โพสต์
วันที่ 6 กันยายน 2556
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เจ้าสัว "ธนินท์ เจียรวนนท์"ลุยซื้อกิจการ หวังฮุบ"พาร์คแอนด์ช้อป"ต่อยอดค้าปลีกในจีน
เพียงไม่กี่เดือนหลังจากใช้จ่ายเงินในเวลาแค่ 2-3 สัปดาห์ไปมากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อ "ซื้อหุ้น" ในบริษัทประกันจีน และเชนธุรกิจค้าส่งในไทย นายธนินท์ เจียรวนนท์ มหาเศรษฐีของเมืองไทยก็กลับมาสู่เวทีการเข้าซื้อกิจการอีกครั้ง ในคราวนี้พุ่งเป้าไปยังบริษัทอาหาร หรือ เครือข่ายร้านค้าปลีกที่เน้นในเรื่องอาหารอย่างเชนซูเปอร์มาร์เก็ตในสหรัฐ
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ในช่วงต้นปีนี้ นายธนินท์ ผู้สร้างอาณาจักรธุรกิจเกษตรเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ขึ้นมานั้น เป็นหนึ่งในผู้ที่ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการ "สมิธฟิลด์ ฟูดส์ อิงค์" ซึ่งในที่สุดก็ตกไปอยู่ในมือของฉวงฮุ่ย อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์ ในการทำข้อตกลงที่มีแนวโน้มจะเป็นการเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่สุดในสหรัฐของบริษัทจากจีน
การให้สัมภาษณ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อเร็วๆ นี้ มหาเศรษฐีชาวไทยรายนี้ กล่าวว่า อยู่ระหว่างศึกษาแผนการเพื่อเข้าซื้อบริษัทที่มีเครือข่ายเกี่ยวข้องกับอาหาร หรือผู้ค้าปลีกที่เป็นเจ้าของเชนซูเปอร์มาร์เก็ตดีๆ ในสหรัฐ ซึ่งหากไม่สามารถซื้อกิจการทั้งบริษัทได้ก็จะต้อง "ซื้อหุ้นข้างมาก" ในบริษัทนั้นๆ
นายธนินท์ วัย 74 ปี บุคคลที่นิตยสารฟอร์บส์ ประเมินว่ามีสินทรัพย์มูลค่าราว 12,600 ล้านดอลลาร์ บอกด้วยว่า ไม่รู้สึกกังวลอะไรกับการอ่อนค่าของเงินบาทที่เป็นส่วนหนึ่งในความผันผวนครั้งใหญ่ของตลาดเกิดใหม่ แม้ว่าเขาจะมีการกู้ยืมเงินดอลลาร์อย่างหนัก เพื่อเป็นทุนสนับสนุนการเข้าซื้อกิจการบางแห่งในปีนี้ รวมถึงการเข้าซื้อผิงอัน อินชัวแรนซ์ กรุ๊ป บริษัทประกันจีน มูลค่า 9,400 ล้านดอลลาร์ และ สยาม แม็คโคร บริษัทค้าส่งในไทย มูลค่า 6,600 ล้านดอลลาร์
ช่วงที่ทำข้อตกลงซื้อกิจการสยาม แม็คโคร เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา นายธนินท์ เคยกล่าวว่า ธุรกิจไทยสามารถหาประโยชน์ได้จากการกู้ยืมเงินในต่างประเทศ เพราะเงินบาทแข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ดี นับแต่นั้นเป็นต้นมา เงินบาทได้อ่อนค่าลงจาก 29.32 บาทต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ 32.20 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางความวิตกถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ประกอบกับกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่กลับไปยังสหรัฐ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะเริ่มลดปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตรในการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐครั้งใหญ่
"ทันทีที่เงินทุนต่างชาติไหลออกไป เงินบาทก็อ่อนค่าลง แต่ผมคิดว่า สถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น จะไม่เป็นเหมือนเมื่อครั้งเกิดวิกฤติการเงินเอเชียในปี 2540 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เงินบาทอ่อนค่าลงมาอย่างมาก นอกจากนี้ ในช่วงที่เกิดวิกฤติ ไทยมีหนี้ต่างชาติระยะสั้นอยู่เป็นจำนวนมาก แต่มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในวันนี้ ไทยมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่เป็นจำนวนมาก"
ดังนั้นเงินที่อ่อนค่าลงไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่ถือเป็นโอกาส และซีพีสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ทั้งหมด เพราะบริษัทได้เข้าไปลงทุนในประเทศที่ค่าเงินไม่ได้อ่อนค่าลงมาแต่อย่างใด
ในระยะยาวนั้น คาดการณ์ด้วยว่าในขณะที่ดอลลาร์ยังแข็งค่าอยู่นั้น โอกาสการลงทุนในสหรัฐที่มีอยู่ไม่มาก จะกลายเป็นแรงกระตุ้นให้เงินลงทุนไหลกลับมาที่เอเชียอีกครั้ง
"การไหลออกของเงินทุน ทำให้หุ้นร่วงลงมากกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้เกิดโอกาสสำหรับการเข้าซื้อสินทรัพย์เอเชีย และเกิดความเป็นไปได้สำหรับการเข้าลงทุนในสหรัฐด้วย"
ในปีนี้ นายธนินท์ ได้ผงาดขึ้นมาเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีการเคลื่อนไหวในการทำข้อตกลงซื้อขายกิจการมากที่สุดคนหนึ่งของเอเชีย โดยเข้าซื้อหุ้น 15% ในผิง อัน หนึ่งในข้อตกลงที่มีขนาดใหญ่สุดของเอเชีย ทำให้มหาเศรษฐีรายนี้มีบทบาทที่เด่นชัดขึ้นอย่างมากในฐานะนักซื้อกิจการ ทั้งการเข้าซื้อสยาม แม็คโคร ที่เขาเคยขายหุ้นทิ้งไปหลังวิกฤติการเงินช่วงทศวรรษ 90 ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความปรารถนาที่เพิ่มมากขึ้น
นายธนินท์ ประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังกล่าวถึง กรณียื่นเสนอซื้อกิจการสมิธฟิลด์ ฟูดส์ ผู้ผลิตเนื้อหมูรายใหญ่สุดของโลก ว่า เขามีความสนใจในบริษัทนี้ เพราะเครื่องหมายการค้า เทคโนโลยี และการทำการตลาด
แม้จะไม่สมหวังในความพยายามดังกล่าว แต่นายธนินท์ก็ไม่ได้คิดที่จะล่าถอยออกจากตลาดสหรัฐ ทั้งตั้งเป้าหมายที่จะสร้างโรงงานบรรจุหีบห่ออาหารที่มีความทันสมัยอย่างมากขึ้นในสหรัฐ ตลาดที่ซีพีกรุ๊ป ยังไม่มีการดำเนินการ โดยโรงงานที่ว่านี้ จะมีพนักงานทำงานอยู่เพียง 8 คนเท่านั้น แต่สามารถผลิตสินค้าได้ 200,000 ชิ้นต่อวัน
เขายังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อยื่นข้อเสนอซื้อซูเปอร์มาร์เก็ต "พาร์ค แอนด์ ช้อป" ในฮ่องกง โดยการตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะซื้อหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าการเข้าซื้อเชนซูเปอร์มาร์เก็ตนี้ จะช่วยให้ซีพี กรุ๊ป ขยายธุรกิจในจีน ตลาดที่บริษัทครองสถานะหนึ่งในผู้ผลิตอาหารรายใหญ่สุด ได้มากขึ้นหรือไม่
นายธนินท์ ระบุด้วยว่า เขาไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ถึงโอกาสในการลงทุน โดยเขายังมีความสนใจที่จะเข้าไปเป็นกรรมการบริหารธนาคารด้วย
"ธนาคารถือเป็นแหล่งข้อมูลที่กว้างขวางเกี่ยวกับการทำธุรกิจ และข้อมูลก็ถือเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด"
บันทึกไม่สำเร็จ