Part2 STYLE การลงทุน โดยพี่ H888
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 23, 2013 3:04 pm
ขอบคุณมากๆ ครับพี่หมอ
STYLE การลงทุน
โดยพี่หมอ H888
ตลาดอะไรมีมูลค่าใหญ่ที่สุดในโลก คำตอบคือ Forex ซึ่งจะมีพวก Trader Robot
Product จะแบ่งได้เป็น 1) Zero sum ต้องเอาเงินจากคนอื่น มีคนได้ ต้องมีคนเสีย 2) Other เช่น หุ้น ไม่ใช่ Zero sum เพราะกิจการเติบโตเรื่อยๆ กำไรโต ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น
Zero sum ได้แก่ 1) Future ได้แก่ S50 Money Oil Stock AFETS 2) Options ได้แก่ S50 Stock Option พวกนี้จะมีปัญหาคือ 1.timing มีหมดอายุ 2.sizing ไม่สามารถลงเยอะๆ กินเงินกินทุน 3.High leverage
Stock ได้แก่ 1)Trader พวกนี้มีไม่เยอะ เล่นกันหนัก ที่รวยๆ ก็มี 2)Speculator เล่น Technical ถนัดในหุ้น ไม่ค่อยรวยมาก 3)Investor พวกเรา
ข้อแตกต่างระหว่าง Investor กับประเภทอื่น คือ เรื่องเงินสี่ด้าน, Investor คือ กลุ่มเดียวที่ให้เงินทำงาน ที่เหลืออีก 3 กลุ่ม ได้แก่ Employee,Self-employed, Business owner ยังทำงานเพื่อเงิน
ส่วนประกอบ Stock Investing : Mindset 50%, Money management 30% , Fundamental 15% Technical 5% … คนส่วนใหญ่จะเน้นที่ Fundamental & Technical ซึ่งส่วนสำคัญที่สุดจริงๆ คือ Mindset
Value Investing คือ การลงทุนในสิ่งที่มีมูลค่ามากกว่าราคาในปัจจุบัน (ซื้อของมูลค่า 1 บาท ในราคา 50 สตางค์)
วิธีเดินทางจาก 1 ไป 100 ไปได้หลายทาง แต่ต้องอยู่ที่ว่า เราเข้าใจ และถนัดทางไหน ref.จ๋อมแจ๋ม
ยามเมื่อพายุพัด ไก่งวงยังบินได้ ref. สามัญชน
ยามหิมะถล่ม ต้นสนใหญ่ยังจมได้ ref.H888 เช่นบางคนขายก่อนแล้วกลับมาซื้อคืน ทำได้แต่ยาก, หิมะละลาย ต้นไม้ใหญ่ยังคงอยู่
จริงๆ ไม่ต้องไปหวังผลตอบแทนแบบสูงมากๆ เพราะถ้าทำได้ปีละ 10-15% ทบต้นไปเรื่อยๆ ในระยะยาว 10-20 ปี เงินต้นจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก … ถ้าเข้าใจตรงนี้ จะลงทุนไม่เครียดมาก
บางท่านใช้วิถีลงทุนรายไตรมาส ref.FundaTech ValueInvestor ถ้าทำได้ไตรมาสละ 5% 10% และทำได้ทั้งปี ก็พอใจแล้ว (เป็นวิธีนึง)
P/E & E/P ratio
P/E คือ ใช้เวลากี่ปีกำไรถึงจะคืนทุนในราคาที่ซื้อ
E/P คือ อัตราทำกำไรจากราคาที่เราซื้อ เหมือนดอกเบี้ยที่เราได้ ดังนั้นควรจะมากกว่า เงินเฟ้อ + ดอกเบี้ย ประมาณ 5%, ดังนั้น P/E ไม่ควรเกิน 20 (E/P = 0.05) ยกเว้นมั่นใจว่า Growth สูง
Ref. คลายเครียด
ประเภทหุ้นที่น่าสนใจลงทุน
1. Growth Stock ขึ้นเร็ว ผลตอบแทนดี จุดระวังคือ เติบโตได้นานแค่ไหน
2. Super Stock แข็งแกร่งดี เติบโตไปเรื่อยๆ
3. Turn around and Cyclical Stock อาจได้ผลตอบแทนสูง แต่ความเสี่ยงสูง
DCA (Durable Competitive Advantage) คือ คำตอบ ref. Linzhi
ปัญหาคาใจชาววีไอ
Bottom up vs Top down ควรดูประกอบกัน
ถือเงินสดไหม กี่เปอร์เซนต์ บางคนหุ้น 100% บางคนเริ่มมีเงินสด
ขายเมื่อไหร่ เป็นจุดที่ยาก อยู่ที่เราประเมิน ถึงใช้ Technical ก็อาจจะขายหมูได้บ่อย
ทยอยซื้อขายไหม
ถือกี่ตัวดี กรณีพอร์ตน้อยกว่า 100 ล้าน ถือหุ้น 3-5 ตัว แต่ละตัวถือมากกว่า 10% ตัวที่เยอะที่สุดไม่ควรเกิน 40% เพราะบางครั้งอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่นผู้บริหารสำคัญเสียชีวิต ref. ลูกอีสาน
หาสไตล์ลงทุนตนเองให้เจอ
ทำ SWOT ตัวเอง เช่น จุดแข็ง บางคนเก่งงบการเงิน จุดอ่อน บางคนนิสัยชอบไล่หุ้น ก็ต้องเลือกหุ้นให้เหมาะกันตัวเอง และพัฒนาตนเอง
การเลือกหุ้นให้ประสบผลสำเร็จ Modified from นพ.พงศ์ศักดิ์
1.Quality (Business model)
2.Quantity (Balance Account)
3. Perfect Weapon (Margin of safety)
4. Catalyst
5. Learning Curve (Lessons for missing)
วางแผนลงทุน
แผนระยะยาว
แผนระยะสั้น
การเลือกหุ้น
ราคาที่เหมาะสมในการซื้อและขาย
เวลาที่เหมาะสมในการซื้อและขาย
Economic Trend (Megatrend)
MacroEconomic (Country , World)
คิดล่วงหน้ามวลชนไปก้าวหนึ่งเสมอ ref. AQUA
ตลาดในปัจจุบัน
ผันผวนมากขึ้น เนื่องจากเงินเคลื่อนย้ายได้เร็ว
ระยะเวลาในการแกว่งตัวขนาดใหญ่ สั้นลง อย่าให้ภาพเศรษฐกิจระยะสั้นๆ บดบังตา
อุตสาหกรรมบางอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บางอย่างไม่อาจจะกลับมาอีก
ติดตามดู Trend ระยะยาวของประเทศ (บางทีอาจจะต้องลงทุน Global investment ถ้าประเทศดูจะมีปัญหา)
กลยุทธ์ในการลงทุนอาจต้องพลิกแพลงตามสถานการณ์ แต่หลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่ายังคงยืนหยัดคงเดิม ref.simpleBE
นิทานชาวประมง นักธุรกิจไปเจอชาวประมงนั่งตกปลาในเกาะ ก็ถามว่า ทำไมไม่เอาเบ็ดมาวางเยอะๆ ทำไมไม่ซื้อเรือ จะได้หาปลามากๆ จะได้รวยๆ ชาวประมงถามกลับว่า ถ้ารวยแล้วจะไปทำอะไรต่อ นักธุรกิจตอบว่า จะได้มีเวลาไปทำในสิ่งที่ชอบ ชาวประมงตอบว่า ตกปลานี่ไงคือสิ่งที่ชอบ
สรุปคือ สำคัญที่สุดคือ ลงทุนอย่างมีความสุข มีสไตล์เหมาะกับตนเอง
ซึ่งเชื่อว่า ในระยะยาว การลงทุนแบบเน้นคุณค่า จะได้ทั้งความคุ้มค่าและความสุข
STYLE การลงทุน
โดยพี่หมอ H888
ตลาดอะไรมีมูลค่าใหญ่ที่สุดในโลก คำตอบคือ Forex ซึ่งจะมีพวก Trader Robot
Product จะแบ่งได้เป็น 1) Zero sum ต้องเอาเงินจากคนอื่น มีคนได้ ต้องมีคนเสีย 2) Other เช่น หุ้น ไม่ใช่ Zero sum เพราะกิจการเติบโตเรื่อยๆ กำไรโต ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น
Zero sum ได้แก่ 1) Future ได้แก่ S50 Money Oil Stock AFETS 2) Options ได้แก่ S50 Stock Option พวกนี้จะมีปัญหาคือ 1.timing มีหมดอายุ 2.sizing ไม่สามารถลงเยอะๆ กินเงินกินทุน 3.High leverage
Stock ได้แก่ 1)Trader พวกนี้มีไม่เยอะ เล่นกันหนัก ที่รวยๆ ก็มี 2)Speculator เล่น Technical ถนัดในหุ้น ไม่ค่อยรวยมาก 3)Investor พวกเรา
ข้อแตกต่างระหว่าง Investor กับประเภทอื่น คือ เรื่องเงินสี่ด้าน, Investor คือ กลุ่มเดียวที่ให้เงินทำงาน ที่เหลืออีก 3 กลุ่ม ได้แก่ Employee,Self-employed, Business owner ยังทำงานเพื่อเงิน
ส่วนประกอบ Stock Investing : Mindset 50%, Money management 30% , Fundamental 15% Technical 5% … คนส่วนใหญ่จะเน้นที่ Fundamental & Technical ซึ่งส่วนสำคัญที่สุดจริงๆ คือ Mindset
Value Investing คือ การลงทุนในสิ่งที่มีมูลค่ามากกว่าราคาในปัจจุบัน (ซื้อของมูลค่า 1 บาท ในราคา 50 สตางค์)
วิธีเดินทางจาก 1 ไป 100 ไปได้หลายทาง แต่ต้องอยู่ที่ว่า เราเข้าใจ และถนัดทางไหน ref.จ๋อมแจ๋ม
ยามเมื่อพายุพัด ไก่งวงยังบินได้ ref. สามัญชน
ยามหิมะถล่ม ต้นสนใหญ่ยังจมได้ ref.H888 เช่นบางคนขายก่อนแล้วกลับมาซื้อคืน ทำได้แต่ยาก, หิมะละลาย ต้นไม้ใหญ่ยังคงอยู่
จริงๆ ไม่ต้องไปหวังผลตอบแทนแบบสูงมากๆ เพราะถ้าทำได้ปีละ 10-15% ทบต้นไปเรื่อยๆ ในระยะยาว 10-20 ปี เงินต้นจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก … ถ้าเข้าใจตรงนี้ จะลงทุนไม่เครียดมาก
บางท่านใช้วิถีลงทุนรายไตรมาส ref.FundaTech ValueInvestor ถ้าทำได้ไตรมาสละ 5% 10% และทำได้ทั้งปี ก็พอใจแล้ว (เป็นวิธีนึง)
P/E & E/P ratio
P/E คือ ใช้เวลากี่ปีกำไรถึงจะคืนทุนในราคาที่ซื้อ
E/P คือ อัตราทำกำไรจากราคาที่เราซื้อ เหมือนดอกเบี้ยที่เราได้ ดังนั้นควรจะมากกว่า เงินเฟ้อ + ดอกเบี้ย ประมาณ 5%, ดังนั้น P/E ไม่ควรเกิน 20 (E/P = 0.05) ยกเว้นมั่นใจว่า Growth สูง
Ref. คลายเครียด
ประเภทหุ้นที่น่าสนใจลงทุน
1. Growth Stock ขึ้นเร็ว ผลตอบแทนดี จุดระวังคือ เติบโตได้นานแค่ไหน
2. Super Stock แข็งแกร่งดี เติบโตไปเรื่อยๆ
3. Turn around and Cyclical Stock อาจได้ผลตอบแทนสูง แต่ความเสี่ยงสูง
DCA (Durable Competitive Advantage) คือ คำตอบ ref. Linzhi
ปัญหาคาใจชาววีไอ
Bottom up vs Top down ควรดูประกอบกัน
ถือเงินสดไหม กี่เปอร์เซนต์ บางคนหุ้น 100% บางคนเริ่มมีเงินสด
ขายเมื่อไหร่ เป็นจุดที่ยาก อยู่ที่เราประเมิน ถึงใช้ Technical ก็อาจจะขายหมูได้บ่อย
ทยอยซื้อขายไหม
ถือกี่ตัวดี กรณีพอร์ตน้อยกว่า 100 ล้าน ถือหุ้น 3-5 ตัว แต่ละตัวถือมากกว่า 10% ตัวที่เยอะที่สุดไม่ควรเกิน 40% เพราะบางครั้งอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่นผู้บริหารสำคัญเสียชีวิต ref. ลูกอีสาน
หาสไตล์ลงทุนตนเองให้เจอ
ทำ SWOT ตัวเอง เช่น จุดแข็ง บางคนเก่งงบการเงิน จุดอ่อน บางคนนิสัยชอบไล่หุ้น ก็ต้องเลือกหุ้นให้เหมาะกันตัวเอง และพัฒนาตนเอง
การเลือกหุ้นให้ประสบผลสำเร็จ Modified from นพ.พงศ์ศักดิ์
1.Quality (Business model)
2.Quantity (Balance Account)
3. Perfect Weapon (Margin of safety)
4. Catalyst
5. Learning Curve (Lessons for missing)
วางแผนลงทุน
แผนระยะยาว
แผนระยะสั้น
การเลือกหุ้น
ราคาที่เหมาะสมในการซื้อและขาย
เวลาที่เหมาะสมในการซื้อและขาย
Economic Trend (Megatrend)
MacroEconomic (Country , World)
คิดล่วงหน้ามวลชนไปก้าวหนึ่งเสมอ ref. AQUA
ตลาดในปัจจุบัน
ผันผวนมากขึ้น เนื่องจากเงินเคลื่อนย้ายได้เร็ว
ระยะเวลาในการแกว่งตัวขนาดใหญ่ สั้นลง อย่าให้ภาพเศรษฐกิจระยะสั้นๆ บดบังตา
อุตสาหกรรมบางอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บางอย่างไม่อาจจะกลับมาอีก
ติดตามดู Trend ระยะยาวของประเทศ (บางทีอาจจะต้องลงทุน Global investment ถ้าประเทศดูจะมีปัญหา)
กลยุทธ์ในการลงทุนอาจต้องพลิกแพลงตามสถานการณ์ แต่หลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่ายังคงยืนหยัดคงเดิม ref.simpleBE
นิทานชาวประมง นักธุรกิจไปเจอชาวประมงนั่งตกปลาในเกาะ ก็ถามว่า ทำไมไม่เอาเบ็ดมาวางเยอะๆ ทำไมไม่ซื้อเรือ จะได้หาปลามากๆ จะได้รวยๆ ชาวประมงถามกลับว่า ถ้ารวยแล้วจะไปทำอะไรต่อ นักธุรกิจตอบว่า จะได้มีเวลาไปทำในสิ่งที่ชอบ ชาวประมงตอบว่า ตกปลานี่ไงคือสิ่งที่ชอบ
สรุปคือ สำคัญที่สุดคือ ลงทุนอย่างมีความสุข มีสไตล์เหมาะกับตนเอง
ซึ่งเชื่อว่า ในระยะยาว การลงทุนแบบเน้นคุณค่า จะได้ทั้งความคุ้มค่าและความสุข