หน้า 1 จากทั้งหมด 3

ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 25, 2014 6:18 pm
โดย Saran
จากกระทู้
การลงทุนที่ดีที่สุด สำหรับมนุษย์เงินเดือน/ดร. นิเวศน์
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57669

เป็นวิธีการลงทุนแบบออมเงิน หรือ DCA ครับ ซึ่งผมนำเอามาลองใช้จริงกับพอร์ตทดลอง เลยอยากมาแบ่งปันกันครับ
เผื่อไว้เป็นไอเดียในการลงทุนกัน

วัตถุประสงค์
เป็นการสร้างระบบการลงทุนแบบต่อเนื่อง และใช้เวลาในการวิเคราะห์ไม่มาก
แต่ผลตอนแทนที่ได้อย่างน้อยที่สุดต้องชนะเงินเฟ้อได้ในระยะยาว โดยใช้พื้นฐานแนวคิดและหลักการ ดังนี้
- การลงทุนในหุ้นจะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในระยะยาว เมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ
- ความเสี่ยงที่จะเกิดโอกาสขาดทุนจะลดลง หากเลือกหุ้นที่มีคุณภาพที่ดีและถือไว้ในระยะเวลาที่ยาวนานพอ
- หุ้น เป็นสินทรัพย์ที่ช่วยปกป้องการเสื่อมมูลค่าของเงินลงทุนจากเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี

ระบบการลงทุน
ลงทุนในหุ้น 5 ตัว จำนวน xx,xxx บาททุกๆ 2 เดือน ระยะเวลาการลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปี
(ครบ 5 ปีแรกการลงทุน อาจมีการปรับเพิ่มเงินลงทุนอีกทีในภายหลัง)
หุ้น 5 ตัว ที่เลือกมาใช้ลงทุนได้แก่
- BGH กลุ่มโรงพยาบาล
- BLA กลุ่มประกัน
- CPF กลุ่มอาหาร
- DCC กลุ่มก่อสร้าง
- MINT กลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร
(ที่เลือกเพราะเป็นหุ้นที่ทุกคนเชื่อว่าดี มีอนาคต และราคาสามารถซื้อได้ในจำนวนเงินขั้นต่ำสุดที่ 100 หุ้น)

ผลลัพท์จากการลงทุนครบ 2 ปี คิดเป็นผลตอบแทนทบต้นได้ที่ 11% ต่อปี

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 25, 2014 6:25 pm
โดย Nevercry.boy
ขอบคุณคุณศรัณย์มากครับ

ขอแกน Y ของกราฟแท่งรูปด้านล่าง ในรูปแบบที่เป็นเปอร์เซนต์ด้วยได้มั๊ยครับ

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 25, 2014 6:42 pm
โดย Saran
อย่าลืมว่า
วิธีการลงทุนแบบ DCA อาจได้ผลตอบแทนที่ขาดทุนได้ (ช่วงระยะเวลาหนึ่ง) ถ้าเราเริ่มลงทุนในช่วงที่ตลาดขึ้นมาแพงมากแล้ว
อย่างในพอร์ตของผมที่เริ่มลงทุนตอน มิ.ย. 12 ดัชนีอยู่ราวๆ 1,170 จุด ขึ้นไปพีคแล้วร่วงลงมาอยู่ประมาณ 1,250 ในช่วงเดือน ม.ค. 14


แต่สิ่งสำคัญที่สุดนอกจากดูผลตอบแทนที่ได้รับ คือ อย่างน้อยๆเงินออมของเราจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเป็นสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสด
ให้เราได้อย่างเพียงพอระยะยาวครับ

สุดท้าย มีข้อเตือนใจที่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งสอนผมไว้ในเรื่องการทำงาน เลยขอมาแบ่งปันด้วยครับ
- อย่าเพิ่มหนี้สิน(หนี้เงินกู้, หนี้บัตรเครดิต) ให้โตเร็วกว่ารายได้ของคุณ ไม่งั้นคุณจะจนลงเรื่อยๆ
- ถ้าคุณไม่เก่งขึ้นเลย คิดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นได้มากแค่ไหน จงพัฒนาทักษะการทำงานอยู่เสมอ
- ไม่จำเป็นต้องเก่งขนาดเป็นเบอร์ 1 ขอเพียงแค่เก่งกว่าค่าเฉลี่ยทั่วๆไป แต่มี Skill ในหลายๆด้านไว้จะเป็นประโยชน์มากกว่า
- ท้ายสุด เมื่อมีจนเพียงพอแล้ว ก็ต้องรู้จักพอเพียง แบ่งปันคืนสู่สังคม


มีความสุขในการลงทุนครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 25, 2014 8:02 pm
โดย nephilim
เยี่ยมมากครับ พี่saran ผมว่าการ dca ควรทำในอุสาหกรรมที่!!
1. อุสาหกรรมเป็น mega trend โรงบาล ประกันชีวิต นี้ใช่เลย
2. เป็นที่1 ล้มยากในระยะยาว หรือก็คือมี barrier of entry
3. มีปันผลสม่ำเสมอ
4. ผบห. ต้องเก่ง มีธรรมภิบาลที่ดี :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 26, 2014 9:24 am
โดย luz666
ขอบคุณสำหรับ idea ครับพี่ saran ขยันจริงๆ :bow:

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 26, 2014 10:31 am
โดย Saran
Nevercry.boy เขียน:ขอบคุณคุณศรัณย์มากครับ

ขอแกน Y ของกราฟแท่งรูปด้านล่าง ในรูปแบบที่เป็นเปอร์เซนต์ด้วยได้มั๊ยครับ

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
ทำไม่เป็นอะพี่ NB ขอโทษด้วยนะครับ
ผมเลยทำเป็นกราฟ กำไร เพิ่มไปด้านล่างละกันครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 26, 2014 10:48 am
โดย Nevercry.boy
ขอบคุณมากครับ คุณศรัณย์
เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นมากครับ

ชอบวิธีการคัดเลือก 5 เทพ มาไว้ในพอร์ตของคุณศรัณย์มากครับ (มีตรงกันสองตัว)

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 26, 2014 12:20 pm
โดย dome@perth
เยี่ยมเลยครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 26, 2014 12:55 pm
โดย BeSmile
เยี่ยมเลยครับ

ถ้า Focus Group เฉพาะ Trend ที่เดาว่าน่าจะมา ใน 10 ปีข้างหน้า ได้

ผมว่า ผลตอบแทน น่าจะดีมาก

แต่มีความเสี่ยง เรื่อง เดา นี่แหละ :mrgreen:

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 26, 2014 1:55 pm
โดย sci
น่าจะเพิ่ม วิธีการในการซื้อ เพราะเราต้องการต้นทุนที่ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
เพราะฉนั้น เราต้องไม่ซื้อ ตอนที่ราคามันสูงกว่าค่าเฉลี่ยเด็ดขาด
ถ้าถามว่า จะรู้ราคาเฉลี่นของหุ้นได้อย่างไร เราก็ดูจาก สถิติเก่า หรือ
ที่เค้าเรียกว่า กราฟราคา
แล้วมีมั้ย ที่ ราคาไม่เคยต่ำกว่า ค่าเฉลี่ย... ลองคิดดูครับ
แต่ ไม่ใช่ ไปรอให้มันต่ำกว่า เท่านั้น เท่านี้ แล้วค่อยซื้อ อัน
นั้นเค้าเรียกไม่มีวินัยแล้วครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 26, 2014 8:24 pm
โดย Saran
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับพี่ sci แบบนั้นก็น่าจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนของพอร์ทได้นะครับ
สำหรับคนที่มีเวลาในการวิเคราะห์เพิ่มเติม

พอร์ตนี้มีวัตถุประสงค์หลักคือ ให้คนทำงานไม่เสียเวลามานั่งเลือกซื้อหุ้น หรือหมกมุ่นกับการขึ้นลงของราคามากเกินไปครับ
ประมาณว่าพอถึงวันที่ต้องซื้อปุ๊บ จัดการเปิดพอร์ทเคาะขวา ซื้อเสร็จก็ปิดคอมกลับไปทำงานต่อเลยครับ
เหมาะสำหรับกับคนที่มีงานประจำ มีความรู้ในการวิเคราะห์คุณภาพของบริษัทได้บ้าง แต่ยังหามูลค่าไม่เป็น (อย่างตัวผมเอง ><)

ลองมาดูราคาหุ้นที่เริ่มซื้อวันแรกกับวันนี้ครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 28, 2014 8:25 am
โดย doang
ขอบคุณครับสำหรับการแชร์ไอเดียครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 28, 2014 8:46 am
โดย doang
มีข้อสังเกตนิดหนึ่งครับ จาก 5 ตัวที่ลงทุนมา จะมีการเปลี่ยนหุ้นไหม ถ้าเกิดไปเจอหุ้นตัวใหม่ที่น่าสนใจกว่าที่ถืออยู่ แล้วพี่ Saran จะตัดตัวไหนออกโดยใช้หลักเกณท์อะไร

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 28, 2014 9:59 am
โดย Saran
doang เขียน:มีข้อสังเกตนิดหนึ่งครับ จาก 5 ตัวที่ลงทุนมา จะมีการเปลี่ยนหุ้นไหม ถ้าเกิดไปเจอหุ้นตัวใหม่ที่น่าสนใจกว่าที่ถืออยู่ แล้วพี่ Saran จะตัดตัวไหนออกโดยใช้หลักเกณท์อะไร
เพื่อป้องกันการเปลี่ยนหุ้นมากเกินความจำเป็น
ผมเลยกำหนดไว้ว่าระยะเวลาว่าต้องถือไว้อย่างน้อย 3 ปีครับ หากผลตอบแทนได้ต่ำกว่าเงินเฟ้อ หรือผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
ก็คงเปลี่ยนตัวออก

แต่ปัญหาคือ ผมไม่รู้ว่าวิธีเปลี่ยนตัวออกจะใช้วิธีไหนดี ขายทั้งก้อน หรือเฉลี่ยขาย แล้วเงินก้อนใหม่ที่ต้องใส่เข้าไปอีกจะใส่ยังไง ???

ใครมีคำแนะนำก็ช่วยหน่อยครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 28, 2014 11:01 pm
โดย sci
Saran เขียน:
doang เขียน:มีข้อสังเกตนิดหนึ่งครับ จาก 5 ตัวที่ลงทุนมา จะมีการเปลี่ยนหุ้นไหม ถ้าเกิดไปเจอหุ้นตัวใหม่ที่น่าสนใจกว่าที่ถืออยู่ แล้วพี่ Saran จะตัดตัวไหนออกโดยใช้หลักเกณท์อะไร
เพื่อป้องกันการเปลี่ยนหุ้นมากเกินความจำเป็น
ผมเลยกำหนดไว้ว่าระยะเวลาว่าต้องถือไว้อย่างน้อย 3 ปีครับ หากผลตอบแทนได้ต่ำกว่าเงินเฟ้อ หรือผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
ก็คงเปลี่ยนตัวออก

แต่ปัญหาคือ ผมไม่รู้ว่าวิธีเปลี่ยนตัวออกจะใช้วิธีไหนดี ขายทั้งก้อน หรือเฉลี่ยขาย แล้วเงินก้อนใหม่ที่ต้องใส่เข้าไปอีกจะใส่ยังไง ???

ใครมีคำแนะนำก็ช่วยหน่อยครับ
ไม่ขายตอน ราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยครับ รายปี หรือ ราย ไตรมาสครับ อันนี้คิดเล่นๆ ครับ
เพราะหมายถึงราคาที่ ขายจะต่ำกว่า ราคาที่ซื้อในช่วงที่ผ่านมา นั้นคือขาดทุน

หรือไม่ก็ตอนที่ ซื้อได้หน่วย จำนวนหุ้นน้อยๆ เมื่อเทียบกับที่ผ่านมาครับ

หรือดูที่ NAV ว่าเฉลี่ยต่อปี เท่าไร เช่น ถือ 3 ปี คิดได้ 30 ,40 ,50 หรือมากกว่า ต่อปี
ลองคิดดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ สำหรับการลงทุนแบบ DCA สำหรับ ตลาดที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย
10-12% ต่อปี
สำหรับผม มากกว่า 20 % ผมจะเริ่มคิดและระวังตัวแล้วครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 29, 2014 4:39 pm
โดย chaitorn
ขอบคุณ คุณ saran มากครับ แนวคิดแบบนี้น่าสนับสนุนมาก เป็นการส่งเสริมการลงทุนระยะยาวอย่างมีเหตุผลตามความเชื่อในเรื่องผลตอบแทนของตลาดฯในระยะยาว

ข้อสังเกตผมคือ
1. เหตุผลหลักในการเลือกหุ้นในกลุ่ม ทำไมเลือกตัวนั้น เพราะซื้อด้วยเหตุผลใด หากยังคงเหตุผลนั้นอยู่ก็ถือต่อ หากไม่เป็นเหตุผลเหมือนตอนซื้อจนทำให้พื้นฐานเปลี่ยน จะ exit อย่างไร และ exit แล้ว มีตัวใดมาทดแทนหรือไม่

2. จำนวนหุ้น ขึ้นกับ ความรู้ในธุรกิจที่ลงทุนและขนาด port หรือไม่ ทำไมเลือก 5 ตัว ไม่เป็น 7 ตัวเป็นต้น

3. การให้น้ำหนัก ผมเชื่อโดยส่วนตัวว่า การให้น้ำหนักสำคัญมากพอกับการเลือกหุ้นที่ลงทุน และมีผลต่อผลตอบแทนระยะยาวของเรา การให้น้ำหนักที่เท่า ๆ กันจะทำให้มีโอกาสแนวโน้มที่จะทำผลตอบแทนทบต้นได้ใกล้เคียงกับตลาดมากขึ้นหรือไม่

4. การประเมินผลนั้น ควรต้องดูแผนธุรกิจที่สร้่างการเติบโตด้วยผ่าน capex เช่น การเติบโตเรื่อยๆ ไม่มีปัญหา แต่บางธุรกิจอาจต้องใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวระยะยาวเพราะมีการลงทุนขยายงานต่อเนื่อง เช่น มากกว่า 2-3 จึงจะเก็บเกี่ยวได้มาก ราคาในระยะสั้นจึงอาจไม่สะท้อน แต่เมื่อผลงานออกมาจึงสะท้อนมากขึ้น จึงมีความเสี่ยงพอควรตามประเภทธุรกิจ ผมเห็น vi บางท่านลงทุนอนาคต บางตัวดีปีนี้ บางตัวดีปีหน้า บางตัวจะดีปีโน้น ทุกปีจะมี story ของแต่ละตัวตามลำดับตามมา ทำให้ไม่เหงาในการติดตามเพราะทุกปีมีหุ้นในกลุ่มให้มีเรื่องราวในการกระตุ้นต่อเนื่อง ทุก ๆ ปี จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเล่นบ่อยด้วย เพราะทุกตัวมีเรื่องราวให้ติดตามทั้งสั้นและยาว สนุกดีครับ 555

การจัด port หากมีทั้ง growth ที่จ่ายปันผลน้อย รวมคู่กับ dividend growth stock เพื่อสร้างกระแสเงินสดเพิ่มจากเงินเดือนทุกเดือนด้วย เพราะหากเกิดบางเดือนหรือมีบางช่วงที่หุ้นที่ลงทุนบางตัวราคาตกต่ำมาก แต่ผลงานของหุ้นนั้นยังเป็นไปตามเป้าหมาย คืบหน้าตลอด เงินจะได้ไม่หมด 555 เพราะเราได้เตรียมสร้างกระแสเงินสดมาลงเพิ่มได้มากขึ้นเหมือนกัน จะได้ไม่เสียโอกาส ต้องเผื่อความเสี่ยงตรงนี้ด้วยครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 29, 2014 9:11 pm
โดย Saran
ขอบคุณพี่ sci และพี่ chaitorn มากๆเลยครับ
ที่มาช่วยแบ่งปันไอเดียกัน ^^ นึกว่ากระทู้นี้ไม่ค่อยมีคนมาสนใจซะอีก

เนื่องจากหุ้น 5 ตัวในพอร์ตนี้เป็นหุ้นที่ผมใช้เงินลงทุนจริงๆทดลองนะครับ
เพื่อนๆไม่จำเป็นต้องเลือกซื้อเหมือนผมก็ได้ อยากแชร์แนวคิดวิธีการที่มือใหม่หัดลงทุนมากกว่า

ผมเห็นมือใหม่หลายๆคนประเมินมูลค่าหุ้นยังไม่เก่ง (ผมเองก็เป็น)
แต่อย่างน้อยถ้าได้ศึกษาตัวธุรกิจมาบ้าง ลองอ่านรายงานประจำปีดูก็น่าจะพอตอบได้ว่าธุรกิจนี้น่าสนใจลงทุน
หรือไม่น่าสนใจ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วครับ

และเมื่อยังประเมินมูลค่าไม่เป็น ทางที่ดีคืออยากหวังผลตอบแทนสูงเกินไปนัก
ตั้งเป้าให้ได้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนระยะยาวของตลาดก็พอ พอเรียนรู้มากขึ้น เข้าใจหลักการมากขึ้น
ผลตอบแทนก็จะดีขึ้นไปเองละครับ ทุกอย่างต้องใช้เวลา อยู่ที่การฝึกฝนและความตั้งใจ

ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 29, 2014 9:12 pm
โดย Nevercry.boy
คำถามคุณชัยธรน่าตอบ พอร์ตโฟลิโอแมเนจเมนต์สำคัญไม่น้อยกว่า เรื่องอื่น

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 29, 2014 9:45 pm
โดย chaitorn
Nevercry.boy เขียน:คำถามคุณชัยธรน่าตอบ พอร์ตโฟลิโอแมเนจเมนต์สำคัญไม่น้อยกว่า เรื่องอื่น
ขอบคุณพี่ nb ที่เข้าใจประเด็นที่ผมต้องการสื่อ

1. การ select หุ้น เป็นเรื่องของ circle of competence of business ที่เราลงทุน ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก การเป็น vi ต้องสร้างเรื่องนี้ให้เข้มแข็ง จะทำให้เราได้เรียนรู้ว่า เราเข้าใจถูกหรือผิดได้ด้วยตนเอง

2. Portfolio management เป็นศิลปเรื่องของการ focus investment ซึ่งเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ port ของ ปู่ warren buffett มีผลงานที่เหนือกว่าตลาด มากกว่าเรื่องการ diversification อันเกิดจากความไม่เข้าใจในธุรกิจที่เราลงทุนมากเพียงพอจากการ select ตาม 1

ปัญหาคือ เราจะมีหลักการ การให้น้ำหนักของหุ้นที่เราลงทุนอย่างไร ช่วงเริ่มต้น เก่งขึ้น จนถึงชำนาญ การให้น้ำหนักถูกก็จะมีผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดแม้เราจะลงทุนบางตัวที่ผิดพลาดบ้างก็ไม่เป็นไรเพร่ะหุ้นที่เราให้น้ำหนักสูงจะแก้ไขผลตอบแทนของ port ได้ ให้น้ำหนักผิดก็จะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอีกด้านเช่นกัน น้ำหนักจึงค่อนข้างสำคัญครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 30, 2014 12:27 am
โดย Saran
chaitorn เขียน:
Nevercry.boy เขียน:คำถามคุณชัยธรน่าตอบ พอร์ตโฟลิโอแมเนจเมนต์สำคัญไม่น้อยกว่า เรื่องอื่น
ขอบคุณพี่ nb ที่เข้าใจประเด็นที่ผมต้องการสื่อ

1. การ select หุ้น เป็นเรื่องของ circle of competence of business ที่เราลงทุน ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก การเป็น vi ต้องสร้างเรื่องนี้ให้เข้มแข็ง จะทำให้เราได้เรียนรู้ว่า เราเข้าใจถูกหรือผิดได้ด้วยตนเอง

2. Portfolio management เป็นศิลปเรื่องของการ focus investment ซึ่งเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ port ของ ปู่ warren buffett มีผลงานที่เหนือกว่าตลาด มากกว่าเรื่องการ diversification อันเกิดจากความไม่เข้าใจในธุรกิจที่เราลงทุนมากเพียงพอจากการ select ตาม 1

ปัญหาคือ เราจะมีหลักการ การให้น้ำหนักของหุ้นที่เราลงทุนอย่างไร ช่วงเริ่มต้น เก่งขึ้น จนถึงชำนาญ การให้น้ำหนักถูกก็จะมีผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดแม้เราจะลงทุนบางตัวที่ผิดพลาดบ้างก็ไม่เป็นไรเพร่ะหุ้นที่เราให้น้ำหนักสูงจะแก้ไขผลตอบแทนของ port ได้ ให้น้ำหนักผิดก็จะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอีกด้านเช่นกัน น้ำหนักจึงค่อนข้างสำคัญครับ
ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะครับพี่
ผมเองมีปัญหานี้บ่อยมากครับ เพราะ circle of competence เราไม่ชัดเจนพอ เลยส่งผลต่อการตัดสินใจหลายๆอย่างมาก

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 30, 2014 8:31 am
โดย chaitorn
Saran เขียน:
chaitorn เขียน:
Nevercry.boy เขียน:คำถามคุณชัยธรน่าตอบ พอร์ตโฟลิโอแมเนจเมนต์สำคัญไม่น้อยกว่า เรื่องอื่น
ขอบคุณพี่ nb ที่เข้าใจประเด็นที่ผมต้องการสื่อ

1. การ select หุ้น เป็นเรื่องของ circle of competence of business ที่เราลงทุน ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก การเป็น vi ต้องสร้างเรื่องนี้ให้เข้มแข็ง จะทำให้เราได้เรียนรู้ว่า เราเข้าใจถูกหรือผิดได้ด้วยตนเอง

2. Portfolio management เป็นศิลปเรื่องของการ focus investment ซึ่งเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ port ของ ปู่ warren buffett มีผลงานที่เหนือกว่าตลาด มากกว่าเรื่องการ diversification อันเกิดจากความไม่เข้าใจในธุรกิจที่เราลงทุนมากเพียงพอจากการ select ตาม 1

ปัญหาคือ เราจะมีหลักการ การให้น้ำหนักของหุ้นที่เราลงทุนอย่างไร ช่วงเริ่มต้น เก่งขึ้น จนถึงชำนาญ การให้น้ำหนักถูกก็จะมีผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดแม้เราจะลงทุนบางตัวที่ผิดพลาดบ้างก็ไม่เป็นไรเพร่ะหุ้นที่เราให้น้ำหนักสูงจะแก้ไขผลตอบแทนของ port ได้ ให้น้ำหนักผิดก็จะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอีกด้านเช่นกัน น้ำหนักจึงค่อนข้างสำคัญครับ
ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะครับพี่
ผมเองมีปัญหานี้บ่อยมากครับ เพราะ circle of competence เราไม่ชัดเจนพอ เลยส่งผลต่อการตัดสินใจหลายๆอย่างมาก
คุณ saran ลองใช้เทคนิคนี้ดีไหมครับ
Invest first, investigate later คำพูดของ อาจารย์ soros 555
ลงทุนทีละน้อยก่อน เราลงทุนหุ้นตัวใดเราต้องสร้าง circle of competency ขึ้นมาก่อนด้วย ต้องมีสมมุติฐานก่อนลงทุนหรือเหตุผลการซื้อของเรา ยึดหลักลงทุนตามความรู้ในกิจการที่เราลงทุนก่อนให้มากสุด รู้น้อยลงน้อยก่อน ต่อจากนั้นการบ้านของเราค่อยเพิ่มความรู้ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ คอยติดตามดูว่าสมมุติฐานของธุรกิจที่เราลงทุนนั้น เราถูกหรือผิด

ถ้าผิด เสียนิดหน่อย ตัดใจออกไป ไม่ bias

ถ้าถูก และถูกตามสมมุติฐานของเราเรื่อย ๆ ค่อย focus investment ลงเพิ่มให้มีนัยสำคัญของ port ยิ่งเสี่ยงน้อย ยิ่งต้องลงสัดส่วนเยอะ ๆ ตามมาด้วย
เหมือนวิํีไอ กลุ่มดันโด555


แบบนี้ เราก็ลงทุนในธุรกิจตามระดับความรู้ที่เราลงทุน มี circle of competency เป็นหลัก
ลงทุนให้แตกต่างด้วย focus investment มากกว่า รู้มากลงมาก
ต่างกับวิํีธีการ diversification เป็นหลักอันเกิดจากความไม่รู้ในธุรกิจครับ เพราะความไม่รู้คือความเสี่ยงต่อโอกาสการขาดทุนนั้นเอง

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 30, 2014 8:53 am
โดย chaitorn
ปู่บัฟเฟท ท่านแนะนำการลงทุน 2 วิธีหลัก ๆ คือ

1. รู้เพียงภาพกว้าง ที่ว่าหุ้นระยะยาวมาก จะมีผลตอบแทนที่ดีประมาณ 11-12% ทบต้นต่อปี เทคนิคคือ ลงทุนกองดัชนีหุ้นเป็นหลัก โอกาสจะได้ผลตอบแทนตามค่าเฉลี่ยของตลาดระยะยาวจะสูงมาก ไม่ bias แน่นอน และเสีย ค่่าคอมฯให้ broker บริหาร ต่ำสุดด้วย

อันนี้รู้แบบภาพกว่าง แต่รู้ลึก ๆ เป็นรายตัว ค่อนข้างรู้น้อย จึงลงแบบ top down เป็นหลัก

2. หากรู้กว้างและลงลึกตามระดับความรู้ circle of competency โดยระดับความรู้ไม่เกี่ยวกับ size คือรู้เยอะแต่ไม่รู้ลึก วิธีนี้แค่เลือกหุ้นจากที่เรารู้มาก รู้ลึกเป็นหลัก

หุ้นเข้าใจได้มาก โอกาสที่เราจะลงทุนความรู้ก่อนให้มากตามไปด้วย
หุ้นเข้าใจปานกลาง เก็บไว้ใน ตระกร้าของเรา ค่อย ๆ เรียนรู้ลำดับต่อมา
แต่หุ้นยากแก่ความเข้าใจ เช่น ปู่บัฟเฟท ไม่ลงทุนกลุ่ม it เพราะมอง runway ระยะยาวไม่ออก ก็เลยไม่ลงทุน

รู้แล้ว ค่อยมาประเมินมูลค่าหุ้นแท้จริง ประเมินได้เพราะเรารู้มากนั้นเอง เทียบกับราคาที่เราจะลงทุน

เมื่อลงทุนความรู้แล้ว ก็ใช้เกณฑ์้เข้มงวดในการคัดเลือก้ชิงคุณภาพประกอบ เป็นธุรกิจโดดเด่น runway ยาว โอกาสขาดทุนน้อยมาก เป็นต้น แล้วลงแบบ focus investment วัตถุประสงค์ต้องการผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดระยะยาวครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 30, 2014 10:44 am
โดย Nevercry.boy
ไม่ได้คุยกับคุณศรัณย์ นาน มาวันนี้ผมเหลือแค่ 3 อย่างจริง ๆ ครับ

1 รันเวย์
2 หมอผ่าตัดมะเร็ง
3 วงจรปิด

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 30, 2014 11:42 am
โดย Saran
Nevercry.boy เขียน:ไม่ได้คุยกับคุณศรัณย์ นาน มาวันนี้ผมเหลือแค่ 3 อย่างจริง ๆ ครับ

1 รันเวย์
2 หมอผ่าตัดมะเร็ง
3 วงจรปิด
มาใบ้หุ้นเหรอครับพี่ ^^ แซวเล่นคร้าบ

ต้องขอบคุณพี่ NB และพี่ chaitorn จริงๆที่คอยแนะนำแนวทางการลงทุนมาเสมอครับ โดยเฉพาะในเรื่องการเน้นปัจจัยคุณภาพ
ไม่อย่างนั้นผมคงได้ขายหมู mint ไปนานมาแล้ว

พวกพี่ๆ สนใจเปิดคอร์สสอนเมื่อไร บอกด้วยนะครับ ผมขอจองล่วงหน้าเลย ^^

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 30, 2014 11:50 am
โดย Saran
ข้อเสียร้ายแรงของผมอีกข้อคือ
บางครั้งเห็นหุ้นดีๆผ่านตาเข้ามาแต่เลิกศึกษาไปเสียก่อนเพราะเห็นว่า

มันยังแพงอยู่ แล้วก็เลิกติดตามไปเสียดื้อๆ ><

ทำให้พลาดโอกาสดีๆที่จะได้เก็บหุ้นของธุรกิจที่สุดยอดในจังหวะที่ตลาดหุ้นมันร่วงแรงๆครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 30, 2014 12:06 pm
โดย Nevercry.boy
Saran เขียน:ข้อเสียร้ายแรงของผมอีกข้อคือ
บางครั้งเห็นหุ้นดีๆผ่านตาเข้ามาแต่เลิกศึกษาไปเสียก่อนเพราะเห็นว่า

มันยังแพงอยู่ แล้วก็เลิกติดตามไปเสียดื้อๆ ><

ทำให้พลาดโอกาสดีๆที่จะได้เก็บหุ้นของธุรกิจที่สุดยอดในจังหวะที่ตลาดหุ้นมันร่วงแรงๆครับ
ถ้าใช้หลักที่

1 รันเวย์ยาวมาก (อนาคตยังอีกไกลสุดลูกหูลูกตา จนเราไม่เห็น)
2 หมอผ่าตัดมะเร็ว (สามารถดำเนินการได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ต่อเนื่องยาวนาน เล่นในเกมส์ที่เราเก่งเหนือชั้นกว่า เป็นที่หนึ่งในเกมส์นี้)
3 วงจรปิด (กินรวบทั้งซัพพลายเชน กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว)

มันจะเหลือหุ้นกี่ตัวครับ (?)
แล้วเราก็เกาะติดพวกนี้แหละครับ

ก็พลาดยากขึ้น ชีวิตง่ายขึ้นเยอะครับ

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 30, 2014 12:08 pm
โดย Nevercry.boy
Saran เขียน:
Nevercry.boy เขียน:ไม่ได้คุยกับคุณศรัณย์ นาน มาวันนี้ผมเหลือแค่ 3 อย่างจริง ๆ ครับ

1 รันเวย์
2 หมอผ่าตัดมะเร็ง
3 วงจรปิด
มาใบ้หุ้นเหรอครับพี่ ^^ แซวเล่นคร้าบ

ต้องขอบคุณพี่ NB และพี่ chaitorn จริงๆที่คอยแนะนำแนวทางการลงทุนมาเสมอครับ โดยเฉพาะในเรื่องการเน้นปัจจัยคุณภาพ
ไม่อย่างนั้นผมคงได้ขายหมู mint ไปนานมาแล้ว

พวกพี่ๆ สนใจเปิดคอร์สสอนเมื่อไร บอกด้วยนะครับ ผมขอจองล่วงหน้าเลย ^^
555 นั่นสิครับเหมือนใบ้หุ้นเลย

ลายแทงอยู่นี่ครับ อ.Imerlot กับ ท่านชัยธร สองสุดยอด อาจารย์ของผมครับ

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57526

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 01, 2014 10:24 am
โดย Saran
ขอบคุณมากครับพี่ NB จะรีบเข้าไปศึกษาเลยครับ
:bow: :bow: :bow:

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 01, 2014 11:38 am
โดย Nevercry.boy
Saran เขียน:ขอบคุณมากครับพี่ NB จะรีบเข้าไปศึกษาเลยครับ
:bow: :bow: :bow:
อ่านไปให้ถึงจตุรเทพนะครับคุณศรัณย์

มันน่าเบื่อมากที่จะอ่าน

แต่พออ่านเสร็จแล้ว

จะรู้ว่ากระทู้นั้นมันเป็น "คัมภีร์"

Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 02, 2014 10:52 am
โดย chaitorn
เอามาฝากเป็นกำลังใจคุณ Saran ครับ

ขอให้ถือเป็นข้อมูลหนึ่งในการศึกษาเพิ่มเติมและไปประยุกต์ใช้นะครับ
เอา Port ทดลองลงทุนจริงด้วย ของ คุณ สุมาอี้ หรือคุณ นรินทร์ โอฬารกิจอนันติน ขอให้เครดิตไว้ด้วยครับ
http://www.dekisugi.net/7thltg

เริ่ม ลงทุนเมื่อ 24/9/2010
ปีที่ 1

รูปภาพ
ปีที่ 2
รูปภาพ

ปีที่ 3
รูปภาพ

ปีที่ 4
รูปภาพ


จาก Port นี้ จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่หุ้น เติบโตทุกตัว จะลงทุนแล้วจะมีกำไรทุกตัว
แม้มีหุ้นบางตัวใน Port เช่น BANPU ที่ขาดทุนมากระยะแรกของการลงทุนก็ตาม แต่ ด้วยการ Focus หุ้นตัวอื่น ๆ ที่ถูกต้อง
ก็ทำให้ Port รวมนั้นเดินหน้าต่อได้ และสร้างผลตอบแทนระยะยาวที่เหนือกว่าผลตอบแทนของตลาดโดยเฉลี่ยที่ 11-12% ทบต้นต่อปีได้

แนวคิดของคุณสุมาอี้ นี่แหละครับ ที่ท้าทายกับความเชื่อที่ว่า การลงทุนระยะยาวนั้นค่อนข้างเสี่ยงกว่าลงทุนระยะสั้น และหุ้นในประเทศไทยไม่สามารถลงทุนระยะยาวได้เพราะผันผวนมาก

แน่นอนผลตอบแทนระยะสั้นระหว่างปีนั้นเสี่ยงแน่ แต่ระยะยาวแม้ตลาดผันผวนมากก็ตาม แต่ท้ายสุดก็เดินต่อไปได้ด้วยดี

ระยะยาวมาก ที่ผมพูดถึง ต้องเข้าใจว่า Port นี้จะลงทุนไม่น้อยกว่า 10 ปี ครับ ถึงเวลานั้นค่อยมาประเมินผลอีกครั้ง ตอนนี้เริ่มเข้ามาครึ่งทางแล้วหรือประมาณ 5 ปี 20/9/2014 คงได้เห็นความคืบหน้าของ Port เพิ่มเติมครับ

จะเห็นว่า NAV ของ Port รวม 4 ปีนั้น ก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ ซึ่งสะท้อนกับตัวแทนของคนที่มีเงินเดือนประจำ ที่สามารถลงทุนแบบเต่าระยะยาวไปทุกเดือน ก็มีโอกาสสร้างความมั่งคั่งได้เช่นกัน ไม่ต่างกับพวกที่มีอาชีพลงทุนอาชีพอย่างเดียว

เพียงลงทุนไม่กี่ปี ก็ได้ผลเป็นเงินล้านได้เช่นกัน ด้วย 2 แรงบวก คือ

วินัยในการลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกเดือน ทำให้เงินต้น Port เพิ่มมากขึ้น และ
ผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวที่สม่ำเสมอ เป็นตัวทบกับเงินต้นเพื่อสร้างผลตอบแทนทบต้นต่อเนื่องที่ดีต่อไป

เพียงแต่นักลงทุนต้องมีวินัยการลงทุนระยะยาว ไม่หวั่นไหวกับอารมณ์ของนายตลาดที่เข้ามากระทบเป็นระยะนั้นเองครับ :mrgreen:

อันนี้เป็นทัศนคติการลงทุนประกอบ ที่จะตอบพี่ NB เรื่อง Runway ระยะยาวมากของการลงทุนในหุ้นเติบโตได้เช่นกันนะครับ 555