Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

http://www.youtube.com/watch?v=6s9Oy5-oudM

ลงทุนไป 3แสนกว่า ประหยัดค่าไปได้เดือนละ 3พันกว่าบาท

[youtube]6s9Oy5-oudM[/youtube]
คงต้องมีพื้นที่บนหลังคาถึงจะทำได้
คนที่จะยอมจ่ายเงินหลายแสนเพื่อมาทำ
ไม่ทราบว่า แบ๊ตเตอรี่จะมีอายุกี่ปีต้องเปลี่ยน
หลังฝนตกต้องขึ้นไปเช็ด
จะมีเวลาระบบจัดการดูแลบำรุงรักษาไหม
คงต้องคิดกันหลายๆรอบเลยครับ

อยากให้สนใจที่เป็นพลังงานสะอาดที่มีใช้ไม่จำกัดมากกว่าครับ อนาคตหากแก๊สราคาแพงเพราะเหลือสำรองน้อยลง พลังไฟฟ้าจะได้มาจากไหนล่ะครับถ้าไม่ใช่พลังงานหมุนเวียน ดังนั้นธุรกิจด้านนี้ยังอยู่ได้อีกยาวนานครับ

ราคาค่าไฟตอนนี้รับซื้อที่6บาทกว่า แพงกว่าราคาค่าไฟที่การไฟฟ้าขายให้ประชาชนราคา 4บาทกว่าก็จริง แต่ไฟที่ได้จากแผงโซล่าราคาคงที่ไป 25 ปีนะครับ ขณะที่ไฟจากเชื้อเพลิงอื่นๆมีแต่จะแพงขึ้นเรื่อยๆ ใครจะไปรู้ อีก 10ปีข้างหน้าราคาแก๊สอาจจะแพงเป็นสองเท่าจากปัจจุบันก็ได้ ถึงเวลานั้นใครทำโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ไว้ตั้งแต่ตอนนี้ก็มีแต่รวยครับ

อยู่ได้25ปี ตามที่เขาประเมิน
ลองคิดว่าตลอดระยะเวลา25ปี
ต้องจ้างคนมาคอยเช็ด คอยคลุมผ้า ความเสี่ยง
ซ่อมบำรุงระบบจัดการต้องใช้ต้นทุนประมาณไหนครับ มองไม่ออก

เห็นแต่โซล่าฟาร์มริมถนนมิตรภาพหลายแห่ง

โครงการยื่นที่ผ่านแล้วเกี่ยวกับโซล่าฟาร์ม นักการเมืองถือใบอนุญาตไว้เพียบ
ทราบกันไหมครับว่ามีกี่บริษัทที่ได้ และเตรียมขายใบอนุญาตแบบขายกระดาษกันเยอะนะครับ

พลังงานทางเลือกมาแน่ๆบ้านเราเองก็กำลังอินเทรนเลย..แสงอาทิตย์ก็เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับประชานชนที่สนใจ..ยังไงเราก็จ่ายค่าแก๊สที่นำมาผลิตไฟฟ้าแพงพอๆกับต้นทุนไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์อยู่แล้ว...อย่างไรก็การเริ่มต้นที่ดีด้านพลังงานทางเลือกอย่างนึงครับ.
แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังในการคิดประเมิน คือ ความไม่แน่นอนของรังสีอาทิตย์ ที่ตกกระทบพื้นที่ในแต่ละวัน(ค่าIndexต่ำทีสุดในพลังงานทางเลือกทั้งหมด) ยิ่งหากแผงโซล่าของเราเป็นแบบFix ทำให้มีช่วง รับแสงได้สั้น..ยิ่งประเมินได้ยากมากๆ..อย่างไรต้องใส่ค่าเผื่อตรงนี้ไว้เยอะๆสักหน่อยครับ

อีกเรื่องคือเรื่องอายุการใช้งาน..ซึ่งหลังๆมานี้เกิดการแช่งขันราคาอยู่สูงในธุรกิจนี้(แผง)..ก็ต้องรอดูแหละครับว่าประสิทธิภาพหรือ อะไรต่างๆจะเป็นอย่างไรเมื่ออายุการใช้งานมากขึ้น

บ้านเรามีPeak Load เกิดขึ้น2ช่วง..แม้พลังงานแสงอาทิตย์จะไม่สามารถตอบโจทย์ให้กับประเทศทั้งหมด..แต่ถือเป็นการเริ่มต้นทีดีครับ.

patongpa เขียน:อยากให้สนใจที่เป็นพลังงานสะอาดที่มีใช้ไม่จำกัดมากกว่าครับ อนาคตหากแก๊สราคาแพงเพราะเหลือสำรองน้อยลง พลังไฟฟ้าจะได้มาจากไหนล่ะครับถ้าไม่ใช่พลังงานหมุนเวียน ดังนั้นธุรกิจด้านนี้ยังอยู่ได้อีกยาวนานครับ

ราคาค่าไฟตอนนี้รับซื้อที่6บาทกว่า แพงกว่าราคาค่าไฟที่การไฟฟ้าขายให้ประชาชนราคา 4บาทกว่าก็จริง แต่ไฟที่ได้จากแผงโซล่าราคาคงที่ไป 25 ปีนะครับ ขณะที่ไฟจากเชื้อเพลิงอื่นๆมีแต่จะแพงขึ้นเรื่อยๆ ใครจะไปรู้ อีก 10ปีข้างหน้าราคาแก๊สอาจจะแพงเป็นสองเท่าจากปัจจุบันก็ได้ ถึงเวลานั้นใครทำโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ไว้ตั้งแต่ตอนนี้ก็มีแต่รวยครับ

เข้าใจว่าราคาที่ได้รับจะเป็น fix ไป 25 ปีนะครับ ถึงราคาไฟขายปลีกจะขึ้นไปอีก สองเท่าเราก็ขายได้ราคาเท่าเดิมอยู่ดี ดังนั้น ถ้ามองว่าจะมี LNG เข้ามามากทำให้ ft แพงขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งทำให้ มูลค่าปัจจุบันของการลงทุนแผงโซล่าต่ำลงเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับราคาในอนาคตนะครับ นอกจากว่าถึงตอนนั้นจะสามารถเปลี่ยนระบบนำมาใช้ภายในบ้านได้ แต่ก็ต้องคิดถึงกรณีที่ efficiency ของแผงจะตกลงทุกปีด้วยครับ

ถ้าดูจากข่าว http://www.manager.co.th/iBizchannel/vi ... 0000119649
จะเห็นว่าแค่ปตทปรับค่าผ่านท่อก๊าซ ก็กระทบ ft มหาศาลแล้ว ยังไงค่าไฟในอนาคตก็มีแต่แนวโน้มเพิ่มขึ้นแน่นอนครับ

ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าครัวเรือนปกติจะลงเพื่อหาความคุ้มค่าอาจจะนานหน่อยแต่ถ้าลงทุนเพราะอยากใช้พลังงานสะอาด ก็โอเคครับ
ผมไม่กล้าลงทุนเพราะว่ากลัวเรื่องการทำความสะอาดแผงในระยะยาว เพราะแค่ฝุ่นเกาะหนาเพียง 1 มิลลิเมตรก็ทำให้ efficiency ของแผงตกเกิน 10% แล้ว ยิ่งถ้าบ้านใครตั้งอยู่บริเวณริมถนนที่รถผ่านไปมามากๆ ยิ่งฝุ่นเยอะ จะทำให้ไม่คุ้มค่าในการลงทุนครับ

รายย่อยที่จะติดแผงต้องคำนึงถึงเรื่องการรับประกันดีๆนะครับ ผมเคยคุยกับคุณวันดี ท่านบอกว่าเหตุที่เลือกแผงเคียวเซร่าเพราะ มั่นใจว่าบริษัทเคียวเซร่าจะไม่เจ๊งก่อนหมดรับประกัน ถ้าเราเลือกแผงราคาถูกไว้ก่อน เช่น แผงจากจีน เกิดบริษัทที่เราเลือกเจ๊งก่อน แล้วแผงเราเสียก็จะไม่มีคนมาประกัน efficiency ของแผงเราในระยะยาวครับ

โชคดีในการลงทุนครับ

ผมหมายถึงว่าถ้าราคาต้นทุนเชื้อเพลิงแก๊สขึ้น ทำให้ค่าไฟสูงขึ้น แต่ค่าไฟจากแผงโซล่ายังเท่าเดิม มันก็ยิ่งดึงดูดให้การผลิตไฟจากโซล่าบนหลังคาเกิดได้ง่ายขึ้นครับ

ผมเพิ่งทราบนะเนี่ยว่าฝุ่นแค่1มิล การผลิตไฟจะด้อยลง 10% ยังงี้ต้องให้คนไปเช็ดบ่อยๆหน่อยแล้ว

ยิ่งค่า FT แพงขึ้น ผู้ได้ประโยชน์คือพวกโซล่าฟาร์มครับ เพราะได้ราคารับซื้อไฟมากขึ้นตามไปด้วย

ค่า FT แพงขึ้นผู้ได้ประโยชน์คือผู้ผลิตไฟฟ้าที่ได้รับค่าไฟฟ้าในรูปแบบ ค่าไฟฐาน + ค่า ft + adder ครับ
แต่ถ้าได้แบบ FIT ผมเข้าใจว่ามัน fix ตลอดไม่ว่า ค่าไฟฐานหรือ ft จะเปลี่ยนไปอย่างไร (ถ้าผมเข้าใจผิดรบกวนแย้งด้วยครับ)

ผมเห็นด้วยเรื่องพลังงานทางเลือกว่าเป็นทางที่เราจะลดการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานครับ ยิ่งมีครบทุกบ้านยิ่งดี แต่เรื่องการคืนทุนเร็วๆสำหรับครัวเรือนคงยาก เค้าบอกราคามา MW ละ 80 ล้านบาท แต่สำหรับโครงการขนาดใหญ่ ผมได้ยินมาว่าอยู่ที่ 70 ล้านบาทต่อ MW หรือต่ำกว่าครับ

สภาพหลังคาที่เหมาะสมที่สุดคือลาดเอียงไม่เกิน 15 องศา ถ้ามากกว่านั้นค่าทำฐานเพิ่มเพื่อให้ได้องศาจะเริ่มไม่คุ้มการลงทุนครับ

patongpa เขียน: ราคาค่าไฟตอนนี้รับซื้อที่6บาทกว่า แพงกว่าราคาค่าไฟที่การไฟฟ้าขายให้ประชาชนราคา 4บาทกว่าก็จริง แต่ไฟที่ได้จากแผงโซล่าราคาคงที่ไป 25 ปีนะครับ ขณะที่ไฟจากเชื้อเพลิงอื่นๆมีแต่จะแพงขึ้นเรื่อยๆ ใครจะไปรู้ อีก 10ปีข้างหน้าราคาแก๊สอาจจะแพงเป็นสองเท่าจากปัจจุบันก็ได้ ถึงเวลานั้นใครทำโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ไว้ตั้งแต่ตอนนี้ก็มีแต่รวยครับ

อย่าลืมว่าถ้ามีการผลิตโซล่าร์เซลล์มากขึ้น ราคาโซล่าร์เซลล์ อาจถูกลงได้มากกว่านี้นะครับ คนลงมือก่อนไม่จำเป็นต้องได้เปรียบเสมอไป

MTTF หรือระยะเวลาเฉลี่ยก่อนเสื่อมสภาพของแผงโวลาร์เซลล์อยู่ที่ประมาณ 25 ปี แต่เวลาใช้งานจริงเราต้องคำนึงว่ามันเป็นตัวเลขเฉลี่ยครับ หมายความว่าบางแผ่นอาจมีอายุถึง 35 ปี ขณะที่อีกแผ่นมีอายุแค่ 10 ปีก็ได้ ซึ่งอายุ 10 ปีก็มีเกิดกันบ่อยๆ

ในแต่ละการติดตั้งของแต่ละโรง เรามักจะต้องติดกันเกินหนึ่งแผงอยู่แล้ว ซึ่งยิ่งติดมาก โอกาสที่จะเจอแผนเสียก่อนระยะเวลา 25 ปีก็จะมีมาก หากเสียขึ้นมาเราก็ต้องทำการซ่อมแซมครับ ปกติเราก็อาจจะติดกันเผื่อเสียไว้เล็กน้อย แต่ตรงนี้ก็จะเป็นต้นทุนเพิ่ม

ความเสี่ยงมันอยู่ที่ว่า หากติดตั้งไปวันนี้ อีกสิบปีบริษัทที่ติดตั้งให้เราและบริษัทผลิตแผงนั้นเลิกกิจการ แล้วเราจะซ่อมแซมอย่างไร ค่าใช้จ่ายมันคุ้มไหม? จุดคืนทุนที่มักคำนวนกันมักจะทำกันหยาบๆ ไม่ค่อยคำนึงถึงความเสี่ยงในหลายๆด้าน หากแผงใดแผงหนึ่งเสียตั้งแต่ 5-6 ปีแรก ที่คำนวนตอนแรกมาก็ผิดหมดครับ

ราคาแผง PV ตอนนี้ หากราคาแพงเกินไปอนาคตราคาก็ต้องปรับลง หากราคาถูกเกินไปบริษัทผลิตก็จะอยู่ไม่ได้เพราะขายต่ำกว่าทุน ทางที่ดีคือศึกษาราคาให้มั่นใจครับว่าเราไม่ได้ซื้อแพงไป และบริษัทไม่ได้ขายถูกไปจนมีสิทธิ์เจ๊ง