สรุปความรู้จากงาน Meeting VI ภาคใต้ Q2/56
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 02, 2013 10:53 pm
เนื่องด้วยมีโอกาสได้ไปร่วมงาน Meeting VI ภาคใต้ ไตรมาส 2/2556 ในวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา จึงอยากจะสรุปความรู้ที่ได้จากงานครั้งนี้บางส่วนเผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนนักลงทุนท่านอื่นๆที่ไม่ได้มาร่วมงานนี้ครับ
1.เมื่อไรก็ตามที่เราหาหุ้นคุณค่าได้ลำบากมาก อาจจะถือว่าเป็นหนึ่งในสัญญาณว่าช่วงนั้นเริ่มอันตรายแล้ว
2.เราควรที่จะใช้ประโยชน์จาก Mr.Market โดยถ้าวันไหน Mr.Market อารมณ์ดีมากๆ อาจจะเป็นช่วงจังหวะที่ใช้ในการขายหุ้น และถ้าช่วงไหนที่ Mr.Market อารมณ์ร้าย, หดหู่ น่าจะเป็นช่วงที่เราใช้ในการลงทุนเพื่อซื้อหุ้น
3.เราควรมองเรื่องการลงทุนเป็นการมองระยะยาว สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นแค่ 1 ในระลอกคลื่นในผิวทะเล ซึ่งใน 20-30 ปีข้างหน้า เราเองยังอาจที่จะต้องเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้ได้เยอะ รวมไปถึงเหตุการณ์ดีๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
(Stay Calm , Stay Invest)
4.สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งในการลงทุนคือสมการทบต้นของการลงทุน ซึ่งตัวแปรที่เกี่ยวข้องนั้นมี 3 ปัจจัยหลักๆ คือ 1.)จำนวนเงินต้น 2.)ระยะเวลาการลงทุน 3.)ผลตอบแทนต่อปี ซึ่งในจำนวนนี้นั้นข้อที่ 1.)จำนวนเงินต้น นั้นอาจจะสำคัญแต่ไม่ได้สำคัญที่สุด ส่วนที่สำคัญกว่าคือจำนวนปีที่ลงทุน โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่เริ่มลงทุนเร็วนั้นจะได้เปรียบกว่ามาก ถ้าเทียบกับคนที่เริ่มลงทุนช้า รวมไปถึงข้อผลตอบแทนต่อปี ซึ่ง%ผลตอบแทนที่ต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยอาจจะส่งผลต่อทำให้เกิดความต่างกันมหาศาลในอนาคต
5.ข้อได้เปรียบของนักลงทุนที่ยังมี port การลงทุนขนาดเล็ก 1.)สามารถเลือกลงทุนในบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนในระดับที่สูงกว่าบริษัทที่ขนาดใหญ่ 2.)Port ขนาดเล็ก มีโอกาสได้ผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการยื่นขอคืนเครดิตภาษีซึ่งจะต่างจากนักลงทุนที่ port ขนาดใหญ่ซึ่งจะไม่คุ้มถ้าขอยื่นเครดิตภาษี
6.ห้ามขายหุ้น ตอนราคาหุ้นถูกๆเพื่อไปถือเป็นเงินสดเด็ดขาด
ช่วงที่ราคาหุ้นถูกๆนั้นน่าจะเป็นช่วงจังหวะที่ดีในการลงทุนเพื่อที่จะซื้อหุ้น
โดยเราเองอาจจะถือเงินสดไว้บางส่วนในบางช่วงเผื่อจะได้มีโอกาสที่จะไปคอยช้อนซื้อหุ้นในช่วงจังหวะที่ราคาหุ้นถูกๆ
7.สำหรับนักลงทุนมือใหม่ควรจะถือหุ้นกี่บริษัทดี
ถ้าเงินลงทุนไม่เกิน 10 ล้าน ถือหุ้นสัก 5 บริษัทก็น่าจะกำลังดี แต่ไม่ควรที่จะถือต่ำกว่า 3 บริษัทเด็ดขาด เพราะถ้าวิเคราะห์ผิดพลาดมีโอกาสที่จะเสียหายได้มาก โดยเราเองอาจจะถือหุ้นในแต่ละบริษัทตามระดับความมั่นใจ เช่นมั่นใจมากอาจจะสัก 30-40% ของ port มั่นใจน้อยหน่อยอาจจะสัก 15-20%ของ port การลงทุน
8.Case Study หุ้นที่ประสบความสำเร็จในอดีต
1.)บริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลง เช่น SCBLIF มีจุดเปลี่ยนคือการที่รัฐบาลอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถทำธุรกิจอย่างอื่นได้ ซึ่ง 1ในธุรกิจที่ประสบความสำเร็จของธนาคารพาณิชย์ก็คือประกันชีวิต เพราะทำให้ทั้งยอดขายประกันชีวิตและกำไรของบริษัทเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
2.)บริษัทที่มี Business Model เปลี่ยน เช่น TICON จากการที่บริษัททำโรงงานให้เช่า เปลี่ยนเป็นทำกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทำให้สามารถที่จะขายเข้ากองทุนทำให้ได้กำไรเยอะๆเป็นต้น
3.)หุ้นที่ทำเหมือนเดิมกับในอดีตแต่ model นั้นสามารถนำไปทำซ้ำเพื่อทำให้กำไรบริษัทสามารถเติบโตได้สูงเป็นระยะเวลาที่นาน เช่น CPALL
9.พึงระวังบางธุรกิจที่ไม่มี Barrier ในการป้องกันคู่แข่งเข้ามาแข่งขัน เพราะถ้าคู่แข่งเริ่มเข้ามาก็จะทำให้ margin ที่สูงในอดีตค่อยๆลดลงส่งผลต่อกำไรสุทธิของบริษัท รวมไปถึงพึงระวังบางบริษัทที่กำไรมาจาก Stock gain เช่นบางบริษัทที่ขายถ่านหินเพราะอาจจะเกิด Stock losss ได้เช่นกัน
10.ซื้อเพราะเหตุผลอะไร ขายเพราะเหตุผลนั้น
11.บางทีถ้าถึงเวลากระโดด ก็ต้องกระโดดออกมา แม้ว่า ณ ขณะนั้นวิวทิวทัศน์ข้างทางนั้นยังสวยงามก็ตามที
12.สำหรับนักลงทุนมือใหม่นั้นแนะนำให้อ่าน 56-1 ของบริษัทรวมไปถึงฟัง Opporunity Day ของบริษัท เพื่อให้เข้าใจในตัวกิจการของบริษัทและควรอ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเพราะอาจจะได้เจอข่าวที่ส่งผลต่อกำไรของบริษัทนั้นๆ
13.เราไม่ควรซื้อหุ้นของบริษัทที่คาดการณ์กำไรของบริษัทไม่ได้ โดยเราเองควรจะต้องศึกษาจนเข้าใจในตัวกิจการว่าที่มาของกำไรบริษัทนั้นมาจากปัจจัยอะไรบ้างเพื่อให้สามารถที่จะคาดการณ์กำไรของบริษัทนั้นๆซึ่งจะนำไปสู่การประเมินมูลค่าหุ้น
14.การที่จะซื้อหุ้นของบริษัทฟื้นตัวนั้นเราควรที่จะรอให้มันฟื้นตัวก่อน อย่ารีบไปซื้อตอนที่ยังฝุ่นตลบอยู่เพราะมีโอกาสที่บริษัทอาจจะไม่ฟื้นจริงๆก็ได้
15.คนที่อยากประสบความสำเร็จในระดับที่แตกต่างจากผู้อื่นนั้น เราควรจะต้องมีอะไรที่มากกว่าคนอื่น ๆ เช่นความขยันที่มากกว่า, สภาพจิตใจที่สุขุม รอบคอบ
16.คนเราถ้าประสบความสำเร็จในการลงทุนแล้วควรที่จะรู้จักแบ่งปัน, ตอบแทนกลับสู่สังคม
อาทิเช่นแบ่งปันความรู้, แบ่งปันทรัพย์สมบัติ
ขอขอบคุณ P’Ty, P’โจ, P’สุบัน, P’แมว, P’บัวดิน, P’วรพงษ์ ครับที่ได้ร่วมจัดงาน Meeting ที่มีประโยชน์ให้น้องๆทุกคน และขอขอบคุณ พี่นก,พี่ป๋อง, พี่จุ๋ย มากๆครับที่พาไปส่งที่สนามบินรวมไปถึงพาไปทานไก่ทอดหาดใหญ่ก่อนกลับด้วยครับ
รวมไปถึงยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆนักลงทุนท่านอื่นด้วยครับเช่นน้องโจ, พี่อนุสรณ์
ปล.ขอขอบคุณพี่วรพงษ์เป็นอย่างสูงครับที่เสียสละเวลามาอธิบายความรู้ให้หลายชั่วโมง เสียดายที่งวดนี้ไม่ค่อยได้ฟังพี่ Ty และพี่โจเท่าไรหวังว่าโอกาสหน้าคงได้ไปขอความรู้พี่ๆทุกท่านอีกครับ
earthcu/2 Sep 13
1.เมื่อไรก็ตามที่เราหาหุ้นคุณค่าได้ลำบากมาก อาจจะถือว่าเป็นหนึ่งในสัญญาณว่าช่วงนั้นเริ่มอันตรายแล้ว
2.เราควรที่จะใช้ประโยชน์จาก Mr.Market โดยถ้าวันไหน Mr.Market อารมณ์ดีมากๆ อาจจะเป็นช่วงจังหวะที่ใช้ในการขายหุ้น และถ้าช่วงไหนที่ Mr.Market อารมณ์ร้าย, หดหู่ น่าจะเป็นช่วงที่เราใช้ในการลงทุนเพื่อซื้อหุ้น
3.เราควรมองเรื่องการลงทุนเป็นการมองระยะยาว สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นแค่ 1 ในระลอกคลื่นในผิวทะเล ซึ่งใน 20-30 ปีข้างหน้า เราเองยังอาจที่จะต้องเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้ได้เยอะ รวมไปถึงเหตุการณ์ดีๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
(Stay Calm , Stay Invest)
4.สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งในการลงทุนคือสมการทบต้นของการลงทุน ซึ่งตัวแปรที่เกี่ยวข้องนั้นมี 3 ปัจจัยหลักๆ คือ 1.)จำนวนเงินต้น 2.)ระยะเวลาการลงทุน 3.)ผลตอบแทนต่อปี ซึ่งในจำนวนนี้นั้นข้อที่ 1.)จำนวนเงินต้น นั้นอาจจะสำคัญแต่ไม่ได้สำคัญที่สุด ส่วนที่สำคัญกว่าคือจำนวนปีที่ลงทุน โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่เริ่มลงทุนเร็วนั้นจะได้เปรียบกว่ามาก ถ้าเทียบกับคนที่เริ่มลงทุนช้า รวมไปถึงข้อผลตอบแทนต่อปี ซึ่ง%ผลตอบแทนที่ต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยอาจจะส่งผลต่อทำให้เกิดความต่างกันมหาศาลในอนาคต
5.ข้อได้เปรียบของนักลงทุนที่ยังมี port การลงทุนขนาดเล็ก 1.)สามารถเลือกลงทุนในบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนในระดับที่สูงกว่าบริษัทที่ขนาดใหญ่ 2.)Port ขนาดเล็ก มีโอกาสได้ผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการยื่นขอคืนเครดิตภาษีซึ่งจะต่างจากนักลงทุนที่ port ขนาดใหญ่ซึ่งจะไม่คุ้มถ้าขอยื่นเครดิตภาษี
6.ห้ามขายหุ้น ตอนราคาหุ้นถูกๆเพื่อไปถือเป็นเงินสดเด็ดขาด
ช่วงที่ราคาหุ้นถูกๆนั้นน่าจะเป็นช่วงจังหวะที่ดีในการลงทุนเพื่อที่จะซื้อหุ้น
โดยเราเองอาจจะถือเงินสดไว้บางส่วนในบางช่วงเผื่อจะได้มีโอกาสที่จะไปคอยช้อนซื้อหุ้นในช่วงจังหวะที่ราคาหุ้นถูกๆ
7.สำหรับนักลงทุนมือใหม่ควรจะถือหุ้นกี่บริษัทดี
ถ้าเงินลงทุนไม่เกิน 10 ล้าน ถือหุ้นสัก 5 บริษัทก็น่าจะกำลังดี แต่ไม่ควรที่จะถือต่ำกว่า 3 บริษัทเด็ดขาด เพราะถ้าวิเคราะห์ผิดพลาดมีโอกาสที่จะเสียหายได้มาก โดยเราเองอาจจะถือหุ้นในแต่ละบริษัทตามระดับความมั่นใจ เช่นมั่นใจมากอาจจะสัก 30-40% ของ port มั่นใจน้อยหน่อยอาจจะสัก 15-20%ของ port การลงทุน
8.Case Study หุ้นที่ประสบความสำเร็จในอดีต
1.)บริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลง เช่น SCBLIF มีจุดเปลี่ยนคือการที่รัฐบาลอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถทำธุรกิจอย่างอื่นได้ ซึ่ง 1ในธุรกิจที่ประสบความสำเร็จของธนาคารพาณิชย์ก็คือประกันชีวิต เพราะทำให้ทั้งยอดขายประกันชีวิตและกำไรของบริษัทเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
2.)บริษัทที่มี Business Model เปลี่ยน เช่น TICON จากการที่บริษัททำโรงงานให้เช่า เปลี่ยนเป็นทำกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทำให้สามารถที่จะขายเข้ากองทุนทำให้ได้กำไรเยอะๆเป็นต้น
3.)หุ้นที่ทำเหมือนเดิมกับในอดีตแต่ model นั้นสามารถนำไปทำซ้ำเพื่อทำให้กำไรบริษัทสามารถเติบโตได้สูงเป็นระยะเวลาที่นาน เช่น CPALL
9.พึงระวังบางธุรกิจที่ไม่มี Barrier ในการป้องกันคู่แข่งเข้ามาแข่งขัน เพราะถ้าคู่แข่งเริ่มเข้ามาก็จะทำให้ margin ที่สูงในอดีตค่อยๆลดลงส่งผลต่อกำไรสุทธิของบริษัท รวมไปถึงพึงระวังบางบริษัทที่กำไรมาจาก Stock gain เช่นบางบริษัทที่ขายถ่านหินเพราะอาจจะเกิด Stock losss ได้เช่นกัน
10.ซื้อเพราะเหตุผลอะไร ขายเพราะเหตุผลนั้น
11.บางทีถ้าถึงเวลากระโดด ก็ต้องกระโดดออกมา แม้ว่า ณ ขณะนั้นวิวทิวทัศน์ข้างทางนั้นยังสวยงามก็ตามที
12.สำหรับนักลงทุนมือใหม่นั้นแนะนำให้อ่าน 56-1 ของบริษัทรวมไปถึงฟัง Opporunity Day ของบริษัท เพื่อให้เข้าใจในตัวกิจการของบริษัทและควรอ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเพราะอาจจะได้เจอข่าวที่ส่งผลต่อกำไรของบริษัทนั้นๆ
13.เราไม่ควรซื้อหุ้นของบริษัทที่คาดการณ์กำไรของบริษัทไม่ได้ โดยเราเองควรจะต้องศึกษาจนเข้าใจในตัวกิจการว่าที่มาของกำไรบริษัทนั้นมาจากปัจจัยอะไรบ้างเพื่อให้สามารถที่จะคาดการณ์กำไรของบริษัทนั้นๆซึ่งจะนำไปสู่การประเมินมูลค่าหุ้น
14.การที่จะซื้อหุ้นของบริษัทฟื้นตัวนั้นเราควรที่จะรอให้มันฟื้นตัวก่อน อย่ารีบไปซื้อตอนที่ยังฝุ่นตลบอยู่เพราะมีโอกาสที่บริษัทอาจจะไม่ฟื้นจริงๆก็ได้
15.คนที่อยากประสบความสำเร็จในระดับที่แตกต่างจากผู้อื่นนั้น เราควรจะต้องมีอะไรที่มากกว่าคนอื่น ๆ เช่นความขยันที่มากกว่า, สภาพจิตใจที่สุขุม รอบคอบ
16.คนเราถ้าประสบความสำเร็จในการลงทุนแล้วควรที่จะรู้จักแบ่งปัน, ตอบแทนกลับสู่สังคม
อาทิเช่นแบ่งปันความรู้, แบ่งปันทรัพย์สมบัติ
ขอขอบคุณ P’Ty, P’โจ, P’สุบัน, P’แมว, P’บัวดิน, P’วรพงษ์ ครับที่ได้ร่วมจัดงาน Meeting ที่มีประโยชน์ให้น้องๆทุกคน และขอขอบคุณ พี่นก,พี่ป๋อง, พี่จุ๋ย มากๆครับที่พาไปส่งที่สนามบินรวมไปถึงพาไปทานไก่ทอดหาดใหญ่ก่อนกลับด้วยครับ
รวมไปถึงยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆนักลงทุนท่านอื่นด้วยครับเช่นน้องโจ, พี่อนุสรณ์
ปล.ขอขอบคุณพี่วรพงษ์เป็นอย่างสูงครับที่เสียสละเวลามาอธิบายความรู้ให้หลายชั่วโมง เสียดายที่งวดนี้ไม่ค่อยได้ฟังพี่ Ty และพี่โจเท่าไรหวังว่าโอกาสหน้าคงได้ไปขอความรู้พี่ๆทุกท่านอีกครับ
earthcu/2 Sep 13