Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ถ้าการลงทุนที่เคยคิดกันว่าปลอดภัยมากๆ กลายเป็นสิ่งที่จะเป็นอันตราย ........

What NOT to do

Let us start with the most dangerous investments, especially those traditionally regarded as safe. Interest rates have been falling for so long that investors in fixed income are accustomed to collecting both yield and capital appreciation. An increase in interest rates will prove very costly for these investments. It has already started. Check out Georg Vrba's bond model, which continues to signal the risk.

Seeking Beta in the Bond Market: Avoid Bonds

http://advisorperspectives.com/dshort/g ... -Bonds.php

ถ้ามองที่การไหลเข้ามาของเงินต่างชาติ ............

ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เข้าตลาดพันธบัตรเยอะมากๆ เข้าตลาดหุ้นน้อยกว่ามากมาก ..........

เมื่อเหตุการณ์แวดล้อม เปลี่ยนไปแบบนี้ .............

ถ้าทิศทางการเข้ามาของเงินลงทุนต่างชาติกลับทิศ เป็นเข้าตลาดหุ้นเยอะมาก เข้าตลาดพันธบัตรไม่มากนัก ...........

จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทย !!!

แงซาย เขียน:ถ้ามองที่การไหลเข้ามาของเงินต่างชาติ ............

ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เข้าตลาดพันธบัตรเยอะมากๆ เข้าตลาดหุ้นน้อยกว่ามากมาก ..........

เมื่อเหตุการณ์แวดล้อม เปลี่ยนไปแบบนี้ .............

ถ้าทิศทางการเข้ามาของเงินลงทุนต่างชาติกลับทิศ เป็นเข้าตลาดหุ้นเยอะมาก เข้าตลาดพันธบัตรไม่มากนัก ...........

จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทย !!!

พี่ครับ เคยมีเหตุการณ์ การไหลของเงินจากพันธบัตรเข้าตลาดทุนเยอะ บ้างมั้ยครับ ของบ้านเราอะครับ

แงซาย เขียน:ถ้ามองที่การไหลเข้ามาของเงินต่างชาติ ............

ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เข้าตลาดพันธบัตรเยอะมากๆ เข้าตลาดหุ้นน้อยกว่ามากมาก ..........

เมื่อเหตุการณ์แวดล้อม เปลี่ยนไปแบบนี้ .............

ถ้าทิศทางการเข้ามาของเงินลงทุนต่างชาติกลับทิศ เป็นเข้าตลาดหุ้นเยอะมาก เข้าตลาดพันธบัตรไม่มากนัก ...........

จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทย !!!

สิ่งที่ผมยังไม่แน่ใจ คือ เมื่อตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาดึงดูดเงินลงทุนมาก ส่วนตลาดเกิดใหม่จะดีเหมือนตลาดพัฒนาแล้วหรือไม่

chatchai เขียน:

แงซาย เขียน:ถ้ามองที่การไหลเข้ามาของเงินต่างชาติ ............

ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เข้าตลาดพันธบัตรเยอะมากๆ เข้าตลาดหุ้นน้อยกว่ามากมาก ..........

เมื่อเหตุการณ์แวดล้อม เปลี่ยนไปแบบนี้ .............

ถ้าทิศทางการเข้ามาของเงินลงทุนต่างชาติกลับทิศ เป็นเข้าตลาดหุ้นเยอะมาก เข้าตลาดพันธบัตรไม่มากนัก ...........

จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทย !!!

สิ่งที่ผมยังไม่แน่ใจ คือ เมื่อตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาดึงดูดเงินลงทุนมาก ส่วนตลาดเกิดใหม่จะดีเหมือนตลาดพัฒนาแล้วหรือไม่

เห็นด้วยกับพี่ฉัตรชัยครับ

ตลาดบ้านเรา เมื่อเทียบ S and P 500 ผมว่าบ้านเค้าดูดีกว่ามากกิจการดูดีครับ

เงินคงไหลออกจาก EM market ไปยังที่ๆมันควรไป

good to great เขียน:

แงซาย เขียน:ถ้ามองที่การไหลเข้ามาของเงินต่างชาติ ............

ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เข้าตลาดพันธบัตรเยอะมากๆ เข้าตลาดหุ้นน้อยกว่ามากมาก ..........

เมื่อเหตุการณ์แวดล้อม เปลี่ยนไปแบบนี้ .............

ถ้าทิศทางการเข้ามาของเงินลงทุนต่างชาติกลับทิศ เป็นเข้าตลาดหุ้นเยอะมาก เข้าตลาดพันธบัตรไม่มากนัก ...........

จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทย !!!

พี่ครับ เคยมีเหตุการณ์ การไหลของเงินจากพันธบัตรเข้าตลาดทุนเยอะ บ้างมั้ยครับ ของบ้านเราอะครับ

เมื่อเหตุการณ์แวดล้อม เปลี่ยนไปแบบนี้ .............

ในที่สุด ไม่เฉพาะเงินต่างชาติที่เข้ามาลงทุนตลาดพันธบัตรนะครับ .......

เงินของกองทุนไทย ของพวกประกันของไทยที่ลงทุนในตลาดพันธบัตร ........

จะเกิดการshiftปรับพอร์ตการลงทุน มาเข้าตลาดหุ้นครับ .....

นี่เป็นแง่คิดใหม่สำหรับผมเลยนะครับ ผมเข้าใจว่าถ้าเศรษฐกิจดีขึ้น ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น เงินก็จะไหลจากตลาดทุนที่มีความเสี่ยงกว่าไปยังตลาดบอนด์ แต่ความคิดที่ว่าต่อไปเงินจะไหลจากบอนด์มาเข้าตลาดทุนมากขึ้นนี่ถ้าเป็นจริงคงดีมาก

บริษัทประกันของไทยมีสัดส่วนจำกัดในการลงทุนในตลาดหุ้นหรือไม่ครับ

ถ้ามี สัดส่วนในปัจจุบันเท่าไรแล้ว ยังเหลือช่องว่างให้ลงทุนเพิ่มขึ้นอีกมากไหม

ประมาณ 15% ครับ เว้นแต่ถือไว้นานจนหุ้นที่ลงทุนไว้ขึ้นไปเองครับแบบ bki ครับ ถือ bh ไว้ตั้งแต่ 5 บาทและตัวอื่นๆ จนทำให้อัตราส่วนกลายเป็น 60% ของพอร์ต หุ้นตกครั้งนี้ ค่า car ของ bki กระเทือนมากแน่ๆครับ แต่ bki อาจเลือกที่จะขายหุ้นเพื่อให้ผลประกอบการดีเหมือนปี2ปีที่ผ่านมา แต่คงจะลำบากครับ ถ้าจะลงทุน ผมเลือกบริษัทที่ลงทุนในหุ้นแค่ 15% ดีกว่าครับ ปลอดภัยดีหุ้นตกแบบนี้ก็เสียหายไม่มากครับ เพราะกำไรจากตราสารต่่างคงจะชดเชยกับที่หุ้นตกหนักๆได้พอดีครับ

เมื่อเหตุการณ์แวดล้อม เปลี่ยนไปแบบนี้ .............

ในที่สุด ไม่เฉพาะเงินต่างชาติที่เข้ามาลงทุนตลาดพันธบัตรนะครับ .......

เงินของกองทุนไทย ของพวกประกันของไทยที่ลงทุนในตลาดพันธบัตร ........

จะเกิดการshiftปรับพอร์ตการลงทุน มาเข้าตลาดหุ้นครับ .....

หลัง ๆ สิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิมก็คือ ตลาดตราสารทุนมันใหญ่กว่าตราสารหนี้เป็นเท่าตัวแล้วครับ


มูลค่าตราสารหนี้ 6 ล้านล้านบาท
http://marketdata.set.or.th/bnd/outstan ... cale=th_TH
แต่....
มูลค่าตราสารทุนใน ตลาดหลักทรัพย์ 12.48 ล้านล้านบาท
http://www.settrade.com/login.jsp?txtBrokerId=IPO

ถ้างบลงทุน 3.2 ล้านล้านบาทเพื่อสร้างเขื่อน delay
งบ 2.2 ล้านล้านบาท ก็ delay ด้วย

supply ตราสารหนี้จะจำกัดมากขึ้นไปอีกครับ

เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องติดตามต่อไปนอกจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยทั้งในและต่างประเทศ

chatchai เขียน:

แงซาย เขียน:ถ้ามองที่การไหลเข้ามาของเงินต่างชาติ ............

ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เข้าตลาดพันธบัตรเยอะมากๆ เข้าตลาดหุ้นน้อยกว่ามากมาก ..........

เมื่อเหตุการณ์แวดล้อม เปลี่ยนไปแบบนี้ .............

ถ้าทิศทางการเข้ามาของเงินลงทุนต่างชาติกลับทิศ เป็นเข้าตลาดหุ้นเยอะมาก เข้าตลาดพันธบัตรไม่มากนัก ...........

จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทย !!!

สิ่งที่ผมยังไม่แน่ใจ คือ เมื่อตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาดึงดูดเงินลงทุนมาก ส่วนตลาดเกิดใหม่จะดีเหมือนตลาดพัฒนาแล้วหรือไม่

แต่สิ่งที่แน่ใจได้ 2 อย่างก็คือ ............

1. เงินต่างชาติไป แล้วก็กลับ ..........

วิกฤติต้มยํากุ้งของเรา ต่างชาติไป แล้วก็กลับ....

วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ของอเมริกา ปี2008ต่างชาติขายหุ้นเรา 162346 ล้าน แล้วก็กลับ ..............

2009 ซื้อสุทธิ 38230 ล้านบาท

2010 ซื้อสุทธิ 81723 ล้านบาท

2011 ขายสุทธิ 5119 ล้านบาท

2012 ซื้อสุทธิ 76388 ล้านบาท

2. ถึงแม้ emerging market จะ slowdown แต่ก็ยังโตได้ 4-5-6-7% เมื่อเทียบกับยุโรปที่ติดลบ อเมริกาที่โต 1.8 -2.% ......