หน้า 1 จากทั้งหมด 1
เลือกหุ้นกับการถึงนิพพาน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 07, 2013 9:50 am
โดย David TON
ขอจั่วหัวเพื่อให้เกิดข้อถกเถียงที่เป็นประโยชน์ไ้วตามนี้นะครับ
ผมว่าการที่เราเลือกหุ้นที่เป็นที่สุดยอดแล้วถือไว้ มันก็ดูเหมือนกับการที่เราทำบุญกับพระภิกษุสักรูปหนึ่ง ที่อนาคตพระรูปนั้นได้ไปถึงนิพพาน ดังที่ระบุไว้ในพระไตรปิฎกถึง "เนื้อนาบุญ"
นอกจากการเป็นลูกกตัญญูกับบิดามารดาแล้ว การทำบุญอีกประการหนึ่งที่สร้างโอกาสในการบรรลุนิพพานมากที่สุดนั้นคือการทำบุญกับสิ่งใดก็ตามที่จะไปสู่นิพพานได้ ซึ่งก็ไม่พ้นพระภิกษุ
ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพระรูปใหนอนาคตจะเข้าสู่นิพพานได้ เราต้องศึกษา ต้องดูให้ถึงแก่น ว่ามีโอกาสหรือไม่ และต้องเข้าใจแก่นธรรม ไม่ใช่กระพี้ ผมว่าก็เหมือนการเลือกหุ้นที่จะชนะทุกสนาม และชนะต่อๆไปเรื่อยๆ ต้องผ่านการคัดสรร คัดเลือกจากนักลงทุนมาอย่างดี
การบรรลุนิพพานของพระสงฆ์นั้นผลบุญอันยิ่งใหญ่ก็จะตกมาสู่ผู้บริจาคทานที่ช่วยส่งเสริมให้พระสงค์รูปนั้นๆได้เข้าสู่นิพพานได้
การที่หุ้นที่เราเลือกลงทุนชนะแล้วชนะเล่าในทุกสนาม ทุกไตรมาส ฉันใด มูลค่าที่เพิ่มขึ้นในตัวหุ้นก็เป็นผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนฉันนั้น
เชิญแสดงความคิดเชิงสร้างสรรค์ต่อยอดกันได้ครับ
Re: เลือกหุ้นกับการถึงนิพพาน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 07, 2013 10:00 am
โดย เด็กใหม่ไฟแรง
เลือกหุ้นแบบวีไอนี่
หากเป็นผู้ปฏิบัติธรรม
ต้องระวังเป็นพิเศษครับ
เหมือนอย่างที่คุณณัฐพบธรรมเคยว่าไว้ครับ
เพราะการเลือกหุ้นแบบวีไอ
เราต้องรู้อย่างละเอียดลึกซึ้ง
รู้จักบริษัทอย่างดีว่าทำธุรกิจอะไร
หากขัดต่อหลักการของพระพุทธศาสนา
ก็อาจจะทำให้ผิดหลักสัมมาอาชีวะได้
เพราะไปร่วมลงทุนทั้งๆที่รู้ว่าธุรกิจเขาหาเลี้ยงชีพแบบไหน
ซึ่งเรื่องนี้จะแตกต่างกับคนที่ลงทุนแบบไม่รู้
เก็งกำไร หรือใช้เทคนิค
ที่ไม่รู้หรือสนใจว่าธุรกิจทำอะไร
แต่ก็อาจจะพร่องธรรมได้บ้างในแง่ของการเก็งกำไรครับ
ผมว่าอย่าเอาเรื่องหุ้นไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนิพพานเลยครับ
Re: เลือกหุ้นกับการถึงนิพพาน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 07, 2013 1:55 pm
โดย สูญญตา
นิพพานคือการดับและเย็น. แค่ลงทุนในหุ้นก็ไม่ดับไม่เย็นน่ะครับ ต่อให้เป็นvi แค่ไหนก็เถิด. นิพพานเป็นการดับตัณหาทั้งปวงน่ะขอรับ
Re: เลือกหุ้นกับการถึงนิพพาน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 07, 2013 2:57 pm
โดย Nanjeng
การทำบุญ
ถ้าภิกษุนั้นยังไม่บรรลุความเป็นอริยเจ้า ผลบุญของผู้ให้ก็ยังไม่เท่าทำบุญกับพระโสดาบัน
ผลบุญจากนั้นก็ไปเป็นตามลำดับคือ จากโสดา สกทาคามี อนาคนมี อรหันต์
ถ้าพันธ์ข้าว คือ เรา (ผู้ให้) และผืนนา คือ พระ (ผู้รับ)
ถ้าข้าวพันธุ์ดีหว่านในนาที่อุดมสมบูรณ์และดูแลรักษาดี ย่อมได้ผลผลิตดี
ข้าวพันธุ์เลว หว่านในนาที่ดี ก็ได้ผลผลิตบ้าง
ข้าวพันธุ์ดี หว่านในนาที่ไม่อุดมสมบูรณ์ ขาดสารอาหาร ขาดแร่ธาตุบำรุงดิน ก็ได้ผลบ้าง
ฉันใดก็ฉันนั้น
ทำบุญเพื่อการละทิ้งบุญและบาป
Re: เลือกหุ้นกับการถึงนิพพาน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 07, 2013 4:07 pm
โดย karntop
ผมว่าแค่เราตั้งใจลงทุนเพื่อชีวิต เลือกหุ้นดูพื้นฐานที่ดี ทำการบ้านให้มากที่สุด. อย่าโลภ อย่าหลงมาก
ใช้ชีวิตตามธรรม มักน้อย. สันโดษ. มีการให้ทาน. รักษาศีลให้สมบูรณ์ที่สุด. ภาวนาเป็นประจำสมำ่เสมอ
ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ ช่วยตังเองก่อน. มีโอกาสช่วยผู้อื่นตามกำลัง
เอาชนะกิเลสตัวหยาบๆให้ได้ก่อน อย่าคิดฟุ้งซ่านมาก ทำให้มาก
Re: เลือกหุ้นกับการถึงนิพพาน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 07, 2013 10:05 pm
โดย tum_H
หลวงปู่มั่นท่านว่า ผู้ที่แสวงหาวิมุตติ แต่ไม่ลงมือปฎิบัติ แล้วจะได้วิมุตติมาได้อย่างไร
เช่นเดียวกับ ผู้ที่ปรารถนาเอารวงข้าว แต่ไม่ดูแลรักษาต้นข้าว มัวแต่ปารถนาเอาว่า ข้าวเอ๋ยข้าว จงมาเต็มยุ่งเต็มฉาง
ร้องเรียกอย่างไร ข้าวก็ไม่มาเลยสักเม็ด ฉันใดก็ฉันนั้น นิพพานหากปรารถนาเอา แต่ไม่ลงมือทำ ก็ย่อมเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ครับ
Re: เลือกหุ้นกับการถึงนิพพาน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 07, 2013 11:32 pm
โดย Energy_eak
อ่านความเห็นทุกท่านแล้ว..นึกถึงคำๆนึงครับ.. "พหูสูต"
http://www.dhammathai.org/treatment/poem/poem07.php
จะว่าไป เพื่อนๆหลายๆท่านในThaiVIก็ลงทุนแบบนี้(ศึกษาจนรู้และเข้าใจ)
ไ่ม่ค่อยตรงกับหัวข้อเท่าไหร่..ขออภัยเจ้าของกระทู้นะครับ
Re: เลือกหุ้นกับการถึงนิพพาน
โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 08, 2013 12:19 am
โดย tanapol
ผมว่าอย่าเอาเรื่องหุ้นไปปนเลยครับ
ลงทุนในหุ้นมีแต่กิเลสครับ
ซื้อหุ้นทุกคนก็อยากให้มันขึ้น---โลภะ
หุ้นตก ขายหมู ติดดอย ก็เซ็ง เสียใจ ไม่พอใจ---โทสะ
แต่นิพพาน คือการดับอาสวะกิเลสนะครับ
จะเห็นได้ว่า มันไม่น่าจะเอามาเทียบกันครับ
Re: เลือกหุ้นกับการถึงนิพพาน
โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 08, 2013 1:11 am
โดย dr1
เรื่องหุ้น ผมว่า
ยังเป็น"โลกียะ"คืออยู่ในโลก
มีbimodal คือ ขึ้นลง ดีเลว ขาวดำ รวยจน อะไรประมาณนี้
(ดูสัญญลักษณ์หยินหยาง ของตลาดหลอก เอ๊ย หลักทรัพย์สิครับ)
เรื่องนิพพาน ผม"เดา"(เพราะยังไม่มีประสบการณ์)ว่า
เป็น"โลกุตตระ" คือพ้นโลก ไม่อยู่ในโลก
ไม่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสังสาร
มั้งครับ
Re: เลือกหุ้นกับการถึงนิพพาน
โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 10, 2013 1:44 am
โดย luangrit
ทาน หมายถึง การให้ การแบ่งปัน การเสียสละ การเอื้อเฟื้อ
การให้ทานนั้น หมายเพื่อสละสิ่งต่างๆออกจากใจ
สละสิ่งที่เคยยึดมั่น หวงแหน ว่านี่เป็นของเรา
หากว่ามีสิ่งใดเหลือ มีพอที่จะสละเกื้อกูลเพื่อผู้อื่นได้
ก็ฝึกนิสัยการสละนี้เสีย
ในอนาคตจะเป็นผลดีต่อการสละสิ่งที่เคยยึดว่าเป็นของๆเรา
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งภายนอก
หรือภายใน
เช่นสภาวะความทุกข์ต่างๆ ก็จะสามารถสละได้โดยง่าย
เราจะกลายเป็นคนที่ไม่หวงความทุกข์
ไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อเพิ่มพูน หรือหวังเอาว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเราในภายหน้า
หากว่าเรายังหวัง ยังทำเพื่อมี เพื่อเป็น ก็อาจจะสวนทางกับความหมายของคำว่าทาน
ก่อนให้ทาน ลองถามตัวเองว่าเราทำสิ่งนี้ด้วยเหตุผลอะไร
ตอบตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่า เรามีเจตนาใดกับการให้ในครั้งนั้นๆ
Re: เลือกหุ้นกับการถึงนิพพาน
โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 10, 2013 11:10 am
โดย แมวตัวกลมๆ
พอจะเข้าใจเจตนาเจ้าของกระทู้
การที่ปุถุชนจะทราบถึงความเป็รพระอรหันต์หมดสิ้นกิเลสนั้นเหนือวิสัย เพราะเป็นเรื่องของจิตโดยตรง
ตัวอย่างเช่น
"พระปิลินทวัจฉะ" ท่านเป็นพระอรหันต์ กิเลสท่านละสิ้นหมดแล้ว แต่วาสนายังละไม่ได้
เวลาเจอคนทั่วไป หรือแม้กระทั่งพระภิกษุด้วยกัน ท่านมักติดพูดคำว่า "วสลิ" หรือ ไอ้ถ่อย
อยู่ต่อมาวันหนึ่ง พระเถระเข้าไปบิณฑบาตกรุงราชคฤห์ พบชายผู้หนึ่งถือดีปลีมาเต็มตะกร้า กำลังเข้าไปในกรุง จึงถามว่า เจ้าถ่อย ในภาชนะของแกมีอะไร ชายผู้นั้นคิดว่า สมณะรูปนี้ กล่าวคำหยาบกับเราแต่เช้าเทียว เราก็ควรกล่าวคำที่เหมาะแก่สมณะรูปนี้เหมือนกัน จึงตอบว่า ในภาชนะของข้ามีขี้หนูซิท่าน พระเถระพูดว่า เจ้าถ่อย มันจักต้องเป็นอย่างว่านั้น
เมื่อพระเถระ คล้อยหลังไป ดีปลีก็กลายเป็นขี้หนูไปหมด.. ด้วยความเสียใจ ชายผู้นั้นเอามือกุมอกแล้วคิดว่า นี้ไม่ใช่การกระทำของคนอื่น ต้องเป็นการกระทำของภิกษุที่เราพบตอนเช้านั่นเอง พระเถระจักรู้มายากลอย่างหนึ่งเป็นแน่ จำเราจะตามหาสถานที่ ๆ ภิกษุนั้นเดินไป จึงจักรู้เหตุ
ดังนี้แล้วจึงเดินไปตามทางที่พระเถระเดินไป ลำดับนั้น บุรุษผู้หนึ่งพบชายผู้นั้นกำลังเดินเครียด จึงแก้ไขให้ว่า ท่านจงถือดีปลีนั้นเต็มภาชนะ ไปยืนข้างหน้าพระเถระ แม้เวลาที่พระเถระกล่าวว่า นั่นอะไรล่ะ เจ้าถ่อย ก็จงกล่าวว่าดีปลี ท่านขอรับ พระเถระจักกล่าวว่า จักเป็นอย่างนั้น เจ้าถ่อย มันก็จะกลายเป็นดีปลีไปหมด ชายผู้นั้นก็ได้กระทำอย่างนั้น
http://www.dharma-gateway.com/monk/grea ... watcha.htm
เมื่อเป็นเรื่องของจิตบริสุทธิ์ จึงไม่อาจเปรียบกับเรื่องโลกๆ วัตถุ ได้นะคะ เห็นด้วยหับหลายท่านว่าไม่ควรนำมาเปรียบ
ตามคำสอนหลวงปู่มั่นเวลาเรากราบพระก็ระลึกว่าเรากราบท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้เป็นเนื้อนาบุญเอกของโลก ชื่อว่าเรากราบถูก มิฉะนั้นจะเป็นว่าเรากราบคนหรือธาตุ 4 เท่านั้น
Re: เลือกหุ้นกับการถึงนิพพาน
โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 10, 2013 8:44 pm
โดย tum_H
แมวตัวกลมๆ เขียน:
การที่ปุถุชนจะทราบถึงความเป็รพระอรหันต์หมดสิ้นกิเลสนั้นเหนือวิสัย
ทำให้นึกถึงชาดกเรื่องหนึ่ง กล่าวคือสมัยพุทธกาล มีพระราชาออกบวช และไม่นานท่านก็บรรลุอรหันต์ ท่านรู้สึกมีความสุข
และทราบซึ้งในรสพระธรรม เวลาเดินไปไหน หรือ อยู่ที่ไหนท่านมักจะพูดว่า "สุขจริงหนอ สุขจริงหนอ" เมื่อคนที่ไม่ถึงธรรม
เห็นท่านพูดอย่างนั้น ก็นึกว่าท่านอวดอุตตริมนุสสธรรม จึงนำความไปทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ตรัสว่า ไม่เพียงแต่บัดนี้
แม้ในอดีตชาติ ภิกษุรูปนี้ก็ได้เคยทำแบบนี้มาแล้ว เพราะอิ่มเอิบในรสของพระธรรม ที่ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน
ซึ่งอีกเรื่องหนึ่ง เป็นผลจากความไม่รู้ กล่าวคือ ภิกษุณีผู้บรรลุอรหันต์แล้ว ไปเยิ่ยมเพื่อนที่เป็นปุถุชน เมื่อไปถึงบ้านก็ตามปะสา
ผู้หญิง คือ ชวนกันไปในห้อง คุยกันทั่วไป แต่บังเอิญ เพื่อนของภิกษุณีรูปนั้น ต้องการหวี เลยขอให้ภิกษุณีช่วยหยิบหวีให้
ภิกษุณีท่านรู้ได้ทันทีว่า หากไม่หยิบหวีให้ เพื่อนของท่านจะโกรธและหากตายไป ก็จะไปนรก แต่หากหยิบให้ เพื่อนของเธอ
เมื่อตายไป ก็จะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ท่านพิจาณาเห็นดังนั้น จึงหยิบหวีให้ เพราะโทษนั้นเบาบางกว่า...
นี่เป็นตัวอย่างโทษของความไม่รู้ หรือ อวิชานั่นเองครับ ดังคำพระที่ว่า จิตนี้เลื่อมประภัสสร แต่ต้องมืดมัว เพราะถูกกิเลส
ทั้งหลายเข้ามาบดบัง...เช่นเดียวกับเมฆที่เข้ามาบดบังพระอาทิตย์ อย่าพึงเข้าใจว่าพระอาทิตย์เข้าไปหาเมฆ...
Re: เลือกหุ้นกับการถึงนิพพาน
โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 10, 2013 11:01 pm
โดย peacedev
ถ้ายังรักจะเล่นหุ้น หรือลงทุนอยู่ อย่าได้คิดไปถึงนิพพานเลยครับ
เล่นหุ้น ลงทุน ค้าขาย เป็นกิจของฆราวาส ครับ
จะเล่นจนเทพยังไง ก็เป็นแค่ ฆราวาส จิตยังหยาบนัก
พระภิกษุถือศีลตั้งสองร้อยกว่าข้อครับ หุ้น แตะไม่ได้แน่นอน
อีกทั้งกิจของฆราวาส มีแต่เรื่องทำให้ใจมัวหมองครับ รวมทั้งหุ้นด้วย
Re: เลือกหุ้นกับการถึงนิพพาน
โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 11, 2013 8:03 am
โดย picatos
อานิสงส์ของการทำทานมากน้อยนั้นนอกจากจะขึ้นอยู่กับคุณธรรมของผู้รับทานแล้ว คุณภาพของจิตของผู้ทำทานก็มีส่วนสำคัญ หากจิตเจือด้วยกิเลส ด้วยความโลภมากๆ ก็จะทำให้อานิสงส์น้อยลงไป
อันว่ากรรมขึ้นอยู่กับเจตนา การวางจิตในขณะทำทานให้บริสุทธิ์ได้ขนาดไหน ได้บ่อยเท่าไหร่ ผมคิดว่าอาจจะสำคัญกว่าเลือกว่าจะทำกับใครเสียอีก แถมเราสามารถทำทานได้ตลอดเวลา ขอแค้วางจิตได้ถูก เช่น ให้ทางเวลาขับรถ บริจาค ช่วยเหลือ ให้ความรู้ ให้อภัยทานแก่คนที่มาเบียดเบียนเล็ก เบียดเบียนน้อย ดับโทสะ เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงคิดว่าการทำทานจึงแตกต่างกับการลงทุน เวลาเราลงทุน เราควรคิดว่าเราลงทุนได้แค่ไม่กี่ครั้งในชีวิต ในขณะที่กานทำทาน เราสามารถวางจิตให้เป็นทานได้มุกขณะในชีวิต