สไตล์วีไอที่ดี กับหุ้น (ทียัง) วีไอที่ดี
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
สไตล์วีไอที่ดี กับหุ้น (ทียัง) วีไอที่ดี
โพสต์ที่ 1
สไตล์วีไอที่ดี ควรเน้นหาเหตุผล ข้อเท็จจริงฝั่งบวก ในช่วงที่ราคาหุ้นไหลลง เพื่อที่จะไม่โดนสภาวะแวดล้อมแบบหมีๆ ครอบงำ
ขณะที่ ควรเน้นหาเหตุผล ข้อเท็จจริงฝั่งลบ ในช่วงที่ราคาหุ้นขึ้น เพื่อที่จะไม่โดนสภาวะแวดล้อมแบบกระทิงๆ ครอบงำ
สำหรับหุ้นที่ยังวีไออยู่ ข้อเท็จจริงฝั่งบวก ยังควรอยู่เหมือนเดิม ในช่วงที่ราคาหุ้นไหลลง
ถูกมั้ยครับ?
ขณะที่ ควรเน้นหาเหตุผล ข้อเท็จจริงฝั่งลบ ในช่วงที่ราคาหุ้นขึ้น เพื่อที่จะไม่โดนสภาวะแวดล้อมแบบกระทิงๆ ครอบงำ
สำหรับหุ้นที่ยังวีไออยู่ ข้อเท็จจริงฝั่งบวก ยังควรอยู่เหมือนเดิม ในช่วงที่ราคาหุ้นไหลลง
ถูกมั้ยครับ?
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สไตล์วีไอที่ดี กับหุ้น (ทียัง) วีไอที่ดี
โพสต์ที่ 3
ตอนช่วงที่ตลาดบูมๆ(ช่วงต้นๆปี) ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า หุ้นที่เราได้กำไรเป็นกอบเป็นกำเป็นเพราะ
เราประเมินค่าถูกหรือตลาดพาไปกันแน่
ตอนนี้ตลาดลงเอาๆ เห็นว่าราคานี้ถูกแล้วยังมีถูกกว่าอีก ทำให้กลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า
เราประเมินค่าผิดหรือตลาดฉุดให้ลงกันแน่
สุดท้าย ผมมองว่าเราไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง จนกว่าผลนั้นจะมาถึงแล้วก็ผ่านไป
ดังนั้น สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ กลับไปที่พื้นฐาน ซื้อเพราะมี mos บริษัทแข็งแกร่ง
มีผู้บริหารที่ไว้ใจได้ ส่วนผลจะเป็นยังไง จะออกหัวหรือออกก้อย คงต้องหวัง
พึ่งพี่ตูน bodyslam "ความเชื่อ!! " เท่านั้นแล้วหละครับ....^^)
เราประเมินค่าถูกหรือตลาดพาไปกันแน่
ตอนนี้ตลาดลงเอาๆ เห็นว่าราคานี้ถูกแล้วยังมีถูกกว่าอีก ทำให้กลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า
เราประเมินค่าผิดหรือตลาดฉุดให้ลงกันแน่
สุดท้าย ผมมองว่าเราไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง จนกว่าผลนั้นจะมาถึงแล้วก็ผ่านไป
ดังนั้น สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ กลับไปที่พื้นฐาน ซื้อเพราะมี mos บริษัทแข็งแกร่ง
มีผู้บริหารที่ไว้ใจได้ ส่วนผลจะเป็นยังไง จะออกหัวหรือออกก้อย คงต้องหวัง
พึ่งพี่ตูน bodyslam "ความเชื่อ!! " เท่านั้นแล้วหละครับ....^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 2547
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สไตล์วีไอที่ดี กับหุ้น (ทียัง) วีไอที่ดี
โพสต์ที่ 4
Vi ดู 2 เรื่อง
1. คุณค่าหุ้นที่แท้จริง ซึ่งมาจากกระแสเงินสดสุทธิที่คาดการณ์ในอนาคต
2. ต้นทุนที่ซื้อ เพื่อสะท้อนผลตอบแทนที่คาดหวัง เทียบเคียงกับทางเลือกค่าเสียโอกาสในการลงทุนอื่นที่มีระดับความเสี่ยงที่ใกล้กัน
หากราคาที่ซื้อ ต่ำกว่าคุณค่าที่แท้จริง ก็ซื้อ เพราะถูก
หากสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงก็ขาย เพราะแพงเกินไปแล้ว
เรื่องนายตลาดมาเกี่ยวข้องกับปัจจัยข้อ 2
แต่ไม่ได้หมายความว่า ภาวะหุ้นขึ้น ควรขาย หรือภาวะหุ้นลงควรซื้อ
เพราะทั้งหมดอยู่ที่ต้องประเมิน ทั้งข้อ 1 และข้อ 2 พร้อมกัน
เพราะหากข้อ 1 พื้นฐานเปลี่ยนไปทางแย่ลง แม้หุ้นลง ก็อาจไม่ซื้อ อาจขายไปด้วยซ้ำ เพราะไม่คุ้มค่ากับการลงทุนก็ได้
ทำนองเดียวกัน แม้หุ้นจะขึ้น แต่หากพื้นฐานเปลี่ยนไปในทางที่ดีมากคุ้มค่ากับการถือลงทุนก็ซื้อครับ
ดังนั้น ปัจจัยเรื่องนายตลาดเป็นเกณฑ์ที่เราต้องนำไปเทียบกับปัจจัย 1 ด้วย คิดโดด ๆ ไม่ได้
เพียงแต่ภาวะหุ้นลง มันมีโอกาสที่เราอาจได้ซื้อหุ้นในราคาต้นทุนที่ต่ำเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่สูงมีโอกาสมากขึ้น เพราะมีคนขายตามอารมณ์ของนายตลาดครับไม่สนใจคุณค่าของหุ้นระยะยาว เพราะเขาสายตาสั้น ๆ
ในขณะที่ภาวะหุ้นขึ้นทำให้เราซื้อหุ้นในราคาต้นทุนที่สูงเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่อาจไม่สูงมากและมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าคาดได้ง่ายเพราะต้นทุนเข้าซื้อจะค่อนข้างสูงครับ
คิดแบบนี้จึงเป็นเรื่องของการลงทุน ไม่ใช่เก็งกำไรว่าหุ้นขึ้นหรือหุ้นลงในระยะสั้น ๆ เพราะการลงทุนเป็นเรื่องของการคาดหวังผลตอบแทนในอนาคตระยะยาวที่ได้จากธุรกิจที่เราไปซื้อมาเป็นส่วนหนึ่งหรือหุ้นส่วนของธุรกิจทั้งหมดครับ
นายตลาดจึงเพียงแค่คนที่มาเสนอราคาต้นทุนให้กับเรา เราก็แค่ทำหน้าที่เหมือนไปประมูลมาในราคาต้นทุนที่เราพอใจเทียบกับคุณค่าหุ้นที่แท้จริงและรู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่จะซื้อ ยิ่งซื้อได้ต่ำก็ยิ่งดีที่สุด
เหมือนเราไปซื้อเสื้อผ้าเกรด a ในบางช่วงที่ on sale ซึ่งปกติเราก็ซื้อใช้ในราคาปกติอยู่แล้ว แต่พอลดราคา ยิ่งลดมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เราอยากซื้อมากขึ้นเพราะมันคุ้มค่าที่จะซื้อนั้นเองครับ
1. คุณค่าหุ้นที่แท้จริง ซึ่งมาจากกระแสเงินสดสุทธิที่คาดการณ์ในอนาคต
2. ต้นทุนที่ซื้อ เพื่อสะท้อนผลตอบแทนที่คาดหวัง เทียบเคียงกับทางเลือกค่าเสียโอกาสในการลงทุนอื่นที่มีระดับความเสี่ยงที่ใกล้กัน
หากราคาที่ซื้อ ต่ำกว่าคุณค่าที่แท้จริง ก็ซื้อ เพราะถูก
หากสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงก็ขาย เพราะแพงเกินไปแล้ว
เรื่องนายตลาดมาเกี่ยวข้องกับปัจจัยข้อ 2
แต่ไม่ได้หมายความว่า ภาวะหุ้นขึ้น ควรขาย หรือภาวะหุ้นลงควรซื้อ
เพราะทั้งหมดอยู่ที่ต้องประเมิน ทั้งข้อ 1 และข้อ 2 พร้อมกัน
เพราะหากข้อ 1 พื้นฐานเปลี่ยนไปทางแย่ลง แม้หุ้นลง ก็อาจไม่ซื้อ อาจขายไปด้วยซ้ำ เพราะไม่คุ้มค่ากับการลงทุนก็ได้
ทำนองเดียวกัน แม้หุ้นจะขึ้น แต่หากพื้นฐานเปลี่ยนไปในทางที่ดีมากคุ้มค่ากับการถือลงทุนก็ซื้อครับ
ดังนั้น ปัจจัยเรื่องนายตลาดเป็นเกณฑ์ที่เราต้องนำไปเทียบกับปัจจัย 1 ด้วย คิดโดด ๆ ไม่ได้
เพียงแต่ภาวะหุ้นลง มันมีโอกาสที่เราอาจได้ซื้อหุ้นในราคาต้นทุนที่ต่ำเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่สูงมีโอกาสมากขึ้น เพราะมีคนขายตามอารมณ์ของนายตลาดครับไม่สนใจคุณค่าของหุ้นระยะยาว เพราะเขาสายตาสั้น ๆ
ในขณะที่ภาวะหุ้นขึ้นทำให้เราซื้อหุ้นในราคาต้นทุนที่สูงเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่อาจไม่สูงมากและมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าคาดได้ง่ายเพราะต้นทุนเข้าซื้อจะค่อนข้างสูงครับ
คิดแบบนี้จึงเป็นเรื่องของการลงทุน ไม่ใช่เก็งกำไรว่าหุ้นขึ้นหรือหุ้นลงในระยะสั้น ๆ เพราะการลงทุนเป็นเรื่องของการคาดหวังผลตอบแทนในอนาคตระยะยาวที่ได้จากธุรกิจที่เราไปซื้อมาเป็นส่วนหนึ่งหรือหุ้นส่วนของธุรกิจทั้งหมดครับ
นายตลาดจึงเพียงแค่คนที่มาเสนอราคาต้นทุนให้กับเรา เราก็แค่ทำหน้าที่เหมือนไปประมูลมาในราคาต้นทุนที่เราพอใจเทียบกับคุณค่าหุ้นที่แท้จริงและรู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่จะซื้อ ยิ่งซื้อได้ต่ำก็ยิ่งดีที่สุด
เหมือนเราไปซื้อเสื้อผ้าเกรด a ในบางช่วงที่ on sale ซึ่งปกติเราก็ซื้อใช้ในราคาปกติอยู่แล้ว แต่พอลดราคา ยิ่งลดมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เราอยากซื้อมากขึ้นเพราะมันคุ้มค่าที่จะซื้อนั้นเองครับ
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger