Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ขอถามโง่ๆเลยครับ สมมติ KTIS พาร์ 1 บาท ราคา IPO คือ 10 บาท ราคาทุนของเจ้าของเดิม คือ 1 บาทใช่มั้ยครับ

จะว่าแบบนั้นก็ได้ครับ...^^)

ทุนจดทะเบียนครับ ลงทุนจริงอาจจะมากกว่าก็ได้ครับ

จริงๆแล้วลงทุนจริงอาจจะ 0 บาทก็ได้ครับ หุหุ...^^)

ราคาพาร์ คือ อะไร

หลายคนคงสงสัย โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเข้าตลาดหุ้น อาจจะเห็นผ่านหูผ่านตามาบ้าง หรือว่าอาจจะเคยอ่านในหนังสือพิมพ์ ซึ่งถ้าคนที่ไม่รู้ก็จะไม่เข้าใจว่าเค้าเอาไว้ใช้ทำอะไร หรือมันบอกอะไรได้บ้าง

ราคาพาร์ คือ ราคาที่คนที่เริ่มต้นธุรกิจ หรือ ตั้งบริษัทขึ้นมาไปจดทะเบียนกับรัฐว่ามีทุนเท่าไหร่ จะแบ่งหุ้นเป็นกี่หุ้น ซึ่งจะได้ว่า

ราคาพาร์ = ทุนจดทะเบียน / จำนวนหุ้นทั้งหมด

เช่น สมมุติเราเป็นเจ้าของ Facebook และ เราจะไปตั้งบริษัท มีทุนเริ่มต้นที่ 10,000 ล้านบาท เราคิดว่าอยากให้มีหุ้น 1,000 ล้านหุ้น จะได้

ราคาพาร์ = 10,000 / 1,000 = 10 บาทต่อหุ้น

ถ้าเราอยากให้มีหุ้น 10,000 ล้านหุ้น ก็จะได้ ราคาพาร์ เป็นดังนี้

ราคาพาร์ = 10,000 / 10,000 = 1 บาท ต่อหุ้น

จะเห็นว่าพาร์มันบอกอะไรเราไม่ได้มากเท่าไหร่ บอกแค่ว่าเงินเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นเท่าไหร่ และมีหุ้นทั้งหมดในบริษัทเท่าไหร่ ยิ่งราคาพาร์น้อยๆ จำนวนหุ้นมักจะเยอะ

ส่วนใหญ่หุ้นพาร์น้อยๆ จะปั่นกันง่าย สังเกตุดูหุ้นในตลาดบ้านเราสิ หุ้นที่พาร์ไม่ถึง 10 สลึง ปั่นกันเป็นว่าเล่น และเปอร์เซ็นต์ในการขึ้นลงมันจะเยอะกว่า

* เพิ่มเติมนะครับ ราคาพาร์ ไม่จำเป็นต้องเท่ากับ ราคา IPO *

เครดิต จาก Toro ครับ

ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ ^^

Seattle เขียน:ราคาพาร์ คือ อะไร

หลายคนคงสงสัย โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเข้าตลาดหุ้น อาจจะเห็นผ่านหูผ่านตามาบ้าง หรือว่าอาจจะเคยอ่านในหนังสือพิมพ์ ซึ่งถ้าคนที่ไม่รู้ก็จะไม่เข้าใจว่าเค้าเอาไว้ใช้ทำอะไร หรือมันบอกอะไรได้บ้าง

ราคาพาร์ คือ ราคาที่คนที่เริ่มต้นธุรกิจ หรือ ตั้งบริษัทขึ้นมาไปจดทะเบียนกับรัฐว่ามีทุนเท่าไหร่ จะแบ่งหุ้นเป็นกี่หุ้น ซึ่งจะได้ว่า

ราคาพาร์ = ทุนจดทะเบียน / จำนวนหุ้นทั้งหมด

เช่น สมมุติเราเป็นเจ้าของ Facebook และ เราจะไปตั้งบริษัท มีทุนเริ่มต้นที่ 10,000 ล้านบาท เราคิดว่าอยากให้มีหุ้น 1,000 ล้านหุ้น จะได้

ราคาพาร์ = 10,000 / 1,000 = 10 บาทต่อหุ้น

ถ้าเราอยากให้มีหุ้น 10,000 ล้านหุ้น ก็จะได้ ราคาพาร์ เป็นดังนี้

ราคาพาร์ = 10,000 / 10,000 = 1 บาท ต่อหุ้น

จะเห็นว่าพาร์มันบอกอะไรเราไม่ได้มากเท่าไหร่ บอกแค่ว่าเงินเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นเท่าไหร่ และมีหุ้นทั้งหมดในบริษัทเท่าไหร่ ยิ่งราคาพาร์น้อยๆ จำนวนหุ้นมักจะเยอะ

ส่วนใหญ่หุ้นพาร์น้อยๆ จะปั่นกันง่าย สังเกตุดูหุ้นในตลาดบ้านเราสิ หุ้นที่พาร์ไม่ถึง 10 สลึง ปั่นกันเป็นว่าเล่น และเปอร์เซ็นต์ในการขึ้นลงมันจะเยอะกว่า

* เพิ่มเติมนะครับ ราคาพาร์ ไม่จำเป็นต้องเท่ากับ ราคา IPO *

เครดิต จาก Toro ครับ

ขอเสริมนิดหนึ่งครับ ผิดถูกอย่างไรแย้งได้ครับ
หลังจากมีทุนตามข้างต้นแล้ว เริ่มต้นทำธุรกิจแล้ว ก็จะมีกำไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นบริษัทก็นำไปซื้อทรัพย์สินขยายกิจการเพื่อขยายยอดขาย กำไร และอาจจะมีการเพิ่มทุนระหว่างช่วงดำเนินกิจการ เจ้าของก็เพิ่มทุนเข้าไปแล้วได้หุ้นเพิ่มในกรณีพาร์เท่าเดิม ดำเนินกิจการและมีกำไรสะสมไปเรื่อยๆ แล้วถึงตอนที่จะนำกิจการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้วก็กำหนดราคา IPO ถ้ากิจการขยายงานและเพิ่มทุนมาเรื่อยๆโดยกิจการมีกำไรสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆต้นทุนเขาไม่ใช่ราคาพาร์แน่นอนเพราะเขาเพิ่มทุนมาเรื่อยๆและสามารถที่จะบริหารให้บริษัทมีกำไรเพิ่มมากขึ้นจนถึงปัจจุบันต้องให้เครดิตเขา ซึ่งราคา IPO ก็ควรจะมากกว่าราคาพาร์ ส่วนราคา IPO จะถูกหรือแพง จะน่าลงทุนไหมขึ้นอยู่กับว่าอนาคตบริษัทจะเติบโตต่อไปในอนาคตมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับราคา IPO อันนี้ก็แล้วแต่ละคนจะมอง ซึ่งมันไม่น่าจะเกี่ยวกับราคาพาร์