'สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด'คาดจีดีพีปีนี้โต6%
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 21, 2015 6:36 pm
การเงิน - การลงทุน
วันที่ 21 มกราคม 2558 18:09
'สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด'คาดจีดีพีปีนี้โต6%
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด" คาดจีดีพีปีนี้โตได้ถึง 6% จากการลงทุนภาครัฐ-น้ำมันร่วงลดต้นทุนการผลิต
นางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพี ในปีนี้จะเติบโตได้ถึง 6% ซึ่งเป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำจากปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอและโครงการภาครัฐหยุดชะงัก
อย่างไรก็ตามในปีนี้ มีปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปได้ คือ เรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิต ทำให้ภาคเอกชนมีการลงทุนขยายการผลิตเพิ่มมากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี
นอกจากนี้ หากภาครัฐบาลดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานไปได้อย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยส่งเสริมทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ดีมากขึ้น และปัจจุบันนักลงทุนจากประเทศญีปุ่นและจีนได้เข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทยเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตและการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับผลบวกจากปัจจัยนี้ด้วย
"ทางธนาคารมองว่าการเติบโตในปีนี้จะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง โดยราคาที่ลดลงทุก 10% นั้นจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้ 0.2%นอกจากนี้ หากการลงทุนภาครัฐเกิดขึ้นได้จริงก็จะช่วยหนุนเศรษฐกิจได้อีก การลงทุนภาครัฐคาดเห็นผลได้ไตรมาส 2 ประกอบกับประเทศไทยยังมีงบค้างท่อจากปีที่แล้วอีกแสนล้านบาทที่จะเข้ามาในปีนี้ โดยจะเห็นชัดในครึ่งปีหลัง จึงมองว่าในไตรมาส 1 จีดีพีจะโตได้ 4% ไตรมาส 2 จะโตได้ 5% ครึ่งปีหลังจะโตได้ 6%"นางสาวอุสรา กล่าว
นางสาวอุสรา ยังกล่าวว่า อัตราการเติบโตของการส่งออกในปีนี้ มองว่าจะขยายตัวได้ 4-5% จากปีที่แล้วที่การส่งออกไม่เติบโต ซึ่งในปีนี้จะได้รับผลบวกจากสหรัฐฯ ที่ทำให้การส่งออกของไทยเติบโตได้ และหากเศรษฐกิจในยุโรปฟื้นตัวจะช่วยให้การส่งออกไทยดีขึ้นตามลำดับอีกด้วย
วันที่ 21 มกราคม 2558 18:09
'สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด'คาดจีดีพีปีนี้โต6%
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด" คาดจีดีพีปีนี้โตได้ถึง 6% จากการลงทุนภาครัฐ-น้ำมันร่วงลดต้นทุนการผลิต
นางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพี ในปีนี้จะเติบโตได้ถึง 6% ซึ่งเป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำจากปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอและโครงการภาครัฐหยุดชะงัก
อย่างไรก็ตามในปีนี้ มีปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปได้ คือ เรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิต ทำให้ภาคเอกชนมีการลงทุนขยายการผลิตเพิ่มมากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี
นอกจากนี้ หากภาครัฐบาลดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานไปได้อย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยส่งเสริมทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ดีมากขึ้น และปัจจุบันนักลงทุนจากประเทศญีปุ่นและจีนได้เข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทยเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตและการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับผลบวกจากปัจจัยนี้ด้วย
"ทางธนาคารมองว่าการเติบโตในปีนี้จะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง โดยราคาที่ลดลงทุก 10% นั้นจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้ 0.2%นอกจากนี้ หากการลงทุนภาครัฐเกิดขึ้นได้จริงก็จะช่วยหนุนเศรษฐกิจได้อีก การลงทุนภาครัฐคาดเห็นผลได้ไตรมาส 2 ประกอบกับประเทศไทยยังมีงบค้างท่อจากปีที่แล้วอีกแสนล้านบาทที่จะเข้ามาในปีนี้ โดยจะเห็นชัดในครึ่งปีหลัง จึงมองว่าในไตรมาส 1 จีดีพีจะโตได้ 4% ไตรมาส 2 จะโตได้ 5% ครึ่งปีหลังจะโตได้ 6%"นางสาวอุสรา กล่าว
นางสาวอุสรา ยังกล่าวว่า อัตราการเติบโตของการส่งออกในปีนี้ มองว่าจะขยายตัวได้ 4-5% จากปีที่แล้วที่การส่งออกไม่เติบโต ซึ่งในปีนี้จะได้รับผลบวกจากสหรัฐฯ ที่ทำให้การส่งออกของไทยเติบโตได้ และหากเศรษฐกิจในยุโรปฟื้นตัวจะช่วยให้การส่งออกไทยดีขึ้นตามลำดับอีกด้วย