หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ก.ล.ต. ลงโทษผูเบริหารและมาร์เก็ตติ้ง CGS รวม 8 ราย

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 07, 2013 6:00 pm
โดย วรันศ์ บัฟเฟต
ก.ล.ต. ลงโทษผูเบริหารและมาร์เก็ตติ้ง CGS รวม 8 ราย

ก.ล.ต. ลงโทษ "วีระชัย ครองสามสี" และมาร์เก็ตติ้ง CGS รวม 8 ราย มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.นี้

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ลงโทษผู้บริหารและผู้แนะนำการลงทุนสังกัดบล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) รวม 8 ราย โดยห้ามการปฏิบัติหน้าที่ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ราย นายวีระชัย ครองสามสี และนางสาวปัทมาวดี วรรณวุฒิพงศ์ เพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนรายนายวีรพงศ์ สิริสัมฤทธิ์ นายกฤศณสรรค์ ธีรพรอมรรัตน์ นายธรรมวิทย์ ไต่วัลย์ นายพงศกร แจงตระกูล นายณัฐพล ตันติศักดิ์ชัยชาญ

และพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์การลงทุนรายนายวีระชัย ครองสามสี และพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้แนะนำการลงทุนรายนางสาวอุไรวรรณ ปานะสุทธะ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2556
จากเรื่องร้องเรียนของผู้ลงทุนและรายงานการตรวจสอบของ บล. คันทรี่ ก.ล.ต. ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายวีรพงศ์และนายกฤศณสรรค์ได้ร่วมกันซื้อหุ้น PAO นอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลาดหลักทรัพย์ฯ) ก่อนหน้าที่หุ้น PAO จะกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเก็งกำไร และใช้บัญชีหลักทรัพย์ของลูกค้าในการรับโอนและฝากหุ้น โดยนายวีรพงศ์ได้ประโยชน์เป็นเงินส่วนลดจากการซื้อและกำไรส่วนต่างจากการขายหุ้น PAO ให้กับลูกค้าของตน 2 ราย และผู้แนะนำการลงทุนรายนายธรรมวิทย์

ด้านนายกฤศณสรรค์ ได้ให้นายพงศกรและนายณัฐพลไปหาลูกค้ามาซื้อหุ้น PAO ต่อ โดยผู้แนะนำการลงทุนทั้งสองบอกต่อไปยังผู้แนะนำการลงทุนรายนางสาวอุไรวรรณ ซึ่งนางสาวอุไรวรรณแนะนำหุ้น PAO แก่ลูกค้าโดยไม่เป็นกลางและตามหลักวิชาชีพ รวมทั้งไม่มีเอกสารสนับสนุน ทำให้ลูกค้าซื้อหุ้น PAO จากนายกฤศณสรรค์ และนายกฤศณสรรค์ได้นำกำไรที่ได้รับจากการขายหุ้น PAO มาแบ่งให้นายพงศกร นายณัฐพล และนางสาวอุไรวรรณ

เมื่อหุ้น PAO กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว นางสาวอุไรวรรณได้ให้คำแนะนำในลักษณะดังกล่าวกับลูกค้าอีก นอกจากนี้ นายพงศกรและนายณัฐพลได้ซื้อหุ้น PAO ต่อจากนายกฤศณสรรค์และฝากหุ้นไว้ในบัญชีหลักทรัพย์ลูกค้าของนายวีรพงศ์ ทั้งนี้ เมื่อหุ้น PAO กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ นายวีรพงศ์ได้สั่งขายหุ้น PAO ของผู้แนะนำการลงทุนทุกรายข้างต้น

การกระทำของนายวีรพงศ์ นายกฤศณสรรค์ นายพงศกร และนายณัฐพล เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่นอกขอบเขตที่ได้รับมอบหมาย แสวงหาประโยชน์จากลูกค้าโดยอาศัยโอกาสในการปฏิบัติงาน และใช้บัญชีหลักทรัพย์ของลูกค้าซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองและบุคคลอื่น ในขณะที่การกระทำของนางสาวอุไรวรรณเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่นอกขอบเขตที่ได้รับมอบหมาย แสวงหาประโยชน์จากลูกค้าโดยอาศัยโอกาสในการปฏิบัติงาน ให้คำแนะนำโดยไม่เป็นกลางและตามหลักวิชาชีพ ไม่มีเอกสารสนับสนุน หรือเผยแพร่หรือบอกต่อข่าวลือ

และสำหรับการกระทำของนายธรรมวิทย์ เข้าข่ายใช้บัญชีหลักทรัพย์ของลูกค้าซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเอง อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ข้อ 20(1) และ (2) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทลธ. 3/2555 เรื่อง การให้ความเห็นชอบบุคลากรของผู้ประกอบธุรกิจเพื่อปฏิบัติหน้าที่วิเคราะห์การลงทุนและแนะนำการลงทุน ลงวันที่ 18 มกราคม 2555 (ประกาศ ที่ ทลธ. 3/2555)

ก.ล.ต. จึงเพิกถอนการให้ความเห็นชอบผู้แนะนำการลงทุนด้านตลาดทุนรายนายวีรพงศ์ และรายนายกฤศณสรรค์ โดยกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นเวลา 3 ปี และ เพิกถอนการให้ความเห็นชอบผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์รายนายพงศกร และรายนายณัฐพล โดยกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน

พร้อมทั้ง เพิกถอนการให้ความเห็นชอบผู้แนะนำการลงทุนด้านตลาดทุนรายนายธรรมวิทย์ โดยกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นเวลา 1 ปี และ สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์รายนางสาวอุไรวรรณ เป็นเวลา 7 เดือน

กรณีนายวีระชัยและนางสาวปัทมาวดี ก.ล.ต. พบข้อเท็จจริงว่า นายวีระชัย ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการสายตราสารทุนและเป็นนักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ ได้มอบหมายให้นางสาวปัทมาวดี ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายตราสารทุน ดูแล วิเคราะห์การลงทุน และแนะนำการลงทุนต่อลูกค้า โดยที่นายวีระชัยทราบอยู่แล้วว่านางสาวปัทมาวดีไม่ได้รับความเห็นชอบเป็นนักวิเคราะห์การลงทุนหรือผู้แนะนำการลงทุน ซึ่งนางสาวปัทมาวดีได้มีการวิเคราะห์การลงทุนและแนะนำการลงทุนต่อลูกค้าภายใต้การดูแล

นอกจากนี้ นายวีระชัยและนางสาวปัทมาวดีได้ปฏิบัติหน้าที่นักวิเคราะห์การลงทุนโดยที่ บล. คันทรี่ ไม่ได้มอบหมาย อีกทั้งนายวีระชัยได้แนะนำการลงทุนกับลูกค้า 2 รายทางโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นการไม่บันทึกการให้คำแนะนำการลงทุนที่ให้แก่ลูกค้า

การกระทำของนายวีระชัยเป็นการประพฤติผิดต่อหน้าที่และขาดความรับผิดชอบหรือความรอบคอบเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ ส่วนการกระทำของนางสาวปัทมาวดี เป็นการวิเคราะห์การลงทุนและแนะนำการลงทุน โดยไม่ได้รับความเห็นชอบเป็นนักวิเคราะห์การลงทุนหรือผู้แนะนำการลงทุนจาก ก.ล.ต. ซึ่งเป็นการประพฤติผิดต่อหน้าที่ อันเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนตามข้อ 6(1) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทธ/น/ข. 37/2553 เรื่อง ลักษณะต้องห้ามของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553 และเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์ตามข้อ 3 แห่งประกาศ ที่ ทธ/น/ข 58/2552 เรื่อง คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอย่างอื่นของกรรมการและผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์ ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2552 และสำหรับการที่นายวีระชัยที่ไม่บันทึกการให้คำแนะนำ เป็นการปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้อ 20(3) แห่งประกาศ ที่ ทลธ. 3/2555 ก.ล.ต. จึง

ห้ามนายวีระชัยปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 2 ปี 2 เดือน รวมทั้งสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ตามอายุการให้ความเห็นชอบที่เหลือถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2557 และกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนจากวันที่ 31 ธันวาคม 2557 จนครบกำหนด 2 ปี 2 เดือน นับแต่วันที่คำสั่งพักมีผล สำหรับการประพฤติผิดต่อหน้าที่ และเปิดเผยพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมให้สาธารณชนทราบ สำหรับการไม่บันทึกการให้คำแนะนำ และห้ามนางสาวปัทมาวดีปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 1 ปี และกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นเวลา 1 ปี