Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

แล้วประเทศอื่นๆก็ทำไมไม่ออกแบบเมกากับพี่ยุ่นบ้าง
เพราะอะไร
ไม่ต้องมาถกเถียงเรื่อง พรบ เงืนกู้ 2 ล้านๆกัน

ต้องลองอ่านเรื่องของประเทศซิมบับเว
ที่เคยดำเนินนโยบายผิดโดยการพิมพ์เงินเพิ่มในระบบ
ทั้งที่ค่าเงินของประเทศตนเองไม่ได้เป็นที่ยอมรับเป็นสากล
อ่านกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เล่าให้ลูกหลานฟังก็ได้ เด็กๆ ตื่นใจกับ
การขนเงินมากมายไปซื้อของมูลค่านิดเดียวค่ะ

ตาม link นี้ไปเลยค่ะ
http://www.klongjan.com/fr/view.php?id=92

ช่วงก่อนหน้านี้ ก็ทำนะคับ
แต่ปริมาณมันน้อย
ลองดูข่าวเศรษฐกิจ เก่าๆ ช่วงเงินบาทแข็งๆ ดูคับ

theenuch เขียน:ต้องลองอ่านเรื่องของประเทศซิมบับเว
ที่เคยดำเนินนโยบายผิดโดยการพิมพ์เงินเพิ่มในระบบ
ทั้งที่ค่าเงินของประเทศตนเองไม่ได้เป็นที่ยอมรับเป็นสากล
อ่านกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เล่าให้ลูกหลานฟังก็ได้ เด็กๆ ตื่นใจกับ
การขนเงินมากมายไปซื้อของมูลค่านิดเดียวค่ะ

ตาม link นี้ไปเลยค่ะ
http://www.klongjan.com/fr/view.php?id=92

เอารูปมาเพิ่มให้ด้วย ตาม link นี้ค่ะ
https://www.google.co.th/search?q=%E0%B ... B620%3B334

QE จริงๆแล้ว มันไม่ใช่เครื่องมือที่ทำให้ เศรษฐกิจดีได้ ในระยะยาวนะครับ - -
ถ้าไม่อับจนหนทางจริงๆ เค้าไม่นิยมทำกันหรอกครับ
ส่วนมากจะลดภาษีนู่นนี่ หรือไม่ก็ ลดดอกเบี้ยก่อน ช่วยๆกันระหว่างการผ่อนคลายนโยบายการคลังและการเงิน
จนลดไปเรื่อยๆ จนดอกเบี้ยแทบจะ 0% แล้ว เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นซักทีถึงออก QE ครับ

สร้างฟองสบู่ใหม่เพื่อแก้ไขวิกฤตฟองสบู่เดิม

แค่ฟังก็พอรู้จะจบยังไง

Manitt เขียน:แล้วประเทศอื่นๆก็ทำไมไม่ออกแบบเมกากับพี่ยุ่นบ้าง
เพราะอะไร
ไม่ต้องมาถกเถียงเรื่อง พรบ เงืนกู้ 2 ล้านๆกัน

หลายเรื่องมากเลยนะครับ

อย่างแรกจุดประสงค์ของคิวอี ไม่เหมือนกับการกู้เงินใดๆทั้งสิ้น

คิวอีคือนโยบายทางการเงิน (ส่วนของ monetary policy makers) ธนาคารกลางเข้าซื้อ bond/securities ทุกเดือนจากธนาคารต่างๆเพื่อสร้างสภาพคล่อง (ใน balance sheet จะโยกจากทรัพยสินเช่น bond ไปปูด reserves)

เรื่อง 2 ล้านๆคือฝั่งรัฐ (ส่วนของ fiscal policy makers) จะทำ ad-hoc loan ตั้งใจนำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ ปัญหามันก็เรื่องการเมืองคือกลัวทุจริต ก็ว่ากันไปต่างๆนาๆ ตามภาษานักการเมือง เช่น ตามลักษณะโครงการสามารถขออนุมัติเป็นส่วนนึงของงบประจำปีได้ ทำไมต้องขอกู้รายการ 2 ล้านๆต่างหาก ในลักษณะการขอเบิกใช้มันดูมีพิรุธ
เท่านี้ไม่พอธรรมชาติห่วงโซ่ของผลประโยชน์นั้นยาวเหยียดถ้าเข้าใจสิ่งที่ผมสื่อ (ผมขอหยุดเรื่องการเมืองเท่านี้ครับ เดี๋ยวโดนลบ)

ลักษณะของเงินไหลคนละแบบกัน ปัจจัยตามมาต่างๆก็คนละแบบกัน ใช้แทนกันไม่ได้

theenuch เขียน:

theenuch เขียน:ต้องลองอ่านเรื่องของประเทศซิมบับเว
ที่เคยดำเนินนโยบายผิดโดยการพิมพ์เงินเพิ่มในระบบ
ทั้งที่ค่าเงินของประเทศตนเองไม่ได้เป็นที่ยอมรับเป็นสากล
อ่านกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เล่าให้ลูกหลานฟังก็ได้ เด็กๆ ตื่นใจกับ
การขนเงินมากมายไปซื้อของมูลค่านิดเดียวค่ะ

ตาม link นี้ไปเลยค่ะ
http://www.klongjan.com/fr/view.php?id=92

เอารูปมาเพิ่มให้ด้วย ตาม link นี้ค่ะ
https://www.google.co.th/search?q=%E0%B ... B620%3B334

เศรษฐีพันล้าน (แต่หิวโหย)

credit -> http://www.slideshare.net/DanHrstich/zimbabwe-in-crisis แสนล้าน ซื้อไข่ได้ 3 ใบ
http://www.zerohedge.com/sites/default/ ... mb%205.jpg






จ่ายค่าหมอด้วยถั่ว โดย วีรกร ตรีเศศ
http://www.varakorn.com/page.php?id=28

งบ2ลล มันก็คือจุดหมายเดียวกะคิวอีนี่แหละ ผลจะเป็นไง7ปีรู้กัน

patongpa เขียน:งบ2ลล มันก็คือจุดหมายเดียวกะคิวอีนี่แหละ ผลจะเป็นไง7ปีรู้กัน

เข้าใจผิดหรือเปล่าครับ งบ 2 ล้านล้านลงโครงสร้างพื้นฐาน QE ของยุโรปและอเมริกา เข้าตลาดเงินและช่วยบริษัทที่ประสบปัญหาเป็นหลักนะครับ

ทำไมไทยถึงไม่ทำ QE เพราะว่าเราไม่ได้อยู่ในสภาวะวิกฤต ศก. อำนาจต่อรองและความน่าเชื่อถือของสกุลเงินไม่ได้มีเท่ากับของประเทศใหญ่ๆเหล่านั้นนะครับ ไม่งั้นค่าเงินกระทบเยอะแน่ๆ

กำลังจะออก ก็ พรบ เงินกู้ 2.2 ล้านล้านนี้แหละ
โดยการเอาเงินคงคลัง ของ BOT มาซื้อพันธบัตรรัฐบาล ข่าวพึ่งออกวันนี้
ต่างกับ FED นิดหน่อย ที่ FED พิมพ์เงินมาซื้อพันธบัตร์รัฐบาล
แต่ก็เหมือนกันในแง่ที่ BOT เป็นเจ้าหนี้รัฐบาล
หนี้ก้อนแรก ที่รัฐบาลโยนให้ BOT 1.4ล้านสมัยต้มยำกุ้ง ก็ถือว่า
เป็นการเคลียร์หนี้รัฐ เพื่อจะได้ก่อหนี้ให้มากขึ้นได้สดวก
BOT ก็จะมีทรัพย์สินมากขึ้น (ลูกหนี้)
แก้ไขระเบียบอะไรอีกเล็กน้อย BOT ก็จะเพิ่มปริมาณเงินได้ (พิมพ์เงิน)
โดยใช้ พันธบัตร รัฐบาล เป็นตัวแบคอัพ
สรุปต่างกันตรงที่ QE FED เพิ่มเงินเอาไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล
แต่ ของไทย รัฐบาลต้องขาย พันธบัตร์ให้ BOT ก่อน แล้ว BOT ค่อยเพิ่มเงิน

CARPENTER เขียน:กำลังจะออก ก็ พรบ เงินกู้ 2.2 ล้านล้านนี้แหละ
โดยการเอาเงินคงคลัง ของ BOT มาซื้อพันธบัตรรัฐบาล ข่าวพึ่งออกวันนี้
ต่างกับ FED นิดหน่อย ที่ FED พิมพ์เงินมาซื้อพันธบัตร์รัฐบาล
แต่ก็เหมือนกันในแง่ที่ BOT เป็นเจ้าหนี้รัฐบาล
หนี้ก้อนแรก ที่รัฐบาลโยนให้ BOT 1.4ล้านสมัยต้มยำกุ้ง ก็ถือว่า
เป็นการเคลียร์หนี้รัฐ เพื่อจะได้ก่อหนี้ให้มากขึ้นได้สดวก
BOT ก็จะมีทรัพย์สินมากขึ้น (ลูกหนี้)
แก้ไขระเบียบอะไรอีกเล็กน้อย BOT ก็จะเพิ่มปริมาณเงินได้ (พิมพ์เงิน)
โดยใช้ พันธบัตร รัฐบาล เป็นตัวแบคอัพ
สรุปต่างกันตรงที่ QE FED เพิ่มเงินเอาไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล
แต่ ของไทย รัฐบาลต้องขาย พันธบัตร์ให้ BOT ก่อน แล้ว BOT ค่อยเพิ่มเงิน

ขอบคุณครับ แต่กำลังแกะรอยอยู่ครับ

nut776 เขียน:ช่วงก่อนหน้านี้ ก็ทำนะคับ
แต่ปริมาณมันน้อย
ลองดูข่าวเศรษฐกิจ เก่าๆ ช่วงเงินบาทแข็งๆ ดูคับ

เป็นไปได้ไหมครับ ว่าจะมาการแอบพิมพ์เงินเพิ่ม ขนาดบริษัทยังแต่งงบโกงกันได้โจ๋งครี่ม

กลัวจะไปกันใหญ่ ก่อนอื่นเรามามองภาพรวมกันก่อนไหมครับว่าระบบเศรษฐกิจเราทำงานอย่างไร

นโยบายทางการคลังเป็นนโยบายที่ควบคุมโดยรัฐบาล การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรัฐบาลในครั้งนี้ก็ได้แย่การลงทุน 2 ล้านล้าน ซึ่งเงินส่วนนี้ก็จะหาเงินมาจากการออกกระดาษที่เรียกว่าพันธบัตร ให้คนในประเทศและคนต่างชาติมาซื้อ โดยสัญญาว่าจะจ่ายดอกเบี้ยให้เล็กน้อย แต่จ่ายชัวร์

ในอเมริกาก็มีการกระตุ้นเศรษฐกิจทำนองนี้เช่นกัน โดยกู้เงินมาลงทุนในโครงการต่างๆ ตรงนี้เรากับเขาไม่ได้ต่างอะไรกัน

นอกจากนั้นจะมีนโยบายอีกชนิดหนึ่งที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่เป็นนโยบายที่ไม่ได้มาจากภาครัฐ แต่มาจากหน่วยงานทางการเงินที่เรียกว่าแบงค์ชาติ

นโยบายทางการเงินนี้ก็สามารถควบคุมเงินในระบบได้โดยการเพิ่มหรือลดดอกเบี้ยชี้นำให้แก่ธนาคาร หากธนาคารปรับดอกเบี้ยเพิ่ม เงินก็จะไกลเข้าธนาคารมากขึ้น ทำให้เงินในระบบลดลง ในทางกลับกันการลดดอกเบี้ยก็จะทำให้เงินในระบบเพิ่มมากขึ้น

แต่การลดดอกเบี้ย ลดยังไงก็ลดได้ไม่ต่ำกว่า 0% หรือการปรับลงไปมากๆธนาคารก็อาจไม่ทำตามเพราะหนี้เสียก็จะเพิ่มมาก ดังนั้นหากลดดอกเบี้ยชี้นำไปแล้วเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น แบงค์ชาติก็ต้องหาวิธีอื่น โดยอย่างที่สหรัฐทำก็ได้แก่วิธีการผ่อนคลายนโยบายการเงิน มีการกว้านซื้อพันธบัตร เพื่อควบคุมราคาพันธบัตรกันตรงๆเลย ซึ่งสุดท้ายจะทำให้มีเงินสกุลดอลลาร์ออกมาเพิ่มขึ้นในระบบ

วิธีนี้ไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าใช้ได้จริง จนถึงทุกวันนี้ปัญหาที่ตามมามีมากมาย

เราเรียกกันว่าเป็นการ"พิมพ์ธนบัตร" โดยการเปรียบเทียบทำนองว่าสร้างเงินขึ้นมาเอง แต่หลายคนอาจสับสนนึกว่าเป็นการพิมพ์จริงๆ เลยเข้าใจผิดกันไปใหญ่

ในไทยนั้น แบงค์ชาติยังสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยชี้นำได้อยู่ ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่า ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

สรุปคือ นโยบายทางการเงิน และนโยบายทางการคลัง ถูกดูแลโดยสองหน่วยงานที่แยกต่อกัน ก็คือแบงค์ชาติและรัฐบาล ตามลำดับครับ

2 ล้านล้าน กับการ"พิมพ์เงิน" เลยเป็นคนละเรื่องเดียวกัน ที่ไม่ค่อยจะเกี่ยวกันโดยตรง

2 ล้านล้าน เป็นสิ่งสกปรก
ลองคิดดู มีใครกู้เงิน มาก่อนโดยยังไม่มีโครงการณ์ว่าจะทำอะไรอย่างไร
และไม่บอกว่าจะคืนเงินกู้ ด้วยวิธีไหน อย่างไร เมื่อไหร่
แล้ว หนี้ นี้เป็นภาระของคนทั้งชาติในเวลา 50ปี
ลูกหลาน เหลนต้องรับภาระ ไปอีกนาน
คนรุ่นนี้ เห็นแก่ตัวไร้ความรับผิดชอบ
คิดว่า เศรษฐกิจจะเติบโต หุ้นจะขึ้น แล้วพวกนักลังทุนหวังลมๆแล้งๆว่าจะได้เศษเงินนิดหน่อย
ผมขอสาปแช่ง ขอให้คนคิด และกระทำ เพื่อโกงกิน เงินคนทั้งประเทศ จงได้รับผลกรรมอย่างรวดเร็ว

วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15:10:13 น.

















เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 12 ตุลาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการรถไฟความเร็วสูงแห่งประเทศจีน และเยี่ยมชมนิทรรศการ เนื่องในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจีนเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลระหว่างวันที่ 11-13 ตุลาคม โดยมีคณะรัฐมนตรี อาทิ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้การต้อนรับคณะของสาธารณรัฐประชาชนจีนและนำเยี่ยมชมนิทรรศการด้วยตนเองโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนทั่วไปเข้าไปทำข่าวแต่อย่างใด



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังชมนิทรรศการเสร็จ นายกรัฐมนตรีนำนายหลี่ เค่อเฉียง เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่วังสระปทุม และต่อจากนั้น นายหลี่ เค่อเฉียงได้เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ณ ทำเนียบองคมนตรี พร้อมพบปะนักธุรกิจจีนที่หอการค้าไทย-จีน อาคารไทย ซี ซี ถนนสาธรใต้



อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่าย นายหลี่ เค่อเฉียง จะเดินทางถึงจังหวัดเชียงใหม่โดยนายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 ประเทศจะเยี่ยมชมอุทยานหลวงราชพฤกษ์ พร้อมกันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำด้วย ขณะที่ในวันที่ 13 ตุลาคมนายหลี่ เค่อเฉียง จะเยี่ยมชมโรงเรียนช่องฟ้าซินเซิงวาณิชบำรุงและเยี่ยมศูนย์แสดงจำหน่ายและกระจายสินค้า OTOP จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นจะเดินทางจาก กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ ไปประเทศเวียดนามต่อไป

CARPENTER เขียน:2 ล้านล้าน เป็นสิ่งสกปรก
ลองคิดดู มีใครกู้เงิน มาก่อนโดยยังไม่มีโครงการณ์ว่าจะทำอะไรอย่างไร
และไม่บอกว่าจะคืนเงินกู้ ด้วยวิธีไหน อย่างไร เมื่อไหร่
แล้ว หนี้ นี้เป็นภาระของคนทั้งชาติในเวลา 50ปี
ลูกหลาน เหลนต้องรับภาระ ไปอีกนาน
คนรุ่นนี้ เห็นแก่ตัวไร้ความรับผิดชอบ
คิดว่า เศรษฐกิจจะเติบโต หุ้นจะขึ้น แล้วพวกนักลังทุนหวังลมๆแล้งๆว่าจะได้เศษเงินนิดหน่อย
ผมขอสาปแช่ง ขอให้คนคิด และกระทำ เพื่อโกงกิน เงินคนทั้งประเทศ จงได้รับผลกรรมอย่างรวดเร็ว

http://www.dlt.go.th/th/pdf/movingForward.pdf

ผมลองๆหาดูก็มีรายละเอียดเหมือนกันนะครับ มี EIRR ให้ด้วยว่าความคุ้มค่าเป็นเท่าไหร่ แล้วเรื่องจ่ายคืนเงินกู้ก็มีอยู่ตามข่าวเหมือนกันเห็นว่าจะเป็น zero coupon bond ที่มี maturity ต่างๆกันไปครับ และจากที่อ่านมา 2 ล้านล้านเป็นกรอบครับไม่ใช่กู้ทันที เพราะจริงการทำโครงการเข้าต้องมีแผนกันอยู่แล้ว เพื่อขอวงเงินนะครับ

ส่วนตัวผมว่าต้องมีโครงการเพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศครับ เอาง่ายๆ ประเทศอื่นมี ประเทศเราไม่มี ความสามารถในการแข่งขันก็แพ้แล้ว ฐานการผลิตก็มีโอกาสย้ายไปมากขึ้น แล้ว ศก. ของประเทศเราก็จะช้ากว่าประเทศอื่นไปเอง อันนี้ผมว่าสำคัญต่อคนรุ่นหลังมากกว่าอีกครับ ประเทศไทยทะเลาะกันมากเกินไปในอดีต ทั้งเรื่องการสร้างรถไฟฟ้าที่มีแนวคิดมานานแล้ว หรือสนามบินหนองงูเหา (สุวรรณภูมิ) ก็หลายสิบปีแล้ว ถ้าคิดย้อนไปสร้างได้ตั้งแต่ตอนนั้น ประเทศคงพัฒนามากกว่านี้เยอะและเป็นการปิดโอกาสของประเทศอื่นด้วย เช่นสิงค์โปร์ เขาได้ประโยชน์จากการทะเลาะกันของเราเยอะ (southern seaboard ที่ไม่เกิดซักที)

ผมมองเรื่องโกงเป็นคนละประเด็นกัน ถ้ากลัวเรื่องนี้ต้องให้มีการตรวจสอบที่ดี ไม่ใช่แย้งแต่ต้นแล้วก็ไม่ต้องทำอะไรกัน (ไม่ทำเท่ากับไม่ผิดเพราะไม่เคยทำอะไรเลย)

ปล. หลุดจาก top pick เจ้าของกระทู้มาไกลแล้วครับ ขอโทษที เรื่อง QE อย่างที่ตอบไปข้างต้นผมว่ามีความแตกต่างกัน ครับ เพราะประเทศที่ออกเหล่านั้นมีปัญหาด้าน ศก. ออกมาเพราะปลดหนี้ภาคเอกชนโดยโอนไปเป็นหนี้รัฐแทน เพราะถ้าเอกชนเจ๊ง รัฐจะเจ๊งด้วย แต่ถ้ารัฐรับหนี้ไปก่อน เอกชนไม่เจ๊ง รัฐยังฟื้นได้ครับ

ถ้าศึกษาให้ดี เราควรสร้างสนามบิน แต่ไม่ใช่ที่หนองงูเห่า
เราเสียค่าถมทราย ในที่หนองเพื่อสร้างสนามบิน ทำให้ราคาที่ดินแพงมาก
คิดต่อ ตรม ราคาสนามบินเราแพง กว่าของ จีนทั้งๆที่เค้าสร้างหลังเรา เป็นสิบปี
แพงกว่าสนามบินในเยอรมัน ทั้งๆที่ค่าแรงเค้ามากกว่า เราเป็นสิบเท่า
และยังขวางทางน้ำไม่ให้ไหลลงทะเล ทำให้ กทม ฝั่งตะวันตก น้ำท่วมเละเทะ
คน ที่ค้าน ไม่ได้ค้านการสร้าง infrastructure
เค้าค้าน ที่ว่า สร้างแบบไหน ที่ไหน ด้วยวิธีการแบบไหน
กรณี 2 ล้านล้าน ถ้าไม่คิดจะโกง ก็ควรศึกษา ว่าจะสร้างอะไรที่ไหน อย่างไร
ถ้าจะสร้างรถไฟ ก็ควร ระบุ ว่า ที่ไหน ขนาดไหน อย่างไร ที่คุ้มค่า ทาง ศก ก่อนจะกู้
ประเทศที่เจริญ ไม่ใช่ว่าตะบี้ตะบันสร้าง ไม่สนใจว่าคุ้มไม่คุ้ม
ประเทศไทย เป็นเทศที่จน มีเรื่องต้องใช้เงินอีกเยอะ
ถ้าสร้างในสิ่งที่คุ้มเหมาะสม ก็จะสร้างได้หลายอย่าง หลายที่
ง่ายๆ ถ้า เราเป็นครอบครัวที่กำลังสร้างเนื่อสร้างตัว
เราต้องการ บ้าน รถ และเครื่องอำนยความสดวกพอสมควร
เพื่อความ สุขสบาย และทำให้เราสามรถ ประกอบอาชีพได้ดีขึ้น
เราจะทำอย่างไร กู้เงิน หรือไม่กู้เลย
สำหรับผม กู้แน่ๆ แต่ต้องคิดว่าจะซื้ออะไร เท่าไหร่ ที่เหมาะสม แล้วจึงทำเรื่องกู้
ในแง่เอกชน การกู้ทุกครั้ง เราต้องมีโครงการณ์ บอกว่าจะทำอะไร เท่าไหร่ มีรายได้เท่าไหร่
แต่ รัฐบาล เลือกที่จะกู้มาก่อน แล้ว ค่อยคิดว่าทำอะไร
และบอกว่าจะทำรถไฟฟ้าความเร็วสูง
โดยที่ยังไม่ทำ feasibility study แต่ทำโรดโชว์ ใช้เงินหลายร้อยล้านไปหลอกคนไทยว่า
รถไฟความเร็วสูงดี
ประเทศไทย ถลุงเงิน ผลาญเงินมาเยอะแล้ว
รถดับเพลิง หกพันล้าน จ่ายเงินแล้ว แต่ จอดทิ้งไว้ ไม่ได้ทำอะไร
น่าขยะแขยง เรามีรถดับเพลิงมากกว่า พนักงานดับเพลิง
เขื่อนราศรีไศล ทำมาแล้ว แต่ต้องเปิดทิ้งเพื่อให้ปลาไปวางไข่
ชาวบ้านโวยเพราะ ทำให้แม่น้ำปลาหายหมด ถ้าศึกษาให้ดีเขื่อนนี้ก็ไม่ควรสร้าง
การโกงของนักการเมืองทำให้
1 สร้างในสิ่งที่ควรสร้างในราคาสูงเกินไป ทำให้ประเทศเป็นหนี้ เป็นภาระต่อลูกหลาน
2 สร้างในสิ่งที่ไม่ควรสร้าง เป็นภาระในการบำรุงรักษา และใช้ประโยชน์ได้น้อย บางทีไม่ได้ใช้
ลูกหลาน ก็รับภาระหนี้ไป จาก ความเห็นแก่ตัวของ คนรุ่นนี้

เอ่อ ไม่ทราบว่าได้ไปดูงานที่รบโชว์หรือเปล่าครับ555

เศรษฐกิจระดับมหภาคไม่ง่ายตามตรรกะโดยทั่วไปจะคิดได้ง่ายๆนะครับ

ผมคิดว่าน่าจะมีวิธีการได้เงิน 2 ล้านๆฟรีๆ โดยที่รัฐบาลไม่ต้องเสียดอกเบี้ยสักสตางค์ และไม่ต้องจ่ายเงินต้นด้วยครับ

เรื่องนี้ต้องฝากให้นักเศรษฐศาสตร์ ผู้มีความรู้ทั้งในรัฐบาล ราชการ และนักวิชาการช่วยกันคิดล่ะครัย
ผมเชื่ออย่างนั้นจริงๆครับ

patongpa เขียน:งบ2ลล มันก็คือจุดหมายเดียวกะคิวอีนี่แหละ ผลจะเป็นไง7ปีรู้กัน

อืมม์ น่าคิดครับ

คุณ CARPENTER ครับ ไม่มีใครอยากให้ประเทศไม่พัฒนาหรอกครับ อย่างแรกผมว่าคุณลองอ่านเอกสารดูก่อนว่าข้อมูลที่อยู่ในนั้นเพียงพอหรอไม่ เพราะเขามีแยกต้นทุนเป็นรายโครงการย่อยด้วยซ้ำ มีทั้งรถไฟรางเดี่ยว รางคู่ รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง

การที่เราตั้งธงมาก่อน เราก็เกิดความไม่เชื่อถือในข้อมูล ถึงแม้เขาจะทำมาแล้วเราก็คิดว่าเขาไม่ได้ทำอยู่ดี ซึ่งไม่น่าจะเป็นกลางและถูกต้องซักเท่าไหร่ โครงการที่ยกมาก็ยกแต่โครงการที่คุณคิดว่าไม่ดี โครงการดีๆก็มีเยอะนะครับ มองให้เป็นธรรม ไม่มีคนทำถูกทุกเรื่องหรอกครับ แม้แต่ในเมืองนอกเองก็ตามครับ

วรันศ์ บัฟเฟต เขียน:สร้างฟองสบู่ใหม่เพื่อแก้ไขวิกฤตฟองสบู่เดิม

แค่ฟังก็พอรู้จะจบยังไง

ผมเห็นต่างครับ.. เขาเอาเงินที่เกือบไม่มีต้นทุน มาปั่นแล้วเอากำไรจากประเทศฝั่งตะวันออก จากนั้นขนกำไรกลับไป

ต้นทุนต่อหน่วยการขนส่งสินค้า (บาท/ตัน-กิโลเมตร)
ถนน 1.72 บาท/ตัน-กม.
ราง 0.93 บาท/ตัน-กม.
น้า 0.64 บาท/ตัน-กม.
ที่มา: โครงการศึกษาวิเคราะห์ระบบโครงสร้างต้นทุน

TDRI เห็นพ้อง รบ.ลงทุนขยายรถไฟรางคู่-ปรับโครงสร้าง ร.ฟ.ท.

รถไฟรางคู่คือสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
นักวิชาการ รู้เรื่องนี้ มามากกว่า 50ปีแล้ว นักการเมืองก็รู้
แทนที่จะรีบ ศึกษาและสร้าง รถไฟรางคู่ พัฒนาการส่งสินค้าโดยรถไฟ
ไม่ทำ ไม่คิดจะทำ เอาทุกอย่างมารวมกัน แทนที่ เสนอ และกู้ทีละโครงการณ์
การเอามารวมๆกันทำให้ งานช้าใครๆก็รู้ แต่ทำให้โกงได้ง่าย โกงได้เยอะ
ทำไม นักการเมืองชอบทำอะไรที่มันยุ่งยาก และไร้เหตุผล
ไม่แปลกใจหรือ คุณ Sumotin

กฎกติกาของเวปไซด์ไทยวีไอ ชัดเจนว่าห้ามโฟสต์เรื่องการเมือง
หากมีสมาชิกบางท่าน ไม่เคารพกฎกติกา
สังคมแห่งนี้จะอยู่ได้อย่างไรครับ

ที่ผมโพสต์ เพราะ ผมกลัวคนเข้าใจผิด
หลายคน โพสต์ เชียร์ ผลงานของนักการเมือง
หลายคนโพสต์ยกย่องนักการเมือง
หลายคนโพสต์ แก้ต่างให้นักการเมือง
ผมโพสต์ ตาม ความจริงเท่านั้น
ถ้าไม่มีใครเชียร์ ไม่แก้ต่าง ไม่ยกย่องนักการเมือง ผมก็จะไม่โพสต์
สังคมนี้ คงอยู่ได้ และอยู่ได้อย่างดี
แต่ ถ้าคนไทย ยัง เข้าใจผิดๆเกี่ยวกับนักการเมือง
สังคมที่ใหญ่กว่านั้นคือสังคมของ คนหกสิบล้าน อนาคตของคนรุ่นหลัง อยู่ลำบาก

vim เขียน: ...
...

เราเรียกกันว่าเป็นการ"พิมพ์ธนบัตร" โดยการเปรียบเทียบทำนองว่าสร้างเงินขึ้นมาเอง แต่หลายคนอาจสับสนนึกว่าเป็นการพิมพ์จริงๆ เลยเข้าใจผิดกันไปใหญ่

...
...

สอบถามครับ ตกลงการออก QE ของ US ไม่ใช่การพิมพ์ธนบัตรออกมากว้านซื้อพันธบัตรต่างๆหรอครับ
เช่นนั้น เงินที่ใช้กว้านซื้อพันธบัตรนั้นมาจากไหนครับ กองทุนสำรองของ FED หรือเปล่าครับ?

ขอบคุณ คุณ carpenter ที่เข้าใจ
การเมืองทำให้คนคิดต่างกัน ทั้งที่ทุกคนหวังดีต่อประเทศชาติ
สังคมถูกแบ่งแยกมากพอแล้ว
ขอพื้นที่เล็กๆในสังคมแห่งนี้ ไม่พูดเรื่องการเมือง
แบ่งปันความรู้การลงทุน แบบพี่แบบน้องจะดีกว่า

ขอบคุณ ครับท่านนายก