สรุปความรู้จากงาน Meeting VI ชลบุรีครั้งที่ 7 (18/5/57)
โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 21, 2014 3:13 pm
เนื่องด้วยมีโอกาสได้ไปร่วมงาน Meeting VI Chonburi ครั้งที่ 7 ในวันที่ 18 พ.ค.57 ที่ผ่านมา จึงอยากจะสรุปความรู้ที่ได้จากงานครั้งนี้บางส่วนเผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนนักลงทุนท่านอื่นๆที่ไม่ได้มาร่วมงานนี้ครับ
ถ้าผมเข้าใจผิดพลาดหรือจดผิดพลาด รบกวนเพื่อนๆพี่ๆท่านอื่นช่วยแนะนำให้ด้วยครับ
1.กฎทองเพื่อเอาชนะนายตลาด
-มีทัศนคติที่ถูกต้อง หุ้นคือส่วนของธุรกิจ
-ยึดที่มูลค่าของหุ้น ไม่ใช่ราคา
-ยึดที่ตัวเลขและอัตราส่วนทางการเงิน
-มองยาวกว่า
เวลาที่จะเจออะไรดีๆหรือแย่มากๆ ควรจะหันกลับไปคิดว่าภาวะอย่างนี้มันจะเป็นไปนานไหม ซึ่งถ้าเป็นไปไม่ได้เราก็ควรที่จะลืมๆมันไป
2.องค์ประกอบของความสำเร็จ
2.1 ความฉลาด (IQ) ,หน้าตา
2.2 บุญพาวาสนา , อาจารย์
2.3 Passion, ความฝัน, ความเชื่อ, ความศรัทธา
สำหรับองค์ประกอบข้อแรกต้นทุนที่ได้มาของแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน แต่ประเด็นที่สำคัญน่าจะเป็นข้อ 2 และ 3 นั่นคือการเลือกอาจารย์ให้ถูกคนและมี Passion หรือความเชื่อ, ความศรัทธา คนเราก็สามารถประสบความสำเร็จได้
3.คุณสมบัติของนักลงทุน VI
3.1ให้ความสำคัญกับมูลค่ามากกว่าเปลือกภายนอก
3.2มีความคิดที่เป็นอิสระ ไม่จำนนต่อสิ่งเร้าต่างๆ, ความคิดของสังคม
3.3มี EQ หรือความมั่นคงทางอารมณ์ ซึ่งหลักๆจะสามารถสร้างมาจากข้อมูลตัวเลข
3.4ไม่ชอบเสี่ยง โดยที่เราควรจะปิดความเสี่ยงหุ้นทุกตัวจากการศึกษาหาความรู้มาเป็นอย่างดี รวมไปถึงพยายามลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการกู้เงินมาเล่น (การใช้ Margin)
3.5มีความอดทน หุ้นทุกตัวจะมีวันของมัน
4.การใช้ชีวิต
-ถ้ามีเงินมากถึงจุดๆหนึ่ง ความสุขของเราอาจจะไม่ได้เพิ่มมากนัก เช่นมีร้อยล้านกับหมื่นล้าน เราก็ยังอาจจะทานอาหารเหมือนๆเดิม (ความสุขคนเราไม่ได้ใช้เงินมาก)
-ถ้ามีเงินมากพอในระดับนึงหรือสบายในระดับนึง อย่าลืมตอบแทนกลับพ่อแม่พี่น้องและครอบครัว
รวมไปถึงอย่าลืมที่จะช่วยเหลือและแบ่งปันคืนกลับสู่สังคมด้วย
-ทางออกของชีวิตคือการพึ่งพาตัวเอง
-การรู้จักประหยัดในการใช้จ่าย แม้ว่าโดยทั่วไปคนส่วนใหญ่ในสังคมจะไม่ได้คิดแบบนี้ ซึ่งการที่เราสามารถประหยัดอดออมนำเงินไปลงทุนต่อจะค่อยๆส่งผลดีต่อตัวเราในระยะยาว
“ผมยอมใช้ชีวิตที่คนทั่วไปไม่อยากใช้อยู่ไม่กี่ปีเพื่อที่ผมจะได้มีความสุขตลอดชีวิต”
5.การจะรวยนั้นไม่อาจอาศัยแรงผลักแต่ต้องเป็นอาศัยแรงดัน เปรียบเปรยคล้ายๆกับจรวดที่ต้องอาศัยแรงที่สูงมากเพื่อที่จะสามารถทะลุไปสู่อวกาศได้
6.ความมั่นคงเกิดจากภายใน มิใช่เกิดจากสิ่งของนอกกาย
7.การลงทุนแนว VI
7.1นักลงทุน VI มองหาประโยชน์จากความแตกต่างของราคาและมูลค่า (ราคาวันนี้กับมูลค่าในอนาคต) โดยนักลงทุนเองจะต้องหามูลค่าในอนาคตให้เป็นซึ่งต้องอาศัยข้อมูลเพื่อนำมาใช้ตั้งสมมติฐาน
7.2มองหากิจการที่กำไรต่อหุ้นจะเติบโต (พยายามหลีกเลี่ยงหุ้นที่กำไรโตแต่จำนวนหุ้นโตด้วยเพราะจะเกิด Dilution Effect)
8.แก่นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
8.1 ทำไมต้องลงทุน (Ex.ทุกข์กาย ทุกข์ใจ เงินเฟ้อ คุณภาพชีวิต การท่องเที่ยว)
8.2 จากข้อมูลผลตอบแทนการลงทุน ที่ผ่านมา 2517-2554
ทองมูลค่าผลตอบแทน 8 เท่า
เงินฝากผลตอบแทน 10 เท่า
ตราสารหนี้ผลตอบแทน 24 เท่า
หุ้นผลตอบแทน 59 เท่า
8.3 ทำไมต้อง VI
-ความเป็นเหตุเป็นผล
-มีคนทำได้จริง มากกว่าวิธีอื่นๆอย่างมีนัยยะ พยายามมองไปที่จุดหมายที่มีคนรออยู่หลายท่าน
(ยกตัวอย่างนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ คุณนิติ, ดร.นิเวศน์, ดร.ไพบูลย์, คุณประชา, คุณหมอบำรุง, คุณหมอพงษ์ศักดิ์, คุณมงคล, คุณyoyo, คุณโสรัตน์ เป็นต้น)
8.4 แก่นของ VI
8.4.1 หุ้นคือธุรกิจ ทัศนคติที่เราต้องยึดมั่นให้แน่นที่สุด
-ผลไม้พิษ ย่อมให้ผลที่เป็นพิษ เราควรจะเริ่มด้วยแนวคิดที่ถูกต้องเท่านั้น
-หากเราซื้อหุ้น โดยไม่ได้วิเคราะห์ธุรกิจเลย นั่นคือปัญหาแล้ว
-ความจริงแท้ของตลาดหุ้น ไม่มีหุ้นตัวไหนที่กำไรต่อหุ้นเติบโตแล้วราคาไม่ขึ้น แท้จริงแล้วราคาหุ้นจะโตตามกำไรต่อหุ้นเสมอ
พื้นฐานกิจการ -->กำไร --> ราคาหุ้น
เพราะฉะนั้นผู้ใดรู้พื้นฐานของกิจการ ผู้นั้นจะสามารถคาดการณ์ราคาหุ้นได้
8.4.2 หามูลค่าของหุ้น
ในตลาดหุ้นนั้น ทุกคนรู้ “ราคา” แต่น้อยคนที่จะรู้ “มูลค่า”
ซึ่งจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่รู้ “มูลค่า”ของสิ่งที่จะซื้อ
-มูลค่าของกิจการนั้นต้องหาเอง ซึ่งอาจจะใช้ P/E, P/BV, Dividend Yield, replacement cost, DCF ในการหามูลค่าของกิจการ
8.4.3 ซื้อหุ้นเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าเท่านั้น
-ซื้อที่ราคา under value ทำให้เงินเราปลอดภัยมากขึ้นจาก Margin of Safety (MOS)
- MOS จะปกป้องเงินต้นและสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าปกติ
-หุ้นดีก็เป็นการลงทุนที่เลวได้ หากซื้อหุ้นนั้นในราคาที่แพง
-นักลงทุน VI หาประโยชน์จากความแตกต่างระหว่างราคาและมูลค่า
8.4.4 ความผันผวนคือเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู
-ในตลาดมีแค่เธอกับนายตลาด เพราะฉะนั้นเราควรใช้ประโยชน์จากนายตลาด
-ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่แปลกมากๆ เพราะถ้าเราเดินในตลาดทั่วไป เวลาเจอช่วง sale ลดราคาสินค้า คนมักจะแห่แย่งกันซื้อ แต่สำหรับตลาดหุ้นนั้น คนมักจะทำตรงกันข้าม
9.การลงทุน
-ดูความเป็นไปได้ของบริษัทที่จะกำไรโต เช่นมีสัญญาที่แน่นอน
-ลงทุนในหุ้นที่กำไรต่อหุ้นจะโตเท่านั้น
-ถ้ากำไรต่อหุ้นไม่โต บริษัทต้องมีราคาถูกมากๆเท่านั้น และมีโอกาสที่จะ Unlock มูลค่า
-สุดท้ายราคาจะกำหนดว่าเราควรซื้อหรือไม่
-อะไรแย่ๆมักจะดี และอะไรดีๆมักจะแย่
10.ระวังการซื้อหุ้นเพราะอคติ ยกตัวอย่างเช่น
-ซื้อเพราะเป็นธุรกิจบุญ ไม่ซื้อเพราะเป็นธุรกิจบาป
-ซื้อเพราะราคาหุ้นขึ้น กลัวตกรถ
-ซื้อเพราะอยากติดชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่
-ซื้อเพราะรายงานประจำปีสวย
11.Question & Answer (Q&A)
11.1 Q.นักลงทุน VI ต้องสนใจธุรกิจมหภาคไหม
A.ไม่ต้องสนใจ หลักๆให้สนใจเฉพาะที่กระทบกับกิจการที่เราลงทุนก็พอ
11.2 Q.นักลงทุนควรจะมอง Top down หรือ Bottom Up
A. VI มักเป็น Bottom up (จะดีไม่ดี ขึ้นอยู่กับบริษัท)
11.3 Q.กลัววิกฤติจะทำอย่างไร
A.ให้เรายึดที่กิจการและมูลค่า การถือเงินสดจะสร้างวิกฤติเสียเอง เพราะเราอาจจะต้องพลาดโอกาสในการลงทุนเป็นระยะเวลานานหลายๆปีเพียงเพื่อจะรอให้เกิดวิกฤติ
11.4 Q.ลงทุนในหุ้นขนาดเล็กหรือหุ้นขนาดใหญ่ดี
A. Big company has a small move, small company has a big move
กิจการที่ขนาดใหญ่มาก ราคาหุ้นมีโอกาสที่อาจจะขึ้นไปไม่ได้มาก เพราะโอกาสที่กำไรของบริษัทจะโตมากๆนั้นเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
11.5 Q.เวลาจะซื้อหุ้น ดูอะไรก่อน (step)
A.ถ้าเป็นบริษัทที่ไม่เคยลงทุนมาก่อน 1.)จะหาข้อมูลจากการให้สัมภาษณ์ของผู้บริหาร โดยให้ความสนใจในบริษัทที่มีข้อมูลว่ากำไรจะเติบโต 20-30% 2.)หาข้อมูลต่อว่ากำไรมีโอกาสเติบโตได้จริงตามที่ผู้บริหารให้ข้อมูลไหม และมีโอกาสที่จะโตโดยที่ต้องเพิ่มทุนหรือไม่ เช่น D/E 1.5 เท่าแล้วบอกว่าจะโต 20-30% นั้นโดยที่ไม่ต้องเพิ่มทุนนั้นอาจจะเป็นไปได้ยาก
11.6 Q.กรณีไหนบ้างที่บริษัทน่าสนใจ
A. Ex.Case บริษัท P/E ประมาณ 10-12 เท่า บริษัทเองมีโครงการไปทำ Project บางอย่างที่มีความเป็นไปค่อนข้างสูง ซึ่งมีโอกาสสำเร็จภายในปี-ปีครึ่ง ซึ่งกำไรหลังจากที่โครงการนี้เสร็จ กำไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
11.7 Q.อยากทราบ Case Study ที่เกี่ยวกับการมองหา Catalyst ของบริษัท (Case Study ในอดีต)
A. Ex.Case Study หุ้นในอดีต SF 1.)SF ประกาศร่วมทุนกับ IKEA 2.)เพิ่มทุน 500-1000 ล้าน เพื่อจะทำโครงการ Mega Bangna 3.)ใช้เวลาก่อสร้าง 2-3 ปี ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไป 1 ปี click เข้าไปดูข้อมูลการประชุม พบประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการที่บริษัทจะเปลี่ยนมาตรฐานทางบัญชี ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเองกำไรจะเพิ่มเป็น 2-3 เท่าจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ (ข้อมูล ณ ตอนนั้น เมื่อ Mega Bangna เสร็จ พื้นที่ที่ให้เช่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่า ตอนนั้น P/E 12 เท่า)
11.8 Q.เวลาเจอหุ้นตัวใหม่ที่น่าสนใจเทียบกับตัวที่เราถืออยู่และยังมั่นใจอยู่ควรทำยังไง ควรจะ switch port ไหม
A.เปรียบเทียบ upside ของหุ้นทั้ง 2 ตัว แล้วดูว่ามี premium มากน้อยเท่าไร
เช่นในกรณีที่หุ้นตัวใหม่ upside 50% และ หุ้นตัวที่เราถืออยู่ปัจจุบันมี upside 40% อาจจะยังไม่ switch port เพราะ premium ยังน้อยอยู่
แต่ถ้าตัวใหม่ upside 100% ในขณะที่ตัวเก่า upside 40% อย่างนี้ switch เลย
ส่วนถ้า premium ยังอยู่ระหว่างกลางๆ เช่น 20-40% ก็อาจจะค่อยๆพิจารณา switch port บางส่วน
11.9 Q.สมมติว่าเราซื้อหุ้นของบริษัทหนึ่งโดยมองธุรกิจสัก 3-5 ปีข้างหน้า แต่ถ้าซื้อแล้วปรากฏว่างบการเงิน Q นี้ออกมาไม่ดี จะรู้ได้ยังไงว่าเรามองผิดพลาด
A.ส่วนใหญ่เวลาคิดให้ทำ sensitivity analysis แล้วมองกำไรออกมาเป็น case แย่สุด, กลาง, มากสุด เป็นยังไง แล้วค่อยมาเปรียบเทียบกับงบที่ออกมาจริงอีกทีว่าเรามองผิดพลาดไหม
12.Long over short
-ในระยะยาวถือหุ้นไปจะชนะ เดินช้ายังดีกว่าเจ็บตัวมาก
-คนที่ได้ผลตอบแทนการลงทุน 20-30% ต่อปี ถ้าทำได้เรื่อยๆจนถึงอายุ 60 ปียังไงก็รวย ซึ่งบางคนที่หวังจะได้ผลตอบแทน 50-100% ต่อปีนั้นอาจจะต้อง Trade กับอะไรบางอย่างเช่น Take risk มากเกินไป ซึ่งควรที่จะต้องระมัดระวังในจุดนี้ด้วย
-รู้ว่าจะตายที่ไหน อย่าไปตายที่นั่น
-พึงระมัดระวังกับการใช้ Margin (กู้เงินมาลงทุน) เพราะแม้กระทั่งนักลงทุนที่มีความสามารถสูงมากบางท่านก็เคยเกือบต้องล้มละลายจากการใช้ Margin
13.คำแนะนำอื่นๆ
-ในกรณีที่ตลาดหุ้นขึ้นเยอะๆ 1.)คืน Margin 2.)ถือเงินสด 3.)ถือหุ้นที่ถือเงินสดเยอะๆ
-ในชีวิตจริงคงไม่สามารถที่จะซื้อ low และขาย high ได้ทุกครั้ง
-บางครั้งอาจจะทยอยขาย 30%เมื่อถึง Fair value เพื่อไม่ให้ขายหมูมากจนเกินไป
14.คติสอนใจอื่นๆ
-เราจะผิดไม่ใช่เพราะคนอื่นบอกว่าเราผิด หากแต่เราจะผิดเพราะเหตุและผล
-สนามรบของท่าน คือสนามหญ้าหน้าบ้าน
-ถ้าเจอคำพูดที่ถูกใจ ให้จดไว้บ้าง ในวันที่เกิดวิกฤติคำพูดนั้นจะสร้างกำลังใจให้เราได้
ขอขอบคุณพี่ชัยยุทธ์ (warlord) และคุณ Pop ที่ได้ร่วมจัดงาน Meeting ที่ทั้งสนุกและมีประโยชน์ให้เพื่อนๆน้องๆทุกคน
ขอขอบคุณพี่โจ (ลูกอีสาน),พี่มี่ (sai),พี่ชัยยุทธ์ (warlord) สำหรับความรู้ที่มอบให้เพื่อนๆน้องๆนักลงทุนทุกท่าน
ขอขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆท่านอื่นด้วยครับที่ช่วยชี้แนะการลงทุนเช่นพี่นา,พี่ supparoj, น้องเอ็ม ,พี่ vilage ,น้องเจ, พี่วัช
และยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆพี่ๆนักลงทุนท่านอื่นๆด้วยครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ web thaivi ที่ให้ความรู้ในด้านการลงทุนแก่ผมและเพื่อนๆทุกท่าน รวมไปถึงทำให้ได้รู้จักเพื่อนๆพี่ๆที่แสนดีหลายๆท่านครับ
ขอบคุณครับ
earthcu/21 Jun 14
ถ้าผมเข้าใจผิดพลาดหรือจดผิดพลาด รบกวนเพื่อนๆพี่ๆท่านอื่นช่วยแนะนำให้ด้วยครับ
1.กฎทองเพื่อเอาชนะนายตลาด
-มีทัศนคติที่ถูกต้อง หุ้นคือส่วนของธุรกิจ
-ยึดที่มูลค่าของหุ้น ไม่ใช่ราคา
-ยึดที่ตัวเลขและอัตราส่วนทางการเงิน
-มองยาวกว่า
เวลาที่จะเจออะไรดีๆหรือแย่มากๆ ควรจะหันกลับไปคิดว่าภาวะอย่างนี้มันจะเป็นไปนานไหม ซึ่งถ้าเป็นไปไม่ได้เราก็ควรที่จะลืมๆมันไป
2.องค์ประกอบของความสำเร็จ
2.1 ความฉลาด (IQ) ,หน้าตา
2.2 บุญพาวาสนา , อาจารย์
2.3 Passion, ความฝัน, ความเชื่อ, ความศรัทธา
สำหรับองค์ประกอบข้อแรกต้นทุนที่ได้มาของแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน แต่ประเด็นที่สำคัญน่าจะเป็นข้อ 2 และ 3 นั่นคือการเลือกอาจารย์ให้ถูกคนและมี Passion หรือความเชื่อ, ความศรัทธา คนเราก็สามารถประสบความสำเร็จได้
3.คุณสมบัติของนักลงทุน VI
3.1ให้ความสำคัญกับมูลค่ามากกว่าเปลือกภายนอก
3.2มีความคิดที่เป็นอิสระ ไม่จำนนต่อสิ่งเร้าต่างๆ, ความคิดของสังคม
3.3มี EQ หรือความมั่นคงทางอารมณ์ ซึ่งหลักๆจะสามารถสร้างมาจากข้อมูลตัวเลข
3.4ไม่ชอบเสี่ยง โดยที่เราควรจะปิดความเสี่ยงหุ้นทุกตัวจากการศึกษาหาความรู้มาเป็นอย่างดี รวมไปถึงพยายามลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการกู้เงินมาเล่น (การใช้ Margin)
3.5มีความอดทน หุ้นทุกตัวจะมีวันของมัน
4.การใช้ชีวิต
-ถ้ามีเงินมากถึงจุดๆหนึ่ง ความสุขของเราอาจจะไม่ได้เพิ่มมากนัก เช่นมีร้อยล้านกับหมื่นล้าน เราก็ยังอาจจะทานอาหารเหมือนๆเดิม (ความสุขคนเราไม่ได้ใช้เงินมาก)
-ถ้ามีเงินมากพอในระดับนึงหรือสบายในระดับนึง อย่าลืมตอบแทนกลับพ่อแม่พี่น้องและครอบครัว
รวมไปถึงอย่าลืมที่จะช่วยเหลือและแบ่งปันคืนกลับสู่สังคมด้วย
-ทางออกของชีวิตคือการพึ่งพาตัวเอง
-การรู้จักประหยัดในการใช้จ่าย แม้ว่าโดยทั่วไปคนส่วนใหญ่ในสังคมจะไม่ได้คิดแบบนี้ ซึ่งการที่เราสามารถประหยัดอดออมนำเงินไปลงทุนต่อจะค่อยๆส่งผลดีต่อตัวเราในระยะยาว
“ผมยอมใช้ชีวิตที่คนทั่วไปไม่อยากใช้อยู่ไม่กี่ปีเพื่อที่ผมจะได้มีความสุขตลอดชีวิต”
5.การจะรวยนั้นไม่อาจอาศัยแรงผลักแต่ต้องเป็นอาศัยแรงดัน เปรียบเปรยคล้ายๆกับจรวดที่ต้องอาศัยแรงที่สูงมากเพื่อที่จะสามารถทะลุไปสู่อวกาศได้
6.ความมั่นคงเกิดจากภายใน มิใช่เกิดจากสิ่งของนอกกาย
7.การลงทุนแนว VI
7.1นักลงทุน VI มองหาประโยชน์จากความแตกต่างของราคาและมูลค่า (ราคาวันนี้กับมูลค่าในอนาคต) โดยนักลงทุนเองจะต้องหามูลค่าในอนาคตให้เป็นซึ่งต้องอาศัยข้อมูลเพื่อนำมาใช้ตั้งสมมติฐาน
7.2มองหากิจการที่กำไรต่อหุ้นจะเติบโต (พยายามหลีกเลี่ยงหุ้นที่กำไรโตแต่จำนวนหุ้นโตด้วยเพราะจะเกิด Dilution Effect)
8.แก่นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
8.1 ทำไมต้องลงทุน (Ex.ทุกข์กาย ทุกข์ใจ เงินเฟ้อ คุณภาพชีวิต การท่องเที่ยว)
8.2 จากข้อมูลผลตอบแทนการลงทุน ที่ผ่านมา 2517-2554
ทองมูลค่าผลตอบแทน 8 เท่า
เงินฝากผลตอบแทน 10 เท่า
ตราสารหนี้ผลตอบแทน 24 เท่า
หุ้นผลตอบแทน 59 เท่า
8.3 ทำไมต้อง VI
-ความเป็นเหตุเป็นผล
-มีคนทำได้จริง มากกว่าวิธีอื่นๆอย่างมีนัยยะ พยายามมองไปที่จุดหมายที่มีคนรออยู่หลายท่าน
(ยกตัวอย่างนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ คุณนิติ, ดร.นิเวศน์, ดร.ไพบูลย์, คุณประชา, คุณหมอบำรุง, คุณหมอพงษ์ศักดิ์, คุณมงคล, คุณyoyo, คุณโสรัตน์ เป็นต้น)
8.4 แก่นของ VI
8.4.1 หุ้นคือธุรกิจ ทัศนคติที่เราต้องยึดมั่นให้แน่นที่สุด
-ผลไม้พิษ ย่อมให้ผลที่เป็นพิษ เราควรจะเริ่มด้วยแนวคิดที่ถูกต้องเท่านั้น
-หากเราซื้อหุ้น โดยไม่ได้วิเคราะห์ธุรกิจเลย นั่นคือปัญหาแล้ว
-ความจริงแท้ของตลาดหุ้น ไม่มีหุ้นตัวไหนที่กำไรต่อหุ้นเติบโตแล้วราคาไม่ขึ้น แท้จริงแล้วราคาหุ้นจะโตตามกำไรต่อหุ้นเสมอ
พื้นฐานกิจการ -->กำไร --> ราคาหุ้น
เพราะฉะนั้นผู้ใดรู้พื้นฐานของกิจการ ผู้นั้นจะสามารถคาดการณ์ราคาหุ้นได้
8.4.2 หามูลค่าของหุ้น
ในตลาดหุ้นนั้น ทุกคนรู้ “ราคา” แต่น้อยคนที่จะรู้ “มูลค่า”
ซึ่งจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่รู้ “มูลค่า”ของสิ่งที่จะซื้อ
-มูลค่าของกิจการนั้นต้องหาเอง ซึ่งอาจจะใช้ P/E, P/BV, Dividend Yield, replacement cost, DCF ในการหามูลค่าของกิจการ
8.4.3 ซื้อหุ้นเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าเท่านั้น
-ซื้อที่ราคา under value ทำให้เงินเราปลอดภัยมากขึ้นจาก Margin of Safety (MOS)
- MOS จะปกป้องเงินต้นและสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าปกติ
-หุ้นดีก็เป็นการลงทุนที่เลวได้ หากซื้อหุ้นนั้นในราคาที่แพง
-นักลงทุน VI หาประโยชน์จากความแตกต่างระหว่างราคาและมูลค่า
8.4.4 ความผันผวนคือเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู
-ในตลาดมีแค่เธอกับนายตลาด เพราะฉะนั้นเราควรใช้ประโยชน์จากนายตลาด
-ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่แปลกมากๆ เพราะถ้าเราเดินในตลาดทั่วไป เวลาเจอช่วง sale ลดราคาสินค้า คนมักจะแห่แย่งกันซื้อ แต่สำหรับตลาดหุ้นนั้น คนมักจะทำตรงกันข้าม
9.การลงทุน
-ดูความเป็นไปได้ของบริษัทที่จะกำไรโต เช่นมีสัญญาที่แน่นอน
-ลงทุนในหุ้นที่กำไรต่อหุ้นจะโตเท่านั้น
-ถ้ากำไรต่อหุ้นไม่โต บริษัทต้องมีราคาถูกมากๆเท่านั้น และมีโอกาสที่จะ Unlock มูลค่า
-สุดท้ายราคาจะกำหนดว่าเราควรซื้อหรือไม่
-อะไรแย่ๆมักจะดี และอะไรดีๆมักจะแย่
10.ระวังการซื้อหุ้นเพราะอคติ ยกตัวอย่างเช่น
-ซื้อเพราะเป็นธุรกิจบุญ ไม่ซื้อเพราะเป็นธุรกิจบาป
-ซื้อเพราะราคาหุ้นขึ้น กลัวตกรถ
-ซื้อเพราะอยากติดชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่
-ซื้อเพราะรายงานประจำปีสวย
11.Question & Answer (Q&A)
11.1 Q.นักลงทุน VI ต้องสนใจธุรกิจมหภาคไหม
A.ไม่ต้องสนใจ หลักๆให้สนใจเฉพาะที่กระทบกับกิจการที่เราลงทุนก็พอ
11.2 Q.นักลงทุนควรจะมอง Top down หรือ Bottom Up
A. VI มักเป็น Bottom up (จะดีไม่ดี ขึ้นอยู่กับบริษัท)
11.3 Q.กลัววิกฤติจะทำอย่างไร
A.ให้เรายึดที่กิจการและมูลค่า การถือเงินสดจะสร้างวิกฤติเสียเอง เพราะเราอาจจะต้องพลาดโอกาสในการลงทุนเป็นระยะเวลานานหลายๆปีเพียงเพื่อจะรอให้เกิดวิกฤติ
11.4 Q.ลงทุนในหุ้นขนาดเล็กหรือหุ้นขนาดใหญ่ดี
A. Big company has a small move, small company has a big move
กิจการที่ขนาดใหญ่มาก ราคาหุ้นมีโอกาสที่อาจจะขึ้นไปไม่ได้มาก เพราะโอกาสที่กำไรของบริษัทจะโตมากๆนั้นเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
11.5 Q.เวลาจะซื้อหุ้น ดูอะไรก่อน (step)
A.ถ้าเป็นบริษัทที่ไม่เคยลงทุนมาก่อน 1.)จะหาข้อมูลจากการให้สัมภาษณ์ของผู้บริหาร โดยให้ความสนใจในบริษัทที่มีข้อมูลว่ากำไรจะเติบโต 20-30% 2.)หาข้อมูลต่อว่ากำไรมีโอกาสเติบโตได้จริงตามที่ผู้บริหารให้ข้อมูลไหม และมีโอกาสที่จะโตโดยที่ต้องเพิ่มทุนหรือไม่ เช่น D/E 1.5 เท่าแล้วบอกว่าจะโต 20-30% นั้นโดยที่ไม่ต้องเพิ่มทุนนั้นอาจจะเป็นไปได้ยาก
11.6 Q.กรณีไหนบ้างที่บริษัทน่าสนใจ
A. Ex.Case บริษัท P/E ประมาณ 10-12 เท่า บริษัทเองมีโครงการไปทำ Project บางอย่างที่มีความเป็นไปค่อนข้างสูง ซึ่งมีโอกาสสำเร็จภายในปี-ปีครึ่ง ซึ่งกำไรหลังจากที่โครงการนี้เสร็จ กำไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
11.7 Q.อยากทราบ Case Study ที่เกี่ยวกับการมองหา Catalyst ของบริษัท (Case Study ในอดีต)
A. Ex.Case Study หุ้นในอดีต SF 1.)SF ประกาศร่วมทุนกับ IKEA 2.)เพิ่มทุน 500-1000 ล้าน เพื่อจะทำโครงการ Mega Bangna 3.)ใช้เวลาก่อสร้าง 2-3 ปี ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไป 1 ปี click เข้าไปดูข้อมูลการประชุม พบประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการที่บริษัทจะเปลี่ยนมาตรฐานทางบัญชี ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเองกำไรจะเพิ่มเป็น 2-3 เท่าจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ (ข้อมูล ณ ตอนนั้น เมื่อ Mega Bangna เสร็จ พื้นที่ที่ให้เช่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่า ตอนนั้น P/E 12 เท่า)
11.8 Q.เวลาเจอหุ้นตัวใหม่ที่น่าสนใจเทียบกับตัวที่เราถืออยู่และยังมั่นใจอยู่ควรทำยังไง ควรจะ switch port ไหม
A.เปรียบเทียบ upside ของหุ้นทั้ง 2 ตัว แล้วดูว่ามี premium มากน้อยเท่าไร
เช่นในกรณีที่หุ้นตัวใหม่ upside 50% และ หุ้นตัวที่เราถืออยู่ปัจจุบันมี upside 40% อาจจะยังไม่ switch port เพราะ premium ยังน้อยอยู่
แต่ถ้าตัวใหม่ upside 100% ในขณะที่ตัวเก่า upside 40% อย่างนี้ switch เลย
ส่วนถ้า premium ยังอยู่ระหว่างกลางๆ เช่น 20-40% ก็อาจจะค่อยๆพิจารณา switch port บางส่วน
11.9 Q.สมมติว่าเราซื้อหุ้นของบริษัทหนึ่งโดยมองธุรกิจสัก 3-5 ปีข้างหน้า แต่ถ้าซื้อแล้วปรากฏว่างบการเงิน Q นี้ออกมาไม่ดี จะรู้ได้ยังไงว่าเรามองผิดพลาด
A.ส่วนใหญ่เวลาคิดให้ทำ sensitivity analysis แล้วมองกำไรออกมาเป็น case แย่สุด, กลาง, มากสุด เป็นยังไง แล้วค่อยมาเปรียบเทียบกับงบที่ออกมาจริงอีกทีว่าเรามองผิดพลาดไหม
12.Long over short
-ในระยะยาวถือหุ้นไปจะชนะ เดินช้ายังดีกว่าเจ็บตัวมาก
-คนที่ได้ผลตอบแทนการลงทุน 20-30% ต่อปี ถ้าทำได้เรื่อยๆจนถึงอายุ 60 ปียังไงก็รวย ซึ่งบางคนที่หวังจะได้ผลตอบแทน 50-100% ต่อปีนั้นอาจจะต้อง Trade กับอะไรบางอย่างเช่น Take risk มากเกินไป ซึ่งควรที่จะต้องระมัดระวังในจุดนี้ด้วย
-รู้ว่าจะตายที่ไหน อย่าไปตายที่นั่น
-พึงระมัดระวังกับการใช้ Margin (กู้เงินมาลงทุน) เพราะแม้กระทั่งนักลงทุนที่มีความสามารถสูงมากบางท่านก็เคยเกือบต้องล้มละลายจากการใช้ Margin
13.คำแนะนำอื่นๆ
-ในกรณีที่ตลาดหุ้นขึ้นเยอะๆ 1.)คืน Margin 2.)ถือเงินสด 3.)ถือหุ้นที่ถือเงินสดเยอะๆ
-ในชีวิตจริงคงไม่สามารถที่จะซื้อ low และขาย high ได้ทุกครั้ง
-บางครั้งอาจจะทยอยขาย 30%เมื่อถึง Fair value เพื่อไม่ให้ขายหมูมากจนเกินไป
14.คติสอนใจอื่นๆ
-เราจะผิดไม่ใช่เพราะคนอื่นบอกว่าเราผิด หากแต่เราจะผิดเพราะเหตุและผล
-สนามรบของท่าน คือสนามหญ้าหน้าบ้าน
-ถ้าเจอคำพูดที่ถูกใจ ให้จดไว้บ้าง ในวันที่เกิดวิกฤติคำพูดนั้นจะสร้างกำลังใจให้เราได้
ขอขอบคุณพี่ชัยยุทธ์ (warlord) และคุณ Pop ที่ได้ร่วมจัดงาน Meeting ที่ทั้งสนุกและมีประโยชน์ให้เพื่อนๆน้องๆทุกคน
ขอขอบคุณพี่โจ (ลูกอีสาน),พี่มี่ (sai),พี่ชัยยุทธ์ (warlord) สำหรับความรู้ที่มอบให้เพื่อนๆน้องๆนักลงทุนทุกท่าน
ขอขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆท่านอื่นด้วยครับที่ช่วยชี้แนะการลงทุนเช่นพี่นา,พี่ supparoj, น้องเอ็ม ,พี่ vilage ,น้องเจ, พี่วัช
และยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆพี่ๆนักลงทุนท่านอื่นๆด้วยครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ web thaivi ที่ให้ความรู้ในด้านการลงทุนแก่ผมและเพื่อนๆทุกท่าน รวมไปถึงทำให้ได้รู้จักเพื่อนๆพี่ๆที่แสนดีหลายๆท่านครับ
ขอบคุณครับ
earthcu/21 Jun 14