ภาษีบุคคลธรรมดา เดิมพันนี้สูงมาก
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 04, 2014 10:57 pm
การลดภาษีบุคคลธรรม เริ่มลดลงเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2556
มีอายุการใช้กฏหมายนี้คือ ปีภาษี 2556 และ ปีภาษี 2557 เท่า่นั้นตามกฏหมายฉบับนี้ที่ออก
ออกมาเพื่อให้ประชาชนมีกำลังในการซื้อสินค้า จับจ่ายสินค้า เพิ่มขึ้น
ซึ่งกว่าจะเป็นแบบนั้น ก็ต้องใช้เวลาซักพัก
คือ อย่างน้อย 3 เดือนแรกของการยื่นภาษี ของปีภาษี 2556
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรกว่าจะเริ่มงานตรวจสอบแบบที่ยื่นก็ประมาณอาทิตย์ที่ 3 ของเดือน มกราคม 2557 เริ่มคืนภาษีได้ละ
ดังนั้นการคืนภาษีงวดนี้เหมือนกับ รัฐเปรยเม็ดเงินใส่มือประชาชนทางอ้อมหลังจากรู้ว่า
หนี้สินภาคครัวเรือนอยู่ในระดับสูงเกินไปตามที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาให้ข่าวก่อนหน้าที่ว่า
กลัวเรื่องหนี้สินภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงมาก ทำให้ฉุดเศรษฐกิจปักหัวลง
โดยหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงมากจากต้นตอคือ
1. โครงการรถยนต์คันแรก
2. โครงการบ้านหลังแรก
3. โครงการซ่อมบ้านจากน้ำท่วม
เป็นหลัก เลยทำให้หนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น
ประกอบกับ ประชาชนได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาททั่วประเทศ แต่สิ่งที่ได้มานั้น คือค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาททำให้อัตราเิงินเดือนทั้งระบบปรับตัวสูงขึ้นไปด้วย แต่สิ่งที่สูญเสียคือ การตัดสวัสดิการต่างๆ เช่น OT (ผู้ทำงานได้มาพอๆกับเงินเดือน หรือ ประมาณครึ่งหนึ่งของเงินเดือนเลยก็มี) ,ค่าช่วยเหลือค่าครองชีพ เป็นต้น โดยตัดทิ้ง
ถ้าหากรัฐบาลไม่ได้ช่วยเหลือจุดนี้ เศรษฐกิจคงไปต่อมิได้ละ
ดังนั้น คำพูดของ อดีตประธานาธิปดี เรเกน สามารถสรุปเรื่องได้เพียง 3 ประโยคดังนี้
"If it moves ,tax it. (ถ้ามันขยับ เก็บภาษีมัน)
If it keeps moving,regulate it.(ถ้ามันยังขยับอีก ออกกฏควบคุมมัน
If it stop moving,subsidize it." (ถ้ามันหยุดขยับ (ใกล้ตายแล้ว) ช่วยมัน)
อีกคำกล่าวเป็นของ ประธานาธิปดี เจอรัล ฟอร์ด ที่ว่า
"The government big enough to give you everything is big enough to take away everything from you."
(รัฐบาลที่ใหญ่พอที่จะให้คุณได้ทุกอย่าง ก็ใหญ่พอที่จะเอาทุกอย่างจากคุณไปด้วย"
มีอายุการใช้กฏหมายนี้คือ ปีภาษี 2556 และ ปีภาษี 2557 เท่า่นั้นตามกฏหมายฉบับนี้ที่ออก
ออกมาเพื่อให้ประชาชนมีกำลังในการซื้อสินค้า จับจ่ายสินค้า เพิ่มขึ้น
ซึ่งกว่าจะเป็นแบบนั้น ก็ต้องใช้เวลาซักพัก
คือ อย่างน้อย 3 เดือนแรกของการยื่นภาษี ของปีภาษี 2556
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรกว่าจะเริ่มงานตรวจสอบแบบที่ยื่นก็ประมาณอาทิตย์ที่ 3 ของเดือน มกราคม 2557 เริ่มคืนภาษีได้ละ
ดังนั้นการคืนภาษีงวดนี้เหมือนกับ รัฐเปรยเม็ดเงินใส่มือประชาชนทางอ้อมหลังจากรู้ว่า
หนี้สินภาคครัวเรือนอยู่ในระดับสูงเกินไปตามที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาให้ข่าวก่อนหน้าที่ว่า
กลัวเรื่องหนี้สินภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงมาก ทำให้ฉุดเศรษฐกิจปักหัวลง
โดยหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงมากจากต้นตอคือ
1. โครงการรถยนต์คันแรก
2. โครงการบ้านหลังแรก
3. โครงการซ่อมบ้านจากน้ำท่วม
เป็นหลัก เลยทำให้หนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น
ประกอบกับ ประชาชนได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาททั่วประเทศ แต่สิ่งที่ได้มานั้น คือค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาททำให้อัตราเิงินเดือนทั้งระบบปรับตัวสูงขึ้นไปด้วย แต่สิ่งที่สูญเสียคือ การตัดสวัสดิการต่างๆ เช่น OT (ผู้ทำงานได้มาพอๆกับเงินเดือน หรือ ประมาณครึ่งหนึ่งของเงินเดือนเลยก็มี) ,ค่าช่วยเหลือค่าครองชีพ เป็นต้น โดยตัดทิ้ง
ถ้าหากรัฐบาลไม่ได้ช่วยเหลือจุดนี้ เศรษฐกิจคงไปต่อมิได้ละ
ดังนั้น คำพูดของ อดีตประธานาธิปดี เรเกน สามารถสรุปเรื่องได้เพียง 3 ประโยคดังนี้
"If it moves ,tax it. (ถ้ามันขยับ เก็บภาษีมัน)
If it keeps moving,regulate it.(ถ้ามันยังขยับอีก ออกกฏควบคุมมัน
If it stop moving,subsidize it." (ถ้ามันหยุดขยับ (ใกล้ตายแล้ว) ช่วยมัน)
อีกคำกล่าวเป็นของ ประธานาธิปดี เจอรัล ฟอร์ด ที่ว่า
"The government big enough to give you everything is big enough to take away everything from you."
(รัฐบาลที่ใหญ่พอที่จะให้คุณได้ทุกอย่าง ก็ใหญ่พอที่จะเอาทุกอย่างจากคุณไปด้วย"