าง
4.โครงการทิวทะเล3 กำลังออกแบบอยู่เป็นบ้านพักอาศัยและโรงแรม เป็นโครงการใหญ่ ในด้านโรงแรมกำลังติดต่อเชนดังอยู่
5.ISSI condo มูลค่า1900 ขายแล้ว80 % (จริงๆขาดหมดถ้าเปิดขาย) ผู้บริหารต้องการปรับราคาขายขึ้นเนื่องจากขายดีมาก
6.สีตะวัน53 หลัง มูลค่า800 ล้าน น่าจะโอนได้ปลายปี
โครงการอนาคต
กทม. นางลิ้นจี่ที่อยู่อาศัย ตอกเสาเข็มปีนี้ ใช้เวลา 2 ปี
พังงา มัดจำค่าที่ที่ดินแล้วรอตรวจสอบผังเมืองอยู่(คุยนอกรอบหลังเลิกประชุม)
เชียงใหม่ เล็งที่ดินอยู่ 2-3 แปลงกำลังเจรจาอยู่(คุยนอกรอบหลังเลิกประชุม)
กองทุนศรีพันวายื่นกลต.แล้ว รอเวลาอนุมัติ
ข้อดีตั้งกองทุน
1.ได้เงินสดทันที ทำให้มีสภาพคล่องมากขึ้น และสัดส่วนหนี้สินต่อผู้ถือหุ้นลดลง
2.ทำให้งบการเงินรวมรับรู้กำไรจากการขายทรัพย์สินร้อยละ 70 ทันทีประมาณ1073ล้าน
3.บริษัทยังคงรับรู้รายได้จากการดำเนินงานโครงการศรีพันวาเช่นเดิม ตลอดอายุสัญญา
4.บริษัทยังเป็นผู้บริหารงานโครงการศรีพันวา
4.มีโอการกำไรส่วนเพิ่มจากการบริหารและกำไรส่วนต่างราคาจากกองทุนรวม
ข้อด้อย
1.มีภาระผูกพันต้องจ่ายค่าเช่าให้กองทุนตลอดอายุสัญญา
2.มีภาระภาษีและค่าใช้จ่ายในการทำรายการนี้
สรุปคร่าวๆว่า หลังจากหักภาษีและค่าใช้จ่ายต่างๆแล้วมีกำไรประมาณ472ล้านจากที่ท่านประธานบอก แต่ผมมาดูจากเอกสารแนบ
บอกกำไร753ล้านเลยงงๆอยู่ จากการดูตัวเลขท่านประธานน่าจะบอกผิดนะ
เรื่องความไม่สม่ำเสมอของรายได้และกำไร อนาคตน่าจะดีขึ้นมากเป็นประเด็นที่ผู้บริหารตระหนักอยู่ ในระยะ3-4 ปีข้างหน้า
รายได้จะอยู่ประมาณ 3-4000ล้าน
แต่ที่คุยหลังเลิกประชุมกับปลาวาฬเรื่องศรีพันวา รายได้ดีขึ้นมากอัตราเข้าพัก ประมาณ50% มีโอกาสโตอีกมาก ส่วนราคาที่พักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น ประมาณ25000 บาท จากปีที่แล้วประมาร22000 บาท
เท่าที่จำได้มีเท่านี้
TLSS เขียน:สรุปประชุมผู้ถือหุ้น CPALL 25/4/56
1.รายได้ปี 2555 เติบโตประมาณ 22% กำไรเติบโตประมาณ 37% ค่าใช้จ่ายเติบโต 21.8% ต่ำกว่ากำไร , การเติบโตเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีสาขารวม 6,822 สาขา , กทม: ต่างจังหวัด = 47 : 53, ร้านบริษัท:แฟรนไชส์ = 44 : 56, ทำเลปกติ : ปั๊มน้ำมัน = 86:14 , ปีที่แล้วเปิด 546 สาขา, วงจรเงินสด -51 วัน (ดี), เงินสด 23ม085 ล้านบาท, ROA 17.3% ROE 45.7%
2. ประเด็น Makro มีความเป็นมาอย่างไร
25 ปีที่แล้ว คุณธนินท์ชักชวน SHV ตั้ง Makro ในไทย มีผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ความสัมพันธ์ระหว่าง CP และ SHV ก็เป็นไปด้วยดี คุณธนินท์บอกทางว่าถ้า SHV จะขายเมื่อไหร่ให้บอก ต่อมา SHV มีนโยบายจะไม่ทำค้าปลีกแล้ว จึงแจ้งทาง CP คุณธนินท์พิจารณาแล้วว่า Makro มีจุดเด่นเรื่องค้าส่ง Cpall มีจุดเด่นเรื่องค้าปลีก ถ้า 2 แห่งรวมกันจะเกิดพลังร่วม จึงตัดสินใจซื้อ
3. ปัจจัยที่อาจสงผลให้ดีลนี้ไม่สำเร็จ
ผู้ถือหุ้นลงคะแนนเห็นด้วยน้อยกว่า 75% ในการประชุมวิสามัญครั้งต่อไป
4. Cpall จะจ่ายปันผลได้เหมือนเดิมหรือไม่
ก่อนอื่นขอย้ำว่า ไม่มีการเพิ่มทุน เงินกู้ธนาคารเพียงพอ การจ่ายปันผลในอนาคตจะไม่น้อยกว่าเดิมและจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของทั้ง 2 บริษัท
5. ดีลนี้มีข่าวรั่วหรือไม่
ขอรับรองว่า คณะผู้บริหารไม่มีใครทำข่าวรั่ว ส่วนคุณกอบศักดิ์ท่านก็มีหุ้นอยู่ ถ้าราคาหุ้นลงท่านก็เสียหายเช่นกัน
6. กู้เงินประมาณ 180,000 ล้าน จะใช้หนี้อย่างไร กี่ปีจะใช้หนี้หมด
กำไร Makro ประมาณ 3,000-4,000 ล้าน และยังเติบโตต่อเนื่อง สามารถ cover ดอกเบี้ย ส่วนใช้เวลากี่ปีคุณธนินท์บอกว่า จะใช้เวลาให้เร็วที่สุด
7. Cpall มีแผนงานอย่างไร จะมีการตั้งกองทุนอสังหาหรือไม่
- Cpall จะสนับสนุนให้ Makro เติบโตอย่างรวดเร็ว คุ้มค่าที่ซื้อ
- สนับสนุนเรื่องคน มีสถาบันการศึกษา ผลิตคน ปวช ป.ตรี โท กว่า 20,000 อัตรา
- Makro สามารถขยายไปต่างประเทศทั่วเอเชีย (ยกเว้นอินเดีย) จะเริ่ม 10 ประเทศ AEC ก่อน และสนับสนุน- สินค้าไทย SME OTOP
- การใช้ประโยชน์จาก DC ร่วมกัน
- กองทุนอสังหา ยังไม่ขอตอบ
8. ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ประโยชน์อย่างไรกับดีลนี้
ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์แน่นอน ระยะ 2-3 ปี จะเติบโตมากกว่านี้ เราซื้อของดี กำลังอยู่ในระยะเติบโต ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์แน่นอน
9. ถ้าดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น Cpall จะดำเนินการอย่างไร
ดอกเบี้ยเงินกู้ถูกมาก ถ้าอยู่ที่ระดับ 3-4 % เรารับมือได้
10. ความเสี่ยงของการซื้อ Makro
คุณธนินท์มองด้านบวก แทบไม่เห็นความเสี่ยง ในอนาคตไทยเติบโตอย่างมาก เราศึกษามาอย่างรอบคอบ ถ้าเสี่ยง CP จะเสี่ยงมากกว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยอีก แต่ให้มั่นใจว่า ปันผลจะไม่น้อยลง และจะเพิ่มขึ้น
11. มุมมองคุณธนินท์
ค้าปลีกแบ่งเป็น 4 แบบ 1.ห้าง มอลล์ 2.Hypermarket 3.สะดวกซื้อ 4. ค้าส่ง
ในเครือ CP ทีมงาน Cpall เยี่ยมที่สุด ใน SHV หากเทียบ อเมริกา ยุโรป ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี อินโดนีเซีย มาเลเซีย (ในเอเชียส่วนใหญ่ขายหมดแล้ว) ทีมงาน Makro เมืองไทย เยี่ยมที่สุด SHV เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในฮอลแลนด์ ทำธุรกิจพลังงาน ทยอยขาย Makro ในประเทศอื่นๆ เหลือไทยเป็นแห่งสุดท้าย (เพราะทีมงานดี)
Makro ถือว่าเป็นลูก CP+SHV แต่ CP มีความจำเป็นต้องขายเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจ เราฝากให้ SHV ดูแลลูกเราจนเติบโต จนถึงวันนี้ Makro พร้อมที่สุด เศรษฐกิจไทยพร้อม อยากขยายต่างประเทศก็ทำได้ เราจะใช้ Makro ทำแฟรนไชส์ ต่างประเทศ ยังไม่ต้องพูดเรื่องที่ดิน
เฉพาะ Makro อีก 2 ปี PE จะเหลือ 20 กว่าเท่า ในไทยมีร้านโชว์ห่วยกว่า 600,000 ร้าน ซึ่งคือฐานลูกค้า Makro ซึ่งพวกนี้โตมาจะกลายเป็น Supermarket
อีกกลุ่มคือ ร้านอาหาร โรงแรม ตั้งแต่ แม่ค้าข้าวแกง ภัตตาคาร พวกนี้ซื้อของ Makro ซื้อทีละมากๆ Makro มีพร้อมหมด วัตถุดิบ ชุด โต๊ะ เก้าอี้ CP มีพลังของสถาบันการศึกษาและความชำนาญ เราจะสนับสนุนให้ร้านอาหารเหล่านี้ ผลิตอาหารดี อร่อย มีคุณภาพ
Makro จะเติบโตประมาณ 30% คนนอกมองว่าซื้อแพง แต่จริงๆ ถูก
เปรียบเสมือน เราซื้อ เครื่องพิมพ์ธนบัตรเยอรมัน ผลิตได้เยอะ เร็ว เครื่องไม่เสีย
ถ้าดีลนี้ไม่ดีธนาคารคงไม่สนับสนุนเรา Cpall ได้ดอกเบี้ยถูกที่สุด และเป็นดีลคนไทยซื้อกิจการต่างประเทศ เราคนไทยควรภูมิใจ
เก็บตก รุมหลังงาน
1. ดร.นิเวศน์ ให้ความเห็นว่า การซื้อ Makro ค่อนข้างคุ้มค่า Cpall ไม่ต้องใช้เงินตัวเอง ใช้เงินกู้ กำไรและกระแสเงินสดของ Makro สามารถ cover ดอกเบี้ยเงินกู้ได้ และกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง
2. ในอนาคต market cap Cpall มีโอกาสโตมากกว่านี้มาก มีโอกาสอยู่อันดับต้นๆ ของประเทศ เป็นผลมาจากรายได้ประชากรเพิ่มขึ้น จะใช้จ่ายมากขึ้น
3. Makro ไม่สามารถเปิดร้านสะดวกซื้อได้ เนื่องจากติดสัญญา 7-11 (ผู้บริหาร)
4. ดีลนี้ มีการประเมินอย่างรอบคอบ มีการ projection plan รายได้ กำไรอย่างรอบคอบ และคิดว่าคุ้มค่า (ผู้บริหาร)
CPF
CPNTLSS เขียน:สรุปประชุมผู้ถือหุ้น CPF 24/4/56
1. ผลการดำเนินงาน ปี 2555 1) รายได้ 357,175 ล้าน โต 73% ส่วนหนึ่งมาจากการซื้อ CPP กิจการในจีนและเวียดนาม และทำให้รายได้ต่างประเทศเพิ่มขึ้น 281% ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ต่างประเทศ :รายได้ในประเทศ เท่ากับ 55:45 2) อัตรากำไรขั้นต้นโต 11% 3) กำไรจากการดำเนินงาน 5,729 ล้านบาท ติดลบ -69% 4) ส่วนแบ่งจากบริษัทร่วม 12,806 ล้านบาท โต232% 5) กำไรสุทธิ 18,790 ล้านบาท โต 17%
2. ปี 2555 เป็นปีที่บริษัทเผชิญความยากลำบากหลายๆ เรื่อง ได้แก่ 1) ธุรกิจเนื้อสัตว์ในไทยผลิตล้นตลาด ทำให้เนื้อสัตว์ราคาตกต่ำ ส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากช่วงน้ำท่วม ทำให้มีเนื้อสัตว์ในห้องเย็นคงค้างเยอะ 2) เกิดภัยแล้งในสหรัฐ ทำให้ราคาวัตถุดิบสูง เช่น กากถั่วเหลือง 3)ปลายปีเกิดปัญหาโรคกุ้งใหม่ EMS กระทบรายได้จากสัตว์น้ำ
ช่วงถาม-ตอบ
1. ปี 2556 มีมุมมองอย่างไร จะผันผวนเหมือนปีที่ผ่านมาหรือไม่
- ปีที่ผ่านมาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงเป็นประวัติการณ์ ราคาเนื้อสัตว์ตกต่ำ แต่ CPP ทำให้บริษัทมีกำไร ส่วนปีนี้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์มีแนวโน้มลดลงในครึ่งปีหลัง ราคาจะถูกกว่าปีที่แล้ว ราคาเนื้อไก่ เนื้อหมู ดีขึ้น ส่วนกุ้งกำลังดำเนินการอย่างใกล้ชิด คาดว่า Q2 Q3 จะดีขึ้น คาดว่ารายได้จะเติบโต 10% จากปีที่แล้ว คิดว่า Q1 จะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว
2. ปัญหาไข้หวัดนกในจีนส่งผลกระทบอย่างไร
- จีน ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจอาหารสัตว์ โดยเฉพาะอาหารสุกร
- คุณธนินท์เสริมว่า จริงๆ ในจีนยังไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัดว่าเป็นไข้หวัดนกหรือไม่ เพราะ ผู้เลี้ยงไก่ยังไม่มีใครเสียชีวิต จีนเน้นผลิตอาหารสุกร คนจีนบริโภคสุกร 45% ของประชากรโลก นอกจากนี้การซื้อ CPP จะได้รายได้จากจีน รวมถึงเวียดนาม ด้วย
3. ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในปีนี้ จะสามารถเทียบเท่าปีที่ผ่านมาได้หรือไม่
- เราเชื่อว่าธุรกิจหลักดีกว่าปีที่แล้ว และเติบโตประมาณ 10%
4. ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลกระทบอย่างไร
- CPF ส่งออกประมาณ 30,000 ล้านบาท ขณะที่นำเข้าใกล้เคียงประมาณ 30,000 ล้านบาทเช่นกัน ถือว่า balance กัน
5. แผนการเพิ่มสัดส่วน food ทำอย่างไร จะเป็นครัวของโลกอย่างไร เติบโตอย่างไร
- CPF มีรายได้ 350,000 ล้านบาท เป็นส่วน food ประมาณ 20% อาหารสัตว์ 50% โดยตั้งเป้ารายได้ส่วน food จะเติบโตปีละ 20% ขณะที่รายได้รวมเติบโตปีละ 10% สัดส่วน food ที่เพิ่มขึ้น จะสร้างความมั่นคงของรายได้รวม ปีนี้มีแผนที่จะเปิดโรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูปในจีน 2 แห่ง ที่ ชิงเต่าและชิงหวังเต่า ขณะที่ไทยส่งออกอาหารสำเร็จเกือบ 40 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่ลงทุนในตอนนี้ยังเริ่มในส่วน feed farm ให้มีวัตถุดิบก่อน แล้วส่วน food จะค่อยๆ ขยายต่อไป
6. เคยได้ยินว่า ตอนนี้เราส่งออกอาหารไปครึ่งโลกแล้ว อีกครึ่งโลกที่เหลือทำอย่างไร
- ในส่วนอเมริกา ยุโรป คนเกือบ 500 ล้านคน ตอนนี้ก็มีส่งออก และยังมีช่องว่างให้ขยายต่อไป
7. งบประมาณด้านวิจัย เช่นโรคสัตว์ มีสัดส่วนอย่างไร
- ปัจจัยความสำเร็จของเราคือ เรามุ่งเน้นด้านวิทยาการ เรามีการวิจัยโรคสัตว์ตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ ในขณะที่ลูกค้าเช่น อเมริกา ยุโรป ก็เข้มงวดเรื่องคุณภาพมากๆ เราจึงทำให้ได้มาตรฐานโลก โดยมีงบวิจัยพัฒนาประมาณ 1% ของรายได้รวม
8. CP GROUP ลงทุนบริษัทผิงอัน เกี่ยวของกับ CPF หรือไม่
- คุณธนินท์ ตอบว่า การลงทุนผิงอันเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ธุรกิจครอบคลุมหลากหลาย และจีนเติบโตเร็ว และมีฐานลูกค้าใหญ่มาก แต่เป็นการลงทุนของ CP GROUP ไม่เกี่ยวข้องกับ CPF
9 CPALL ซื้อ MAKRO ส่งผลอย่างไรต่อ CPF
- CPF เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ CPALL เกือบ 33 % โดยรวมน่าจะเป็นผลบวกต่อ CPF เพิ่มช่องทางกระจายสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มค้าส่ง กลุ่มภัตตาคาร โรงแรม เป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้เราด้วย
10 CPF มีการทำ สัญญาป้องกันเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่
- เรามี fix ค่าเงินบางส่วน อีกส่วนจัด exchange rate เป็นส่วนผสมของราคา เราต้องปรับตัวให้รวดเร็ว อย่างรอบนี้ที่บาทแข็งค่าเร็ว เราก็ได้รับผลกระทบบ้าง
11 เนื่องจากเห็นว่าในจีน ทำเฉพาะส่วนของอาหารสัตว์ และถ้ามีการตั้งโรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูป 2 แห่งในปีนี้ จะใช้วัตถุดิบจากแหล่งไหน
- คุณธนินท์ตอบว่า จริงๆ ธุรกิจเนื้อสัตว์มีตั้งแต่ดั้งเดิมแต่ยังไม่ใหญ่ และโรงงาน 2 แห่ง ยังถือว่ายังเล็กอยู่ ยังต้องการเนื้อสัตว์ไม่มาก แต่หากไม่เพียงพอ ก็สามารถนำเข้าเนื้อสัตว์ได้ รัฐบาลจีนให้โอกาสนำเข้าได้
12. หากเนื้อสัตว์แพงขึ้น จะ balance อย่างไร ให้บริษัทได้กำไร และผู้บริโภคไม่เดือดร้อน
- คุณอดิเรก ตอบกว้างๆ ขึ้นกับ demand supply
13 ธุรกิจ 5 ดาว บริษัททำเอง หรือ แฟรนไชส์
- แฟรนไชส์ทั้งหมด
14 ข่าวซื้อคาร์ฟู เป็นอย่างไร ยังสนใจหรือไม่
- คุณธนินท์ ตอบว่า วันนี้เราสนใจยุโรปอย่างมากในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เป็นโอกาสที่เราจะเรียนรู้อาหารตะวันตก และนำอาหารตะวันออกไปขาย ธุรกิจในยุโรปตอนนี้ PE 6 8 10 เท่า ถูกมาก ต้องเลือกซื้อธุรกิจที่ brand แข็งแกร่ง อาจจะยอมซื้อในราคาแพงบ้าง แต่ได้ทีมงานที่ดี เทคโนโลยีดี ช่วงนี้เป็นยุคของเอเชีย ไทยกำลังเนื้อหอม เงินบาทแข็งค่า คุณธนินท์แนะนำว่า อย่าเอาเงินไปสู้เพื่อให้บาทอ่อนตัว ควรจะเอาเงินไปช่วยถูกจุด ไปช่วยผู้ที่เดือดร้อน เช่นผู้ส่งออกโดยตรง
15 แผนเชิงรุก 1-2 ปีนี้ ที่จะทำให้ CPF เติบโต
- การทำงานเชิงรุกเป็นสิ่งที่เราพยายามทำ โดยการ 1) การเพิ่มมูลค่า feed farm food 2) ขยายไปยังประเทศกำลังพัฒนา 3) ซื้อบริษัทดีๆ เน้นทีมงานและเทคโนโลยีที่ดี
16 AEC มีผลดี ผลเสียต่อ CPF อย่างไร
- มองเป็นโอกาสมากกว่า
17 ทำไมซื้อ Makro ที่ราคาแพงขนาดนี้
- คุณธนินท์ตอบว่า จริงๆ วันนี้ไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบ แต่จะพูดสั้นๆ ว่า ของแพงในวันนี้ จะเป็นของถูกในวันหน้า กรณี BigC ตอนนั้นหลายคนบอกว่าแพง แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร ความคุ้มค่าอยู่ที่ใครซื้อ Makro มีอายุ 25 ปีแล้ว เปรียบเหมือน เรียนจบมหาวิทยาลัย สะสมความรู้ และกำลังเติบโต ถ้าคุณธนินท์ เป็นเจ้าของ ท่านจะไม่ขาย ราคาขึ้นไปมากว่านี้ 3-4 เท่าก็ไม่ขาย โอกาสต่างๆ กำลังจากมา ประเทศไทยกำลัง
เนื้อหอม รายได้จากภาคท่องเที่ยว 700,000 ล้าน ภาคเกษตร 50,000 ล้าน ความต้องการอาหารคุณภาพมีมาก
18 มุมมอง CPF จากคุณธนินท์
- หากวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น สิ่งที่เราทำได้คือ 1) ผลิตให้มากขึ้นเพื่อให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง 2) ใช้เทคโนโลยี เช่น ให้ไก่กินน้อยแต่โตเร็ว 3) ความเหมาะสมของอาหารสัตว์และการเติบโตของสัตว์ อย่าไปให้อาหารมากเกินไป ให้สูตรอาหารที่เหมาะกับวัย และต่อไปเทคโนโลยีจะก้าวหน้าอีกมาก
- สัดส่วน food เติบโตปีละ 20% 5 ปีก็ 100% จะเป็นตัวที่สร้างกำไรมหาศาล CPF เต็มไปด้วยโอกาส
- CPF กำลังพัฒนา อาหารให้เหมาะสมกับมนุษย์ เช่นอาหารคนเป็นเบาหวาน คนเป็นโรคความดัน อาหารเหมาะกับอายุ เพราะจริงๆ คนเราทุกวันนี้กินอาหารไม่ถูกต้อง ถ้าจะถูกต้อง ครบถ้วนสารอาหาร ควรกินเหมือนไก่ สุกร ที่จะมีการพัฒนาสูตรและปริมาณให้เหมาะสม ในแต่ละวัย
- เชื่อมั่นในทีมงาน CPF เชื่อมั่นในผู้บริหาร คุณอดิเรก
- ปัจจุบัน เป็น no.1 อาหารสัตว์ เป็น no.1 กุ้ง เป็น no.2 หมู แต่หากขยายที่จีนก็จะขึ้น no.1 ได้ไม่ยาก
- ขอให้ผู้ถือหุ้นทุกคนสนับสนุน เชื่อมั่นว่า จะไม่ทำให้ผิดหวัง
19. วิสัยทัศน์ระยะยาวของ CPF
- คุณธนินท์ ตอบว่า CPF อยู่ในธุรกิจที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ คือ พลังงานของมนุษย์ อาหารการกินมีความมั่นคง โดยเฉพาะอาหารสุขภาพ อาหารปลอดภัย ต้องทำอาหารคุณภาพสูง ราคาย่อมเยา
- CP ดำเนินธุรกิจโดยยึดหลัก ประเทศได้ประโยชน์ ประชาชนได้ประโยชน์ CP ได้ประโยชน์
- CPF เป็นบริษัทที่สำคัญยิ่งของ CP เป็นอาหารมนุษย์
- CPALL เป็นช่องทางจัดจำหน่าย เช่นเดียวกับ CP Fresh mart เป็นการบริการประชาชน
- True เป็นอาหารสมอง
20. มีผู้ถือหุ้นนำโบชัวร์จากหน่อยงานราชการว่า กินไส้กรอก เบคอนมาก ระวังเป็นมะเร็ง มาให้ผู้บริหารรับทราบ
สรุป สัมภาษณ์คุณธนินท์ (รุมหลังงาน) กรณี Cpall-Macro หลังเสร็จสิ้นประชุมผู้ถือหุ้น
1. ท่านให้ความเห็นไม่ได้มาก (อยากให้คุณก่อศักดิ์ ตอบวันประชุม Cpall พรุ่งนี้มากกว่า)
2. Makro ทำธุรกิจที่สนับสนุน แม่ค้า พ่อครัว โรงแรม 5 6 ดาว มีขายอาหาร เสื้อผ้ากุ๊ก แม่ครัว
3 เหตุผลหลักที่คุณธนินท์ ซื้อ Makro คือ ทีมงานที่ยอดเยี่ยม ค้าปลีก Cpall มีทีมงานยอดเยี่ยมมาก ค้าส่งต้องยกให้ Makro คุณสุชาดา CEO Makro เก่งมาก
4. ลูกค้าคนละกลุ่มชัดเจน Cpall ลูกค้าคือ พวกเรา เป็นครัวของแต่ละบ้าน แต่ Makro ลูกค้าคือร้านโชว์ห่วย และภัตตาคาร โรงแรม คนละกลุ่มกัน แยกกันชัดเจน
5. Cpall ถูกจำกัดเรื่องขยายไปต่างประเทศ ต้องได้รับอนุมัติจากบริษัทแม่
6. Makro ลงทุนขยายต่างประเทศได้ทันที เราเป็นเจ้าของตราสินค้า
7. ราคา Makro วันนี้อาจจะมองว่าแพง แต่จะถูกในวันหน้า และจะถูกอย่างรวดเร็ว
8. Makro มีอายุ 25 ปี เป็นค้าส่ง no.1 เจ้าของขายเพราะอยากออกจากธุรกิจนี้ ถ้าเป็นคุณธนินท์จะไม่ขายหรอก ขึ้นไปอีก 3-4 เท่าก็ไม่ขาย
9. Cpall ไม่เพิ่มทุนแน่นอน ธนาคารที่ให้กู้ 3-4 ราย ถ้ามองว่าไม่ดี คงไม่ปล่อยกู้
10. ที่ดินของ Makro มีค่ามาก ปีนี้ Makro จะมี 62 สาขา สาขาที่เช่าพื้นที่มีเพียง 7 สาขา
11. ความคุ้มค่าอยู่ที่ใครซื้อ
DTLSS เขียน:สรุปประชุมผู้ถือหุ้น CPN 26/4/56
1. สามารถขยายสาขาได้ตามแผน 2 โครงการ คือ สุราษฎร์ธานี และลำปาง และส่วนขยายที่สาขาอุดรธานี
2. สิ้นปี 2555 ราคาหุ้นปรับขึ้น 107% รายได้รวมเพิ่ม 39% กำไรสุทธิเพิ่ม 201% สาเหตุหลักมาจาก 1)ขยายสาขา 2) ปรับราคาค่าเช่า 3) ลดต้นทุน 4) กำไรจาก CPNCG
3. จำนวนสาขาทั้งสิ้น 20 แห่ง พื้นที่เช่ารวม 1,125,492 ตร.ม. อัตราเช่า 97% ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 98% อัตราเช่า(same store sales)เพิ่มขึ้น 14%
4. ส่วนสำนักงาน พื้นที่เช่า 96% เพิ่มขึ้น 9% จากการเช่าพื้นที่สาขาพระราม9 และแจ้งวัฒนะ, นำ the office at Central world เข้า CPNRG ได้กำไร 1,700 ล้าน, ส่วนที่พักอาศัย อัตราเข้าพัก 59% เพิ่ม 7 % มีโรงแรมฮิลตันพัทยาและ Centara อุดร
5. โครงการในอนาคต ภายใน 5 ปีข้างหน้า ตั้งเป้ารายได้โตปีละ 15% พยายามขยายปีละ 3 โครงการ ปีนี้มีอุบลราชธานี เปิด 5 เมษายน 56, เชียงใหม่ เปิด พฤศจิกายน 56, หาดใหญ่เปิด ธันวาคม 56, ส่วน Westgate ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า 98 ไร่ จะเปิดปี 2558, การขยายนอกประเทศ มีการพิจารณา วางแผน อย่างรอบคอบ
6. ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย เช่น set award, รางวัลด้านความปลอดภัย รางวัล best hotel (ฮิลตัน) รางวัลด้านพลังงาน
7. งบการเงิน
สินทรัพย์ เพิ่มขึ้น 10%
หนี้สิน เพิ่ม 2% ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ระยะยาว
ส่วนผู้ถือหุ้น เพิ่ม 27%
รายได้รวม เพิ่ม 50% จากการปรับค่าเช่า เปิดสาขาใหม่ที่ลำปาง สุราษฎร์ อุดร และเปิด Central World และลาดพร้าว เต็มปี55 รายได้โรงแรมเพิ่มขึ้น
ต้นทุนรวม เพิ่ม 21% จากการตั้งศูนย์ใหม่
ค่าใช้จ่ายรวม เพิ่ม 14% จากบุคลากรเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขา
กำไรสุทธิ เพิ่ม 201% จากการปรับค่าเช่า และบริหารต้นทุน และมีกำไรจากการขาย Office at Central World เข้า CPNCG 1,776 ล้านบาท
8. ที่ประชุม มีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ จากมูลค่าหุ้นละ 1 บาท เป็น 0.5 บาท เหตุผล คือ เพิ่มสภาพคล่อง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 week คาดว่ามีผล 7/5/56 (ถ้าเป็นไปได้) เดิมมีผู้ถือหุ้นไม่ถึง 1,000 ราย ปัจจุบันประมาณ 6,000 ราย เราต้องการเพิ่มสภาพคล่องให้มากขึ้น
9. เงินปันผล ผู้ถือหุ้นจะได้ 0.475 บาท @พาร์ 0.5บาท จากเดิม 0.95 บาท@พาร์ 1 บาท
10. ที่ประชุม มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 2,178,816,000 บาท เป็น 2,244,000,000 บาท
สาเหตุที่ต้องเพิ่มทุน คือ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสลงทุนขยายสาขา เพิ่มความสามารถในการกู้เงิน และรักษาวินัยทางการเงิน โดยจะมีการออกหุ้นสามัญใหม่ 130,368,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.5 บาท
11. การเพิ่มทุนจะเป็นการขายแบบ Private Placement ให้กองทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ สาเหตุที่ขายให้กองทุน ไม่ขายให้บุคคลทั่วไปเพราะ 1.เพิ่มสัดส่วนสถาบัน 2.ใช้ระยะเวลาสั้น 3. ต้นทุนต่ำสุด
12.แตกพาร์ผู้บริหารจะเล่นหุ้นง่ายขึ้นไหม
ผู้บริหารไม่เล่นหุ้น มีการควบคุมอย่างดี และต้องรายงานการซื้อขายตามระเบียบ กลต.
13. เซนทรัลลาดพร้าวเปิดวันแรก ฝุ่นเยอะมาก ทีวีแขวนห้อยเกือบตกลงมา อันตรายมาก
รับทราบปัญหาและกราบขออภัยและจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่เรามีความจำเป็นต้องเปิดให้ตามกำหนด
14. ถ้าจะเพิ่มสภาพคล่องทำไมให้เป็นหุ้นปันผลล่ะ
การเพิ่มสภาพคล่องมีหลายวิธี หุ้นปันผลเป็นวิธีหนึ่ง ซึ่งเราสนใจ อยู่ระหว่างการศึกษา เนื่องจากอาจมีผลเรื่องภาษีหัก ณ ที่จ่าย
15. เรื่องเงินประกัน ที่ Central World เป็นอย่างไร บริษัทประกันยื่นอุทธรณ์หรือไม่
บริษัทประกันยังไม่ยื่นอุทธรณ์ แต่ยื่นชะลอการอุทธรณ์ อาจจะชะลอได้อีกไม่กี่ครั้ง
16. ทำไมสาขาส่วนใหญ่ เป็นสิทธิการเช่า
เราอยากเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แต่มีข้อจำกัดเช่น ที่ดินบางแห่งเป็นของราชการ เช่น ลาดพร้าว Central World ตอนนี้สาขาพัทยาก็เตรียมต่อสัญญา
17. ที่ดินย่านรังสิต มีแผนทำอะไร
ยังไม่สามารถตอบได้
18. แผนการออก property fund เป็นอย่างไร
ยังดำเนินการอยู่ ปีนี้จะนำสาขาเชียงใหม่เข้ากองทุน
19. ความคืบหน้าที่ดินเตรียมทหารเป็นอย่างไร / เป็น project CPN ใช่หรือไม่
ได้เสนอเรื่องไปแล้ว และเป็น project CPN
20. รูปแบบการเก็บค่าเช่า แบบ revenue sharing ทำอย่างไร ทำทุกร้านหรือไม่ และพวก Central Robins เก็บอย่างไร
Revenue sharing ได้กำไรมากกว่า fixed rent จะพยายามเก็บ revenue sharing ให้เยอะขึ้น ได้ไม่ได้ทำทุกร้าน ทำกับร้านขนาดใหญ่ที่มีรายได้สม่ำเสมอ ส่วน Central Robins พวกนี้ไม่ได้เป็นของ CPN ตั้งแต่สร้างอยู่แล้ว ไม่ได้เก็บค่าเช่าอยู่แล้ว
21. ห้าง Central หลายๆ ที่มีรูปแบบเหมือนกันหมด
ผู้บริหารรับไว้ให้ฝ่าย Development พิจารณา แต่อีกมุมที่เราทำแบบนี้เนื่องจากส่วนหนึ่งก็เป็นสูตรแห่งความสำเร็จเช่นกัน
22. นโยบายทางบัญชี ปี 54 55 มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ / มีการตีมูลค่าสินทรัพย์ใหม่หรือไม่
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีการตีราคา แต่ไม่ได้บันทึกในงบ แต่ระบุในหมายเหตุประกอบงบ
23. ในงบเห็นเงินสด 2,800 ล้าน จะนำไปทำอะไร
เงินสดได้จากการขาย office at Central World เข้า CPNCG จะนำไปลงทุน ปีนี้เราใช้เงินลงทุนประมาณ 15,000 ล้าน และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งในการเพิ่มทุน
24. มีการซื้ออสังหา 6,100 ล้านบาท
เป็นโครงการใหม่ ทั่วไป เช่นที่ดิน จะมีการประกาศในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
25. Vision ผู้บริหารในอีก 4 ปีข้างหน้า
เป็นผู้นำในการพัฒนาอสิงหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับภูมิภาค ขยายสาขาปีละ 3-4 แห่ง ช่วง 2-3 ปีนี้จะเน้นในประเทศก่อน ต่างประเทศก็สนใจแต่ขอศึกษาให้รอบคอบ
26. ที่บางใหญ่ 60 ไร่ ทำเป็น West Gate อีก 40 ไร่ทำอะไร
มีทางเลือกหลายทาง จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
27. เวลาเซนทรัลเปิดใหม่ในแต่ละสาขา ใช้เวลาคืนทุนกี่ปี
ปกติประมาณ 7-8 ปี คืนทุน ส่วนปีแรกก็มีกำไรเข้ามาแล้วเนื่องจากเป็นการเก็บค่าเช่า
28. สาขาพุทธมณฑลสาย 5 ก่อสร้างเมื่อไหร่
ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
29. มีข้อเสนอแนะให้ปรับส่วนผสมของห้างให้มีครบทุกอย่าง เป็น One stop Service
30. เปรียบเทียบพนักงานเรากับพนักงานญี่ปุ่น พนักงานญี่ปุ่นจะกระตือรือล้นในการให้ความช่วยเหลือมากกว่า
31. อีก 10-20 ปีข้างหน้าจะทำอะไรนอกเหนือจากห้างหรือไม่
ตั้งแต่อดีต จุดแข็งเราคือห้างสรรพสินค้า เรายังไม่คิดออกจากธุรกิจหลัก ธุรกิจอื่น เช่นสำนักงาน โรงแรม ก็ทำเที่ยวที่จำเป็น และมีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก
DEMCO
The Richboy เขียน:วันนี้ผมไปประชุมผู้ถือหุ้นมา ขอนำข้อมูลมาแชร์นะครับ (แต่ขอออกตัวก่อนว่าอาจจะไม่ละเอียดเท่าไรเพราะผมไม่ได้จดมา จะเขียนเท่าที่จำได้นะครับ ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยไว้นะที่นี้ด้วย รอคนอื่นมาเพิ่มเติมนะครับ)
- หุ้นซื้อคืน Demco ต้นทุนประมาณ 5บาท บริษัทถือมาประมาณ 2 ปี ปัจจุบันขายออกหมดแล้ว ได้กำไรทั้งหมด 156 ลบ. จะบันทึกบัญชีเป็นการเพิ่ม Equity นะครับ
- Demco W4 ใช้สิทธิ์เกือบ 100% ทำให้ Q1 บริษัทมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น 550-600 ลบ. (รวมกับหุ้นที่ซื้อคืน) ทำให้ Q1 บริษัทมี D/E ลดลงจาก 1.6 เท่า เหลือเพียง 0.9 เท่า (ทำให้กู้สถาบันการเงินในแต่ละ Project ได้มากขึ้น)
- Backlog ที่ผู้บริหารเคยบอกในงาน Opp day ว่ามีประมาณ 4,900 ลบ. ล่าสุดผู้บริหารคอนเฟิร์มแล้วว่าเราได้งาน 90 MW จาก EA แล้ว จะเซ็นต์สัญญากันในเร็ววัน มูลค่าประมาณ 1,400 ลบ. (ปล.ในส่วนของแผง Solar ลูกค้าสั่งซื้อเอง เพราะจะช่วยประหยัดต้นทุนของลูกค้า และให้เป็นหน้าที่ของผู้ผลิตแผงในการรับประกันแผงตลอดอายุการใช้งานและส่วนนี้ผมคิดว่า margin ไม่น่าเยอะ)
- ทำให้ล่าสุด Demco มี Backlog จากประมาณ 4,900 ลบ. บวกกับ 1,400 ลบ. เป็น 6,300 ลบ.
- งานที่กำลังยื่นเสนอ (รอผล) ส่วนของงานไฟฟ้า 5,064 ลบ. งานพลังงานทดแทน 4,000 ลบ. และงานที่กำลังเตรียมเสนอราคา 340 ลบ.
- ปี 56 คาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 7,000 ลบ. (ยังไม่รวมงานในตลาดใหม่ที่บริษัทพึ่งเข้าไป ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้าไปเพราะ margin ไม่ได้ แต่ตอนนี้ margin เริ่มดีแล้วจึงเริ่มเข้าไปใหม่ ได้แก่ งานสายส่ง เป็นต้น)
- งานโรงงานปีนี้ตั้งเป้าประมาณ 800 ลบ. คาดว่าปี 57-58 งานโรงงาน เสา 3G จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 ลบ.
- ปี 57-58 ยังมีงานของ EA โครงการละ 90 MW อีก 2 โครงการ ซึ่งผู้บริหารคาดว่าจะได้ทั้ง 2 โครงการเช่นเดียวกับโครงการที่พึ่งได้มาล่าสุด 1,400 ลบ. นี้
- โครงการเขาค้อ ก่อสร้างใน Q3
- WEH มีโครงการที่ได้รับการตอบรับซื้อไฟแล้ว 5 โครงการ โดยโครงการ1 จะเริ่มก่อสร้างปลายปีนี้ COD ปลายปีหน้า ส่วนโครงการที่เหลืออีก 4 โครงการ คาดว่าจะทยอยสร้างเสร็จปลายปี 59
- WEH ยังมีโครงการอีก 3 โครงการ ที่กำลังยื่นขอขายไฟ คาดว่าจะได้รับการตอบรับและเริ่มก่อสร้างได้ปี 60-61 (แสดงให้เห็นแนวโน้มว่าบริษัทมีงานและเติบโตได้ย่างต่อเนื่องถึงปี 61 แน่นอน)
- WEH มีแผนที่จะก้าวไปสู่ระดับโลกโดยการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ เวียดนาม อินเดีย และยุโรป รวมทั้งหมด 4,000 MW (ในไทยประมาณ 1,000 MW)
- Biogas Biomass บริษัทยังไม่ทิ้ง กำลังศึกษาอยู่ เพราะใช้เงินลงทุนต่อ MW ไม่มาก และรัฐบาลส่งเสริม โดยเฉพาะจากหญ้าเนเปียร์ ซึ่งคุณประเดช กิตติอิสรานนท์ กรรมการบริษัทท่านนี้ถือว่าเชี่ยวชาญมาก ปัจจุบันท่านทดลองปลูกอยู่ 100 ไร่ ซึ่งโรงไฟฟ้าจากชีวะมวลนี้จะเป็นการช่วยกระจาย portfolio การลงทุนของบริษัท)
- จะมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ค. 56 เพื่อขอมติเพิ่มทุน ซึ่งเร็วๆนี้บริษัทจะส่งรายงานจากที่ปรึกษาการเงินอิสระให้ผู้ถือหุ้นได้พิจารณาความคุ้มค่าและผลตอบแทนที่จะได้จากการลงทุน 5% ใน WEH
- WEH จะ IPO ปลายปี 57
- มีผู้ถือหุ้นท่านหนึ่งถามเกี่ยวกับ conflict of interest ระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่บางท่านของ Demco ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ WEH ด้วย บริษัทชี้แจงว่า การซื้อหุ้น 5% ของ WEH นั้น ไม่ได้ซื้อจากผู้ถือหุ้นรายใดรายหนึ่งของ WEH แต่ WEH จะทำการเพิ่มทุนอีก 5% เพื่อขายให้กับ Demco ครับ (ประเด็นนี้ผู้หารตอบได้ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งผมคิดว่าหลายๆท่านน่าจะคลายความกังวลในประเด็นนี้ได้ครับ)
- Demco ไม่มีแผนจะผลิตใบพัดหรือกังหันลมเอง เนื่องจากผลิตค่อนข้างยากและคิดแล้วไม่คุ้มครับ
- การประมูล IPP ของรัฐ ช่วงกลางปีนี้ บริษัทจะเข้าไปประมูลงานในส่วนของ Substation ที่บริษัทเชี่ยวชาญครับ
- สุดท้ายมีผู้ถือหุ้นให้ผู้บริหารประมาณการรายได้ของบริษัทใน 3 ปี ข้างหน้า ซึ่งผู้บริหารประมาณการว่าปี 56 7,000 ลบ. ปี 57 7,500 ลบ. ปี 58 8,000 ลบ. (ผมคิดว่าว่าผู้บริหารค่อนข้าง Conservative ซึ่งก็ดีครับ )
ปล.ปีนี้บริษัทมีผู้ถือหุ้นทั้งหมด 7,700 คน ทำให้บริษัทจัดห้องประชุมไว้ค่อนข้างใหญ่ แต่ผู้มาประชุมมา 242 คน ทำให้ห้องมีที่ว่างค่อนข้างมาก บรรยากาศวันนี้จึงให้ความรู้สึกสบายๆ ค่อนข้างเป็นกันเองครับ)