Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ปีนี้ผมได้รับเงินปันผลน้อยลงค่อนข้างมาก
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขายหุ้นปันผลบางตัวออกไป
เพื่อซื้อหุ้นgrowthที่ชอบเข้ามาแทน
แต่อีกส่วนหนึ่งเกิดจากปีนี้มีหลายบริษัทจ่ายหุ้นปันผลแทนเงินสด

ในการจ่ายหุ้นปันผลแต่ละบริษัทก็ต้องออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อมาจ่ายปันผล
หุ้นเพิ่มทุนเหล่านี้เมื่อเข้าตลาด ราคาต่อหุ้นก็จะdiluteไปตามสัดส่วนการเพิ่มทุน
ผู้ถือหุ้นรายย่อยหรือรายใหญ่ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
การคาดหวังว่าราคาหุ้นจะลดลงน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เป็นเรื่องของการเก็งกําไร
ทําเหมือนกับว่าพิซซ่าหนึ่งถาดหั่นเป็น8ชิ้นจะกินอิ่มกว่าหั่น4ชิ้น
ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องตลก
แล้วที่เรียกว่าหุ้นปันผล มันปันผลตรงไหน
ที่แย่กว่านั้นคือผมเข้าใจว่าทั้งบริษัททั้งผู้ถือหุ้นต้องเสียภาษีจากการปันผลอีกด้วย

บางบริษัทอ้างว่าเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น
ซึ่งผมว่าฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่
ยังไม่เคยเห็น ตลท ลงโทษหุ้นขาดสภาพคล่องจริงจังอะไรเลย

ในความเห็นส่วนตัวของผม
ถ้าบริษัทต้องการใช้เงินเพื่อลงทุนเพิ่ม
จะงดปันผลโดยอธิบายให้ผู้ถือหุ้นเข้าใจ
ยังดีกว่าออกหุ้นเพิ่มทุนมาปันผล
อย่าน้อยก็ไม่ต้องเสียภาษี
หรือว่าผมเข้าใจอะไรผิดไป
ใครรู้โปรดชี้แนะด้วย

เครดิตภาษีคืนได้คุ้มครับ สำหรับนักลงทุนที่ port ไม่ใหญ่และเงินเดือนไม่สูงมากไป

มองได้หลายมุมครับ ถ้าเรื่องตัวเงินชัดๆ ก็ตามที่คุณ newbie_12 บอกคือถ้าฐานเงินเดือนไม่สูงมีรายได้อื่นๆไม่มากก็จะ credit tax คืนได้ ครับ
ส่วนมองในมุมการเงิน บริษัทอาจจะต้องการเงินไปลงทุนต่อซึ่งถ้า opportunity cost ของการลงทุนสูงกว่าการจ่ายปันผลระยะยาวควรจะทำให้ value บริษัทสูงขึ้นครับ ซึ่งถ้าในกรณีนี้จริงผมว่าไม่ต้องจ่ายปันผลก็ได้ แต่ที่จ่ายเหมือนจ่ายปลอบใจมากกว่า ส่วนประเด็นอื่นถ้ามีการจ่ายอาจเป็นการจ่ายตาม trend หรือได้คำแนะนำจาก FA ที่ใช้อยู่ก็อาจเป็นได้ครับ

เห็นด้วยกับกรณีหากบริษัทต้องการใช้เงิน ไม่ต้องจ่ายปันผลเลยดีกว่าครับ

นานาจิตตัง ส่วนตัวเห็นด้วยกับบริษัทฯที่ต้องเพิ่มทุน แล้วใช้การจ่ายปันผลเป็นหุ้น ทั้งนี้บริษัทฯจะต้องนำเงินไปขยายธุรกิจและเติบโตมากกว่าทุนที่เพิ่มขึ้น ตัวอย่างคือ HMPRO น่าจะดีกว่าไม่ปันผลแต่มาเพิ่มทุน หรืออกวอแรนท์ภายหลัง

ถ้าปันผลเป็นเงินสด แล้วมาเพิ่มทุนภายหลัง ไม่เห็นด้วย ยิ่งแบบเฉพาะเจาะจงราคาถูกๆ ซ้ำร้ายหนักบริษัทฯก็ไม่เติบโตสมกับทุนที่โต อันนี้มีเยอะ

ผมว่าถ้าถือหุ้นเค้านานจริง ๆ การได้ปันผลเป็นหุ้น นอกจากจะได้เงินปันผลแล้ว มันก็ได้ capital gain ด้วยครับ เพราะมูลค่าของการปันผลคิดตามราคาพาร์ เวลาติด XD มันไม่ dilute หนักเท่าหุ้นที่ติด XR บางคนที่ถือหุ้นบางตัวนาน ๆ และหุ้นตัวนั้นแจกหุ้นปันผลบ่อย ๆ ก็จะเห็นเลยว่ามันได้มากกว่าเงินปันผลครับ

ตามความเห็นผมนะ
เกิดจากการที่ผู้บริหารไม่ต้องการจ่ายเงินสดออกจากบริษัทไปมาก ไม่ว่าจะเนื่องด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
การตัดสินใจว่างดจ่ายเงินปันผลอาจทำให้ต้องตอบคำถามนักลงทุนหนักกว่าการเลือกจ่ายปันผลเป็นหุ้นครับ

ตรงกันข้ามกับ บริษัทซื้อหุ้นคืน หรือเปล่าครับ

drsp เขียน: ในการจ่ายหุ้นปันผลแต่ละบริษัทก็ต้องออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อมาจ่ายปันผล
หุ้นเพิ่มทุนเหล่านี้เมื่อเข้าตลาด ราคาต่อหุ้นก็จะdiluteไปตามสัดส่วนการเพิ่มทุน

ทําเหมือนกับว่าพิซซ่าหนึ่งถาดหั่นเป็น8ชิ้นจะกินอิ่มกว่าหั่น4ชิ้น

ตรงนี้ผมว่าถ้ามอง "ยาว ๆ" ผถห.เดิมก็ไม่ได้เสียประโยชน์อะไรนะครับ ถึงแม้จำนวนหุ้นมันจะเพิ่มขึ้น, EPS ดูลดลง แต่ถ้ามองในแง่มูลค่าทั้งหมดของหุ้นตัวนั้นที่เราถืออยู่ หรือ EPS รวม ผมคิดว่าไม่น่าจะลดครับ

เหมือนเดิมมีพิซซ่า 1 ถาด แบ่งเป็น 10 ชิ้น เราเป็นเจ้าของ 2 ชิ้น ถ้าเค้าอยากจะแบ่งเพิ่มเป็น 20 ชิ้น เราก็เป็นเจ้าของ 4 ชิ้นอยู่ดีครับ

ผมว่าคนที่เสียเปรียบน่าจะเป็นคนที่เข้ามาซื้อหุ้นหลังจากแจกหุ้นปันผลไปแล้ว ที่ EPS ของหุ้นย่อมลดลงแน่นอน กับคนที่ได้หุ้นปันผลมาแล้วขายออกไป

ส่วนเรื่องการเสียภาษีผมว่าน่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยนะครับ ถ้าเทียบกับ Cap gain ที่ได้

สินค้าถ้าหากมีจำนวนจำกัดความต้องการสูงขึ้นราคาก็แพงขึ้น
ทำอย่างไงให้สินค้าเพิ่มขึ้น ก็เพิ่มจำนวนของสินค้า ก็ทำให้ราคาลดลง
ถ้าหากขายดีอีกเป็นที่ต้องการของตลาดราคาก็สูงขึ้น

อีกด้านคือ ตรวจสอบว่า เก็บเงินสดไว้ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนคุ้มค่าที่เพิ่มสินค้าดังกล่าวหรือเปล่า (ตัวหารเพิ่มขึ้น แล้วตัว earning วิ่งตามทัน โดยใช้เวลาเท่าใด ตัว ROE ยังคงมีประสิทธิภาพเท่าเดิมหรือดีกว่าเดิมหรือเปล่า)

บางครั้ง จำนวนที่เพิ่มขึ้น มันก็คือ Market cap ที่เพิ่มขึ้น
เมื่อ market cap ใหญ่ขึ้นก็ upgrade จาก หุ้นที่ไม่ค่อยมีสถาบันสนใจ
ทำแบบนี้หลายครั้งๆเข้า สถาบันก็สนใจเพราะ Free float ที่มีมากเพียงพอ

อะวังด้วยประการฉะนี้

บอกตามตรงว่ายังรู้สึกว่ามันไม่ make sense
capital gain ถ้าหุ้นมันดีจริง ในระยะยาว
ไม่ว่าเพิ่มทุนหรือไม่ มันก็ได้capital gainเหมือนกัน
แต่รู้สึกว่าส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับวิธีการนี้
ผมเสียงส่วนน้อยก็คงไม่ว่าอะไรครับ

ยกตัวอย่าง
ขาประจำ Hmpro เป็นต้น
ขาประจำ ทุกๆ 5 ปี BKI เป็นต้น
ขาจรปี 2557 มี Mono ,L&E เป็นต้น

ปีนี้ Hot hit เหมือนกันสำหรับปันผลด้วยหุ้น
ลองดูอดีต ว่าเมื่อปันผลด้วยหุ้นเป็นเช่นไร
เพราะ ปัจจุบันย้อนรอยอดีตเสมอมา

miracle เขียน:ยกตัวอย่าง
ขาประจำ Hmpro เป็นต้น
ขาประจำ ทุกๆ 5 ปี BKI เป็นต้น
ขาจรปี 2557 มี Mono ,L&E เป็นต้น

ปีนี้ Hot hit เหมือนกันสำหรับปันผลด้วยหุ้น
ลองดูอดีต ว่าเมื่อปันผลด้วยหุ้นเป็นเช่นไร
เพราะ ปัจจุบันย้อนรอยอดีตเสมอมา

แถม VGI อีกตัวสำหรับปี 2557 ที่ผ่านมา (ไม่ใช่งบปี 2557)
"_"

ผลทางด้านจิตวิทยาแหล่ะครับ
1.ราคาต่ำลง ซื้อได้ง่ายขึ้น
2.สภาพคล่องสูงขึ้น
3.เป็นหุ้นที่ได้ชื่อว่า "จ่ายปันผล"
**ข้อนี้สำคัญมากครับ เป็นบางครั้ง ผมเชื่อว่านักลงทุนบางส่วนใช่วิธี ฟิวเตอร์หาหุ้นที่จ่ายปันผล>0
ถ้าไม่จ่ายคือตกเงื่อนไขครับ
และถ้าให้เลือกซื้อหุ้นที่ไม่จ่ายปันผลเลยตลอด5ปีที่ผ่านมา ก่อนจะซื้อผมว่าคุณต้องมีชะงักบ้าง
อย่างน้อยแวบแรกคุณต้องแอบนึก ยี้ อยู่ในใจ และคำว่า n/a ในช่อง
%ปันผล มาตลอด 5ปี มันมีผลทางจิตวิทยาพอสมควรครับ

4.ผู้บริหารตอบคำถามยากด้วยเช่นกัน ว่าเหตุใด งดจ่ายปันผล feedback ในที่ประชุมมันแรงครับ

5.บางครั้ง การจ่ายปันผล และ%pay out ก็มีส่วนสำคัญในการประเมินมูลค่าบริษัทครับ
โดยเฉพาะ วิธี DDM (ถึงแม้ว่าจะไม่ได้จ่ายเป็นเงินออกมาจริงๆก็เหอะ) หากไม่มีปันผล
จะประเมินมูลค่าบริษัทยาก ในบางวิธีครับ

6.ผู้ที่เสียภาษีต่ำกว่า ภาษี นิติบุคคลของบริษัทที่ท่านลงทุน ก็จะได้ เครดิตภาษี ออกมาด้วยครับ
(แต่รายใหญ่เสียผลประโยชน์ ในจุดนี้ เพราะโดนหักภาษีเงินปันผลไป แต่เครดิตคืนไม่คุ้ม)

ข้อดีเท่าที่คิด มีประมาณนี้ครับ เพราะปันผลเป็นหุ้นหรือไม่จ่ายปันผล ส่วนของE มันก็เท่าเดิม
(ไม่นับภาษีเงินปันผล)
Credit risk , default risk หรือ company rating อะไรก็น่าจะเท่าเดิม

มันมีข้อดี-ข้อเสีย เค้า weight กันแล้วคงคุ้มแหล่ะครับ
เลยเคาะแบบนี้ออกมา

ปีนี้สังเกตุดูมีหุ้นปันผลออก หลายบริษัท ด้วยกัน หลักใหญ่ที่ผมคิดก็คือ เขาต้องการเก็บเงินไว้เพื่อบริหารงานง่ายขึ้น...แสดงว่าปีนี้เป็นปีที่น่ากังวลมากกว่าปีก่อน ๆ ต้องเตรียมเงินไว้บริหารให้่ได้ดี บางบริษัท ก็ มีการขยายกิจการต้องใช้เงิน สรุปได้คือว่า ขอเงินคืนจากเราให้หุ้นมาแทน ปัญหาคือเงินที่ขอไปนั้นเขาจะทำให้กิจการโตขึ้นมากเท่าไหร่ ให้ผลตอบแทนแก่บริษัทมากขึ้นไหม....ผมเคยไปประชุม AGM ของ BKI ว่าทำไม ปันผลเท่ากันทุกปี อยากให้เปลี่ยนได้ไหม เขาตอบไม่ได้ เป็นการถือปฏิบัติเสมือนเป็นนโยบายไปเลย...และบอกว่า ถ้าราคาหุ้นสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะผลประกอบการดีขึ้น เขาก็จะให้พิเศษเป็นหุ้นปันผล ถ้าอยากเอากำไรก็ขายหุ้นปันผลออกก็ได้...แต่ถ้าดูระยะยาวแล้วผมก็ชอบนะ เพราะทำให้ผมมีหุ้นมากขึ้น ราคาต่อหุ้นถูกลงอีก ปีนี้ BKI ไม่ให้หุ้นปันผล ผมบอกได้เลยว่า ปีหน้า เขามีโอกาสให้ค่อนข้างมากทีเดียว

ปันผลเป็นหุ้น คล้ายๆเพี่มทุน?
ทำให้ส่วนทุนเพี่ม D/E ลดลงด้วยเปล่า
กู้ bankได้มากขึ้น?

GOOD VI เขียน:ปันผลเป็นหุ้น คล้ายๆเพี่มทุน?
ทำให้ส่วนทุนเพี่ม D/E ลดลงด้วยเปล่า
กู้ bankได้มากขึ้น?

อาจจะไม่ใช่ซักทีเดียวครับ
แต่ถ้าเป็นประมูลโครงการภาครัฐ ส่วนของทุนจดทะเบียน เป็นตัวพิจารณาในการเข้างานครับ
ไม่สนใจว่า ส่วนของผู้ถือหุ้นนั้น เป็นเช่นไร ดูแค่ส่วนของทุนจดทะเบียนอย่างเดียว

แต่ธนาคารดูที่กระแสเงินสดที่กิจการสร้างได้ประกอบด้วย มิใช่พิจารณาแค่ในส่วนของของผู้ถือหุ้นอย่างเดียว
ซึ่งถ้าเป็นบุคคลธรรมดาไปกู้ก็ดูการเดินบัญชีในสมุดเงินฝากของธนาคาร นั้นเอง

BIG87 เขียน:ผลทางด้านจิตวิทยาแหล่ะครับ
1.ราคาต่ำลง ซื้อได้ง่ายขึ้น
2.สภาพคล่องสูงขึ้น
3.เป็นหุ้นที่ได้ชื่อว่า "จ่ายปันผล"
**ข้อนี้สำคัญมากครับ เป็นบางครั้ง ผมเชื่อว่านักลงทุนบางส่วนใช่วิธี ฟิวเตอร์หาหุ้นที่จ่ายปันผล>0
ถ้าไม่จ่ายคือตกเงื่อนไขครับ
และถ้าให้เลือกซื้อหุ้นที่ไม่จ่ายปันผลเลยตลอด5ปีที่ผ่านมา ก่อนจะซื้อผมว่าคุณต้องมีชะงักบ้าง
อย่างน้อยแวบแรกคุณต้องแอบนึก ยี้ อยู่ในใจ และคำว่า n/a ในช่อง
%ปันผล มาตลอด 5ปี มันมีผลทางจิตวิทยาพอสมควรครับ

4.ผู้บริหารตอบคำถามยากด้วยเช่นกัน ว่าเหตุใด งดจ่ายปันผล feedback ในที่ประชุมมันแรงครับ

5.บางครั้ง การจ่ายปันผล และ%pay out ก็มีส่วนสำคัญในการประเมินมูลค่าบริษัทครับ
โดยเฉพาะ วิธี DDM (ถึงแม้ว่าจะไม่ได้จ่ายเป็นเงินออกมาจริงๆก็เหอะ) หากไม่มีปันผล
จะประเมินมูลค่าบริษัทยาก ในบางวิธีครับ

6.ผู้ที่เสียภาษีต่ำกว่า ภาษี นิติบุคคลของบริษัทที่ท่านลงทุน ก็จะได้ เครดิตภาษี ออกมาด้วยครับ
(แต่รายใหญ่เสียผลประโยชน์ ในจุดนี้ เพราะโดนหักภาษีเงินปันผลไป แต่เครดิตคืนไม่คุ้ม)

ข้อดีเท่าที่คิด มีประมาณนี้ครับ เพราะปันผลเป็นหุ้นหรือไม่จ่ายปันผล ส่วนของE มันก็เท่าเดิม
(ไม่นับภาษีเงินปันผล)
Credit risk , default risk หรือ company rating อะไรก็น่าจะเท่าเดิม

มันมีข้อดี-ข้อเสีย เค้า weight กันแล้วคงคุ้มแหล่ะครับ
เลยเคาะแบบนี้ออกมา

ขอบคุณสำหรับเหตุผลครับ และเห็นด้วยว่าเป็นเรื่องจิตวิทยาของตลาดและการที่ผู้บริหารต้องชี้แจงว่าทำไมไม่ทำตามนโยบายการจ่ายเงินปันผล

ถ้ามองในแง่การเงินของบริษัท ความแตกต่างระหว่างการเก็บกำไรไว้เป็นกำไรสะสม กับการจ่ายหุ้นปันผล(เปลี่ยนจากกำไรสะสมเป็นทุนชำระแล้ว) ดูเหมือนจะไม่ต่างกันเลย ส่วนของผู้ถือหุ้นโดยรวมก็ไม่เปลี่ยนแปลง เงินก็มีเท่าเดิม หลายบริษัทที่จ่ายหุ้นปันผลก็ไม่ได้มีข้อกำหนดในเรื่องทุนจดทะเบียน/ทุนชำระแล้วในการดำเนินงาน

เห็นด้วยว่าปีนี้บริษัทจ่ายเป็นหุ้นปันผลกันเยอะ ดูเป็นเทรนด์มากกว่า ข้ออ้างขยายกิจการก็เหมือนลอกคำตอบกันมา
ความเห็นของผม ยังไงผมก็ชอบเงินสดจากปันผลเข้าบัญชีอยู่ดีครับ

คืนนี้ดาวสวย เขียน:เห็นด้วยว่าปีนี้บริษัทจ่ายเป็นหุ้นปันผลกันเยอะ ดูเป็นเทรนด์มากกว่า ข้ออ้างขยายกิจการก็เหมือนลอกคำตอบกันมา
ความเห็นของผม ยังไงผมก็ชอบเงินสดจากปันผลเข้าบัญชีอยู่ดีครับ

ถ้าหากจ่ายเป็นหุ้น เก็บเงินสดไว้ในตัวกิจการ
อันนี้ดู ROE ว่ายังคงสามารถทำได้แบบเดิมหรือเปล่า
ซึ่งช่วงแรกมันจะลดลง เนื่องจาก E มันขยายตัวจากการปันผลด้วยหุ้น
E ที่เพิ่มเท่ากับจำนวน หุ้น คูณด้วยราคาพาร์
ที่เพิ่มจากสูตรนี้คือ ถ้าหากปันผล มันจะลดลงทั้ง Asset (เงินสด) และ กำไรที่ยังไม่ได้จัดสรร พร้อมกัน
แต่หากปันผลด้วยหุ้น ย้ายข้างเดียวจาก กำไรที่ยังไม่ได้จัดสรร ไป ที่จำนวนหุ้นที่จัดจำหน่าย* ราึคาพาร์ (จำนวนหุ้นที่ออกจำหน่าย) บรรทัดนี้อยู่นานกว่า กำไรที่ยังไม่ได้จัดสรร

เมื่อปันผล ด้วยหุ้น แล้ว มี Gap เรื่องของเวลาในการขึ้นเครื่องหมายXD ,ระยะเวลาที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธรกิจการค้า และ SET ยอมรับหุ้นตัวนั้นเข้าซื้อขายใน SET
เมื่อเข้ามาแล้ว ต้นทุนของหุ้นดังกล่าว บางโบรกเกอร์ให้เป็นราคา ณ วันก่อนที่ได้รับหุ้น
บางโบรกเกอร์ให้ต้นทุนเป็น 0 บาท ต่อหุ้น เลย ดังนั้นดูกันดีๆๆ ว่าต้นทุนเท่าไร

ผลกระทบต่อไปในทางบัญชีคือ ปีที่ปันผลด้วยหุ้นนั้น การนับหุ้น จะ ถ่วงน้ำหนักตามระยะเวลาของหุ้นที่มี ตามจริงเลย
(แตกพาร์ไม่มีผล แต่ปันผลด้วยหุ้นมีผล กับ เพิ่มทุน/ลดทุนด้วยการทำลายหุ้นทิ้ง) ดังนั้น การจับหารจำนวนหุ้นตรงๆเป็นแบบอนุรักษ์นิยม แต่ทางบัญชีมีแนวคิดว่า ก็ทุนมันเพิ่งมา ก็คิดมันวันที่มันมาเป็นต้นไปซิ อย่างไปคิดว่ามันมีทั้งปี เพราะ ถ้าหากทั้งปีก็ไม่ Fair กับหุ้นที่เพิ่งเข้าใหม่

เพิ่มเติมให้ละกัน