Attack on Titan
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 05, 2013 5:46 pm
พี่ครับหุ้นจะตกนานมั๊ยครับ?
พอคนถามไปถามมาผมก็ชักจะกลัว เล่นหุ้นมาตั้งนานแล้วยังกลัวอีกหรือ ก็กลัวนะครับ กลัวกำไรหาย กลัวพอร์ตมันเล็กลงไปแล้วไปลับไม่กลับมาอีก กลัวจนลง แปลกนะครับคนเรา ทุกวันนี้ก็ไม่ได้จนแต่ก็กลัวจน
ยิ่งกลัวหุ้นก็ยิ่งลง ก็ยิ่งกลัว ก็ยิ่งลง ศัตรูที่แท้จริงมักจะเล็กกว่าศัตรูในจินตนาการ ความกลัวมันตัวใหญ่น่ะครับ มันเหมือนยักษ์ตลาดหุ้น เราจะไปสู้มันได้ยังไง ทั้งกองทุน ทั้งขาใหญ่ ทั้งเจ้าพ่อ เจ้าแม่ เจ้ามือ มากมาย
“พี่ ๆ ผมตัวเบาแล้วขายไปอาทิตย์ก่อน” น้องคนนึงบอก ไม่ขายสักหน่อยเหรอพี่ “อือ นั่นสินะครับ” ผมคิด ถ้าขายตอนนั้นเราจะได้เท่าไรนะครับ ก็ไปกด ๆ เครื่องคิดเลขดูหน้าซีดเหมือนกัน แง ๆ เงินหายไปเยอะเลย
แล้วทำไมไม่ขาย? ล่ะ เฮ้ย
คำตอบก็คือ
ผมเป็นอะไรไม่รู้ครับ ผมรู้สึกว่าการถือหุ้นปลอดภัยกว่าการถือเงินสด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแนวคิดนี้จะถูกต้องและจะกลับมาถูกต้องอีกหรือไม่? หรือที่ผ่านมาเป็นเพียงเราฟลุ๊ค ก็เป็นไปได้ครับ ยามหุ้นขึ้นแม้แต่ไก่งวงยังบินได้ ยามซื้อหุ้นเราไม่รู้หรอกครับว่าอนาคตจะเป็นยังไงก็คาดก็เดาก็วิเคราะห์ กันไป
“เราทุกคนเหมือนผูกตาเดินเข้าไปในตลาดหุ้น พร้อมใช้มือคลำกับแสงลาง ๆ ที่เห็น แม้บางคนมีไม้เท้า เพื่อนจูงไปหรือแม้กระทั่งหมานำ มันไม่มีชัด เพราะเราทำได้แค่นั้น จนกระทั่ง เมื่อผ่านมันมาแล้วและถอดผ้าผูกตาออกและมองย้อนไป จึงจะรู้ว่าเส้นทางที่เราผ่านมามีขวากหนามอุปสรรคอะไรบ้าง”
สมัยก่อนผมสงสัยครับ เอ ทำไมทุก ๆ ครั้งที่หุ้นตก วอร์เรน ถึงมีเงินไปซื้อหุ้นทุกที มันน่าสงสัยนะครับ ก็ในเมื่อเงินอยู่ในพอร์ตหุ้นทั้งหมดเงินหายไปไหน มาถึงวันนี้ ผมก็เริ่มเข้าใจครับ ดูจากตัวผมเองแล้ว ผมพบว่าผมมี source of income อยู่ 2 ทางหลัก ๆ (1) ตัวผมเองยังมีเงินเดือนมาเติม (2) ปันผลรับจากกองทุนและหุ้นที่ลงไว้ ปีนึง ๆ ก็สร้างรายได้ไม่น้อย นั่นแสดงว่าผมก็ยังมีความสามารถในการปั๊มเงินมาลงทุนได้เรื่อย ๆ ไอ้เงินที่ถูกปั๊มออกมานี่แหล่ะครับ ที่ผมจะเอาไว้ใช้เป็น safety stock เพื่อเอาไป re-invest เพื่อชดเชยส่วนต่างในวันนี้แล้วก็เก็บจำนวนหุ้นให้เพิ่มขึ้นในวันหน้า ถึงหุ้นจะไม่ขึ้นทุกวัน แต่ผมมีเงินเดือนทุก ๆ เดือน และมีปันผลทุก ๆ ปี เงินผมก็ถูกปั๊มออกมาไม่หยุด อนาคตหากธุรกิจจริง ๆ สร้างกำไรได้เพิ่มขึ้นปันผลก็เพิ่มขึ้น ปีหน้าผมก็มีเงิน re-invest เพิ่มขึ้น พอร์ตผมก็จะใหญ่ขึ้น ปรากฏว่ายิ่งซื้อยิ่งลงยิ่งซื้อยิ่งลง ยิ่งลง ยิ่งลง ยิ่งลงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง (เฮ้ย คีย์บอร์ดค้าง) บอกตรง ๆ ช่วงหุ้นขึ้นไม่กล้าเคาะซื้อเลย แต่พอร์ตก็โตเพราะฐานเดิม และเราก็ hold เงินไว้รอ เพราะมีเงินเติมทุก ๆ เดือน พอดีเป็นวิศวกร เป็นวิดวะ อุตฯ ด้วย ก็ได้แต่หวังว่าจะคำนวณ safety stock ไม่ผิด ก็แค่หวังน่ะนะ เพราะเงินของเรามันก็กระจ้อยร่อยเมื่อเทียบกับยักษ์ตลาดหุ้น ใจจริงก็กลัว แต่
เอาหล่ะ ผมโหลดอาวุธครบแล้วและเดินหน้าเข้าหายักษ์ตลาดหุ้นต่อไป
ภาพประกอบ จาก Attack on Titan ของ Hajime Isayama เรื่องราวของมนุษยชาติที่ถูกคุกคามโดยยักษ์ไตตัน จนตรอกต้องสร้างกำแพงล้อมตัวเอง มนุษย์ถูกยักษ์จับกินเป็นว่าเล่น
อาวุธของพระเอกก็เท่าที่เห็นครับ
พอคนถามไปถามมาผมก็ชักจะกลัว เล่นหุ้นมาตั้งนานแล้วยังกลัวอีกหรือ ก็กลัวนะครับ กลัวกำไรหาย กลัวพอร์ตมันเล็กลงไปแล้วไปลับไม่กลับมาอีก กลัวจนลง แปลกนะครับคนเรา ทุกวันนี้ก็ไม่ได้จนแต่ก็กลัวจน
ยิ่งกลัวหุ้นก็ยิ่งลง ก็ยิ่งกลัว ก็ยิ่งลง ศัตรูที่แท้จริงมักจะเล็กกว่าศัตรูในจินตนาการ ความกลัวมันตัวใหญ่น่ะครับ มันเหมือนยักษ์ตลาดหุ้น เราจะไปสู้มันได้ยังไง ทั้งกองทุน ทั้งขาใหญ่ ทั้งเจ้าพ่อ เจ้าแม่ เจ้ามือ มากมาย
“พี่ ๆ ผมตัวเบาแล้วขายไปอาทิตย์ก่อน” น้องคนนึงบอก ไม่ขายสักหน่อยเหรอพี่ “อือ นั่นสินะครับ” ผมคิด ถ้าขายตอนนั้นเราจะได้เท่าไรนะครับ ก็ไปกด ๆ เครื่องคิดเลขดูหน้าซีดเหมือนกัน แง ๆ เงินหายไปเยอะเลย
แล้วทำไมไม่ขาย? ล่ะ เฮ้ย
คำตอบก็คือ
ผมเป็นอะไรไม่รู้ครับ ผมรู้สึกว่าการถือหุ้นปลอดภัยกว่าการถือเงินสด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแนวคิดนี้จะถูกต้องและจะกลับมาถูกต้องอีกหรือไม่? หรือที่ผ่านมาเป็นเพียงเราฟลุ๊ค ก็เป็นไปได้ครับ ยามหุ้นขึ้นแม้แต่ไก่งวงยังบินได้ ยามซื้อหุ้นเราไม่รู้หรอกครับว่าอนาคตจะเป็นยังไงก็คาดก็เดาก็วิเคราะห์ กันไป
“เราทุกคนเหมือนผูกตาเดินเข้าไปในตลาดหุ้น พร้อมใช้มือคลำกับแสงลาง ๆ ที่เห็น แม้บางคนมีไม้เท้า เพื่อนจูงไปหรือแม้กระทั่งหมานำ มันไม่มีชัด เพราะเราทำได้แค่นั้น จนกระทั่ง เมื่อผ่านมันมาแล้วและถอดผ้าผูกตาออกและมองย้อนไป จึงจะรู้ว่าเส้นทางที่เราผ่านมามีขวากหนามอุปสรรคอะไรบ้าง”
สมัยก่อนผมสงสัยครับ เอ ทำไมทุก ๆ ครั้งที่หุ้นตก วอร์เรน ถึงมีเงินไปซื้อหุ้นทุกที มันน่าสงสัยนะครับ ก็ในเมื่อเงินอยู่ในพอร์ตหุ้นทั้งหมดเงินหายไปไหน มาถึงวันนี้ ผมก็เริ่มเข้าใจครับ ดูจากตัวผมเองแล้ว ผมพบว่าผมมี source of income อยู่ 2 ทางหลัก ๆ (1) ตัวผมเองยังมีเงินเดือนมาเติม (2) ปันผลรับจากกองทุนและหุ้นที่ลงไว้ ปีนึง ๆ ก็สร้างรายได้ไม่น้อย นั่นแสดงว่าผมก็ยังมีความสามารถในการปั๊มเงินมาลงทุนได้เรื่อย ๆ ไอ้เงินที่ถูกปั๊มออกมานี่แหล่ะครับ ที่ผมจะเอาไว้ใช้เป็น safety stock เพื่อเอาไป re-invest เพื่อชดเชยส่วนต่างในวันนี้แล้วก็เก็บจำนวนหุ้นให้เพิ่มขึ้นในวันหน้า ถึงหุ้นจะไม่ขึ้นทุกวัน แต่ผมมีเงินเดือนทุก ๆ เดือน และมีปันผลทุก ๆ ปี เงินผมก็ถูกปั๊มออกมาไม่หยุด อนาคตหากธุรกิจจริง ๆ สร้างกำไรได้เพิ่มขึ้นปันผลก็เพิ่มขึ้น ปีหน้าผมก็มีเงิน re-invest เพิ่มขึ้น พอร์ตผมก็จะใหญ่ขึ้น ปรากฏว่ายิ่งซื้อยิ่งลงยิ่งซื้อยิ่งลง ยิ่งลง ยิ่งลง ยิ่งลงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง (เฮ้ย คีย์บอร์ดค้าง) บอกตรง ๆ ช่วงหุ้นขึ้นไม่กล้าเคาะซื้อเลย แต่พอร์ตก็โตเพราะฐานเดิม และเราก็ hold เงินไว้รอ เพราะมีเงินเติมทุก ๆ เดือน พอดีเป็นวิศวกร เป็นวิดวะ อุตฯ ด้วย ก็ได้แต่หวังว่าจะคำนวณ safety stock ไม่ผิด ก็แค่หวังน่ะนะ เพราะเงินของเรามันก็กระจ้อยร่อยเมื่อเทียบกับยักษ์ตลาดหุ้น ใจจริงก็กลัว แต่
เอาหล่ะ ผมโหลดอาวุธครบแล้วและเดินหน้าเข้าหายักษ์ตลาดหุ้นต่อไป
ภาพประกอบ จาก Attack on Titan ของ Hajime Isayama เรื่องราวของมนุษยชาติที่ถูกคุกคามโดยยักษ์ไตตัน จนตรอกต้องสร้างกำแพงล้อมตัวเอง มนุษย์ถูกยักษ์จับกินเป็นว่าเล่น
อาวุธของพระเอกก็เท่าที่เห็นครับ