Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมเริ่มไล่เรียงเรื่องของ หลอดไฟ LED
ตอนนี้ที่ผมตามล่ารายชื่อผู้ผลิตหลอด LED และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้ง SET และ MAI มีดังนี้
1. TMI อันนี้มี BALLAST ,STARTER และ หลอด LED (ทั้ง BALLAST กับ STARTER ไม่จำเป็นต้องใช้สำหรับ หลอดไฟ LED)
2. FORTH อันนี้มีโคมไฟ เป็นโคมถนน ให้แสงสว่าง
3. L&E อันนี้หลอด LED ,หลอดไฟ LED ,โคมไฟ

จุดได้เปรียบและเสียเปรียบของแต่ละบริษัทมีแตกต่างกันไป
ผมขอไปศึกษาเพิ่มเติมก่อน

แต่ที่ผมประมวลมาได้ ลูกค้าตอนนี้ กลุ่มใหญ่ๆคือ กฟผ ที่เปลี่ยนแปลงโคมไปในเขื่อนทั้ง 4 แห่งไปแล้ว ,กฟภ ทดสอบในอ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ไปแล้ว ส่วนกฟน ยังไม่เห็นทดสอบ จากสิ่งที่ค้นมาดู ในสิ่งที่ค้นมาดู มีโครงการเปลี่ยนโคมไฟถนนหนทางของ กฟภ จำนวน 400,000 โคม เพื่อลดการใช้พลังงานลง ภายในปี 2558
ส่วน กฟผ เริ่มมีการจัดการ LED Expo Thailand มีปี 2013 และ 2014 ออกมาตราฐานประหยัดไฟ เบอร์ 5 ให้แก่หลอด LED
ตอนนี้ไม่แน่ใจว่า มันจะมีการเปลี่ยนขั้วหลอดไฟอีกหรือเปล่า เพราะตั้งแต่หลอดอ้วน มายันหลอดผอม จนถึงหลอดประเภท T5 (ตอนนี้เป็น T8) นั้นขั้นหลอดไฟไม่เคยเปลี่ยนแปลง อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงขั้วหลอดไฟก็เป็นไปได้ ถ้าเปลี่ยนขั้วหลอดไฟ มันทำให้รางเปลี่ยนไปด้วย อันนี้ต้องรอเอกสารเป็นทางการก่อน

มาคุยเรื่องประหยัดพลังงานบ้าง
เพื่อพลังงานเป็นตัวแปลที่สำคัญของนักลงทุนต่างชาติที่ขนเงินมาลงทุน
หากการจ่ายไฟฟ้าไม่นิ่ง หรือมีไฟฟ้าตกบ่อยๆๆ มันทำให้เครื่องจักรชำรุด หยุดซ่อมบำรุงบ่อย ตั้งค่าบ่อย
ซึ่งประเทศไทยก็ไม่มีโครงการในการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดกลางใหญ่มานาน เนื่องจากแรงต่อต้านจากประชาชนภายในชุมชน จึงมุ่งเน้นไปที่พลังงงานทดแทนคือ แสงอาทิตย์และลมเป็นหลัก ส่วนขยะและอื่นๆ ก็มีบ้าง รวมถึงนำเข้าจากเพื่อนบ้านโดยการสร้างเขื่อนแล้วส่งกระแสไฟฟ้ามายังประเทศไทย
จุดนี้เองที่ทำให้ กฟผ เริ่มมองดูว่าอุปกรณ์ภายในบ้านตัวไหนที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากที่สุด เจอะเจอว่าหลอดไฟ จึงได้ริเริ่มโครงการ หลอดไฟ LED นั้นเอง พลักดันอยู่ ตอนนี้น่าจะเป็นรูปร่างตั้งไข่เดินได้แล้วล่ะ แต่ราคายังแพงกว่าหลอดประเภทเดิมอยู่ ดังนั้นกาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ในหลอด LED

miracle เขียน: ซึ่งประเทศไทยก็ไม่มีโครงการในการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดกลางใหญ่มานาน เนื่องจากแรงต่อต้านจากประชาชนภายในชุมชน จึงมุ่งเน้นไปที่พลังงงานทดแทนคือ แสงอาทิตย์และลมเป็นหลัก ส่วนขยะและอื่นๆ ก็มีบ้าง รวมถึงนำเข้าจากเพื่อนบ้านโดยการสร้างเขื่อนแล้วส่งกระแสไฟฟ้ามายังประเทศไทย

ขอเล่าอะไรบางอย่าง เพราะผมก็เคยโดน "ภาพลวงตา" จากเรื่องพลังงานมาเหมือนกัน ได้เห็นข้อมูลจริง ถึงกับไม่เชื่อว่าความเป็นจริงมันช่างห่างไกลกับที่ตัวเองจะเข้าใจไปได้ขนาดนั้น

ในฐานะที่พอจะรู้อยู่บ้างขอเรียก "พลังงงานทดแทน" ในแง่ข้อเท็จจริงว่า "พลังงงานเสริม" เพราะไม่พอเพียงจริงที่จะทดแทนได้

พลังงานแสงอาทิตย์นั้น เมื่อก่อนทำไมไม่มีใครทำ?
คำตอบคือ "ไม่คุ้มทุน"

แต่มาคุ้มเพราะอะไร? บางคนอาจเข้าใจไปว่า เพราะแผงโซล่าร์ลดราคาลงมามาก
มีส่วน แต่แค่ลดราคายังไม่พอ ถ้าเราควักเงินซื้อแผงโซล่าร์ซื้อ batt จ่ายไฟให้เราเอง.... เราคิดหนักแน่ เพราะเงินจม

แต่มาโครงการโซล่าฟาร์ม คุ้มทุนเร็ว เพราะด้านรายรับ... เพราะรัฐยอมซื้อไฟในราคาขาดทุน และ subsidize 10 ปี ถ้าไม่งั้นเราไม่ได้เห็นโซล่าร์ฟาร์มเต็มทุ่งขนาดนี้
ที่เราเห็นเต็มทุ่งนั้น 10MW เราคิดว่าเยอะ แต่สำหรับเทียบกับการบริโภคไฟ การไฟฟ้า บัญญัติให้แค่ "VSPP" "Very Small" Power Plant เท่านั้น

ส่วนลมเลิกพูดถึงเลยว่าจะมาแทนได้จริง ทำได้แคโชว์ เพราะเมืองไทย ลมกระปริดกระปรอย บางเวลาถึงขั้นกังหันหยุดหมุน ขณะที่ตปท. บางเวลาเขาลมแรงเกิน ถึงขั้นพัฒนา gearbox ที่ต้องมีคลัชปลดใบพัดออกจาก generator อัตโนมัติเมื่อหมุนเร็วเกิน
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเยอะ เพราะแค่ไม่ปล่อยให้ลมทิ้งไปเฉยๆ ส่วนใหญ่โครงการรัฐ subsidize เหมือนกัน ถึงทำได้

แม้แต่เขี่อนเอง คนทั่วไป จะมองเห็นความใหญ่โตของมัน แล้วอาจเข้าใจผิดไปว่าเขื่อนให้พลังงานไฟฟ้าสูงมาก (ผมก็เคยคิดเช่นนั้น)
แท้จริงแล้ว เขื่อนไฟฟ้าได้ไฟแค่ไม่ถึง 20% ของไฟฟ้าที่เราใช้กันอยู่ทั้งหมดทั่วไทยเท่านั้น ขนาดรวมจากเขื่อนที่ซื้อไฟข้ามพรมแดนจากเพื่อบ้าน ยิ่งหน้าร้อน น้ำน้อยก็ยิ่งได้ไฟน้อยลงอีกด้วย
ทุกวันนี้ ยอดการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนเราคงที่มานานแล้ว คือราวแค่ 10% ส่วนที่เหลือซื้อจากเพื่อนบ้าน ราว 6%-7%

แต่ส่วนใหญ่ มาจากไฟฟ้าจากการเผาแก้ส ถ่านหิน หรือที่เรียกว่าโรงไฟฟ้าพลังความร้อน (Thermal Power Plant) กับ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Combined Cycle Power Plant = โรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ+พลังไอน้ำ)

Renewable energy รายงานปี 2013 EGAT ยังไม่ออกมา แต่ 2012 บอกว่า ทำได้ แค่ 0.02% เท่านั้น! เราจะไปหวังอะไรได้ ได้แค่ให้ผู้ถือหุ้นบมจ. แบบ SPCG แบบ GUNKUL ดีใจก็พอ



เหตุนี้ ที่มีคนที่วางเตรียมแผนพลังงานพูดถึงโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์กันอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ถูกต่อต้านและตอนเขียนแผนไม่สามารถบรรจุได้ ต้องบรรจุว่าให้ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เยอะๆ จากลมมากๆ จากชีวมวล (biomass) บ้าง ปลอบโยนกันไป ทั้งที่รายงานข้อเท็จจริงขัดแย้งกับแผน

ความเป็นจริง ที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะประเทศเราโตขึ้นทุกวัน ประชากรเพิ่ม อุตสาหกรรมก็โต โรงงานใหญ่แต่ละโรงงาน ยิ่งห้างเกิดแต่ละห้าง เหมือนจังหวัดขนาดย่อม... ทั้งเขื่อน ทั้งโรงพลังงานความร้อน เสริมด้วยพลังงานธรรมชาติทั้งหลาย อาจเอาไม่อยู่
ซักวัน คงเกิดในประเทศเพื่อนบ้านก่อน แล้วเรานำเข้า แบบเดียวกับโมเดลการใช้ไฟจากเขื่อน




ไม่ใช่ว่าผมเชียร์พลังงานนิวเคลียร์ แต่นี่เป็นข้อเท็จจริง ว่าไฟฟ้าเรากำลังไม่พอใช้กันจริงๆ ได้แต่ภาวนาขอให้นักฟิสิกซ์ค้นพบการสร้างพลังงานมากๆ แบบนิวเคลียร์ แต่ปลอดภัยกว่านิวเคลียร์

หลอด LED คู่แข่งสำคัญเป็น Philips คงไม่ง่ายที่บริษัทไทยจะกิน market share ได้เยอะๆ

Ii'8N เขียน:

miracle เขียน: ซึ่งประเทศไทยก็ไม่มีโครงการในการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดกลางใหญ่มานาน เนื่องจากแรงต่อต้านจากประชาชนภายในชุมชน จึงมุ่งเน้นไปที่พลังงงานทดแทนคือ แสงอาทิตย์และลมเป็นหลัก ส่วนขยะและอื่นๆ ก็มีบ้าง รวมถึงนำเข้าจากเพื่อนบ้านโดยการสร้างเขื่อนแล้วส่งกระแสไฟฟ้ามายังประเทศไทย

ขอเล่าอะไรบางอย่าง เพราะผมก็เคยโดน "ภาพลวงตา" จากเรื่องพลังงานมาเหมือนกัน ได้เห็นข้อมูลจริง ถึงกับไม่เชื่อว่าความเป็นจริงมันช่างห่างไกลกับที่ตัวเองจะเข้าใจไปได้ขนาดนั้น

ในฐานะที่พอจะรู้อยู่บ้างขอเรียก "พลังงงานทดแทน" ในแง่ข้อเท็จจริงว่า "พลังงงานเสริม" เพราะไม่พอเพียงจริงที่จะทดแทนได้

พลังงานแสงอาทิตย์นั้น เมื่อก่อนทำไมไม่มีใครทำ?
คำตอบคือ "ไม่คุ้มทุน"

แต่มาคุ้มเพราะอะไร? บางคนอาจเข้าใจไปว่า เพราะแผงโซล่าร์ลดราคาลงมามาก
มีส่วน แต่แค่ลดราคายังไม่พอ ถ้าเราควักเงินซื้อแผงโซล่าร์ซื้อ batt จ่ายไฟให้เราเอง.... เราคิดหนักแน่ เพราะเงินจม

แต่มาโครงการโซล่าฟาร์ม คุ้มทุนเร็ว เพราะด้านรายรับ... เพราะรัฐยอมซื้อไฟในราคาขาดทุน และ subsidize 10 ปี ถ้าไม่งั้นเราไม่ได้เห็นโซล่าร์ฟาร์มเต็มทุ่งขนาดนี้
ที่เราเห็นเต็มทุ่งนั้น 10MW เราคิดว่าเยอะ แต่สำหรับเทียบกับการบริโภคไฟ การไฟฟ้า บัญญัติให้แค่ "VSPP" "Very Small" Power Plant เท่านั้น

ส่วนลมเลิกพูดถึงเลยว่าจะมาแทนได้จริง ทำได้แคโชว์ เพราะเมืองไทย ลมกระปริดกระปรอย บางเวลาถึงขั้นกังหันหยุดหมุน ขณะที่ตปท. บางเวลาเขาลมแรงเกิน ถึงขั้นพัฒนา gearbox ที่ต้องมีคลัชปลดใบพัดออกจาก generator อัตโนมัติเมื่อหมุนเร็วเกิน
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเยอะ เพราะแค่ไม่ปล่อยให้ลมทิ้งไปเฉยๆ ส่วนใหญ่โครงการรัฐ subsidize เหมือนกัน ถึงทำได้

แม้แต่เขี่อนเอง คนทั่วไป จะมองเห็นความใหญ่โตของมัน แล้วอาจเข้าใจผิดไปว่าเขื่อนให้พลังงานไฟฟ้าสูงมาก (ผมก็เคยคิดเช่นนั้น)
แท้จริงแล้ว เขื่อนไฟฟ้าได้ไฟแค่ไม่ถึง 20% ของไฟฟ้าที่เราใช้กันอยู่ทั้งหมดทั่วไทยเท่านั้น ขนาดรวมจากเขื่อนที่ซื้อไฟข้ามพรมแดนจากเพื่อบ้าน ยิ่งหน้าร้อน น้ำน้อยก็ยิ่งได้ไฟน้อยลงอีกด้วย
ทุกวันนี้ ยอดการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนเราคงที่มานานแล้ว คือราวแค่ 10% ส่วนที่เหลือซื้อจากเพื่อนบ้าน ราว 6%-7%

แต่ส่วนใหญ่ มาจากไฟฟ้าจากการเผาแก้ส ถ่านหิน หรือที่เรียกว่าโรงไฟฟ้าพลังความร้อน (Thermal Power Plant) กับ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Combined Cycle Power Plant = โรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ+พลังไอน้ำ)

Renewable energy รายงานปี 2013 EGAT ยังไม่ออกมา แต่ 2012 บอกว่า ทำได้ แค่ 0.02% เท่านั้น! เราจะไปหวังอะไรได้ ได้แค่ให้ผู้ถือหุ้นบมจ. แบบ SPCG แบบ GUNKUL ดีใจก็พอ



เหตุนี้ ที่มีคนที่วางเตรียมแผนพลังงานพูดถึงโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์กันอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ถูกต่อต้านและตอนเขียนแผนไม่สามารถบรรจุได้ ต้องบรรจุว่าให้ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เยอะๆ จากลมมากๆ จากชีวมวล (biomass) บ้าง ปลอบโยนกันไป ทั้งที่รายงานข้อเท็จจริงขัดแย้งกับแผน

ความเป็นจริง ที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะประเทศเราโตขึ้นทุกวัน ประชากรเพิ่ม อุตสาหกรรมก็โต โรงงานใหญ่แต่ละโรงงาน ยิ่งห้างเกิดแต่ละห้าง เหมือนจังหวัดขนาดย่อม... ทั้งเขื่อน ทั้งโรงพลังงานความร้อน เสริมด้วยพลังงานธรรมชาติทั้งหลาย อาจเอาไม่อยู่
ซักวัน คงเกิดในประเทศเพื่อนบ้านก่อน แล้วเรานำเข้า แบบเดียวกับโมเดลการใช้ไฟจากเขื่อน




ไม่ใช่ว่าผมเชียร์พลังงานนิวเคลียร์ แต่นี่เป็นข้อเท็จจริง ว่าไฟฟ้าเรากำลังไม่พอใช้กันจริงๆ ได้แต่ภาวนาขอให้นักฟิสิกซ์ค้นพบการสร้างพลังงานมากๆ แบบนิวเคลียร์ แต่ปลอดภัยกว่านิวเคลียร์

ผมเห็นด้วยกับข้อมูลของพี่ท่านนี้ ผมคิดว่าโรงงานไฟฟ้า นิวเครียร์ เป็นทางออกสำหรับเมืองไทยจริงๆ ผมว่าบางครั้งคนไทยเอาความกลัวมานำหน้าตลอด แต่ส่วนหนึ่งเพราะนักการเมืองและนักวิชาการเอาข้อมูลร้ายๆมาโถมใส่ชาวบ้านอย่างเราๆเสมอ จะไม่ให้กลัวได้อย่างไร ผมนึกภาพไม่ออกจริงๆ ถ้าอนาคตไทยต้องซื้อพลังงานเกิน 60% และประเทศรอบข้างไม่ขายให้ (เหมือนตอนพม่า) ประเทศจะพัฒนาไปต่อได้อย่างไร

Vision ของผู้นำ นั้นจำเป็นจริงๆต่อความก้าวหน้าของ ประเทศ

มีสองทางครับ
1. สร้างพลังงานให้ทันกับความต้องการ
2. ลดการใช้พลังงานลด
คุณจะเลือกแนวทางไหนละครับ

เดี๋ยวนี้ trend ของอุปกรณ์คือ ความสามารถเท่าเดิม แต่ใช้พลังงานลดลงเรื่อยๆ
หรือ ความสามารถดีกว่า แต่พลังงานลดลง

ส่วนการสร้างพลังงานก็พัฒนาวิธีการที่สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า ด้วยวิธีเดิมๆ
หรือวิธีใหม่ที่ใช้แหล่งที่ให้พลังงานน้อยกว่าเดิม แต่เราได้พลังงานที่มากขึ้นกว่าเดิม

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มันคงจะจำเป็นสำหรับประเทศไทยในอนาคต ถามว่ามันน่ากลัวไหม ผมว่าคนส่วนใหญ่คงไม่ได้กลัวโรงไฟฟ้า แต่คงจะกลัว "ระบบการดูแลแบบไทย" มากกว่า นี่ขนาดแค่ท่อน้ำมันรั่วลงทะเลยังเกือบจะแย่ ขนาดญี่ปุ่นที่มีแผ่นดินไหว มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ไม่เคยมีปัญหา แต่เพิ่งจะมามีปัญหาตอนเกิดสึนามิ พอไปสืบสวนหาเหตุส่วนหนึ่งก็เกิดจากความประมาทในการดูแลรักษาเพราะคิดว่ามันไม่เคยมีปัญหา

ลองคิดเล่น ๆ ว่าถ้ามีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาตั้งในอำเภอหรือจังหวัดที่เราอยู่ เราอยากได้หรือไม่

ผมยอมรับคนหนึ่งแบบไม่อายว่า "ผมไม่อยากได้" ครับ

โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ของไทยมีอยู่ที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ
ติดกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต บางเขนครับ
แต่เตาฯมีปัญหาเรื่องเชื้อเพลิงไม่มีผลิตแล้ว ทำให้ต้องปิดตัวเองใน 1-2 ปีนี้
มีแผนที่ดำเนินการจัดหาเตาฯมาทดแทนของเดิม เพื่อใช้ในด้านการแพทย์ ,การส่งออก เป็นต้น ผลพลอยได้คือพลังงานไฟฟ้า ใช้มากประมาณ 50+ ปี

ผมไปเห็นรูปหนึ่ง ในกระทู้ pantip น่าสนใจ

ภาพ/video ข้างล่าง ยังไม่ต้องพูดถึงการผลิต... เอาแค่การใช้งานของคนไทย ดูแค่แสงสว่าง เทียบกับเพื่อนบ้าน
อาจบอกได้คร่าวๆ ว่าทำไมความต้องการไฟฟ้าไทยจะไม่พอ
สมมติวัดความเจริญด้วยแสงสว่าง เวียดนาม ลาว กัมพูชา พม่า ยังห่างจากไทยมาก
ดูในวิดีโอ ตอนกลางๆ .... เหมือนเทียบเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้เลย


(แต่ถ้ามองในแง่การลงทุน อาจหมายความว่าถ้าเกิดการเอื้อให้มีการลงทุนใหม่ๆ อัตราการเติบโตอาจจะน่าสนใจก็ได้ อันนี้ เป็นการดู status ปัจจุบันกว้างๆ ในการกระจายส่งกำลังไฟฟ้าให้ประชาชน)


เอามาจากที่นี่อีกที http://pantip.com/topic/31728308 สนใจลองไปอ่านต่ออีกนิดได้
วิดีโอ
[youtube]Pi5Wa9qv9oc[/youtube]

ผมขอแสดงความคิดเห็นสำหรับ L&E หน่อยนะครับ แต่อาจ bias นิดนึง (มีอยู่นิดหน่อย) ^^

สิ่งที่ผมเห็นว่าจุดแข็งของ L&E ก็มีตรงที่เน้นรับงานโครงการต่างๆ และการออกแบบแสงสว่างต่างๆ ให้ตัวอาคาร หรือสินค้าดูโดนเด่นขึ้น

จากผลงานที่เห็นกันก็จะเป็นตัวประสาทของห้างในเครือเซ็นทรัลทั้งหลาย และการที่บริษัทมีโรงงานผลิตหลอด LED เป็นของตัวเอง

น่าจะช่วยในการควบคุมต้นทุนได้ในระดับหนึ่ง แต่ในอุตสาหกรรมนี้คู่แข่งค่อนข้างเยอะ จะเห็นได้ว่า margin ของบริษัทค่อนข้างต่ำครับ

ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมช่วยกันแชร์ และแนะนำด้วยนะครับ ผมมือใหม่ครับ แต่ได้ 2 เด้งจากหุ้นตัวนี้ครับ ^^