Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

แรงงานกระอัก! ค่าครองชีพปี 58 พุ่ง ชงปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 360 บาท
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
31 มีนาคม 2558 14:00 น.

แรงงานกระอัก! ค่าครองชีพปี 58 พุ่ง ชงปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 360 บาท

คสรท. เผยผลสำรวจค่าครองชีพแรงงานปี 58 ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเกือบเท่าตัวจากปี 56 เสนอให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวัน 360 บาท สร้างกลไกขึ้นเงินเดือนหลังทำงานครบ 1 ปี

วันนี้ (31 มี.ค.) น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เปิดเผยว่า จากผลสำรวจค่าครองชีพในปี 2558 จากกลุ่มตัวอย่าง 12 จังหวัด เช่น กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา สระบุรี นนทบุรี โดยเปรียบเทียบค่าครองชีพในปี 2556 กับปี 2558 พบว่า ปี 2558 แรงงานต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเกือบเท่าตัว เช่น ค่าไฟจากเดิมแค่ 20 บาทต่อวัน แต่ตอนนี้เพิ่มมาเป็น 40 บาทต่อวัน ค่าโทรศัพท์เดิม 18 บาทต่อวัน มาเป็น 30 บาทต่อวัน ค่าของใช้ในครัวเรือน เช่น สบู่ ยาสีฟัน จากเดิม 23 บาท ขณะนี้เพิ่มเป็น 28 บาท ทำให้แรงงานต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อเพิ่มชั่วโมงทำโอที โดยเฉลี่ยแล้วแรงงานจะต้องมีรายได้ขั้นต่ำถึงวันละ 360 บาท จึงจะเพียงพอกับค่าครองชีพ

ทั้งนี้ จากผลสำรวจค่าครองชีพดังกล่าว คสรท. ขอเสนอให้ยกเลิกอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัด แล้วจัดทำโครงสร้างค่าจ้างให้ชัดเจน และสร้างกลไกในการคุ้มครองแรงงานที่ทำงานที่ทำงานเกินหนึ่งปี ให้มีการปรับค่าจ้าง

http://www.manager.co.th/lite/ViewNews. ... 0000037089

อ่านแล้วสับสนมากครับ ตกลงตอนนี้ประเทศไทยเราเงินฝืดหรือเฟ้อกันแน่ครับ

อ่านบทความที่โจมตีเศรษฐกิจ ก็บอกว่าเงินเฟ้อต่ำมาก ทิ้งไว้นานจะเป็นเงินฝืด

ส่วนคนที่จะชงเรื่องเงินเดือนขึ้นก็บอกว่าข้าวของแพง เงินเฟ้อมากต้องขึ้นค่าจ้างเยอะๆเพื่อ compensate

ถ้าเงินฝืดมีแนวโน้มมากกว่า ซึ่งมีความเป็นไปได้เนื่องจาก BOT ลด RP rate .25%
สินค้าหลายรายการราคาถูกลงเพราะต้นทุนเชื้อเพลิงลดลงอย่างมาก ยังส่งผลต่อเนื่องไปถึง. commodity อีกด้วย

ภาพรวมอุตฯมีการใช้ utilization ต่ำมากดังนั้นในสถานการณ์นี้ แค่แรงงานในระบบไม่โดน lay off ก็น่าจะ make sense ที่สุดครับ เรื่องขอขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำน่าจะถูกชะลอออกไปก่อน

เพื่อนๆมีความเห็นกันอย่างไรครับ?

ตอนนี้ถ้าขึ้นค่าแรงอีกก็เท่ากับเราระเบิดพลีชีพครับ ควรหาทางลดหนี้ครัวเรือนกับลดค่าครองชีพสินค้าจำเป็น น่าจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องกว่านะครับ

ในระดับเจ้าของกิจการ เงินคงจะเริ่มฝืด ถ้าเงินฝืด หมายถึงเงินในระบบหมุนเวียนน้อยลง

ส่วนในระดับพนักงาน ค่าครองชีพแพงขึ้น เงินเฟ้อ

ถ้าเงินเฟ้อหมายถึง สินค้า ราคาขึ้นนะครับ

เรื่องภาษาพวกนี้ ผมว่า วุ่นวายในการตีความมาก

รออ่านผู้รู้ต่อไป

ถ้ามีการขึ้นค่าแรงจริง ตามความคิดผม มันจะไปทำให้ต่างชาติลงทุนให้ประเทศเราลดลง และอาจเกิดการย้ายฐานการผลิตเร็วขึ้นเพราะค่าแรงไปกินกำไรหมด = การส่งออกลดลง การลงทุนภาคเอกชนหด SME ตายมากขึ้น
ผมอยากค่าแรงขึ้นตามกลไกตลาดมากกว่า

ตัวเลขดูสูงไปหรือเปล่าครับ

ค่าไฟวันละ 40 บาท เท่ากับเดือนละ 1200 บาทต่อคน
ค่าโทรศัพท์วันละ 30 บาท เท่ากับเดือนละ 900 บาท

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ควรจะประหยัดลงบ้างครับ

ผมสนับสนุนเจ้าสัวธนินท์ครับ ค่าแรงขั้นต่ำต้อง 500 บาท

newbie_12 เขียน:ผมสนับสนุนเจ้าสัวธนินท์ครับ ค่าแรงขั้นต่ำต้อง 500 บาท

ดีอย่างไรครับ ค่าแรง 500 ช่วยอธิบายหน่อย

สำหรับผมแล้ว ค่าแรงขึ้น ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะ สินค้าก็ต้องขึ้นราคาตามไป

1.การท่องเที่ยวก็จะลดลง เพราะ ของแพงขึ้น คุณภาพเท่าเดิม ลองนึกภาพ ค่าอาหาร ค่าโรงแรมแพงขึ้น

2.การส่งออก ก็จะน้อยลง เพราะสินค้าราคาแพงขึ้น

3.การลงทุนจากต่างประเทศ ต้นทุนสูง เรามีคู่แข่งคือ พม่า ลาว เขมร เวียตนาม ที่ต้นทุนต่ำกว่ามาก

4.การใช้จ่ายในประเทศ จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้าค่าแรงเพิ่มขึ้น ตัวเลขก็คงเพิ่มขึ้น แต่ ใช้จ่ายจริงๆเท่าเดิม หรือลดลง

ทุกวันนี้ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่ม แต่คนก็จนเท่าเดิม จะ 300 400 500 600 700 800 900 1000

ขึ้นเท่าไร ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ใช้แรงงานรวยขึ้น

เพราะค่าสินค้า บริการก็ขึ้นเป็นเงาตามตัว

แต่น่าจะมีข้อดี 1 ข้อ คือ หนี้เท่าเดิม ค่าแรง 200 หนี้ 20000 ค่าแรง 300 หนี้ก็เท่าเดิมคือ 20000 มีช่องว่างให้เพิ่มหนี้อีก 10000 ถึงจะมีคุณภาพชีวิต แย่เท่าเดิม

ซึ่ง คนส่วนใหญ่ ก็น่าจะเพิ่มหนี้ให้เท่าๆ กับการผ่อนไหว

เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุดที่ดูเหมือนทำร้ายมากกว่าถ้าเราขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกครั้ง

ราคาสินค้าบริการก็ต้องเพิ่มขึ้นอย่างครบวงจรแน่ๆ ไหนจะ sme ทั้งหลายอีกและต้นทุนการส่งออกของเราที่เพิ่มขึ้น ฯล มองยังงัยไม่เห็นว่าจะช่วยให้ดีขึ้นได้อย่างไร

เคยอ่านหนังสือคุณ นรินทร์ ประมาณว่าสิ่งที่วิชาเศรษฐศาสตร์ ต้องการสูงสุดคือ"ความกินดีอยู่ดี"
แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องมีรายได้ที่สูงเสมอไป

แหม่ เหมือนยังไม่เข็ดกับตอนชอตขึ้นค่าแรง300บาท

ปรับเป็นขั้นต่ำ 360 บาท
ต้นทุนของผู้ประกอบการต่างๆสูงขึ้นก็ปรับราคาสินค้าขึ้น
สินค้าแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น รายได้ขั้นต่ำไม่พอต้องปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นเป็น xxx บาท
วนไปเรื่อยๆครับ ยังไม่นับกระทบเรื่องอื่นอีกมาก รวนทั้งระบบ

แก้ผิดจุดหรือเปล่า

จริงๆแล้วตอนนี้สิ่งที่ทุกฝ่ายควรให้ความสนใจอันดับแรกคือ productivity หรือผลิตภาพแรงงานครับ เพราะความเสียหายครั้งที่ผ่านมาคือเพิ่มค่าแรงแต่ productivity คงเดิม

สิ่งที่เกิดขึ้นคือธุรกิจที่ใช้ unskilled labor ก็ตายเรียบ หรือถึงไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัสเพราะสู้ประเทศอื่นที่มีค่าแรงถูกกว่าไม่ได้ เพราะ productivity ไม่ได้เพิ่มตามค่าแรงแม้แต่น้อย

ที่กล่าวมาไม่ได้หมายความว่าเราควรกดค่าแรงให่ต่ำ กลับกันผมเองเห็นด้วยที่เราจะมีค่าแรงขั้นต่ำสูงๆ แต่ทั้งหมดนั้นต้องเกิดหลังจากการที่เราสามารถเพิ่ม productivity ก่อนครับ ไม่ใช่เพิ่มค่าแรงก่อนซึ่งเป็นตรรกะที่กลับกันครับ

การจะเพิ่ม productivity ได้ สิ่งแรกคือเราต้องกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี ไม่อุ้มคนป่วย เพื่อให้แรงงานเคลื่อนย้ายไปสู่อุตฯที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า และส่งเสริมให้มีอุตฯที่ใช้เทคโนฯขั้นสูงเข้ามาลงทุนในประเทศ อาจมีการให้ incentive เพื่อจูงใจนลท. พร้อมๆกับการพัฒนาทักษะแรงงาน ลด unskilled labor และเพิ่มสัดส่วนของ skilled labor

ตัวอย่างเช่นอุตฯเหล็กที่แข่งขันไม่ได้ ซื้อเอาถูกกว่า อุตฯมี productivity ต่ำ รัฐไม่ควรอุ้ม มาตรการ Anti dumping ควรจะยกเลิกได้แล้ว สุดท้ายแรงงายจะได้เคลื่อนตัวไปยังอุตฯที่มีศักยะที่ดีกว่า

เมื่อถึงจุดนั้นค่าแรงขั้นต่ำก็จะต้องเพิ่มขึ้นตาม productivity ของประเทศที่สูงขึ้นครับ เป็นไปตามกลไกที่สมเหตุสมผล ไม่ใช้เกิดจากนโยบายประชานิยมซื้อเสียงทางอ้อม แต่ทำให้ประเทศแทบล้มทั้งยืนแบบที่ผ่านมา

คหสตนะครับ แต่เชื่อว่าตราบใดที่ยังมีนักการเมืองที่เห็นแก่ตัวมากกว่าประเทศ เราคงหนีไม่พ้น campaign หาเสียงเลือกตั้งเพื่อเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำในเร็ววันนี้ครับ

ความจริงแล้ว อุตสาหกรรมเหล็ก (โลหะการ ดีกว่า เพราะไม่ใช่เหล็กอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ)
มีความสำคัญอันดับแรกๆ ของอุตสาหกรรรมแทบทุกชนิด

ญี่ปุนและเกาหลีใต้ มองการณ์ไกล พัฒนาอุตสาหกรรมเหล็ก ชนิดไม่แพ้ชาติใดในโลก
อย่าคิดว่าง่ายๆ นะครับ ยากมากๆๆๆๆ ยกตัวอย่าง ผมเคยไปดูโรงงานทำ Roller ที่ใช้
กับเครื่องจักรกลหนัก ของเมืองไทย เจ้าของบอกว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถพัฒนาสูตร
และกรรมวิธีที่ได้ Roller ที่ดีเท่ากับที่มาจากญี่ปุ่น เทคโนโลยี่ด้านนี้ของเราไม่มีเลย
(ไม่ต้องมาบอกว่าที่ไหนหน่วยงานไหนนักวิจัยคนไทยไหนเก่งในเรื่องนี้...)

ของญี่ปุ่นคงมีมานานมากๆ เป็นร้อยปีแล้ว เพราะสงครามโลกยังสามารถสร้างเครื่องบิน
และเรือรบ ที่ดีที่สุดสู้กับอเมริกาและเยอรมันได้สบายๆ

ส่วนเกาหลีใต้ ตอนประธานาธิบดีปักจุงฮี ได้เริ่มพัฒนาประเทศไปสู่ประเทศอุตสาหกรรม
เมื่อไม่กี่สิบปีก่อน (นักศึกษาประท้วงกันทุกวันในสมัยนั้น) ท่านได้ส่งนายทหารคนสนิท
ไปสร้าง บริษัทเหล็ก POSCO เพราะเล็งเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ในการ
พัฒนาไปสู่ประเทศอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้ว (ใครไม่มี ไม่มีวันเป็นประเทศอุตสาหกรรม
ที่ยืนด้วยขาตัวเองได้ ขอโทษด้วยที่จำรายละเอียดมากกว่านี้ไม่ได้ อ่านจาก BusinessWeek นาน
แล้ว) ต่อมานานจนท่านปักจุงฮีถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว ประเทศเกาหลีใต้ได้เป็น
ประเทศพัฒนาแล้วระดับแรกเริ่ม มีอุตสาหกรรมเหล็กที่พัฒนาเทียบเท่าชาติอื่นๆ มี
อู่ต่อเรือที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก มีอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ในระดับ Top10
ของโลก (ปัจจุบันอยู่ในระดับ Top4) นายทหารท่านนี้ได้ไปคำนับศพท่านปักจุงฮี
เรียนท่านว่า ภาระกิจที่ท่านมอบหมายให้ทำ ได้ทำเสร็จสิ้นลุล่วงไปแล้ว นี่คือสิ่งที่
ผู้นำของประเทศเกาหลีใต้ ผู้แพ้ตลอดกาลในประวัติศาสตร์ ได้ทำให้ประเทศชาติกลาย
เป็นผู้ชนะได้ในเวลาเพียง 40-50 ปีเท่านั้น

ประเทศชาติในเอเชียที่เจริญได้ ต้องมีผู้นำที่เก่ง มองการณ์ไกล และเสียสละ เท่านั้น

syj เขียน:ความจริงแล้ว อุตสาหกรรมเหล็ก (โลหะการ ดีกว่า เพราะไม่ใช่เหล็กอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ)
มีความสำคัญอันดับแรกๆ ของอุตสาหกรรรมแทบทุกชนิด

ญี่ปุนและเกาหลีใต้ มองการณ์ไกล พัฒนาอุตสาหกรรมเหล็ก ชนิดไม่แพ้ชาติใดในโลก
อย่าคิดว่าง่ายๆ นะครับ ยากมากๆๆๆๆ ยกตัวอย่าง ผมเคยไปดูโรงงานทำ Roller ที่ใช้
กับเครื่องจักรกลหนัก ของเมืองไทย เจ้าของบอกว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถพัฒนาสูตร
และกรรมวิธีที่ได้ Roller ที่ดีเท่ากับที่มาจากญี่ปุ่น เทคโนโลยี่ด้านนี้ของเราไม่มีเลย
(ไม่ต้องมาบอกว่าที่ไหนหน่วยงานไหนนักวิจัยคนไทยไหนเก่งในเรื่องนี้...)

ของญี่ปุ่นคงมีมานานมากๆ เป็นร้อยปีแล้ว เพราะสงครามโลกยังสามารถสร้างเครื่องบิน
และเรือรบ ที่ดีที่สุดสู้กับอเมริกาและเยอรมันได้สบายๆ

ส่วนเกาหลีใต้ ตอนประธานาธิบดีปักจุงฮี ได้เริ่มพัฒนาประเทศไปสู่ประเทศอุตสาหกรรม
เมื่อไม่กี่สิบปีก่อน (นักศึกษาประท้วงกันทุกวันในสมัยนั้น) ท่านได้ส่งนายทหารคนสนิท
ไปสร้าง บริษัทเหล็ก POSCO เพราะเล็งเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ในการ
พัฒนาไปสู่ประเทศอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้ว (ใครไม่มี ไม่มีวันเป็นประเทศอุตสาหกรรม
ที่ยืนด้วยขาตัวเองได้ ขอโทษด้วยที่จำรายละเอียดมากกว่านี้ไม่ได้ อ่านจาก BusinessWeek นาน
แล้ว) ต่อมานานจนท่านปักจุงฮีถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว ประเทศเกาหลีใต้ได้เป็น
ประเทศพัฒนาแล้วระดับแรกเริ่ม มีอุตสาหกรรมเหล็กที่พัฒนาเทียบเท่าชาติอื่นๆ มี
อู่ต่อเรือที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก มีอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ในระดับ Top10
ของโลก (ปัจจุบันอยู่ในระดับ Top4) นายทหารท่านนี้ได้ไปคำนับศพท่านปักจุงฮี
เรียนท่านว่า ภาระกิจที่ท่านมอบหมายให้ทำ ได้ทำเสร็จสิ้นลุล่วงไปแล้ว นี่คือสิ่งที่
ผู้นำของประเทศเกาหลีใต้ ผู้แพ้ตลอดกาลในประวัติศาสตร์ ได้ทำให้ประเทศชาติกลาย
เป็นผู้ชนะได้ในเวลาเพียง 40-50 ปีเท่านั้น

ประเทศชาติในเอเชียที่เจริญได้ ต้องมีผู้นำที่เก่ง มองการณ์ไกล และเสียสละ เท่านั้น

ขอบคุณครับ สำหรับ บทความดีๆ

ย้อนกับไปที่ประเทศกรีซ ที่มีปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน ของทวีปยุโรปนั้น
ต้นเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดวิกฤติ คือเรื่องของการเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ ,สวัสดิการต่างๆของภาครัฐ
เงินเดือนของข้าราชการ เทียบได้กับ เงินเดือนของภาคเอกชนหรือไม่ ตอบว่าไม่
แต่ทว่าระยะหลัง เงินเืดือนภาครัฐนั้นก้าวกระโดดกว่าอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ซึ่งภาคเอกชนใช้ในการจ้างงาน ในระดับล่าง ส่วนระดับที่มีฝีไม้ฝีมือ ก็ต้องบวกเพิ่มตามฝีไม้ฝีมือนั้นเอง

เรื่องเงินเดือนมันเป็นเรืองของความคาดหวังในอนาคต ว่าเงินเดือนปรับเพิ่มขึ้นเท่านั้นเท่านี้
ดังนั้นพอมีการพูดคุยโยนหินถามทางขึ้นมา ราคาในกลุ่มของอาหารที่กินกันทุกวันเริ่มขยับเพิ่มขึ้น มารอก่อนเลย
แล้วอย่างอื่นๆ ก็ขยับตาม
หากมองในมุมของเงิน มันคือการขยายเงินในระบบเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ในเมื่อเงินเดือนของข้าราชการก็ดี หรือ เงินเดือนของเอกชนเพิ่มขึ้นก็ดี ต้องมีเงินในการรองรับในระบบการเิงิน ดังนั้นไม่ขยายตัวเงินในระบบมิได้ ถ้าไม่ขยาย แล้วไซร้ มันจะดูไม่จืด กลไกก็เสียระบบไป
เมื่อการขยายเงินในระบบ ผู้ใดเป็นผู้รับผิดชอบในการขยายเงินในระบบ
คำตอบคือ ธนาคารกลาง ในกรณีของประเทศไทยคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ดูแลในเรื่องของปริมาณโดยตรง (ธนบัตรดูแลแต่เหรียญเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งดูแล แต่ทว่าธนบัตรมูมูลค่ามากกว่าเหรียญ แถม ธปท เป็นหน่วยงานที่ดูธนาคารพาณิชย์เป็นหลักด้วย)
ดังนั้นเรื่องนี้มิใช่โยงใยแค่เรื่องเดียว แต่มันโยงใยมากกว่าที่คิดกันละ