Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ถ้าคุณมีเงิน 100 บาทกับเวลา 3 วัน ... คุณจะเพิ่มมูลค่าอย่างไร ? และคิดว่าจบ 3 วันแล้วมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจะเป็นเท่าไหร่ ?
(ลองมาแบ่งปันไอเดียกันสนุกๆดูนะครับชาว Thai VI .. เพราะผมคิดว่าพื้นฐานการลงทุนก็มาจากธุรกิจ และพื้นฐานธุรกิจก็มาจากความคิดสร้างสรรค์ที่จะเพิ่มมูลค่าของเงิน 100 บาทวันนี้ ให้มีค่ามากขึ้นในวันหน้า)

วิธีเพิ่มมูลค่าของเงิน 100 บาท? ถ้าเป็นพี่จะเอาไปให้คนที่คิดว่าเงิน 100 บาทสำหรับเค้ามีค่ามากที่สุด

สำหรับบางคน เงิน 100 บาทอาจจะเป็นค่าทิปของอาหารแค่ 1 มื้อ
สำหรับบางคน เงิน 100 บาทอาจจะซื้อกาแฟได้แก้วเดียว
สำหรับบางคน เงิน 100 บาทอาจจะอยู่รอดชีวิตได้ 1 วัน
สำหรับบางคน เงิน 100 บาทอาจจะหมายถึง ค่านมลูกได้หลายวัน

รู้ว่าไม่ได้ตอบคำถามของวินเพราะว่าคิดไม่ออก

วันที่1ซือ้หุ้นหุ้นละบาท100หน่วย
วันที่2ถือไว้
วันที่3ถือต่อไปครับ

เก็บไว้แบ่งซื้อข้าวสวยกับปลากระป๋อง แล้วเอาเวลาที่เหลือ3วันไปทำงานค่าแรงวันละ300

เก็บเงินส่วนนึงไว้ซื้อ มาม่า(พอเริ่มมีเงินไม่แนะนำให้กินครับ) และอีกส่วนไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการสมัครงาน ขยัน+มีกำลังใจ

เป็นคำตอบที่น่าสนใจครับ เพราะคำถาม คือ การเพิ่มมูลค่าในที่นี้ไม่ได้จำกัดความว่าต้องเป็นจำนวนเหรียญที่สุดท้ายนับแล้วได้กี่เหรียญในกระเป๋าเรา แต่พี่หว่านิยามได้ใหม่ว่าเหรียญ 1 บาท 100 เหรียญเท่ากันสามารถเพิ่มมูลค่าของตัวมันเองทันทีได้เพียงขึ้นอยู่กับความจำเป็นและวิธีใช้จ่ายของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

kraikria เขียน:วิธีเพิ่มมูลค่าของเงิน 100 บาท? ถ้าเป็นพี่จะเอาไปให้คนที่คิดว่าเงิน 100 บาทสำหรับเค้ามีค่ามากที่สุด

สำหรับบางคน เงิน 100 บาทอาจจะเป็นค่าทิปของอาหารแค่ 1 มื้อ
สำหรับบางคน เงิน 100 บาทอาจจะซื้อกาแฟได้แก้วเดียว
สำหรับบางคน เงิน 100 บาทอาจจะอยู่รอดชีวิตได้ 1 วัน
สำหรับบางคน เงิน 100 บาทอาจจะหมายถึง ค่านมลูกได้หลายวัน

รู้ว่าไม่ได้ตอบคำถามของวินเพราะว่าคิดไม่ออก

เป็น strategy ที่น่าสนใจ และน่าจะ effective ในเรื่องของเวลามากกว่านั่งเฝ้าหน้าจอและเสี่ยง net เป็นศูนย์ทั้งเวลา ศูนย์ทั้งเงิน ยิ่งถ้าวันแรกที่ซื้อเป็นก่อนประกาศงบ วันที่สองประกาศงบมาไตรมาสพุ่ง 3000% วันที่สามวิ่งทะลุเพดาน ... hahaha ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

naitai เขียน:วันที่1ซือ้หุ้นหุ้นละบาท100หน่วย
วันที่2ถือไว้
วันที่3ถือต่อไปครับ

เป็นอีกแนวคิดที่น่าสนใจ ใช้ทุนปัจจุบันซื้อเวลาเพิ่ม และใช้เวลาที่เพิ่มไปแลกกับทุนที่เพิ่มขึ้นแบบ fixed income อีกที ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

RoMEAotZ เขียน:เก็บไว้แบ่งซื้อข้าวสวยกับปลากระป๋อง แล้วเอาเวลาที่เหลือ3วันไปทำงานค่าแรงวันละ300

หมายถึง มาม่าเป็นซองไว้ทานประทังชีวิต หรือ หุ้นมาม่าครับ 555 .. เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่พยายามใช้เงินต่อเงินได้ดีขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

Compound เขียน:เก็บเงินส่วนนึงไว้ซื้อ มาม่า(พอเริ่มมีเงินไม่แนะนำให้กินครับ) และอีกส่วนไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการสมัครงาน ขยัน+มีกำลังใจ

วันแรก ซื้อของที่มีมาร์จิ้นสูงมาทำครับ เช่น นํ้าเต้าหู้เพราะต้นทุนไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ทำเสร็จแล้วเดินขายตามตลาดจะได้ไม่เสียค่าเช่า ช่วงเวลาพักกินขายก็ให้รับจ้างชั่วคราวให้กับร้านอาหารในตลาด จะเสริฟอาหารหรือล้างจานก็ได้ เพื่อแลกกับอาหารเพื่อดำรงชีพ และร้านอาหารคงยินดี เพราะช่วงเวลาทานอาหารเป็นช่วงที่เค้าต้องการกำลังคนเพิ่มมากที่สุดครับ พร้อมกับขอมาเก็บเศษอาหารให้ในตอนเย็นครับ ตกเย็นไปเก็บเศษอาหาร แล้วนำมาใส่ถุงทำเป็นอาหารสุนัขหรือแมวก็ได้ ขายถุงละ 5 บาท น่าจะได้ซัก 100 ถุง และใช้เวลาขายไม่นานครับ ตกกลางคืนให้รับเฝ้าสวนผลไม้หรืออะไรก็ได้ครับ ไม่ต้องเสียค่าที่พักและได้ค่าแรงอีก สรุป วันแรก ทุน 100 ขายนํ้าเต้าหู้ได้ 1000 ขายเศษอาหารอีก 500 ค่าแรงเฝ้าอีก 300 รวมวันแรกได้ 1800
วันที่สอง นำเงิน 1500 ซื้อผลไม้จากสวนที่เราเฝ้า นำมาขาย มาร์จิ้นประมาณ 1 เท่า นำเงิน 200 ทำนํ้าเต้าหู้เพราะถ้ามากกว่านี้คงขายไม่หมดครับ อีก 100 ทำนํ้าเก็กฮวย มาร์จิ้นใกล้เคียงนํ้าเต้าหู้ครับ ตอนเวลาทานข้าวทำเหมือนเดิมครับ พร้อมกับดิวขอรับซื้อเศษอาหารกับร้านอาหารบริเวณข้างเคียง ตกคํ่าก็เฝ้าสวนผลไม้เหมือนเดิมครับ พร้อมกับตกลงขอซื้อผลไม้เพิ่มขึ้นครับ สรุปวันที่สอง ใช้เงินลงทุน 1800 ขายผลไม้ได้ 3000 ขายนํ้าเต้าหู้ได้ 2000 นํ้าเก็กฮวย 1000 ค่าแรงเฝ้าอีก 300 รวม 6300 (กระแสเงินสดใช้ไประหว่างวัน คือซื้อเศษอาหาร 1000 มาร์จิ้น 90 เปอร์เซ็น เพราะถ้าขอในปริมาณมากๆโดยไม่ได้จ่ายเงินร้านค่าต่างๆคงไม่ยอมให้ครับ)
วันที่สาม ตื่นมาซื้อผลไม้จากชาวสวน 3000 ทำนํ้าเต้าหู้ 400 นํ้าเก็กฮวย 200 ทำข้าวไข่เจียวอีก 1200 (ต้นทุนกล่องละ 6 บาทได้ 200 กล่อง ขาย 15 บาท) จ้างคนงานช่วย 1 คน 400 บาท (ใช้งานเกิน 8 ชม.ครับ) เพราะเกินกำลังสำหรับคนๆเดียวในการทำทั้งหมด รวมเงินลงทุนวันที่สาม 6300 บาท ตื่นแต่เช้าจัดเตรียมทุกอย่างให้เสร็จ จากนั้นให้ไปที่ที่มีผู้บริโภคต้องการสินค้าเราจำนวนมาก ในเวลาที่จำกัด เพื่อประหยัดเวลา คือให้ไปหน้าวัดนำของที่ผลิตได้ทุกอย่างครึ่งนึงนำมาขาย ตั้งแต่ผลไม้ นํ้าเก็กฮวย นํ้าเต้าหู้ ข้าวไข่เจียวที่เอาไว้ตักบาตร อาหารสุนัขเพื่อสุนัขจรจัดภายในวัด และซื้อกลับบ้านไปให้กับสัตว์เลี้ยง พอสายหน่อยก็ให้ทำเหมือนวันก่อนๆ คือไปขายในตลาด รับจ้างเสริฟอาหาร และเฝ้าสวนผลไม้ สรุป ขายเศษอาหารได้ 10000 ผลไม้ 6000 นํ้าเต้าหู้ได้ 4000 นํ้าเก็กฮวยได้ 2000 ข้าวไข่เจียวอีก 3000 ค่าเฝ้าสวนอีก 300 รวม 25300 บาท (คร่าวๆนะครับเพราะความเป็นจริงต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอีกหลายอย่างทั้งค่ารถ ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคของเรา และของอาจจะขายไม่หมดก็ได้ รวมๆค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานน่าจะประมาณ 10 เปอร์เซ็น สรุป 25300-2530=22700)
วันที่สี่ อันนี้ผมเติมให้นะครับ ใช้เวลาวันที่สี่ทั้งวัน นำเงินทั้งหมดไปบริจาคช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่าเรา ที่เราเห็นผ่านมาในช่วงสามวัน และเหลือเงินไว้แค่ 1000 พอ จากนั้นกลับบ้านพ่อแม่เล่าเรื่องที่เราทำมาในสามวัน เพื่อรับรู้ถึงมุมมองที่แตกต่างและทำหน้าที่ลูฏที่ดีครับ เมื่อจิตใจแจ่มใสเราจะมีสมาธิ คิดถึงข้อผิดพลาดและช่องโหว่ของเราที่เกิดขึ้นในสามวันที่ผ่านมา แล้ววางระบบที่สมบูรณ์กว่าเดิม มีประสิทธิภาพกว่าเดิม จากนั้นเริ่มต้นใหม่อีกครั้งครับ คิดได้คร่าวๆแค่นี้ครับเพราะมีแค่สามวัน มั่วๆเอานะครับ อ่านเอาขำๆนะครับ

Haha ... สนุกดีครับ คุณลูกหิน เป็นการต่อยอดเงินให้มุมไปเรื่อยๆเหมือนสเตปจากลูกจ้างสู่ผู้ประกอบการเลย สถานการณ์จริงอาจเจอปัญหาแบบไม่อุดมคติเหมือนอย่างที่วางแผนไว้แต่น่าสนใจมากครับ ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

อีกมุมมองนึง ผมจะมาแชร์อาทิตย์หน้านะครับ

เอา 100 บาทซื้อกระดาษปากกาเอามาเขียนแผนธุรกิจเสนอผู้ร่วมทุนต่อด้วยธนาคาร ระดมทุนมาเปิดธุรกิจ

the_matrix เขียน:เอา 100 บาทซื้อกระดาษปากกาเอามาเขียนแผนธุรกิจเสนอผู้ร่วมทุนต่อด้วยธนาคาร ระดมทุนมาเปิดธุรกิจ

เสือกระดาษ

naitai เขียน:วันที่1ซือ้หุ้นหุ้นละบาท100หน่วย
วันที่2ถือไว้
วันที่3ถือต่อไปครับ

ซื้อ ได้หุ้นละ 0.5 บาทครับ อีก50 บาทโดนค่าคอมขั้นต่ำ

ลูกหิน เขียน:อีกมุมมองนึง ผมจะมาแชร์อาทิตย์หน้านะครับ

มาปูเสื่อรอมุมมองท่านลูกหินครับละเอียดดีเห็นภาพ ชอบๆ

มาต่ออีกอันนะครับ
วันที่หนึ่งหามูลนิธิที่ทำประโยชน์ให้กับสังคมได้ดี และศูนย์เสียค่าดำเนินการหรือรั่วไหลตํ่าครับ จากนั้นวางแผนการตลาดในการแพร่กระจายการรับรู้ให้กับประชาชนโดยทั่วไปครับ แล้วหาวัดป่าที่ดีที่จะทำให้เราสงบและมีสมาธิที่สุดครับ ตกดึกนั่งรถบัสไปที่วัดป่าในต่างจังหวัดครับ ถึงตอนเช้าวันที่สอง
วันที่สองเข้าวัดป่าค้นหาพระที่มีแนวความคิดที่ถูกต้องและสื่อสารให้เข้าใจได้โดยง่ายครับ (เพราะสำหรับคนทั่วไป จะให้เข้าใจขั้นลึกในเบื้องต้นคงใช้เวลานานมากครับ) เมื่ิอค้นพบก็พูดคุยกับท่าน พยายามหาจุดเชื่อมต่อระหว่างคำสอนและวิถีชีวิตในสังคมปัจจุบันครับ จากนั้นเข้าป่านั่งสมาธิกับพระดังกล่าว คืนที่สองพยายามตกผลึกให้ได้ว่าเราจะถ่ายทอดอย่างไรให้คนทั่วไปเข้าใจได้โดยง่าย
วันที่สามอัดวิดีโอท้าทายทำความดีที่กระชับเข้าใจง่าย และวางแผนแพร่กระจายเป็นลูกโซ่ คล้ายๆ ice bucket ครับ และนำเสนอรูปแบบการบริจาคที่หลากหลายตามกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการ โดยแสดงความโปร่งใสโดยให้โอนเงินเข้ามูลนิธิที่เราคัดมาแล้วโดยตรงครับ จากนั้นให้โพสลง youtube เพื่อแพร่กระจายความดีครับ และก็รอดูปันผลแห่งความดีที่จะถูกส่งต่อไปเรื่อยๆครับ
สรุปสิ่งที่เราทำมาในสามวัน อาจจะมีเวลาน้อยเราจึงต้องวางแผนระยะยาว ให้โครงการที่ดีดำเนินไปได้โดยไม่มีเรา และสามวันสำหรับเรานั้นยากที่จะเข้าถึงได้ เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะทำตัวเป็นสะพานเชื่อมต่อความดีให้กับบุคคลอื่น รวมถึงการใช้เงินเราิาจเสียแค่ค่ารถและความข้าวในวันแรกเท่านั้นครับ
ผลผลิตที่สร้างมาได้อาจจะมากมายจนเราคาดไม่ถึง หรืออาจจะไม่ประสบผลสำเร็จเลยก็เป็นได้ แต่ถ้าเป็นสามวันสุดท้ายเราก็ควรทำครับ เราิาจจะมีบุญไม่ถึง แต่เราควรใช้ปัญญาที่เรามีในการนำพาให้เกิดโอกาสกับคนที่ไม่เคยสัมผัสความดี หรือพุทธศาสนา เปรียบเหมืิอนนํ้าแข็งที่ราดลงตัวเพื่อให้เข้าใจตัวผู้ป่วยครับ
เกิดมาทั้งทีเราอาจจะไม่ได้เป็นคนที่จะบรรลุอะไรได้ แต่เมื่อเราเกิดมามีโอกาสดีกว่าคนอื่นๆ เราก็ควรแบ่งปันครับ สิ่งที่ควรทำคือพยายามพาคนไปหน้าวัดให้มากที่สุด เพื่อสร้างโอกาสสำหรับคนที่เข้าถึงครับ ส่วนใครจะเข้าไปศึกษาขั้นลึกหรือไม่ คงอยู่ที่บุญกรรมของผู้นั้นเป็นหลักครับ ส่วนปัญญาของเราเป็นได้แค่ผู้นำทางก็ทำในส่วนของเราให้ดีที่สุดครับ จากนั้นเราก็รอดูปันผลแห่งความดีแพร่กระจายออกไปทั่วโลกอย่างสงบครับ เผื่อหลังจากนั้นเราก็อาจจะเข้าใจและปล่อยวางหลายๆอย่างลงได้นะครับ
งงหรือเปล่าครับมากันคนละแนวกับอันแรกเลยครับ แต่ถ้าเป็นสามวันสุดท้ายของผม ผมจะเลือกทำอันหลังนะครับ