เมื่อ นตท. เริ่ม คิดจะลงทุน และก่อนอายุ 30 จะมีเงิน1ล้าน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 14, 2013 1:14 pm
ผมรู้สึกดีใจที่มา ณ ที่แห่งนี้
ผมต้องขอ ออกตัวก่อน ผมลงทุน(หุ้น) ไม่ได้ดี เก่งอะไร ผมพยายามค่อยๆพัฒนามา
ตอนนี้ก็กำลังศึกษา และค่อยพัฒนาตามพี่Thaivi.org ครับ
เพื่อเป็นกำลังใจต่อเพื่อนที่ที่ท้อ และหาหนทางเดิน
ประวัติพร้อมเรื่องเล่าคราว....
-เมื่อปี 2548 ผมเริ่มคิดต้องอนาคตการออม หลักจากสูญเสียคนสำคัญในครอบครัวไป
ทำให้ตระหนักถึง รายรับที่น้อยลง และรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นในอนาคตของทางบ้าน
-ผมเริ่มออกด้วยการเก็บเงิน เดือนของนักเรียนเตรียมทหาร เดือนละ 4,000 บาท
ผมรู้ว่าผมเป็นที่ถือเงินนานไม่อยู่มือ จึงเริ่มหาหนทางลงทุน ด้วยการถามคุณแม่ แม่บอกว่า” ซื้อทองเก็บซิ” เพราะแม่รู้เท่านี้
-ผมเริ่มลงทุนเก็บเงิน พอเดือนไหนครบพอดีเท่ากับราคาทอง 1 บาท ก็จะไปซื้อทองที่ร้านทองบริเวณใกล้ที่พัก จนเริ่มเป็นนิสัย ซึ่งทองตอนนั้น บาทละประมาณ 9,000 บาท สะสมทางสักพัก และนี้คือการ ลงทุน ครั้งแรกที่ผมรู้จัก
-ระหว่างที่ผมสะสมทองที่ละเล็กละน้อย ผมก็มองหาโอกาสเสมอและได้รู้จักทำว่า"กองทุนรวม" จากพี่ที่โรงเรียนนายร้อย จึงไปศึกษาต่อโดยอาศัยหาความรู้ใน Google เอง
-และอีกเช่นเคย ผมเข้าไปห้องสมุด รร.จปร. จะเจอมุมของตลาดหลักทรัพย์ที่ ทูลกระหม่อมอาจารย์ ท่านพระราชทานมาไว้ที่ห้องสมุดแห่งนี้ หนังสือที่ปรับแนวคิดอีกครั้ง คือ หนังสือชื่อ ออมกว่า รวยกว่า
-ปี 2550ต่อมาผมได้ขายทองที่มีเพื่อไปเปิดกองทุนรวมที่ธนาคารแถวบ้าน กองทุนแรก คือ กองทุนรวมทองของทหารไทย และปี 2551 ต่อมา กองทุนรวมทหารไทย China Equity Index สร้างกำไรพอสมควร เพราะ มองว่าประเทศจีนกำลังเปิดประเทศ
-และปีนี้ผมอายุ 22 ปี ตั้งเป้าว่าก่อนอายุ 30 ปีจะมีเงิน 1,000,000 บาทให้ได้ แต่ตอนนั้นรู้สึกว่า ไกลจัง ในสิ่งที่คิด คือ ผมทำได้ เชื่อสิ
-พี่ที่รู้จักก็แนะนำว่า "ทำไมไม่มาลงทุนหุ้น." เพราะแม่ของพี่ก็ลงทุน
#สิ่งที่ผมคิด เราจะไหวหรอ ?เราเป็นใคร? เขาบอกว่า เจ๊งมากเยอะเลย
-ต่อมาผมก็ไปกรอกข้อมูลแสดงความสนใจถึงการลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์
ไม่นานก็มีโทรศัพท์มา "ถามว่าคุณ......สนใจเปิดพอร์ตการลงทุนใช่มั้ยค่ะ "
ตอบคิดว่า นี้คือโอกาส......และตอบว่า ครับ ทั้งที่ตอนนั้นศัพท์หุ้นก็ยัง งง!!อยู่
-ไม่นานมีเพื่อนมาแนะนำว่า คนเจ๊งหุ้นมีเยอะ เราจะรอดหรอ แต่ผมเห็นคนที่รวยที่สุดในโลกมาจาก ลงทุนหุ้น นะ
คือ วอเรน บัฟเฟต นี้ไงตัวอย่างมีให้เห็น
-ปลายปี 2552 ผมเริ่มเปิดพอร์ตด้วยเงิน 300,000บาท และเริ่มซื้อด้วยความรู้และความเข้าใจที่น้อย หุ้นตัวแรกในชีวิต
คือ TMB ราคาตอนนั้น 1.1 บาท/หุ้น ซื้อไปจำนวนหนึ่ง ผ่านไปไม่กี่วันได้กำไรมา 2,000 บาทขายเลยครับ ก็กำไรแล้ว
เพราะดีใจที่ได้กำไร แล้ว เนื่องจากตอนนั้นไม่รู้อะไรเลย
-ต่อมาเรื่อยมาก็มาอ่านหนังสือ ตีแตก ให้มองธุรกิจรอบตัว ก็ไปซื้อ ห้างขายวัสดุก่อสร้าง ได้กำไรมานิดหน่อย ดีใจมาก
เพราะความรู้สึกตอนนั้นเหมือนถูกหวย เพราะ ไม่คิดว่าจะทำได้ อาศัยรู้น้อยประสบการณ์
-เมื่อถึงสิ้นปี 2553จบมาทำงานได้ 1 ปี พอมีกำไรบ้างก็สนุก ไปกับการใช้จ่าย ซื้อของ สุลุ่ยสุร่าย ตามประสาเด็ก
แต่ก็พยายามศึกษามาเรื่อยแบบ มีกำไรเล็กๆน้อยระหว่างทางเสมอ ถึงปลายปีต้นทุนหายไปเกือบ 17% เริ่มรู้สึกตัว และช็อกมาก ออกมาตั้งสติพักหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นก็เริ่มได้ยินและเข้าเว็บ THAIVI.org บ้างแล้ว(ตอนนั้น ยังไม่ได้เป็นสมาชิก)
-ถึงปี54 ต้นปีเริ่มตั้งสติได้ ตรงกับสึนามิถล่มญี่ปุ่นพอดี ทำให้ราคาถ่านหินพุ่ง ทำให้สามารถกลับมามีกำไรได้อีกครั้ง
และสามารถสร้างกำไรได้เท่าตัวในเวลา ครึ่งปี และสุดท้ายสิ้นปีกำไรที่สร้างมาทั้งปีเหลือไม่เท่าไร จุดที่ผมเริ่มคิดได้อีกครั้ง
-ผมออกมาถามตัวเองว่า เสียเวลาลงทุนตั้ง 2 ปี ผมลงทุนเพื่ออะไรหรือ และกำลังงงสงสัยกับสิ่งที่ทำ ของตนเอง
ผมหยุดไปค้นหาตัวเอง
-วันหนึ่งผมคิดไปออก ก็เลยออกจากบ้านขับรถเล่นรอบเมือง สิ่งที่ผมเจอ เด็กชายกับคุณพ่อที่ขี่มอเตอร์ไซจอดรถเก็บขยะ ในถังขยะชุมชน วันนั้นอากาศร้อนแดดแรง มันทำให้ผมต้องฉุดคิด ..............
***เด็กเก็บขยะกับพ่อ กว่าจะหาเงินได้แต่ละบาทต้องร้อนแดด ตากฝนทนเหม็น เก็บทั้งวัน และผมจะหารายได้จากการลงทุน(หุ้น) เพียงแค่นั่งคลิ๊กๆๆแล้วรวยขึ้นหรอ มีกำไรเป็นหมื่น เป็นแสน??? คำตอบ......คือ .......ไม่มีทางเลย
หลังจากนั้นผมทบทวนและหาสิ่งที่ต้องพัฒนาตัวเอง พร้อมกับปรับแนวคิดใหม่อีกครั้ง
เดี่ยวผมมาเล่าต่อนะครับ ....
ผมต้องขอ ออกตัวก่อน ผมลงทุน(หุ้น) ไม่ได้ดี เก่งอะไร ผมพยายามค่อยๆพัฒนามา
ตอนนี้ก็กำลังศึกษา และค่อยพัฒนาตามพี่Thaivi.org ครับ
เพื่อเป็นกำลังใจต่อเพื่อนที่ที่ท้อ และหาหนทางเดิน
ประวัติพร้อมเรื่องเล่าคราว....
-เมื่อปี 2548 ผมเริ่มคิดต้องอนาคตการออม หลักจากสูญเสียคนสำคัญในครอบครัวไป
ทำให้ตระหนักถึง รายรับที่น้อยลง และรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นในอนาคตของทางบ้าน
-ผมเริ่มออกด้วยการเก็บเงิน เดือนของนักเรียนเตรียมทหาร เดือนละ 4,000 บาท
ผมรู้ว่าผมเป็นที่ถือเงินนานไม่อยู่มือ จึงเริ่มหาหนทางลงทุน ด้วยการถามคุณแม่ แม่บอกว่า” ซื้อทองเก็บซิ” เพราะแม่รู้เท่านี้
-ผมเริ่มลงทุนเก็บเงิน พอเดือนไหนครบพอดีเท่ากับราคาทอง 1 บาท ก็จะไปซื้อทองที่ร้านทองบริเวณใกล้ที่พัก จนเริ่มเป็นนิสัย ซึ่งทองตอนนั้น บาทละประมาณ 9,000 บาท สะสมทางสักพัก และนี้คือการ ลงทุน ครั้งแรกที่ผมรู้จัก
-ระหว่างที่ผมสะสมทองที่ละเล็กละน้อย ผมก็มองหาโอกาสเสมอและได้รู้จักทำว่า"กองทุนรวม" จากพี่ที่โรงเรียนนายร้อย จึงไปศึกษาต่อโดยอาศัยหาความรู้ใน Google เอง
-และอีกเช่นเคย ผมเข้าไปห้องสมุด รร.จปร. จะเจอมุมของตลาดหลักทรัพย์ที่ ทูลกระหม่อมอาจารย์ ท่านพระราชทานมาไว้ที่ห้องสมุดแห่งนี้ หนังสือที่ปรับแนวคิดอีกครั้ง คือ หนังสือชื่อ ออมกว่า รวยกว่า
-ปี 2550ต่อมาผมได้ขายทองที่มีเพื่อไปเปิดกองทุนรวมที่ธนาคารแถวบ้าน กองทุนแรก คือ กองทุนรวมทองของทหารไทย และปี 2551 ต่อมา กองทุนรวมทหารไทย China Equity Index สร้างกำไรพอสมควร เพราะ มองว่าประเทศจีนกำลังเปิดประเทศ
-และปีนี้ผมอายุ 22 ปี ตั้งเป้าว่าก่อนอายุ 30 ปีจะมีเงิน 1,000,000 บาทให้ได้ แต่ตอนนั้นรู้สึกว่า ไกลจัง ในสิ่งที่คิด คือ ผมทำได้ เชื่อสิ
-พี่ที่รู้จักก็แนะนำว่า "ทำไมไม่มาลงทุนหุ้น." เพราะแม่ของพี่ก็ลงทุน
#สิ่งที่ผมคิด เราจะไหวหรอ ?เราเป็นใคร? เขาบอกว่า เจ๊งมากเยอะเลย
-ต่อมาผมก็ไปกรอกข้อมูลแสดงความสนใจถึงการลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์
ไม่นานก็มีโทรศัพท์มา "ถามว่าคุณ......สนใจเปิดพอร์ตการลงทุนใช่มั้ยค่ะ "
ตอบคิดว่า นี้คือโอกาส......และตอบว่า ครับ ทั้งที่ตอนนั้นศัพท์หุ้นก็ยัง งง!!อยู่
-ไม่นานมีเพื่อนมาแนะนำว่า คนเจ๊งหุ้นมีเยอะ เราจะรอดหรอ แต่ผมเห็นคนที่รวยที่สุดในโลกมาจาก ลงทุนหุ้น นะ
คือ วอเรน บัฟเฟต นี้ไงตัวอย่างมีให้เห็น
-ปลายปี 2552 ผมเริ่มเปิดพอร์ตด้วยเงิน 300,000บาท และเริ่มซื้อด้วยความรู้และความเข้าใจที่น้อย หุ้นตัวแรกในชีวิต
คือ TMB ราคาตอนนั้น 1.1 บาท/หุ้น ซื้อไปจำนวนหนึ่ง ผ่านไปไม่กี่วันได้กำไรมา 2,000 บาทขายเลยครับ ก็กำไรแล้ว
เพราะดีใจที่ได้กำไร แล้ว เนื่องจากตอนนั้นไม่รู้อะไรเลย
-ต่อมาเรื่อยมาก็มาอ่านหนังสือ ตีแตก ให้มองธุรกิจรอบตัว ก็ไปซื้อ ห้างขายวัสดุก่อสร้าง ได้กำไรมานิดหน่อย ดีใจมาก
เพราะความรู้สึกตอนนั้นเหมือนถูกหวย เพราะ ไม่คิดว่าจะทำได้ อาศัยรู้น้อยประสบการณ์
-เมื่อถึงสิ้นปี 2553จบมาทำงานได้ 1 ปี พอมีกำไรบ้างก็สนุก ไปกับการใช้จ่าย ซื้อของ สุลุ่ยสุร่าย ตามประสาเด็ก
แต่ก็พยายามศึกษามาเรื่อยแบบ มีกำไรเล็กๆน้อยระหว่างทางเสมอ ถึงปลายปีต้นทุนหายไปเกือบ 17% เริ่มรู้สึกตัว และช็อกมาก ออกมาตั้งสติพักหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นก็เริ่มได้ยินและเข้าเว็บ THAIVI.org บ้างแล้ว(ตอนนั้น ยังไม่ได้เป็นสมาชิก)
-ถึงปี54 ต้นปีเริ่มตั้งสติได้ ตรงกับสึนามิถล่มญี่ปุ่นพอดี ทำให้ราคาถ่านหินพุ่ง ทำให้สามารถกลับมามีกำไรได้อีกครั้ง
และสามารถสร้างกำไรได้เท่าตัวในเวลา ครึ่งปี และสุดท้ายสิ้นปีกำไรที่สร้างมาทั้งปีเหลือไม่เท่าไร จุดที่ผมเริ่มคิดได้อีกครั้ง
-ผมออกมาถามตัวเองว่า เสียเวลาลงทุนตั้ง 2 ปี ผมลงทุนเพื่ออะไรหรือ และกำลังงงสงสัยกับสิ่งที่ทำ ของตนเอง
ผมหยุดไปค้นหาตัวเอง
-วันหนึ่งผมคิดไปออก ก็เลยออกจากบ้านขับรถเล่นรอบเมือง สิ่งที่ผมเจอ เด็กชายกับคุณพ่อที่ขี่มอเตอร์ไซจอดรถเก็บขยะ ในถังขยะชุมชน วันนั้นอากาศร้อนแดดแรง มันทำให้ผมต้องฉุดคิด ..............
***เด็กเก็บขยะกับพ่อ กว่าจะหาเงินได้แต่ละบาทต้องร้อนแดด ตากฝนทนเหม็น เก็บทั้งวัน และผมจะหารายได้จากการลงทุน(หุ้น) เพียงแค่นั่งคลิ๊กๆๆแล้วรวยขึ้นหรอ มีกำไรเป็นหมื่น เป็นแสน??? คำตอบ......คือ .......ไม่มีทางเลย
หลังจากนั้นผมทบทวนและหาสิ่งที่ต้องพัฒนาตัวเอง พร้อมกับปรับแนวคิดใหม่อีกครั้ง
เดี่ยวผมมาเล่าต่อนะครับ ....