Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมยังรอลุ้นอยู่เลย คาดว่า 11/11/13 บริษัทที่ผมถือจะประกาศผลแล้ว
ถ้าผลประกอบการดี ผมก็จะกัดฟันถือต่อไป (ด้วยความหวัง)
แต่ถ้าผลประกอบการไม่ดี ผม ก็คงต้องเครียด (จำใจต้องถือต่อไป)
เพราะ ภาวะแบบนี้ ราคาลงมาเยอะแล้ว (ไม่รู้ว่าจะลงมาอีกไม๊)

รอหลายตัวเลยครับ แต่ละตัวซี้ดๆทั้งนั้น ถ้าออกมาไม่ดีคงต้องมองไปข้างหน้าว่าจะกลับมาได้มั้ยครับ คิดหนักๆๆ

ตั้งแต่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 เมื่อเดือนพฤษภาคม ไตรมาส 2 เมื่อเดือนสิงหาคม
ตลาดแทบไม่สะท้อนผลประกอบการเลย ผลประกอบการไตรมาส 3 ซึ่งกำลังประกาศในช่วงนี้
ก็อาจมีสภาพเดียวกัน เป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับพอร์ตลงทุน

แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับหุ้นของกิจการที่มีการเติบโตของรายได้และผลกำไร
มาอย่างต่อเนื่องทั้งปีนี้และยังคาดหวังการเติบโตที่น่าตื่นตาตื่นใจได้อีกในปีหน้า(ที่ใกล้จะมาถึง)

อย่างไรเสีย ตลาดก็จะต้องสะท้อนผลประกอบการที่เติบโตนั้นจนได้(สักวัน)

ปีนี้ไม่สะท้อนเลยก็ไม่ว่ากัน แต่อย่าลืมทบต้นทบดอกปีหน้านะคร้าบ...เจ้ามือตัวจริง


แนวคิด มุมมอง
http://www.facebook.com/pages/Prichar/277050152437577

ยังลุ้นอยู่ครับ

ระยะสั้นตามข่าว ระยะยาวตามผลประกอบการ นะครับ

ต้องใช้คำว่าจำใจเลยหรือครับ

งบ q3 สะท้อนอดีตไปแล้วครับ ก็ต้องดูในรายละเอียดว่าที่ผ่านมาเป็นยังไง แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นของปัจจุบันที่อาจกระทบอนาคต ผมคิดว่าถ้าจบไม่สวยมีโอกาสกระทบพื้นฐานประเทศหลายๆด้านครับ ดังนั้นขึ้นอยู่กับ scenario ของ outcome ต่างๆ อาจจะมีกลุ่มกิจการที่ถูกกระทบได้ครับ ถามว่ากลุ่มไหนระยะสั้นระยะยาวผมก็บอกไม่ได้เหมือนกันต้องรอดูตอนจบ ส่วนตอนนี้ผมว่าน่าจะยังไม่มีอะไร ดูห่างๆอย่างห่วงๆ

micky1115 เขียน:ระยะสั้นตามข่าว ระยะยาวตามผลประกอบการ นะครับ

ก็หวังว่าสถานการณ์จะไม่เกิดเหตุให้กระทบผลประกอบการระยะกลางถึงยาวครับพี่ชู

วรันศ์ บัฟเฟต เขียน:

micky1115 เขียน:ระยะสั้นตามข่าว ระยะยาวตามผลประกอบการ นะครับ

ก็หวังว่าสถานการณ์จะไม่เกิดเหตุให้กระทบผลประกอบการระยะกลางถึงยาวครับพี่ชู

สมมติว่าเกิดสิครับคุณวรันศ์ แล้วเราควรจะทำอย่างไรครับ? ขอคำแนะนำด้วยครับผม

โอกาสที่"ราคา" กับ "มูลค่า" จะแตกต่างกันได้มาก
ก็โอกาสแบบนี้หละ วีไอมีที่ยืน เพราะหาประโยชน์จากความแตกต่างนี้
อย่าเพิ่งลืมเลือนว่า ตลาดรับใช้เรา ไม่ใช่เรารับใช้ตลาด

เหมือนจขกท จะถือหุ้นตัวเดียว
กระจายบ้างก็ดีครับ เผื่ออะไรๆไม่เป็นตามที่เราคิด จะได้ไม่เสียหายมาก

ผมขอแสดงความเห็นนะครับ

1) ปัญหานี้เป็นปัญหาระยะสั้น ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยผ่านมา

2) ผมจะไม่ขายหุ้นและใช้นโยบายเดิม

และ 3) เราต้องตายก่อนประเทศชาติ ประสาอะไรกับพอร์ตของเราเดี๋ยวมันก็กลับมา

ตอนอเมริกามีปัญหา ปู่วอร์เรนเขียนบทความ Buy America

สำหรับวีไอ ลงทุนในบริษัทที่รักทะยอยซื้อเพิ่มเมื่อบริษัทมีปัญหาชั่วคราวจริงมั๊ย

ผมคนไทย เกิดเมืองไทย โตเมืองไทย ลงทุนเมืองไทย ผมจะยืนหยัด

Buy Thailand ครับพวกเรา Buy Thailand Buy Thailand มองกระจกหน้าไว้ อย่าสนใจกระจกหลัง

CARPENTER เขียน:ผมยังรอลุ้นอยู่เลย คาดว่า 11/11/13 บริษัทที่ผมถือจะประกาศผลแล้ว
ถ้าผลประกอบการดี ผมก็จะกัดฟันถือต่อไป (ด้วยความหวัง)
แต่ถ้าผลประกอบการไม่ดี ผม ก็คงต้องเครียด (จำใจต้องถือต่อไป)
เพราะ ภาวะแบบนี้ ราคาลงมาเยอะแล้ว (ไม่รู้ว่าจะลงมาอีกไม๊)

เอ่อ...ต้องจำใจถือเพราะผลประกอบการไตรมาสเดียวเลยหรือครับนี่
แบบนี้ต้องลุ้นตัวโก่งทุกไตรมาสเลยนะครับ...^^)

ส่วนตัวผมถือลงทุนระยะยาว ตัวที่ถือนานสุดตอนนี้ 5 ปี จากการลงทุน 7 ปีกว่าๆ ระยะสั้นอย่างรายไตรมาสผมไว้ check ผลประกอบการเฉยๆว่ายังเป็นไปตามที่เราคิดหรือเปล่า ส่วนภาวะการณ์ไหนก็ถือมาตลอด แม้ในช่วง อุ๋ย 100 จุด hamburger crisis etc. ก็ยังไม่เคยล้าง port เลยสักครั้งครับ

Plant เขียน:

CARPENTER เขียน:ผมยังรอลุ้นอยู่เลย คาดว่า 11/11/13 บริษัทที่ผมถือจะประกาศผลแล้ว
ถ้าผลประกอบการดี ผมก็จะกัดฟันถือต่อไป (ด้วยความหวัง)
แต่ถ้าผลประกอบการไม่ดี ผม ก็คงต้องเครียด (จำใจต้องถือต่อไป)
เพราะ ภาวะแบบนี้ ราคาลงมาเยอะแล้ว (ไม่รู้ว่าจะลงมาอีกไม๊)

เอ่อ...ต้องจำใจถือเพราะผลประกอบการไตรมาสเดียวเลยหรือครับนี่
แบบนี้ต้องลุ้นตัวโก่งทุกไตรมาสเลยนะครับ...^^)

ที่ผมรู้สึกจำใจถือเพราะ ผมรู้สึกไม่ดีต่อทรรศนะคติของคนไทยเลย
โดยเฉพาะพวก นักวิเคราห์ นักลงทุน เจ้าของบริษัทใหญ่ ที่ออกม์าให้สัมภาษณ์
ให้การสนับสนุน เงินกู้ 3.5 แสนล้าน 2.2ล้านล้าน จำนำข้าว
ซึ่งแต่ละเรื่อง ผมมองลบมากๆ
เมื่อวานคนไทย เฮ เรื่องผลการตัดสินของศาลโลก (ผมทั้งงงทั้งหดหู่)
เมื่อ เดือนก่อน บริษัทประกันจะรวมหัวกันฟ้อง บริษัทประกันภัยต่อของฝรั่งเศส
เจ้าหน้าที่ ไทยมาปรามว่าให้บริษัทประกันระมัดระวังความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
แปลว่า คนไทย ธุรกิจไทย ยินดีให้ถูกเอาเปรียบดีกว่า ทำให้ ต่างชาติไม่พอใจ
ซึ่งถ้าคนไทย+รัฐบาลไทย+สื่อสารมวลชนไทยยังเป็นแบบนี้ ผมไม่สะบายใจที่จะซื้อประเทศไทย
ส่วนเรื่องลุ้นผลประกอบการ ผมก็ลุ้นทุกไตรมาสแหละ (เหมือนกับลุ้นผลสอบสมัยเรียน)
พร้อมกันนั้น ก้็ดูผลประกอบการสรุปทุกบริษัท ว่ามีบริษัทไหนน่าสนใจบ้าง
ส่วนมากก็ได้หุ้นใหม่ๆ ที่น่าสนใจ จากการดูแบบนี้ แล้ว ค่อยไปดูโมเดลธุรกิจอีกที้
ปกติ ก็ปรับพอร์ตบ้าง ใน ช่วงประกาศผล ในปริมาณที่คิดว่าเหมาะสม (5%-20%)
จริงๆที่ทำแบบนี้ ก็มาจากการอ่านหนังสือ และงานวิจัยไม่ได้คิดเอง

CARPENTER เขียน:ที่ผมรู้สึกจำใจถือเพราะ ผมรู้สึกไม่ดีต่อทรรศนะคติของคนไทยเลย
โดยเฉพาะพวก นักวิเคราห์ นักลงทุน เจ้าของบริษัทใหญ่ ที่ออกม์าให้สัมภาษณ์
ให้การสนับสนุน เงินกู้ 3.5 แสนล้าน 2.2ล้านล้าน จำนำข้าว
ซึ่งแต่ละเรื่อง ผมมองลบมากๆ
เมื่อวานคนไทย เฮ เรื่องผลการตัดสินของศาลโลก (ผมทั้งงงทั้งหดหู่)
เมื่อ เดือนก่อน บริษัทประกันจะรวมหัวกันฟ้อง บริษัทประกันภัยต่อของฝรั่งเศส
เจ้าหน้าที่ ไทยมาปรามว่าให้บริษัทประกันระมัดระวังความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
แปลว่า คนไทย ธุรกิจไทย ยินดีให้ถูกเอาเปรียบดีกว่า ทำให้ ต่างชาติไม่พอใจ
ซึ่งถ้าคนไทย+รัฐบาลไทย+สื่อสารมวลชนไทยยังเป็นแบบนี้ ผมไม่สะบายใจที่จะซื้อประเทศไทย
ส่วนเรื่องลุ้นผลประกอบการ ผมก็ลุ้นทุกไตรมาสแหละ (เหมือนกับลุ้นผลสอบสมัยเรียน)
พร้อมกันนั้น ก้็ดูผลประกอบการสรุปทุกบริษัท ว่ามีบริษัทไหนน่าสนใจบ้าง
ส่วนมากก็ได้หุ้นใหม่ๆ ที่น่าสนใจ จากการดูแบบนี้ แล้ว ค่อยไปดูโมเดลธุรกิจอีกที้
ปกติ ก็ปรับพอร์ตบ้าง ใน ช่วงประกาศผล ในปริมาณที่คิดว่าเหมาะสม (5%-20%)
จริงๆที่ทำแบบนี้ ก็มาจากการอ่านหนังสือ และงานวิจัยไม่ได้คิดเอง

....^^)

ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับว่าบริษัทที่คุณลงทุนเป็นบริษัทในลักษณะไหน ถ้ารายได้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการประมูลงานจากภาครัฐก็คงต้องลุ้นกันไป และมองภาพว่าแย่ที่สุดเป็นยังไง กลางๆเป็นไง ดีที่สุดเป็นยังไง ทีสุดแล้วควรถือ ควรขาย หรือควรซื้อเพิ่ม แต่หากคุณลงทุนในบริษัทที่มีรายได้สมํ่าเสมอ และการเมืองไม่กระทบมาก หากราคาลงมาอาจเป็นโอกาสในการลงทุน เพราะบริษัทก็ยังดีเหมือนเดิม ราคาลง มูลค่าของบริษัทไม่ได้ลดลงตามนะครับ ส่วนที่บอกว่าจําใจถือผมว่าไม่สมควร ถ้าถือแล้วมันไม่สบายใจก็ขายไปดีกว่า เพราะมันอาจไม่คุ้มกับการเสียสุขภาพจิตน่ะครับ

ลุ้นว่าบริษัทที่ลงทุนมันจะกระทบมากน้อยขนาดไหน

หากอยู่ในภาวะที่รับได้ก็ถือต่อไป

การปรับพอร์ตในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวผมว่ามันดูออกยากว่าอันไหนดีจริงหรืิไม่ดีจริง
ส่วนตัวผมก็ยังมองว่าแม้เศรษฐกิจจะไม่ดี แต่ย่อมดีกว่าฝากเงินธนาคารอย่างแน่นอน

วรันศ์ บัฟเฟต เขียน:

micky1115 เขียน:ระยะสั้นตามข่าว ระยะยาวตามผลประกอบการ นะครับ

ก็หวังว่าสถานการณ์จะไม่เกิดเหตุให้กระทบผลประกอบการระยะกลางถึงยาวครับพี่ชู

ครับท่านวรันศ์

ผมยอมรับความจริงข้อนึงนะครับ ตลาดมีประสิทธิภาพ ภาพที่เห็นในวันนี้ เกิดจากผลในกาลข้างหน้า

และก้เป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาทั้งเรื่อง macro economic และเรื่องการเมือง บางทีเราอาจจะเดาถูกหรือผิดก้ได้

แต่โดยส่วนตัว จะมองว่า ทุกวิกฤติ ก้มีโอกาศเสมอครับ เราควรมองตัวหุ้นเป็นหลักจริงๆ ว่ากิจการเรากระทบไหม

ถามผมว่า โอกาศที่หุ้นจะลงแรงๆกว่านี้ มีไหม ผมให้แค่ 1ใน5 คือ 20% ถ้าม๊อฟสามารถทำให้GDP<3ก้อาจจะได้เห็น

แต่โอกาศไปปักกิ่ง ในระยะ5ปี ผมมองว่า มากกว่าตีให้ที่ 4/5 พื้นฐานบ้านเราไม่ได้ด้อยกว่า อินโด ฟิลิปินส์ รวมถึง

การเบิกจ่ายเงิน 2.2 ลล และ AEC ก้น่าจะช่วยได้ครับ


ถ้าถามผมว่า ยามนี้ควรทำยังไงดี ผมแนะนำว่า คงต้องเลือกครับ ตลาดหุ้นตอนนี้เหมือนเพชร+โคลน ใครตาถึงๆ

ยังไงก้ต้องหยิบได้เพชรครับ แม้จะเปื้อนโคลนจนแยกยาก ให้เรามองหุ้นให้เป็นกิจการครับ เอาง่ายที่สุดและดูโง่สุดๆ

และออกไปดูกิจการนั้นด้วยตาของเรา ไปลองใช้ ไปลองกิน ไปลองเที่ยว แล้วดูว่า คนชอบไหม คนเยอะไหม ลูกค้าชอบไหม

ถ้าใช่ ถ้าชอบ ถ้าคนไปเดินเยอะ หรือ คนพูดถึงบ่อยๆ วัยรุ่นรู้จัก เราค่อยเอามา วิเคราะห์ ปริมาณและคุณภาพ

ถ้าแพงก้ต่อราคา ถ้าถูกก้เหมาๆ เข้ามาก่อนคนแย่งไป ถ้ากลางๆก้ รับไปบ้าง แล้วต่อราคาเพิ่ม

ผมเชื่อในคำซือแป๋ พี่นริส ครับ ระยะสั้นตามข่าว ระยะยาวตามผลกำไร

เมื่อก่อนผมอาจจะผูกเซทกับหุ้น แต่ตอนนี้ เซทเป็นยังไงก้เป็นไป กิจการผมจะดีไม่ดี จะเอาหุ้นแค่ 50 ตัวหรือ 100 ตัว

มากำหนดไม่ได้หรอกครับ ต้องมองที่กิจการจริงๆ ของหุ้นว่า มันกำลังจะเจริญขึ้น หรือจะเจริญฮวบๆ

หุ้นก้คือหุ้นส่วน หรือเจ้าของ ถ้ากิจการจะดี อนาคตจะกำไร หรือกำลังจะเจริญการทิ้งหุ้นเพราะกลัว เซท ย่อมจะแปลว่า

เรากลัว แค่ราคาที่ขึ้นลง เราไม่ได้มองที่พื้นฐาน

จะเซท จะม๊อฟ จะQE จะรัฐบาล หรือ macro economic มองได้ แต่อย่าชอบครับ มองแค่ว่า กิจการในมือตอนนี้ ถูกหรือแพง

และอย่าลำเอียง