หน้า 1 จากทั้งหมด 1
…หลักการซื้อกิจการของ Warren Buffettt…
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 02, 2014 10:00 am
โดย mario
…หลักการซื้อกิจการของ Warren Buffettt…
1.เป็นการซื้อมูลค่าสูง (ต้องเป็นกิจการที่มีกำไรก่อนภาษีอย่างน้อย 75 ล้านเหรียญ หรือไม่ก็เป็นกิจการที่เข้ากันได้กับกิจการที่เรามีอยู่)
2.เป็นกิจการที่มีผลกำไรแล้วอย่างสม่ำเสมอ (เราไม่สนใจการทำคาดการณ์อนาคต หรือสถานการณ์ฟื้นตัว)
3.เป็นกิจการที่มีอัตราการทำกำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูง โดยมีหนี้เงินกู้เพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
4.มีผู้บริหารอยู่ในตำแหน่ง (เราไม่สามารถหาให้ได้)
5.เป็นธุรกิจที่ธรรมดาเรียบง่าย (ถ้ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมาก เราจะไม่เข้าใจมัน)
6.เสนอราคามาพร้อม (เราไม่ต้องการเสียเวลาที่จะคุย แม้ในเบื้องต้น เกี่ยวกับธุรกรรมที่ยังไม่ทราบราคา)
ถ้าเราสนใจในกิจการ เราสามารถให้คำตอบ ที่ครบถ้วน เป็นความลับ และรวดเร็ว โดยปกติคือ ภายใน 5 นาที !!!
จากรายงานประจำปี 2013 ของ Berkshire Hathaway
http://www.berkshirehathaway.com/2013ar/2013ar.pdf
Re: …หลักการซื้อกิจการของ Warren Buffettt…
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 02, 2014 12:24 pm
โดย nut776
ขอโฆษณาให้ต่อนะคับ
สามารถ อ่าน บทเต็มได้ใน
หนังสือ เต้นรำ ไปทำเงิน เล่มหนาๆ ของพี่....(ขอโทษคับจำชื่อไม่ได้)
เป็นส่วนนึงของตอนที่ บัฟ จะประกาศซื้อ กิจการ
ลงใน หนังสือพิม
สุดท้าย >>> หาไม่ได้ แม้แต่ ดีลเดียว
ปล ถ้าผมจำไม่ผิดเล่มนะ
Re: …หลักการซื้อกิจการของ Warren Buffettt…
โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 03, 2014 6:42 pm
โดย iceberg
Buffet ลงมาหลายปีแล้วครับ
เป็น check list เบื้องต้น
เท่าที่ติดตามมา มี IScar จากอิสราเอล
บางบริษัทไม่เข้าเกณฑ์
แกยังซื้อเลยครับ
Re: …หลักการซื้อกิจการของ Warren Buffettt…
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 09, 2014 10:44 pm
โดย iceberg
ขอตอบเหตุผลที่ต้องกำหนด check list ไว้นะครับ
ตามความเข้าใจผม อาจจะผิดก็ได้ครับ
mario เขียน:…หลักการซื้อกิจการของ Warren Buffettt…
1.เป็นการซื้อมูลค่าสูง (ต้องเป็นกิจการที่มีกำไรก่อนภาษีอย่างน้อย 75 ล้านเหรียญ หรือไม่ก็เป็นกิจการที่เข้ากันได้กับกิจการที่เรามีอยู่)
ที่ต้องกำหนดขั้นต่ำ เพราะจำนวนเงินที่ บัพเฟตมีจำนวนสูง มูลค่ากิจการที่ต่ำมากจะไม่มีผลต่อการสร้างผลตอบแทน
ที่ดีต่อบริษัท
mario เขียน:
2.เป็นกิจการที่มีผลกำไรแล้วอย่างสม่ำเสมอ (เราไม่สนใจการทำคาดการณ์อนาคต หรือสถานการณ์ฟื้นตัว)
ทำให้สามารถประมาณ DCF ได้อย่างถูกต้อง หากผลกำไรแกว่ง จะเป็นการยากในการประเมิน
mario เขียน:
3.เป็นกิจการที่มีอัตราการทำกำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูง โดยมีหนี้เงินกู้เพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
แสดงให้เห็นว่า บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันที่ดี
mario เขียน:
4.มีผู้บริหารอยู่ในตำแหน่ง (เราไม่สามารถหาให้ได้)
บัฟเฟตซื้อเพื่อลงทุนเท่านั้น ไม่สนใจบริหาร
mario เขียน:
5.เป็นธุรกิจที่ธรรมดาเรียบง่าย (ถ้ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมาก เราจะไม่เข้าใจมัน)
บัฟเฟตจะต้องสามารถประเมินสถานการณ์ต่างๆ ที่จะมากระทบต่อบริษัทที่เค้าสนใจได้
การที่บริษัทซับซ้อนจะไม่สามารถประเมินได้
mario เขียน:
6.เสนอราคามาพร้อม (เราไม่ต้องการเสียเวลาที่จะคุย แม้ในเบื้องต้น เกี่ยวกับธุรกรรมที่ยังไม่ทราบราคา)
เป็นสไตล์ของเค้าเองครับ เค้ามีตัวเลขในหัวอยู่แล้ว
Re: …หลักการซื้อกิจการของ Warren Buffettt…
โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 10, 2014 10:14 pm
โดย ปลูกหุ้นกินผล
ขอบคุณครับ ผมขอเพิ่มเติมจากหนังสือ buffettology
บริษัทชั้นเลิศสำหรับวอร์เรน บัฟเฟตต์ จะต้องเป็นธุรกิจผูกขาด ไม่ว่าจะเป็นสินค้ามียี่ห้อหรือธรกิจบริการที่ให้ความรู้สึกเหนือกว่าผู้บริโภค ซึ่ง วอร์เรน บัฟเฟตต์ พบว่าบริษัทชั้นดีนั้นต้องสามารถรักษากำไรสะสมให้ปราศจากภาระในการลงทุนเพื่อรักษาสภาพการดำเนินงานปกติ นอกจากนี้ ผู้บริหารยังต้องสามารถ นำกำไรสะสมไปใช้ลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูง ถ้าไม่มีช่องทางการลงทุนที่เหมาะสม ก็ควรนำไปซื้อหุ้นของบริษัทคืน ซึ่งบริษัทชั้นเลิศนั้นต้องมีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีอิสระในการปรับราคาสินค้าหรือบริการตามอัตราเงินเฟ้อ
ซึ่งคำถามที่ช่วยให้คุณสามารถเลือกบริษัทชั้นเลิศได้อย่างถูกต้องมีดังนี้
1. บริษัทเป็นเจ้าของธุรกิจสินค้าผูกขาดอย่างชัดเจนหรือสินค้ามียี่ห้อ หรือเป็นเพียงผู้ขายสินค้าโภคภัณฑ์?
2. คุณเข้าใจธุรกิจของบริษัทหรือไม่?
3. บริษัทมีโครงสร้างทางการเงินที่มั่นคงหรือไม่?
4. กำไรของบริษัทมีความแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง หรือไม่?
5. บริษัทจัดสรรเงินลงทุนเฉพาะในธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ หรือไม่?
6. บริษัทสามารถรักษาผลกำไรที่ทำได้ ไว้เป็นกำไรสะสม หรือไม่?
7. บริษัทมีอิสระหรือไม่ในการตัดสินใจนำกำไรสะสมไปใช้ลงทุน ไม่ว่าจะเพื่อธุรกิจใหม่ที่มีอนาคต เพื่อขยายกิจการเดิม หรือเพื่อซื้อหุ้นคืน และมีการตัดสินใจได้ดีเพียงใด หรือไม่?
8. บริษัทใช้กำไรสะสมของบริษัทไปในทางที่ทำให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น และนั้นก็ทำให้มูลค่าของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น ราคาตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้น หรือไม่?
9. บริษัทมีอัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ย หรือไม่?
10. บริษัทมีอิสระในการปรับราคาสินค้าได้ตามภาวะเงินเฟ้อหรือไม่?
11. บริษัทต้องการเงินทุนจำนวนมากเพื่อปรับปรุงโรงงานและเครื่องจักรให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา และรักษาสถานการณ์การดำเนินงานปัจจุบัน หรือไม่?
=Buffettology=