เคล็ดลับการสร้างปอดและคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุน รวยหุ้นระยะยาว
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 15, 2014 10:30 pm
เคล็ดลับการสร้างปอดและคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุน รวยหุ้นระยะยาว
1.ผู้บริหารต้องมีธรรมาภิบาลสูง ไม่เอารัดเอาเปรียบนักลงทุนหรือผู้ถือหุ้น ผู้บริหารสีเทาไม่เอา
ข้อนี้ผมให้ความสำคัญมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ครับ
2.หุ้นที่จะลงทุนทุกตัวต้องมีเงินปันผลจ่ายให้เราอย่างสม่ำเสมออย่างต่อเนื่องและยาวนาน เพราะมันจะช่วยเราสร้างเสริมสภาพคล่องให้เรามีตังค์ไว้ใช้จ่าย เพราะโจทย์ของผมคือ จะไม่ขายหุ้นออกจากปอดเลยตลอดชีวิต และ ผมลงทุนในหุ้น 100% ตลอดเวลา เพื่อหวังนำเงินปันผลที่ได้รับนำกลับมาลงทุนในหุ้นอย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่มีความจำเป็นห้ามถอนเงินก้อนนี้ออกจากหุ้นโดยเด็ดขาด
การทบต้นด้วยเงินปันผลถือได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ 8 ของโลก เวลาผมลงทุนผมจะหวังเงินปันผลมากกว่า Cap Gain บางปี Cap Gain ตลาดหุ้นไม่ดี ไม่ได้กำไรไม่เป็นไร แต่เงินปันผลต้องได้ เพราะผมถือว่า Cap Gain ที่ผมได้รับ หรือ ได้กำไร เป็นผลพลอยได้มากกว่า
3.ความรู้และจินตนาการในการลงทุนต้องมี เพราะมันจำเป็นอย่างมากในการลงทุน เพราะเราต้องใช้ความรู้ควบคู่กับการลงทุนระยะยาวอย่างเข้มข้น
ต้องอ่านงบการเงินให้ออก วิเคราะห์งบการเงินให้เป็น จำไว้อย่างหนึ่งว่า "อย่าโลภเกินความรู้"
4.จังหวะเวลาหรือ Timing นั้นสำคัญมาก ต้องวิเคราะห์อุตสาหกรรมให้ออก มองหุ้นให้เป็น ใช้หลักการและความรู้คัดเลือกหุ้นที่จะลงทุน และใช้เทคนิคคอลหาจังหวะเข้าซื้อ เพราะจังหวะเข้าซื้อนี่ก็มีความสำคัญ เมื่อเข้าซื้อแล้วมันขึ้นมีกำไร แสดงว่าเรามาถูกทาง ก็ปล่อย Let Profit Run มันไป
เวลาผมลงทุน เวลามีกำไรผมจะไม่ขายหุ้น ยกเว้นผมวิเคราะห์ผิดแล้ว แล้วราคาหุ้นมันไหลลงมาจะกินทุนผม ผมจึงจะขายออกไป จำไว้อย่างหนึ่งว่า การรักษาเงินต้นนี่สำคัญมาก เหมือนอาจารย์ปู่ บัฟเฟ่ต์ ว่าไว้ กฏข้อที่ 1 ห้ามขาดทุนในตลาดหุ้น
5.หลังจากเราคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุนได้แล้ว โดยใช้หลักการลงทุนทั่วไป เช่น ดู pe ยิ่งต่ำยิ่งดี peg ต่ำกว่า 1 เท่า p/bv ยิ่งต่ำยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงว่าเราซื้อหุ้นได้ถูกกว่าเจ้าของกิจการซะอีก
Roe ต้องมากกว่า 20 Roa ต้องมากกว่า 15
มีเงินปันผล มากกว่า 5% อัพ
และเคล็ดลับผมอีกอย่างที่น้อยคนนักจะรู้ ผมเอาไว้ดูว่าหุ้นนั้นน่าซื้อไหม ถูกหรือแพงไปหรือยัง (ใครอยากรู้หลังไมค์ เลยครับ)
6.เมื่อเราซื้อหุ้นลงทุนแล้ว เราต้องคิดว่าเราได้เป็นเจ้าของกิจการร่วม และจะถือลงทุนมันไปตลอดชีวิตตราบที่มันยังเติบโต บริษัทไม่เจ๊ง ไม่มีวันขายครับ
7.การลงทุนต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ อย่าเอาอารมณ์ ความโลภ มาทำให้เราเสียหลักการลงทุนระยะยาว ต้องควบคุมอารมณ์ให้เป็น จัดการกะความโลภให้อยู่ จำไว้อย่างหนึ่งว่า หวังน้อยจะได้มาก หวังมากจะได้น้อย เวลาหุ้นขึ้นก็อย่าหลง
เวลาหุ้นลงก็อย่าท้อ
8.ถึงแม้ รักจะออกแบบไม่ได้ แต่เราออกแบบปอดลงทุนของเราได้ อยากได้แบบไหนก็จัดการได้เลยตามสบาย และ ผมใช้วิธีกำจัดวัชพืช และ รักษาต้นไม้ใหญ่และดอกผลเอาไว้ คือขายหุ้นแดง และ เก็บหุ้นเขียวเอาไว้ในปอด แต่เท่าที่ผมเห็นมาส่วนใหญ่ จะเลือกโค่นต้นไม้ใหญ่ และ รักษาวัชพืช เอาไว้ครับ คือ เลือกขายหุ้นเขียวที่มีกำไร และ เก็บหุ้นแดงหรือหุ้นขาดทุนไว้ให้เน่าคาปอดจนแสบตาครับ และอีกอย่างหนึ่งครับ อย่าพยายามวิ่งเก็บเหรียญบาท ตัดหน้ารถ 10 ล้อครับ เพราะมันได้ไม่คุ้มเสีย
เผลอๆอาจเสียชีวิตได้นะครับ
9.ข้อสุดท้าย นอกจากเราต้องควบคุมอารมณ์ให้อยู่แล้ว เราต้องรู้จักลอยคอ รอคอยให้เป็น ให้ปอดการลงทุนเราได้ผลิดอกออกผล การปลูกต้นไม้ใหญ่ ไม่ อาจเติบโตได้เร็ววันฉันใด ปอดการลงทุนของเราก็ไม่อาจโตได้เร็ววันฉันนั้น กำแพงเมืองจีนไม่อาจสร้างให้แล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลาสั้นๆฉันใด ปอดการลงทุนของเราก็ไม่อาจเติบโตได้เร็ววันฉันนั้น
สรุปคือ ต้องรู้จัก...อึด ถึก ทน...
กำไรไม่ขาย ถือไปเรื่อยๆ ถือจนเท่าทุนหรือขาดทุน แล้วค่อยขายออกไปครับ และ ไม่หวั่นแม้วันมามากครับ ฮา
1.ผู้บริหารต้องมีธรรมาภิบาลสูง ไม่เอารัดเอาเปรียบนักลงทุนหรือผู้ถือหุ้น ผู้บริหารสีเทาไม่เอา
ข้อนี้ผมให้ความสำคัญมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ครับ
2.หุ้นที่จะลงทุนทุกตัวต้องมีเงินปันผลจ่ายให้เราอย่างสม่ำเสมออย่างต่อเนื่องและยาวนาน เพราะมันจะช่วยเราสร้างเสริมสภาพคล่องให้เรามีตังค์ไว้ใช้จ่าย เพราะโจทย์ของผมคือ จะไม่ขายหุ้นออกจากปอดเลยตลอดชีวิต และ ผมลงทุนในหุ้น 100% ตลอดเวลา เพื่อหวังนำเงินปันผลที่ได้รับนำกลับมาลงทุนในหุ้นอย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่มีความจำเป็นห้ามถอนเงินก้อนนี้ออกจากหุ้นโดยเด็ดขาด
การทบต้นด้วยเงินปันผลถือได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ 8 ของโลก เวลาผมลงทุนผมจะหวังเงินปันผลมากกว่า Cap Gain บางปี Cap Gain ตลาดหุ้นไม่ดี ไม่ได้กำไรไม่เป็นไร แต่เงินปันผลต้องได้ เพราะผมถือว่า Cap Gain ที่ผมได้รับ หรือ ได้กำไร เป็นผลพลอยได้มากกว่า
3.ความรู้และจินตนาการในการลงทุนต้องมี เพราะมันจำเป็นอย่างมากในการลงทุน เพราะเราต้องใช้ความรู้ควบคู่กับการลงทุนระยะยาวอย่างเข้มข้น
ต้องอ่านงบการเงินให้ออก วิเคราะห์งบการเงินให้เป็น จำไว้อย่างหนึ่งว่า "อย่าโลภเกินความรู้"
4.จังหวะเวลาหรือ Timing นั้นสำคัญมาก ต้องวิเคราะห์อุตสาหกรรมให้ออก มองหุ้นให้เป็น ใช้หลักการและความรู้คัดเลือกหุ้นที่จะลงทุน และใช้เทคนิคคอลหาจังหวะเข้าซื้อ เพราะจังหวะเข้าซื้อนี่ก็มีความสำคัญ เมื่อเข้าซื้อแล้วมันขึ้นมีกำไร แสดงว่าเรามาถูกทาง ก็ปล่อย Let Profit Run มันไป
เวลาผมลงทุน เวลามีกำไรผมจะไม่ขายหุ้น ยกเว้นผมวิเคราะห์ผิดแล้ว แล้วราคาหุ้นมันไหลลงมาจะกินทุนผม ผมจึงจะขายออกไป จำไว้อย่างหนึ่งว่า การรักษาเงินต้นนี่สำคัญมาก เหมือนอาจารย์ปู่ บัฟเฟ่ต์ ว่าไว้ กฏข้อที่ 1 ห้ามขาดทุนในตลาดหุ้น
5.หลังจากเราคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุนได้แล้ว โดยใช้หลักการลงทุนทั่วไป เช่น ดู pe ยิ่งต่ำยิ่งดี peg ต่ำกว่า 1 เท่า p/bv ยิ่งต่ำยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงว่าเราซื้อหุ้นได้ถูกกว่าเจ้าของกิจการซะอีก
Roe ต้องมากกว่า 20 Roa ต้องมากกว่า 15
มีเงินปันผล มากกว่า 5% อัพ
และเคล็ดลับผมอีกอย่างที่น้อยคนนักจะรู้ ผมเอาไว้ดูว่าหุ้นนั้นน่าซื้อไหม ถูกหรือแพงไปหรือยัง (ใครอยากรู้หลังไมค์ เลยครับ)
6.เมื่อเราซื้อหุ้นลงทุนแล้ว เราต้องคิดว่าเราได้เป็นเจ้าของกิจการร่วม และจะถือลงทุนมันไปตลอดชีวิตตราบที่มันยังเติบโต บริษัทไม่เจ๊ง ไม่มีวันขายครับ
7.การลงทุนต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ อย่าเอาอารมณ์ ความโลภ มาทำให้เราเสียหลักการลงทุนระยะยาว ต้องควบคุมอารมณ์ให้เป็น จัดการกะความโลภให้อยู่ จำไว้อย่างหนึ่งว่า หวังน้อยจะได้มาก หวังมากจะได้น้อย เวลาหุ้นขึ้นก็อย่าหลง
เวลาหุ้นลงก็อย่าท้อ
8.ถึงแม้ รักจะออกแบบไม่ได้ แต่เราออกแบบปอดลงทุนของเราได้ อยากได้แบบไหนก็จัดการได้เลยตามสบาย และ ผมใช้วิธีกำจัดวัชพืช และ รักษาต้นไม้ใหญ่และดอกผลเอาไว้ คือขายหุ้นแดง และ เก็บหุ้นเขียวเอาไว้ในปอด แต่เท่าที่ผมเห็นมาส่วนใหญ่ จะเลือกโค่นต้นไม้ใหญ่ และ รักษาวัชพืช เอาไว้ครับ คือ เลือกขายหุ้นเขียวที่มีกำไร และ เก็บหุ้นแดงหรือหุ้นขาดทุนไว้ให้เน่าคาปอดจนแสบตาครับ และอีกอย่างหนึ่งครับ อย่าพยายามวิ่งเก็บเหรียญบาท ตัดหน้ารถ 10 ล้อครับ เพราะมันได้ไม่คุ้มเสีย
เผลอๆอาจเสียชีวิตได้นะครับ
9.ข้อสุดท้าย นอกจากเราต้องควบคุมอารมณ์ให้อยู่แล้ว เราต้องรู้จักลอยคอ รอคอยให้เป็น ให้ปอดการลงทุนเราได้ผลิดอกออกผล การปลูกต้นไม้ใหญ่ ไม่ อาจเติบโตได้เร็ววันฉันใด ปอดการลงทุนของเราก็ไม่อาจโตได้เร็ววันฉันนั้น กำแพงเมืองจีนไม่อาจสร้างให้แล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลาสั้นๆฉันใด ปอดการลงทุนของเราก็ไม่อาจเติบโตได้เร็ววันฉันนั้น
สรุปคือ ต้องรู้จัก...อึด ถึก ทน...
กำไรไม่ขาย ถือไปเรื่อยๆ ถือจนเท่าทุนหรือขาดทุน แล้วค่อยขายออกไปครับ และ ไม่หวั่นแม้วันมามากครับ ฮา