MoneyTalk@SET9Aug15รอบเช้า-หัวข้อ&สัมภาษณ์พิเศษ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 09, 2015 8:55 pm
Money talk at SET9Aug2015 รอบเช้า
เป็นสัมมนารอบพิเศษจัดสำหรับผู้ที่ได้ร่วมทำความดีตามกติกา
หลายๆท่านได้ไปบริจาคเลือด/เกล็ดเลือด/ร่างกาย รวมถึงการทำบุญทำทานหรือทำสาธารณะประโยชน์ต่างๆ
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วย ขอให้ทุกท่านมีความสุขทั้งทางกายและใจครับ
ขอบคุณท่านผู้เสียสละและสนับสนุนการจัดกิจกรรมนี้ที่ช่วยส่งเสริมให้พวกเราได้ทำความดีร่วมกันครับ
เนื้อหาสัมมนาช่วงเช้า แบ่งเป็น 2 หัวข้อ
1) จุดตัดธรรมะกับการลงทุน
แขกรับเชิญ คุณชาย มโนภาส พิธีกร คุณวิบูลย์ และคุณนุช วราพรรณ
2) สัมภาษณ์ Exclusive เปิดเบื้องลึกเบื้องหลัง ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
แขกรับเชิญ อ.ไพบูลย์ และ หมอพงษ์ศักดิ์ สัมภาษณ์โดย คุณเวบ พรชัย และคุณวิบูลย์
หัวข้อ1 จุดตัดธรรมะกับการลงทุน
แขกรับเชิญ คุณชาย มโนภาส พิธีกร คุณวิบูลย์ และคุณนุช วราพรรณ
คุณชาย เปรียบเทียบจากรูปรางรถไฟคู่ขนาน แต่ไม่ตัดกัน
ชวนให้คิดว่าการลงทุนกับธรรมะจะตัดกันได้อย่างไร?
ธรรมะจะมาเสริมการลงทุนได้อย่างไร? ทำไมจึงสำคัญกับนักลงทุน?
การนำเสนอวันนี้เป็นการนำคำสอนจากพระอาจารย์หลายท่านมาร้อยเรียง
เช่น หนังสือ พระไพศาล ทำเต็มที่แต่ไม่ซีเรียส แนะนำให้หาอ่านได้ เนื้อหาที่นำเสนอบางส่วนก็นำมาจากเล่มนี้
ชีวิตการลงทุนที่อยู่เย็นเป็นสุขได้ทุกวันนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะธรรมะ
เชื่อว่าเมืองไทยร่มเย็นได้ทุกวันนี้เพราะพระพุทธศาสนา
เมื่อกว่า 2600 ปีก่อน มีบุคคลที่มีพร้อมทุกอย่างในชีวิต กับทิ้งทุกอย่างเพื่อแสวงหาความจริงอันประเสริฐ มาเผยแผ่กับทุกคน
เรามีความสงบร่มเย็นวันนี้ได้เพราะคนเสียสละ เหมือนที่บัฟเฟตต์กล่าว คนเราได้นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ เพราะเมื่อก่อนมีคนปลูกต้นไม้ไว้
ธรรมะคืออะไร?
ธรรมะ คือความจริง เช่น พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ตกทางทิศตะวันตก
นานมาแล้ว พระพุทธเจ้านั่งอยุ่ในป่าประดู่ลาย หยิบใบไม้ขึ้นมา 3 ใบ และถามภิกษุที่นั่งอยู่ในที่นั้นว่า
"ใบไม้ในมือพระองค์กับในป่า อันไหนมมากกว่ากัน?" พระภิกษุตอบว่า "ในมือมีน้อยกว่าในป่า"
ท่านกล่าวว่า "นั่นเหมือนกันกับ ธรรมที่ท่านเอามาเผยแผ่ เหมือนแค่ใบไม้ 3 ใบในมือพระองค์
แต่ความจริงอีกมากมายที่อยู่ในป่า"
ซึ่งความจริงอันประเสริฐ ที่ท่านนำมาเผยแผ่ ช่วยดับทุกข์ได้ สิ่งนี้คือ ธรรมะ
ยกตัวอย่าง ถ้าเห็นควันไฟไหม้แถวบ้านท่าน จะเกิดความกังวลใจว่าบ้านไฟไหม้หรือไม่
แต่พอมีคนแจ้งให้ทราบความจริงว่าไม่ได้ไหม้ที่บ้านของท่าน ก็คลายกังวล ความจริงช่วยดับทุกข์ได้
จิตของนักลงทุน
มหาตมะ คานธี กล่าวไว้
"โลกนี้สามารถให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นกับมนุษย์ได้ แต่ไม่พอตอบสนองความโลภของมนุษย์แค่คนเดียว"
จิตของนักลงทุนก็เช่นเดียวกัน หุ้นขึ้นไปก็อยากให้ขึ้นอีก มีเงินมากแล้วก็อยากมีมากอีก ไม่มีพอ
มนุษย์คิดว่าชีวิตป็นอย่างจรเข้ ที่โตแล้วใหญ่ไปเรื่อยๆ แต่มนุษย์โตไปแค่ 20 ปีก็ไม่โตแล้ว
ความจริงคือเราเปลี่ยนไปเรื่อยๆจนวันหนึ่งหยุดและเสื่อมลง คือความจริงของมนุษย์
ปัญหาของนักลงทุน 2 กลุ่ม
แบ่งนักลงทุนเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเริ่มต้น กับ ช่วงประสบความสำเร็จแล้ว
1) กลุ่มช่วงเริ่มต้น ที่ยังไม่สำเร็จ เปรียบเหมือนชาวประมง ออกหาปลา พบปัญหา 2 จำพวก
• พวกแรก คือ ขี้เกียจ ไม่เอาจริง อยากรวยแต่ไม่ได้อ่านหนังสือ ฟังข่าว 5 นาทีตัดสินใจซื้อขาย
สมัยพระพุทธกาล พระพุทธเจ้าผ่านมาพบ พราหมณ์ สวดมนต์อาบน้ำ ชำระบาป ตามความเชื่อ
ตรัสถามพรามณ์ว่า "ถ้าอยู่ฝั่งนี้ ต้องการข้ามไปฝั่งนู้น จะมัวแต่อ้อนวอน ร้องขอนานเท่าไร ฝั่งนู้นก็ไม่มาถึงฝั่งนี้"
เหมือนนักลงทุนที่อยากได้อิสรภาพทางการเงิน สวดอ้อนวอนอย่างเดียว อยากได้ผลแต่ไม่ทำเหตุ
หลวงปู่ชาเคยกล่าวว่า เวลาให้พรญาติโยม อายุ วรรณะ สุขะ พละ โยมชอบยกมือสาธุ
ท่านถามว่า "โยมลองคิดดูจริงๆว่ามีไหม อายุยืนๆผิวสวยๆมีแรงเยอะๆ มีจริงไหม?"
อยากสำเร็จต้องมีวิริยะอุตสาหะ
• พวกสอง อยากสำเร็จ ขยันมาก กว่าจะนอนตี 2-3 ละทิ้งทุกอย่างในชีวิตเพื่อประสบความสำเร็จ
แต่ลองคิดดูว่า วันหนึ่งที่ท่านประสบความสำเร็จ แล้วใครจะมานั่งกินข้าวด้วย?
ดูแลคนที่รักด้วยระหว่างทาง เหมือนทหารไปรบ ก็ต้องกินข้าวทุกวัน
ดูแลพ่อแม่ด้วยสังขารไม่รอ ดูแลและให้กับท่านขณะที่ท่านยังอยู่
และดูแลสุขภาพของตัวเอง ออกกำลังกายบ้าง
คนมีเงินมีความสุขได้ต้องมี 2 อย่าง สุขภาพดีและมีคนรัก
บทเรียน จากพาราโบล่า (กราฟโค้งระฆังคว่ำ) ถ้าค่า x มากขึ้นค่าถึงจุดหนึ่ง ค่า y จะลดลงแล้ว
มันจะมีจุดหนึ่งที่สมดุลของชีวิต ให้หาจุดนั้นให้เจอ
2) ช่วงประสบความสำเร็จแล้ว เหมือนเรือสำราญแล้ว
• จุดนี้ที่ระวังกว่า พอมีเงินแล้วเอาไปใช้อะไรก็ได้ คิดว่าชีวิตที่ทำมาทำถูกแล้ว
สิ่งที่น่ากลัวของมนุษย์ ถ้าเหตุผิดแต่บังเอิญผลถูก
คุณชายเคยเขียนบทความไว้ เด็กน้อยกับดวงอาทิตย์
ทุกเช้า เด็กน้อยจะขึ้นไปบนภูเขาวาดมือ 3 ครั้ง แล้วพระอาทิตย์ก็จะขึ้น เด็กน้อยเข้าใจว่าเขาเป็นคนทำให้พระอาทิตย์ขึ้น
อันนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัว กว่าลงทุนผิดพลาดอีก
ธรรมะจะมาช่วยคำประสบความสำเร็จแล้ว ให้คนที่มั่นใจในตัวเองมากเกินไป
ทุกสิ่งทุกอย่างสอดคล้องกัน ไม่ใช่แค่ฝีมือท่านคนเดียว
ชาวประมงหาปลาได้มากที่สุดไม่ใช่เพราะฝีมือเขาอย่างเดียว ชาวสวนก็เหมือนกัน ขึ้นกับหลายปัจจัย
• คนที่คิดว่า รวยแล้วไม่ต้องทำอะไร เป็นความคิดที่ผิด
ชีวิตจะเอื่อยเฉื่อย ไม่มีพลัง ยิ่งรวยต้องยิ่งทำประโยชน์ให้มากขึ้น
โอกาสทองของชีวิต
สังเกตตัวเองว่าสิ่งที่เคยเป็นความสุข ที่จริงเป็นความสุขไหม?
ถ้ามีเงินลองใช้เงินหรูหราฟู่ฟ่า เช่นซื้อไวน์สุดแพงมาดื่ม
แล้วสังเกตดู ความสุขที่เกิดขึ้นอย่างไร อยู่นานไหม หายไปเมื่อไร?
ถ้าเสียใจมากๆ ลองสังเกตดูว่าเกิดขึ้นอย่างไร อยู่นานไหม หายไปเมื่อไร?
เช่น ตอนคุณแม่จากไป แฟนทิ้ง อกหักครั้งแรกรู้สึกอย่างไร หายไปเมื่อไร เอาความรู้สึกนั้นกลับมาไม่ได้
ความสุข ความทุกข์ เกิด อยู่ ดับไป ถ้าสังเกตจะเกิดปัญหา
Case study 1
จักรพรรดิ ออรังเซฟ(Aurangzeb) เป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ๋ของอินเดีย ปกครองประชากร 1 ใน 4 ของโลก ราว 150 ล้านคน
ควบคุมเหมืองเพชร แห่งเดียวในโลก มีความมั่งคั่งมาก ครองราชย์นาน 49 ปี
แต่ได้มาจากการขังพ่อตัวเอง(ผู้สร้างทัชมาฮาล) ขังคุกอยู่ 8 ปีจนเสียชีวิต,ฆ่าพี่ชายตัวเองเพื่อขึ้นครองราชย์
ก่อนจะเสียชีวิต Aurangzeb กล่าวว่า "ฉันมาและไปเหมือนคนแปลกหน้า ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรอยู่และต้องการอะไร"
Case study 2
Marcos ประธานีธิบดี ฟิลิปปินส์ เขียนในบันทึกว่า เขามีภรรยาที่ดี มีลูกที่ดี มีสินทรัพย์มากมายเกินกว่าคนทั่วไปหามาได้ แต่ก็ยังรู้สึกว่าชีวิตเขาต้องการอะไรอยู่ เหมือนชีวิตขาดอะไรไปบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าขาดอะไร
ทั้ง 2 คนนี้ให้บทเรียนเดียวกัน
ถ้ามี ท้องฟ้า และ มีเหรียญ 5 บาท...
คำถามคือ เราจะปิดท้องฟ้าได้อย่างไร?
คำตอบ คือเอาเหรียญ 5 บาทใกล้ตา
เหมือนกัน ความสุขเหมือนท้องฟ้า ความทุกข์ของคนเหมือนเหรียญ 5
ไม่ว่าจะมีความสุขแค่ไหน ถ้ามีทุกข์ขึ้นมาเหมือนเหรียญ 5 ก็บังความสุขได้หมด
เหมือนเรามีความสุขอยู่ดีๆ มีคนขับรถปาดหน้า ก็เกิดความทุกข์
ปัญหาเพราะเอาทุกข์ออกไม่ได้
ถ้ามีคนโยนตุ๊กแกใส่ เราก็ปัดมันออก แต่พอมีคนโยนทุกข์ใส่ เรากลับฝังมันไว้กับเรา
ทำไมปัดไม่ออก?
แนวทางปฏิบัติ
ต้องเห็นความจริง รู้ความจริง นั่นคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สิ่งต่างๆในโลกเปลี่ยนไปอยู่เสมอ
คนอายุถึง 80 ปีเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ต้องรู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
อย่างคนขับรถปาดหน้า เรื่องจบตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ใจเราเหมือนถือมีดเสียบมันซ้ำไปมา
รู้ความจริง แต่ทิ้งไม่ได้เพราะจิตไม่มีพลัง
หลวงปู่ชา บอกว่าถ้าเรียนปริยัติ อ่านตามตำรามากๆ ไม่ทัน
เวลาทุกข์ เหมือนคนตกจากต้นไม้ มันเร็วมาก ไม่ได้เป็นขั้นตอน
ต้องเจริญสติ หัดเจริญสติในอริยบถทั้ง 4 กินเดินนั่งนอน
ถ้าสนใจมีสถานปฏิบัติ มีหนังสือมากมาย
คุณชายไม่ใช่แค่คนเดียวที่พูดเรื่องนี้
ขอยกตัวอย่าง Ray Dalio เป็นผู้บริหาร hedge fund ที่ใหญ่สุดในโลก
ความสำเร็จของเขา การนั่งสมาธิมีส่วนในความสำเร็จของเขาเป็นอย่างมาก นั่งสมาธิมา 42 ปี
เมื่อก่อนเป็น แคดดี้สนามกอล์ฟจนกระทั่งมีวันนี้
หลายวันก่อนได้พบคุณประชา ที่เป็นวีไอที่ประสบความสำเร็จ
ท่านก็บอกว่าการเจริญสติ เป็นเรื่องสำคัญของนักลงทุน
ในเมื่อนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จหลายท่านก็พูดอย่างนี้
ท่านจะลองศึกษาหาความรู้ด้านนี้ดูบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร มีประโยชน์ในทุกสถานการณ์
ชีวิตทุกคนต้องเจอแน่นอน คือ แก่, เจ็บป่วย ต้องนอนที่โรงพยาบาล เวลานั้นจะทำ dcf หา pe ไหม?
ถ้าใช้ชีวิตหาความรู้ด้านลงทุนอย่างเดียว ไม่หาความรู้ด้านอื่น
มีหลายสถานการณ์ในชีวิตที่ความรู้ด้านลงทุนไม่สามารถช่วยอะไรได้
ดังนั้น ธรรมะถึงต้องตัดกับการลงทุน นักลงทุนจึงจะมีความสุขอย่างแท้จริง
ต้องเข้าใจว่าทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง คนเราต้องแก่ ต้องตาย ดูแลคนที่รักให้ดี ดูแลสุขภาพให้ดี
ท่านเหมือนคนปลูกต้นไม้ หวังผลได้
หน้าที่คนปลูกต้นไม้ คือรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย แต่ต้นไม้จะโตเร็วช้า ออกดอกออกผลแค่ไหนเป็นเรื่องของต้นไม้
นักลงทุนก็เช่นเดียวกัน หน้าที่คือหากิจการที่มีความสามารถแข่งขัน ราคาลงทุนได้
แต่ราคาหุ้นจะขึ้นจะลงเป็นเรื่องของตลาด ไม่ใช่เอามาแบกไว้ในใจ
ต้องรู้ว่า บางอย่างควบคุมไม่ได้ แม้จะเลือกหุ้นมาดี แต่ตลาดลงหนัก ก็ต้องทำใจ ไม่ใช่ฉุนเฉียว อารมณ์ไม่ดี
สิ่งที่ทำได้คือทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
เมื่อธรรมะมาตัดกับการลงทุน ชีวิตจะมีความสุขโดยสมบูรณ์มากขึ้น มากกว่าใช้ชีวิตลงทุนอย่างเดียวโดยไม่สนใจธรรมะ
หัวข้อ 2 สัมภาษณ์ Exclusive เปิดเบื้องลึกเบื้องหลัง ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
แขกรับเชิญ อ.ไพบูลย์ และ หมอพงษ์ศักดิ์ สัมภาษณ์โดย คุณเวบ พรชัย และคุณวิบูลย์
กลยุทธ์การลงทุน? หลักการลงทุนคืออะไร มีวิวัฒนาการอย่างไร?
หมอพงษ์ศักดิ์
ช่วงแรกไม่ค่อยมีหลักการ ลงทุนเหมือนเรียนรู้ช่วง 2-3 ปีแรก
ต่อมาเริ่มมาอบรมในกรุงเทพ เข้ามาฟังรู้สึกได้ประโยชน์มากกว่าอ่านเอง
จากนั้นเริ่มเลือกเองว่าจะเอาแบบไหน ลงทุน super stock ในราคาไม่แพง โต 15-20 % ได้ใน 3-5 ปีข้างหน้า
ราคาซื้อขายไม่เกิน pe15 เท่ารู้สึกว่าถูก ลงทุนไปราคาก็เริ่มแพงขึ้นเรื่อยๆ
แต่ก็ยังไม่ได้ขายคิดว่าน่าจะสมเหตุสมผลได้
จนวันนี้ที่พวกหุ้นดีๆ market cap ใหญ่ๆ จะโตให้ได้แบบอดีตที่ผ่านมาเริ่มยากขึ้น
จึงแบ่งเงินมาลงในหุ้นที่มีโอกาสโตกว่า แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงเพิ่มด้วย
พยายามดูว่าอย่าซื้อแพงมากและมีโอกาสเติบโตดีกว่า
เป็นหา upside gain มากกว่า super stock เดิมมาช่วย
สรุปวิธีการเปลี่ยนไปทีละนิด
ตอนแรกกลัว ไม่ค่อยกล้า conservative
ช่วงสองเริ่มกล้ามากขึ้น อาจจะเพราะถูกขึ้นด้วย
ช่วงสาม เป็นช่วงท้าทาย อยากลองทำอะไรที่ไม่ใช่แนวเดิม take risk มากขึ้น
อ.ไพบูลย์
ขอพูดถึงหนังสือ กว่าจะเป็น VI ที่แจก แม้จะบาง แต่เป็นการกลั่นออกมาแล้ว
เน้นเนื้อหาสั้นๆ ที่เลือกมาแล้ว ซึ่งเป็นบทความที่อยากจะพูด แต่คงแทนความคิดที่มีได้ทั้งหมด
หลักการลงทุนก็คล้ายๆกัน แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังเบื้องลึกสำคัญกว่า
หลักการลงทุนส่วนตัวคือ ไม่ลงทุนในสิ่งที่ใจไม่ดี อะไรที่ทำให้ใจไม่ดี ไม่ลงทุนในสิ่งนั้น
สิ่งที่ทำให้ลงทุนแล้วใจไม่ดี คือ อะไรที่ฝืนความรู้สึกเรื่องศีลธรรม
เกณฑ์แต่ละท่านก็ไม่เหมือนกัน ตามอายุ ฐานะ เป้าหมายในชีวิต
ซึ่งเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินใจ
1) ตัวเองต้องเชื่อในสิ่งนั้น
2) อยากให้ลูกหลานเป็นแนวนี้ เช่น อยากให้ลูกมีศีล 5 การลงทุนก็จะไม่ผิดศีล 5
จุดที่คาใจ คือ ถ้าเป็นนักลงทุนอย่างที่ควรจะเป็น
ซึ่งเป็นวิธีการลงทุนที่ดี จะคุณหมอพงษ์ศักดิ์ คุณเวบ คุณวิบูลย์ คุณนุช
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าต้องรู้จักบริษัทที่เราลงทุนจริงๆ ต้องรู้ว่าบริษัทเค้าทำอะไร
เราจะมีจิตใจเบิกบาน อิ่มเอมเมื่อธุรกิจเขาดีขึ้น จะตกต่ำเมื่อเค้าทำน้อยลง
แต่ถ้ามันผิดกับสิ่งที่ใจเรารับไม่ได้ ในบ้านแอลกฮอลล์ บุหรี่ เข้าบ้านไม่ได้ เพราะเชื่อมาหลายรุ่น
ดังนั้นเงินของเราจะไม่อยู่ในธุรกิจนี้ ไม่อย่างนั้นจะบอกคนอื่นไม่ได้ว่าเราไม่เห็นด้วย
อย่าง การเอาหุ้นเหล้าเบียร์เข้าตลาด หรือการเปิดการพนันให้ถูกกฏหมาย เป็นการคิดมิติเดียว
คือการคิดทางเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้คิดผลทางศีลธรรม
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้คิดมาก่อน แต่เพิ่งมาคิดขึ้นมาได้ในช่วงหลังซัก10 ปีที่แล้ว
แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ชนะใจลึกๆของตัวเอง
อย่าง เวลาเห็นราคาหุ้นหลายตัวที่เราควรจะได้ลงทุน แต่ไม่ได้ซื้อ
เราก็ยังมีความเสียดาย เป็นสิ่งที่ทำใจยาก เห็นทีไรก็ทำให้ใจคิดแว๊บขึ้นมา
ทำให้ใจที่มั่นคงแล้วต้องมาเริ่มใหม่แต่ก็ทำให้คิดได้ว่า
ถ้าเอาชนะกิเลสอันนี้ที่ไม่ได้มีผลกับชีวิตไม่ได้ จะไปชนะเรื่องอื่นที่ยากกว่า เช่น ความตายได้อย่างไร
หลักสำหรับตัวเองคือ เงินต้องไม่อยู่ในเรื่องที่ผิดศีลธรรม ซึ่งแล้วแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน
มีรุ่นน้องที่นับถือมากในทางธรรมก็มีเงินอยู่ในหุ้นที่ อ.ไพบูลย์ไม่ได้ลงทุน แต่มุมมองไม่เหมือนกัน
อยู่ที่ความสุข อยู่ใจเรา ยึดแบบที่เราคิดว่าเหมาะสุด
มีลูกศิษย์ที่เป็นตัวอย่างที่ดี จบ mba ทำงาน 5 ปี ไม่ได้เก็งกำไรหุ้น ทำงานสถาบันการเงิน
แล้วได้อิสรภาพ เขาพอแล้ว และทุ่มเวลาที่มีตอนนี้ให้กับการใหความรู้คนอื่น
เปิดเวบไซต์สอนคนโดยไม่คิดเงิน สอนวางแผนการเงินโดยไม่ต้องมีเงิน
สอนเสร็จและไป coach ด้วยตัวเอง คิดว่าเป็นตัวอย่างที่ก้าวหน้ากว่าเยอะ เขาเดินไปในทางเหมาะสำหรับเขา
หรือ ลูกศิษย์อีกคน เป็นตัวอย่างแง่มุมให้เรา ไม่สนใจเงินทอง เรียนปริญญาเอกอยู่
เวลาว่างตลอดคิดถึงแต่การช่วยเหลือคนอื่น จิตอาสาช่วยสังคม เล่นเวบไซต์หาคนไปช่วยสังคม
เราทำไม่ได้อย่างเขา เราชื่นชม อย่างมากก็ช่วยสนับสนุนเขา
ไม่มีเทคนิค หรือเกณฑ์เลือกหุ้นที่ชัดเจน แต่ต้องไม่ผิดศีลธรรมในใจของเรา
และ ชีวิตเราไม่ใช่การลงทุนหุ้นอย่างเดียว
หลักการบริหารเงินครอบครัว คือ การวางแผนการเงิน ไม่ใช่การลงทุนอย่างเดียว
บางคนไม่ได้ลงทุนหุ้นเลย แต่มีจัดสรรการเงินชัดเจน บางคนอยู่รอดได้ไม่ว่าหุ้นจะตกจะขึ้น
แต่บางคนพอร์ตใหญ่โต มีมาร์จิ้นอยู่ 50% ซึ่งอาจจะเหมาะกับเขา แต่ทั่วไปก็จะบอกว่าอย่าทำเลย
เราวางแผนการเงินให้ชีวิตเรามีความสุข
คุณเวบ เป็นตัวอย่างนักลงทุนที่มีความแปลก หาคนที่สองแบบนี้ไม่ได้ ได้หลักคิดจากคุณเวบที่ยิ่งใหญ่
ถ้าคิดว่าอะไรถูกเดินตามนั้น อย่าไปห่วงว่าสังคมจะคิดอย่างไร
อย่างคุณเวบถ้าอยากจะมีพอร์ตพันล้านก็ได้ แต่ไปห่วงหมาห่วงแมวมากกว่า
สิ่งที่คุณเวบสอนโดยไม่รู้ตัว เราจะไปให้ความรู้ ไปช่วยกับคนโลภ คนชั่วทำไม
ซึ่งช่วงหลังเห็นด้วยอย่างมาก จึงเกิดอันนี้ด้วยส่วนหนึ่ง บางคนก็มาเอาอย่างเดียวไม่เคยให้คนอื่น
ต่อไปก็อาจจะเห็น money talk บีบลงมาเรื่อย อย่างวันนี้เราประกาศชัดเจนว่าคนที่ให้คนอื่นจะได้มา
ซึ่งหลายท่านอย่างคุณเวบ คุณวิบูลย์ คุณฉัตรชัย คุณศักดา คุณพศินทร์ อ.ถาวร เป็นอย่างที่ดี มีจุดยืน
หุ้นที่ได้มากรองมาอย่างไร? มีขั้นตอนอย่างไร?
หมอพงษ์ศักดิ์
อ่าน หนังสือพิมพ์, เวบไซต์, มีบางตัวไปเจอ thaivi มีคน discuss กัน แล้วก็ไปตามอ่านใน blog
จนบริษัทที่ทำแล้วมีผลงาน เรามั่นใจขึ้น พอมีจังหวะก็เข้าไปลงทุน
ซึ่งจังหวะมันต้องอาศัยการสะสมความเข้าใจบางเรื่องไว้ก่อน ต้องเลือกอ่าน แล้วค่อยไปอ่านความเห็นเขาลึกๆ
ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อน คือ ทำทุกวันอ่านสะสมไปเรื่อย ไม่ได้มีเป้าหมายว่าต้องเจอ สนุกกับมัน
นสพ.ที่อ่านคือ กรุงเทพธุรกิจ เป็นหลัก อ่านทุกวัน ตอนหลังอ่าน นสพ.ภาษาอังกฤษ เพราะสนใจลงทุนต่างประเทศ
เวบไซต์เข้า thaivi อ่าน 56-1 ฟัง opp day บางบริษัทสนใจจะฟังย้อนหลัง 5 ปี
ต้องเข้าใจความเป็นมา ถ้าธุรกิจมีปัญหาเป็นอย่างไร หลุดมาได้อย่างไร เป็นประโยชน์
อย่างไตรมาสหนึ่งมาร้อยกว่าบริษัท ก็ฟังเกินครึ่ง แต่ถ้าไม่สนใจจริงๆก็ไม่ฟัง ส่วนใหญ๋ฟัง get idea รวบรวมข้อมูลไว้
แต่ทั้งหมดที่ฟังก็ไม่ได้ละเอียดหมด บางทีฟังในรถ ฟังตอนอาบน้ำเสร็จ แต่งตัว เป็นการบริหารเวลาด้วย
อ.ไพบูลย์
หาหุ้นน้อยมาก ในปีหนึ่งจะเจอสัก 1-2 ตัว ซื้อหุ้นแล้วไม่ค่อยได้ขาย ส่วนใหญ่ถือจนลง
จะผูกพันกับหุ้น พอซื้อหุ้นก็จะไปรู้จักเจ้าของ รู้จักผู้บริหาร ต้องรู้จักตัวเองว่าเป็นอย่างไร บางทีซื้อหุ้นได้ดี แต่ขายหุ้นไม่ได้ดี
วิธีเจอโดยบังเอิญ ส่วนใหญ่สัมภาษณ์ ได้เปรียบหน่อยตรงที่ได้เห็นโหงวเฮ้ง
เห็นว่าบางคนโกหกซึ่งๆหน้า บางคนก็ระมัดระวัง จะประเมินได้ว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร
มีหลากหลาย บางคนศึกษาธุรกิจใหม่ขั้นตอนที่ 1 ประกาศข่าว บางคนขั้นตอนที่ 10 แต่ยังไม่ออกข่าว รอประกาศตามเกณฑ์
ปกติไม่ได้ดูลึกๆเอง ถ้าเจอหุ้นที่น่าสนใจก็มีคนช่วยดูให้อย่างหมอเค
ทยอยซื้อบางส่วนแล้วก็ทำการบ้านต่อ จะตัดสินใจช้าทั้งซื้อทั้งขาย มีอยู่ครั้งตัดสินใจเร็ว ซึ่งทำผิดพลาด
การวิเคราะห์งบการเงิน วิเคราะห์เชิงคุณภาพ ทำอย่างไร?
หมอพงษ์ศักดิ์
แต่ละธุรกิจงบไม่เหมือนกัน เช่น ค้าปลีก ไปดูยอดขายแต่ละ q จัดเรียงดูย้อนหลังอย่างน้อย 3 ปี
- ดูว่าเติบโตไหม มี seasonal ไหม ดู gross margin ดีขึ้นไหม ?
- ดูแนวโน้ม ดู sg&a ต่อยอดขาย เพิ่มหรือลด อย่างไร มีเหตุผลเพราะอะไร ?
ช่วงขยายตัวต้องมี ต้นทุนเพิ่มหรือบางช่วงยอดขายโตแต่กำไรไม่โต
เพราะกำลังลงทุน มีค่าเสื่อมราคาเยอะ เป็นช่วงที่น่าลงทุน
- ดู EBIT หรือ Operating Profit สำคัญกว่า บางทีจะมี tax ไม่เท่ากัน จึงต้องดู before tax
- ดู cashflow ว่าเป็นอย่างไร ลงทุนเท่าไร มีรายการพิเศษอะไรไหม?
บางธุรกิจมีรายการเยอะ เช่น มีกำไรบริษัทลูก ต้องลบออกหมด หรือพวกขายหุ้น บันทึกกำไรต้องเอาออก
ถ้าไปคิดบางทีกำไรรวมบวก แต่คิด operating profit จริงๆขาดทุน
ตัวอย่างที่เคยลงทุน aot มีค่าเสื่อมราคาลดลง รายได้โต แต่ sg&a โตเพิ่มกว่าตลอด
คิดว่าไม่ชอบ คงไปทำอะไรที่ไม่น่าไว้ใจ แต่ตอนหลังมาเห็น sg&a ไม่เพิ่มขึ้นตามรายได้ น่าจะมีอะไรดีๆ
บางธุรกิจต้องดูราคาของต้นทุน อย่างธุรกิจเทรดดิ้ง มีซื้อมาขายไปมี inventory loss ราคาหุ้นก็ตกมาก
ต้องไป track ดูว่าในอดีตต้นทุนมันต่ำเท่าไร
จะมีแนวโน้มใน 12 เดือนข้างหน้า inventory gain ไหม แต่ต้องรอมัน
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จแล้ว เงินไม่ใช่คำตอบ ความสุขชีวิตคืออะไร?
อ.ไพบูลย์
ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง ในแต่ละเดือน อย่างตอนนี้ก็อยู่ในสภาพที่ลง
ในแง่ความสุขความทุกข์ไม่ได้มาจากเงินตรงนี้
แต่ การพลัดพรากสิ่งที่รัก, ประสบสิ่งที่ไม่รัก นอกไปจากเรื่องกาย อายุ โรคภัยไข้เจ็บ ล้วนเป็นทุกข์
ใครที่มีลูกต่อให้มีความสุขขนาดไหนก็จะมีความทุกข์แทรกเข้ามา ความห่วงใยลูกเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สุด
คนไม่มีลูกคือทำบุญมา ถึงไม่ต้องมีกรรมในเรื่องลูกตามมา
เพราะความห่วงที่สุดในชีวิตของเรา คือลูก
เป็นความทุกข์ใหญ่ที่สุด นอกจากความตาย
อย่างพ่อแม่เสียชีวิตก็จัดงานศพ แต่ถ้าลูกป่วยเป็นเรื่อง
อย่างคุณสิงห์ ที่เสียชีวิต คนที่เสียใจมากสุดคือคุณแม่
ได้ฟังคุณวีระ คุณพ่อคุณสิงห์ ได้พูดว่าก่อนคุณสิงห์จะฆ่าตัวตายเขาโทรไปคุยกับแม่
ซึ่งได้พูดกับลูกว่า พ่อกับแม่อยู่บ้านมีอะไรก็ไปหาได้ ทำให้คิดแว่บว่าถ้าวันนั้นเราไปหาเขาจะช่วยเขาได้
เราเหมือนจะจับไว้ได้แล้ว แต่เราปล่อยให้หลุดมือไป
ถ้าใครเป็นพ่อแม่คนจะเข้าใจความรู้สึก
ใครที่เคยป่วย เจ็บแบบก้ำกึ่งเป็นโรคร้าย หมอ หุ้นตกทั้งตลาดเราก็ไม่สนใจ
อย่างเป็นนิ่วเจ็บจริงๆ แต่ใกล้ตายเป็นทุกข์หนักสุด ถ้าไม่ได้เตรียมตัวไว้
อ.ไพบูลย์มักบอกกับนักศึกษาว่า ทำกรรมไว้ไม่ดีจึงต้องมาเรียนบริหารธุรกิจ
ถ้าทำกรรมดีต้องเรียนสายแพทย์ สายบริการประชาชน
ทำกรรมไม่ดีมากคือมาเรียนการเงิน สิ่งเหล่านี้ดีแต่ไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมาจริง
วิชาที่แย่ที่สุดคือการเงิน แย่ที่สุดในการเงิน คือการลงทุน และแย่ที่สุดคือหุ้น
สิ่งที่ทำได้คือเรารู้ว่าอยู่กับอะไร ถ้าเผลอไปเมื่อไรกิเลสจะเอาเราไปด้วย ต้องมีคาถาป้องกันตัว
คิดว่านักศึกษาคงเข้าใจสักครึ่งถึงหนึ่งคน แต่เมื่อผ่านไปเขาอาจจะเข้าใจบ้าง
คุณเวบ
เสริมว่าเรียนบริหารธุรกิจก็เลือกเป็นคนดีได้ เรียนหมอก็เป็นหมอไม่ดีได้
คิดว่าบั้นปลายชีวิตจะเขียนแฉ เมืองไทย วงการแพทย์เข้มแข็ง เวลาไปที่โรงพยาบาล
ยาหลายๆตัวหมอได้ % เขาไม่ได้เลือกจากสิ่งที่ควรจะให้เรา
หรือบางอย่างจ่ายเกินจำเป็นตามที่บริษัทยา เราเลือกดำเนินชีวิตได้ อย่าให้โลกกำหนดชีวิตเรา
อ.ไพบูลย์ เสริมว่า หมอก็เป็นคนชั่วเป็นคนดีได้ แต่โดยวิชาชีพเป็นวิชาชีพให้คนพ้นทุกข์กาย
คนเป็นครู เป็นนักเขียนก็เช่นกัน
การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ การวิเคราะห์การเติบโตธุรกิจ ดูอย่างไร?
หมอพงษ์ศักดิ์
ดูว่ามีความสามารถแข่งขัน จินตนาการดูว่ามีแบรนด์ไหม เราจะเลือกแบรนด์นี้ไหม
หรือคนอื่นจะใช้บริการด้วยแบรนด์ไหม บางธุรกิจต้องมีขนาดในการแข่งขัน
แค่ไหนจะทำให้ต้นทุนถูกลง อย่างเช่น ตั้งร้านสะดวกซื้อ ลงทุน supply chain เท่ากัน
แต่มีสาขาน้อยกว่า ก็ต้องขายให้แพงกว่าถึงได้กำไรเท่ากัน มันแข่งกันที่ขนาด
บางธุรกิจต้องใช้แบรนด์,ใช้ขนาด,ใช้ network เช่น facebook ใช้ติดต่อกันอยู่ก็ไม่อยากเปลี่ยน network
, มี switching cost สูง, การต่อรองกับคู่ค้า ซื้อหุ้นต้องไม่ bias
เวลาวิเคราะห์ต้องคิดว่าเราไม่มีหุ้นตัวนี้ คนมาบอกว่าหุ้นไม่ดี ก็เป็นโอกาสในการคิด
ชอบคุยกับผู้บริหารของบริษัทที่เราไม่ได้ลงทุน จะได้ไม่ bias ได้ความจริงอีกด้าน
ต้องไม่คิดว่าเราถือหุ้น จะไม่ผิดพลาดรักหุ้น ต้องใช้ตามข้อมูลที่ถูกต้อง
คุณวิบูลย์ ในหนังสือที่แจกไปมีหัวข้อการประเมินมูลค่ากิจการ ขอให้ช่วยอธิบายเสริม
หมอพงษ์ศักดิ์ การประเมินมูลค่ามีหลายวิธี แต่ละอย่างต่างกัน ต้องยกตัวอย่างประกอบ
เช่น ค้าปลีก มีการประเมินตอนตั้งต้น big c ไปซื้อ carefour
ดูที่ price per sale ratio สมมติ 1 เท่า เวลาอ่านข่าวต่างประเทศ เขาก็ใช้ตัวนี้เทียบเหมือนกัน
เวลาที่ธุรกิจยังไม่กำไรมาก เราก็จะดูตัวนี้ แต่ถ้าธุรกิจที่กำลังเติบโต มี cashflow แน่นอน
ก็พยายามทำ discount cashflow ดูว่ามูลค่าเท่าไร หรือธุรกิจธนาคาร ก็ดู book value
อย่าง pe ก็ใช้ได้กับธุรกิจที่มี growth แน่นอน ไม่ควรใช้กับพวก cycle
ถ้า โต 20 ก็ให้ pe 20 ได้ พวกนี้เป็นศิลปะที่ต้องเอาเครื่องมือมาใช้ให้เหมาะ
บางครั้งก็เอาหลายอันมารวมกัน ไม่มีใครรู้ที่แน่นอน
สมมติมี time machine ให้เดินข้ามกับไปหาตัวเองตอนลงทุนใหม่ๆ
จะบอกอะไรกับผู้ชายคนนั้น อะไรเป็นบทเรียนการลงทุนหรือชีวิต
หมอพงษ์ศักดิ์
อยากจะบอกสิ่งที่ทำให้การลงทุนที่ผ่านมาสำเร็จได้คือทำอะไรที่ไม่ยาก
ถ้าคิดมากคิดซับซ้อน ไม่เห็นจะเกิดขึ้น ความง่าย ก็แค่นั้น
บางทีคนอื่นก็มองไม่เห็น หาอะไรง่ายๆแน่นอน
างทีเราไปหาโจทย์ยากให้ชีวิตเราเอง ตัวที่ได้มาตัวง่ายๆทั้งนั้น
ถ้าไปคิดซับซ้อนอาจเป็นการลงทุนที่ไม่ดีก็ได้ ปัจจัยที่ไม่แน่นอน
คิดวกวน หลายทีก็พลาด ใช้เวลากับการลงทุน 20% ให้ได้ผล 80% เอาเวลาไปทำอย่างอื่น
อ.ไพบูลย์
มีหุ้นโรงพยาบาลที่อยู่ใน mega trend ใช้เวลาซื้อ 6 เดือน
เพราะดูความแตกต่างของโรงพยาบาลชั้นนำ 2 ตัว พอนานๆเข้า
ตัวที่เคยต่ำกว่าขึ้นมาแซง ก็เลยค่อยๆเก็บ ให้ได้ตามจำนวนที่ต้องการ เป็น block ใหญ่
วันหนึ่งมีคนไปเยี่ยมชมกิจการและรู้สึกว่าไม่ชอบ ผู้บริหารไม่ใส่ใจกับนักลงทุนรายย่อย
ก็ทยอยขายไปเรื่อย ราว 6 เดือน วันนี้ราคาขึ้นมา 2 เท่ากว่า
ถือเป็นความผิดพลาดไปให้น้ำหนักกับผู้บริหารคนเดียว
อยากให้แต่ละท่านฝากข้อคิด เรื่องการลงทุน เรื่องชีวิต ที่อยากฝากของชีวิตเรา
คุณวิบูลย์
สิ่งที่คุณชายพูดช่วงเช้าเป็นความจริง เรามีล้านก็อยากมีสิบล้าน
ถึงวันหนึ่งมีมันก็ไม่ใช่แค่ ตัวเลขในบัญชี
เราก็ใช้เงินเหมือนเดิม สิ่งสำคัญคือสุขภาพ ถ้าไม่ดีเป็นทุกข์หนัก กับเรื่องครอบครัว
เราต้องดูแลสุขภาพเราและคนใกล้ชิดด้วย
หมอพงษ์ศักดิ์
ได้บทเรียน การที่เรายอมรับคนใดคนหนึ่งด้วยการยอมรับทั้งหมดของความรู้สึก
แล้วตัวเราจะได้ความสุขนั้นกลับมา คนที่อยู่รอบข้างเราควรจะยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
เคยไปคาดหวังหรือหวังต่างๆกับคนอื่น ซึ่งไม่เป็นผลดี เขาควรมีอิสระในการเลือก
กรอบที่ให้คือควรเป็นคนดี จะไม่ให้มันแคบมาก จะทำให้ไม่มีความสุข สุดท้ายเราก็ไม่มีความสุข
เมื่อขยายกรอบตรงนี้รู้สึกเขามีความสุข เขามีความสุขมากขึ้น
บทเรียนนี้สอนว่าเปลี่ยนความคิดตัวเอง โดยขยายกรอบให้กับสิ่งที่เรารักให้เขาทำในสิ่งที่อยากทำ
อ.ไพบูลย์
ในชีวิตตอนนี้ 61,62 แล้ว คิดถึงคำว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
มีบางคนใน thai vi ที่เก่งมากแล้วทุกวันนี้ไม่รู้ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้
ความทุกข์เรามาตลอดเวลา มีความสุขแป๊บเดียว เกิดขึ้นง่ายมาก
ปีก่อนสุขแป๊บเดียว ที่ลูกเข้ามหาวิทยาลัยได้ แป๊บเดียวทุกข์ว่าเขาจะเรียนได้ไหม
มีความสุขแป๊บเดียวทีเขาจบ แป๊บเดียวทุกข์แล้วเขาจะทำอะไรต่อ
นาทีนี้เชื่อว่า ถ้าเราจะอยู่ในโลกนี้พรหมวิหาร 4 สำคัญมาก
เมตตา อยากให้คนอื่นมีสุข กรุณา อยากให้คนอื่นพ้นทุกข์
มุทิตตา เห็นคนอื่นได้ดี ต้องยินดีกับเขา อันนี้ยากมาก ใจเราอิจฉา
อุเบกขา พยายามเต็มที่ไม่สำเร็จก็เอาเท่านี้ ไม่ว่าจะเรื่องไหน ซึ่งถ้ามีโอกาสไปแก้ไข
ถ้าไม่มี 4 ข้อนี้ เราทุกข์
ใครที่ทุกข์มากจากหุ้นตก แนะนำให้ลองไปบ้านเด็กพิการซ้ำซ้อน รามอินทรา 34
ไปดูสภาพเด็กเหล่านี้จะรู้ว่าเราโชคดี คนอื่นทุกข์กว่าเรา แล้วกิเลสเราจะลดลงเยอะ
ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งสอนไว้ การกระทำทุกอย่างของเราไม่มีประโยชน์ หรือมีน้อย
ถ้าไม่ทำให้เราพ้นทุกข์ นั่นคือใจของเราวางได้
คุณเวบ
เวลาไปอบรมเจอหน้าเดิมๆ เวลาเรามีเป้าหมายในชีวิตไม่ว่าจะเรื่องอะไร
ถ้าไม่ทำไม่ได้ ต้องทำตัวให้เราคู่ควรที่จะได้รับสิ่งนั้น ยกระดับมาตรฐานของตัวเองขึ้น
บางครั้งอะไรที่เราคิดว่าทำไม่ได้เป็นความเชื่อ แต่พอคิดบ่อยๆเราลืมว่าไม่ใช่ความจริง
ถ้าพยายามเราทำได้ เพิ่งเรียนรู้เมื่อไม่นานนี้ ตอนปลายเดือน พ.ค. ที่ไปพูดงานเภสัชจุฬาฯ
ตอนถึงบ่าย 3 ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะพูดได้ไหม แต่พอพูดได้ถึงทุ่มนึง ตอนนี้ต้องให้หยุดพูด
เราเรียนรู้ว่า ที่เราจะทำได้หรือเปล่า เราคิดไปเอง ถ้าเราไม่ได้ทำจะไม่รู้ว่าเราทำได้
พอทำได้เหมือนมันทะลวงไปหมดเลย เวลาออกไปมองขึ้นไปบนฟ้า ขอบฟ้าคือข้อจำกัด
เป็นสัมมนารอบพิเศษจัดสำหรับผู้ที่ได้ร่วมทำความดีตามกติกา
หลายๆท่านได้ไปบริจาคเลือด/เกล็ดเลือด/ร่างกาย รวมถึงการทำบุญทำทานหรือทำสาธารณะประโยชน์ต่างๆ
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วย ขอให้ทุกท่านมีความสุขทั้งทางกายและใจครับ
ขอบคุณท่านผู้เสียสละและสนับสนุนการจัดกิจกรรมนี้ที่ช่วยส่งเสริมให้พวกเราได้ทำความดีร่วมกันครับ
เนื้อหาสัมมนาช่วงเช้า แบ่งเป็น 2 หัวข้อ
1) จุดตัดธรรมะกับการลงทุน
แขกรับเชิญ คุณชาย มโนภาส พิธีกร คุณวิบูลย์ และคุณนุช วราพรรณ
2) สัมภาษณ์ Exclusive เปิดเบื้องลึกเบื้องหลัง ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
แขกรับเชิญ อ.ไพบูลย์ และ หมอพงษ์ศักดิ์ สัมภาษณ์โดย คุณเวบ พรชัย และคุณวิบูลย์
หัวข้อ1 จุดตัดธรรมะกับการลงทุน
แขกรับเชิญ คุณชาย มโนภาส พิธีกร คุณวิบูลย์ และคุณนุช วราพรรณ
คุณชาย เปรียบเทียบจากรูปรางรถไฟคู่ขนาน แต่ไม่ตัดกัน
ชวนให้คิดว่าการลงทุนกับธรรมะจะตัดกันได้อย่างไร?
ธรรมะจะมาเสริมการลงทุนได้อย่างไร? ทำไมจึงสำคัญกับนักลงทุน?
การนำเสนอวันนี้เป็นการนำคำสอนจากพระอาจารย์หลายท่านมาร้อยเรียง
เช่น หนังสือ พระไพศาล ทำเต็มที่แต่ไม่ซีเรียส แนะนำให้หาอ่านได้ เนื้อหาที่นำเสนอบางส่วนก็นำมาจากเล่มนี้
ชีวิตการลงทุนที่อยู่เย็นเป็นสุขได้ทุกวันนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะธรรมะ
เชื่อว่าเมืองไทยร่มเย็นได้ทุกวันนี้เพราะพระพุทธศาสนา
เมื่อกว่า 2600 ปีก่อน มีบุคคลที่มีพร้อมทุกอย่างในชีวิต กับทิ้งทุกอย่างเพื่อแสวงหาความจริงอันประเสริฐ มาเผยแผ่กับทุกคน
เรามีความสงบร่มเย็นวันนี้ได้เพราะคนเสียสละ เหมือนที่บัฟเฟตต์กล่าว คนเราได้นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ เพราะเมื่อก่อนมีคนปลูกต้นไม้ไว้
ธรรมะคืออะไร?
ธรรมะ คือความจริง เช่น พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ตกทางทิศตะวันตก
นานมาแล้ว พระพุทธเจ้านั่งอยุ่ในป่าประดู่ลาย หยิบใบไม้ขึ้นมา 3 ใบ และถามภิกษุที่นั่งอยู่ในที่นั้นว่า
"ใบไม้ในมือพระองค์กับในป่า อันไหนมมากกว่ากัน?" พระภิกษุตอบว่า "ในมือมีน้อยกว่าในป่า"
ท่านกล่าวว่า "นั่นเหมือนกันกับ ธรรมที่ท่านเอามาเผยแผ่ เหมือนแค่ใบไม้ 3 ใบในมือพระองค์
แต่ความจริงอีกมากมายที่อยู่ในป่า"
ซึ่งความจริงอันประเสริฐ ที่ท่านนำมาเผยแผ่ ช่วยดับทุกข์ได้ สิ่งนี้คือ ธรรมะ
ยกตัวอย่าง ถ้าเห็นควันไฟไหม้แถวบ้านท่าน จะเกิดความกังวลใจว่าบ้านไฟไหม้หรือไม่
แต่พอมีคนแจ้งให้ทราบความจริงว่าไม่ได้ไหม้ที่บ้านของท่าน ก็คลายกังวล ความจริงช่วยดับทุกข์ได้
จิตของนักลงทุน
มหาตมะ คานธี กล่าวไว้
"โลกนี้สามารถให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นกับมนุษย์ได้ แต่ไม่พอตอบสนองความโลภของมนุษย์แค่คนเดียว"
จิตของนักลงทุนก็เช่นเดียวกัน หุ้นขึ้นไปก็อยากให้ขึ้นอีก มีเงินมากแล้วก็อยากมีมากอีก ไม่มีพอ
มนุษย์คิดว่าชีวิตป็นอย่างจรเข้ ที่โตแล้วใหญ่ไปเรื่อยๆ แต่มนุษย์โตไปแค่ 20 ปีก็ไม่โตแล้ว
ความจริงคือเราเปลี่ยนไปเรื่อยๆจนวันหนึ่งหยุดและเสื่อมลง คือความจริงของมนุษย์
ปัญหาของนักลงทุน 2 กลุ่ม
แบ่งนักลงทุนเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเริ่มต้น กับ ช่วงประสบความสำเร็จแล้ว
1) กลุ่มช่วงเริ่มต้น ที่ยังไม่สำเร็จ เปรียบเหมือนชาวประมง ออกหาปลา พบปัญหา 2 จำพวก
• พวกแรก คือ ขี้เกียจ ไม่เอาจริง อยากรวยแต่ไม่ได้อ่านหนังสือ ฟังข่าว 5 นาทีตัดสินใจซื้อขาย
สมัยพระพุทธกาล พระพุทธเจ้าผ่านมาพบ พราหมณ์ สวดมนต์อาบน้ำ ชำระบาป ตามความเชื่อ
ตรัสถามพรามณ์ว่า "ถ้าอยู่ฝั่งนี้ ต้องการข้ามไปฝั่งนู้น จะมัวแต่อ้อนวอน ร้องขอนานเท่าไร ฝั่งนู้นก็ไม่มาถึงฝั่งนี้"
เหมือนนักลงทุนที่อยากได้อิสรภาพทางการเงิน สวดอ้อนวอนอย่างเดียว อยากได้ผลแต่ไม่ทำเหตุ
หลวงปู่ชาเคยกล่าวว่า เวลาให้พรญาติโยม อายุ วรรณะ สุขะ พละ โยมชอบยกมือสาธุ
ท่านถามว่า "โยมลองคิดดูจริงๆว่ามีไหม อายุยืนๆผิวสวยๆมีแรงเยอะๆ มีจริงไหม?"
อยากสำเร็จต้องมีวิริยะอุตสาหะ
• พวกสอง อยากสำเร็จ ขยันมาก กว่าจะนอนตี 2-3 ละทิ้งทุกอย่างในชีวิตเพื่อประสบความสำเร็จ
แต่ลองคิดดูว่า วันหนึ่งที่ท่านประสบความสำเร็จ แล้วใครจะมานั่งกินข้าวด้วย?
ดูแลคนที่รักด้วยระหว่างทาง เหมือนทหารไปรบ ก็ต้องกินข้าวทุกวัน
ดูแลพ่อแม่ด้วยสังขารไม่รอ ดูแลและให้กับท่านขณะที่ท่านยังอยู่
และดูแลสุขภาพของตัวเอง ออกกำลังกายบ้าง
คนมีเงินมีความสุขได้ต้องมี 2 อย่าง สุขภาพดีและมีคนรัก
บทเรียน จากพาราโบล่า (กราฟโค้งระฆังคว่ำ) ถ้าค่า x มากขึ้นค่าถึงจุดหนึ่ง ค่า y จะลดลงแล้ว
มันจะมีจุดหนึ่งที่สมดุลของชีวิต ให้หาจุดนั้นให้เจอ
2) ช่วงประสบความสำเร็จแล้ว เหมือนเรือสำราญแล้ว
• จุดนี้ที่ระวังกว่า พอมีเงินแล้วเอาไปใช้อะไรก็ได้ คิดว่าชีวิตที่ทำมาทำถูกแล้ว
สิ่งที่น่ากลัวของมนุษย์ ถ้าเหตุผิดแต่บังเอิญผลถูก
คุณชายเคยเขียนบทความไว้ เด็กน้อยกับดวงอาทิตย์
ทุกเช้า เด็กน้อยจะขึ้นไปบนภูเขาวาดมือ 3 ครั้ง แล้วพระอาทิตย์ก็จะขึ้น เด็กน้อยเข้าใจว่าเขาเป็นคนทำให้พระอาทิตย์ขึ้น
อันนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัว กว่าลงทุนผิดพลาดอีก
ธรรมะจะมาช่วยคำประสบความสำเร็จแล้ว ให้คนที่มั่นใจในตัวเองมากเกินไป
ทุกสิ่งทุกอย่างสอดคล้องกัน ไม่ใช่แค่ฝีมือท่านคนเดียว
ชาวประมงหาปลาได้มากที่สุดไม่ใช่เพราะฝีมือเขาอย่างเดียว ชาวสวนก็เหมือนกัน ขึ้นกับหลายปัจจัย
• คนที่คิดว่า รวยแล้วไม่ต้องทำอะไร เป็นความคิดที่ผิด
ชีวิตจะเอื่อยเฉื่อย ไม่มีพลัง ยิ่งรวยต้องยิ่งทำประโยชน์ให้มากขึ้น
โอกาสทองของชีวิต
สังเกตตัวเองว่าสิ่งที่เคยเป็นความสุข ที่จริงเป็นความสุขไหม?
ถ้ามีเงินลองใช้เงินหรูหราฟู่ฟ่า เช่นซื้อไวน์สุดแพงมาดื่ม
แล้วสังเกตดู ความสุขที่เกิดขึ้นอย่างไร อยู่นานไหม หายไปเมื่อไร?
ถ้าเสียใจมากๆ ลองสังเกตดูว่าเกิดขึ้นอย่างไร อยู่นานไหม หายไปเมื่อไร?
เช่น ตอนคุณแม่จากไป แฟนทิ้ง อกหักครั้งแรกรู้สึกอย่างไร หายไปเมื่อไร เอาความรู้สึกนั้นกลับมาไม่ได้
ความสุข ความทุกข์ เกิด อยู่ ดับไป ถ้าสังเกตจะเกิดปัญหา
Case study 1
จักรพรรดิ ออรังเซฟ(Aurangzeb) เป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ๋ของอินเดีย ปกครองประชากร 1 ใน 4 ของโลก ราว 150 ล้านคน
ควบคุมเหมืองเพชร แห่งเดียวในโลก มีความมั่งคั่งมาก ครองราชย์นาน 49 ปี
แต่ได้มาจากการขังพ่อตัวเอง(ผู้สร้างทัชมาฮาล) ขังคุกอยู่ 8 ปีจนเสียชีวิต,ฆ่าพี่ชายตัวเองเพื่อขึ้นครองราชย์
ก่อนจะเสียชีวิต Aurangzeb กล่าวว่า "ฉันมาและไปเหมือนคนแปลกหน้า ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรอยู่และต้องการอะไร"
Case study 2
Marcos ประธานีธิบดี ฟิลิปปินส์ เขียนในบันทึกว่า เขามีภรรยาที่ดี มีลูกที่ดี มีสินทรัพย์มากมายเกินกว่าคนทั่วไปหามาได้ แต่ก็ยังรู้สึกว่าชีวิตเขาต้องการอะไรอยู่ เหมือนชีวิตขาดอะไรไปบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าขาดอะไร
ทั้ง 2 คนนี้ให้บทเรียนเดียวกัน
ถ้ามี ท้องฟ้า และ มีเหรียญ 5 บาท...
คำถามคือ เราจะปิดท้องฟ้าได้อย่างไร?
คำตอบ คือเอาเหรียญ 5 บาทใกล้ตา
เหมือนกัน ความสุขเหมือนท้องฟ้า ความทุกข์ของคนเหมือนเหรียญ 5
ไม่ว่าจะมีความสุขแค่ไหน ถ้ามีทุกข์ขึ้นมาเหมือนเหรียญ 5 ก็บังความสุขได้หมด
เหมือนเรามีความสุขอยู่ดีๆ มีคนขับรถปาดหน้า ก็เกิดความทุกข์
ปัญหาเพราะเอาทุกข์ออกไม่ได้
ถ้ามีคนโยนตุ๊กแกใส่ เราก็ปัดมันออก แต่พอมีคนโยนทุกข์ใส่ เรากลับฝังมันไว้กับเรา
ทำไมปัดไม่ออก?
แนวทางปฏิบัติ
ต้องเห็นความจริง รู้ความจริง นั่นคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สิ่งต่างๆในโลกเปลี่ยนไปอยู่เสมอ
คนอายุถึง 80 ปีเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ต้องรู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
อย่างคนขับรถปาดหน้า เรื่องจบตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ใจเราเหมือนถือมีดเสียบมันซ้ำไปมา
รู้ความจริง แต่ทิ้งไม่ได้เพราะจิตไม่มีพลัง
หลวงปู่ชา บอกว่าถ้าเรียนปริยัติ อ่านตามตำรามากๆ ไม่ทัน
เวลาทุกข์ เหมือนคนตกจากต้นไม้ มันเร็วมาก ไม่ได้เป็นขั้นตอน
ต้องเจริญสติ หัดเจริญสติในอริยบถทั้ง 4 กินเดินนั่งนอน
ถ้าสนใจมีสถานปฏิบัติ มีหนังสือมากมาย
คุณชายไม่ใช่แค่คนเดียวที่พูดเรื่องนี้
ขอยกตัวอย่าง Ray Dalio เป็นผู้บริหาร hedge fund ที่ใหญ่สุดในโลก
ความสำเร็จของเขา การนั่งสมาธิมีส่วนในความสำเร็จของเขาเป็นอย่างมาก นั่งสมาธิมา 42 ปี
เมื่อก่อนเป็น แคดดี้สนามกอล์ฟจนกระทั่งมีวันนี้
หลายวันก่อนได้พบคุณประชา ที่เป็นวีไอที่ประสบความสำเร็จ
ท่านก็บอกว่าการเจริญสติ เป็นเรื่องสำคัญของนักลงทุน
ในเมื่อนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จหลายท่านก็พูดอย่างนี้
ท่านจะลองศึกษาหาความรู้ด้านนี้ดูบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร มีประโยชน์ในทุกสถานการณ์
ชีวิตทุกคนต้องเจอแน่นอน คือ แก่, เจ็บป่วย ต้องนอนที่โรงพยาบาล เวลานั้นจะทำ dcf หา pe ไหม?
ถ้าใช้ชีวิตหาความรู้ด้านลงทุนอย่างเดียว ไม่หาความรู้ด้านอื่น
มีหลายสถานการณ์ในชีวิตที่ความรู้ด้านลงทุนไม่สามารถช่วยอะไรได้
ดังนั้น ธรรมะถึงต้องตัดกับการลงทุน นักลงทุนจึงจะมีความสุขอย่างแท้จริง
ต้องเข้าใจว่าทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง คนเราต้องแก่ ต้องตาย ดูแลคนที่รักให้ดี ดูแลสุขภาพให้ดี
ท่านเหมือนคนปลูกต้นไม้ หวังผลได้
หน้าที่คนปลูกต้นไม้ คือรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย แต่ต้นไม้จะโตเร็วช้า ออกดอกออกผลแค่ไหนเป็นเรื่องของต้นไม้
นักลงทุนก็เช่นเดียวกัน หน้าที่คือหากิจการที่มีความสามารถแข่งขัน ราคาลงทุนได้
แต่ราคาหุ้นจะขึ้นจะลงเป็นเรื่องของตลาด ไม่ใช่เอามาแบกไว้ในใจ
ต้องรู้ว่า บางอย่างควบคุมไม่ได้ แม้จะเลือกหุ้นมาดี แต่ตลาดลงหนัก ก็ต้องทำใจ ไม่ใช่ฉุนเฉียว อารมณ์ไม่ดี
สิ่งที่ทำได้คือทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
เมื่อธรรมะมาตัดกับการลงทุน ชีวิตจะมีความสุขโดยสมบูรณ์มากขึ้น มากกว่าใช้ชีวิตลงทุนอย่างเดียวโดยไม่สนใจธรรมะ
หัวข้อ 2 สัมภาษณ์ Exclusive เปิดเบื้องลึกเบื้องหลัง ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
แขกรับเชิญ อ.ไพบูลย์ และ หมอพงษ์ศักดิ์ สัมภาษณ์โดย คุณเวบ พรชัย และคุณวิบูลย์
กลยุทธ์การลงทุน? หลักการลงทุนคืออะไร มีวิวัฒนาการอย่างไร?
หมอพงษ์ศักดิ์
ช่วงแรกไม่ค่อยมีหลักการ ลงทุนเหมือนเรียนรู้ช่วง 2-3 ปีแรก
ต่อมาเริ่มมาอบรมในกรุงเทพ เข้ามาฟังรู้สึกได้ประโยชน์มากกว่าอ่านเอง
จากนั้นเริ่มเลือกเองว่าจะเอาแบบไหน ลงทุน super stock ในราคาไม่แพง โต 15-20 % ได้ใน 3-5 ปีข้างหน้า
ราคาซื้อขายไม่เกิน pe15 เท่ารู้สึกว่าถูก ลงทุนไปราคาก็เริ่มแพงขึ้นเรื่อยๆ
แต่ก็ยังไม่ได้ขายคิดว่าน่าจะสมเหตุสมผลได้
จนวันนี้ที่พวกหุ้นดีๆ market cap ใหญ่ๆ จะโตให้ได้แบบอดีตที่ผ่านมาเริ่มยากขึ้น
จึงแบ่งเงินมาลงในหุ้นที่มีโอกาสโตกว่า แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงเพิ่มด้วย
พยายามดูว่าอย่าซื้อแพงมากและมีโอกาสเติบโตดีกว่า
เป็นหา upside gain มากกว่า super stock เดิมมาช่วย
สรุปวิธีการเปลี่ยนไปทีละนิด
ตอนแรกกลัว ไม่ค่อยกล้า conservative
ช่วงสองเริ่มกล้ามากขึ้น อาจจะเพราะถูกขึ้นด้วย
ช่วงสาม เป็นช่วงท้าทาย อยากลองทำอะไรที่ไม่ใช่แนวเดิม take risk มากขึ้น
อ.ไพบูลย์
ขอพูดถึงหนังสือ กว่าจะเป็น VI ที่แจก แม้จะบาง แต่เป็นการกลั่นออกมาแล้ว
เน้นเนื้อหาสั้นๆ ที่เลือกมาแล้ว ซึ่งเป็นบทความที่อยากจะพูด แต่คงแทนความคิดที่มีได้ทั้งหมด
หลักการลงทุนก็คล้ายๆกัน แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังเบื้องลึกสำคัญกว่า
หลักการลงทุนส่วนตัวคือ ไม่ลงทุนในสิ่งที่ใจไม่ดี อะไรที่ทำให้ใจไม่ดี ไม่ลงทุนในสิ่งนั้น
สิ่งที่ทำให้ลงทุนแล้วใจไม่ดี คือ อะไรที่ฝืนความรู้สึกเรื่องศีลธรรม
เกณฑ์แต่ละท่านก็ไม่เหมือนกัน ตามอายุ ฐานะ เป้าหมายในชีวิต
ซึ่งเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินใจ
1) ตัวเองต้องเชื่อในสิ่งนั้น
2) อยากให้ลูกหลานเป็นแนวนี้ เช่น อยากให้ลูกมีศีล 5 การลงทุนก็จะไม่ผิดศีล 5
จุดที่คาใจ คือ ถ้าเป็นนักลงทุนอย่างที่ควรจะเป็น
ซึ่งเป็นวิธีการลงทุนที่ดี จะคุณหมอพงษ์ศักดิ์ คุณเวบ คุณวิบูลย์ คุณนุช
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าต้องรู้จักบริษัทที่เราลงทุนจริงๆ ต้องรู้ว่าบริษัทเค้าทำอะไร
เราจะมีจิตใจเบิกบาน อิ่มเอมเมื่อธุรกิจเขาดีขึ้น จะตกต่ำเมื่อเค้าทำน้อยลง
แต่ถ้ามันผิดกับสิ่งที่ใจเรารับไม่ได้ ในบ้านแอลกฮอลล์ บุหรี่ เข้าบ้านไม่ได้ เพราะเชื่อมาหลายรุ่น
ดังนั้นเงินของเราจะไม่อยู่ในธุรกิจนี้ ไม่อย่างนั้นจะบอกคนอื่นไม่ได้ว่าเราไม่เห็นด้วย
อย่าง การเอาหุ้นเหล้าเบียร์เข้าตลาด หรือการเปิดการพนันให้ถูกกฏหมาย เป็นการคิดมิติเดียว
คือการคิดทางเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้คิดผลทางศีลธรรม
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้คิดมาก่อน แต่เพิ่งมาคิดขึ้นมาได้ในช่วงหลังซัก10 ปีที่แล้ว
แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ชนะใจลึกๆของตัวเอง
อย่าง เวลาเห็นราคาหุ้นหลายตัวที่เราควรจะได้ลงทุน แต่ไม่ได้ซื้อ
เราก็ยังมีความเสียดาย เป็นสิ่งที่ทำใจยาก เห็นทีไรก็ทำให้ใจคิดแว๊บขึ้นมา
ทำให้ใจที่มั่นคงแล้วต้องมาเริ่มใหม่แต่ก็ทำให้คิดได้ว่า
ถ้าเอาชนะกิเลสอันนี้ที่ไม่ได้มีผลกับชีวิตไม่ได้ จะไปชนะเรื่องอื่นที่ยากกว่า เช่น ความตายได้อย่างไร
หลักสำหรับตัวเองคือ เงินต้องไม่อยู่ในเรื่องที่ผิดศีลธรรม ซึ่งแล้วแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน
มีรุ่นน้องที่นับถือมากในทางธรรมก็มีเงินอยู่ในหุ้นที่ อ.ไพบูลย์ไม่ได้ลงทุน แต่มุมมองไม่เหมือนกัน
อยู่ที่ความสุข อยู่ใจเรา ยึดแบบที่เราคิดว่าเหมาะสุด
มีลูกศิษย์ที่เป็นตัวอย่างที่ดี จบ mba ทำงาน 5 ปี ไม่ได้เก็งกำไรหุ้น ทำงานสถาบันการเงิน
แล้วได้อิสรภาพ เขาพอแล้ว และทุ่มเวลาที่มีตอนนี้ให้กับการใหความรู้คนอื่น
เปิดเวบไซต์สอนคนโดยไม่คิดเงิน สอนวางแผนการเงินโดยไม่ต้องมีเงิน
สอนเสร็จและไป coach ด้วยตัวเอง คิดว่าเป็นตัวอย่างที่ก้าวหน้ากว่าเยอะ เขาเดินไปในทางเหมาะสำหรับเขา
หรือ ลูกศิษย์อีกคน เป็นตัวอย่างแง่มุมให้เรา ไม่สนใจเงินทอง เรียนปริญญาเอกอยู่
เวลาว่างตลอดคิดถึงแต่การช่วยเหลือคนอื่น จิตอาสาช่วยสังคม เล่นเวบไซต์หาคนไปช่วยสังคม
เราทำไม่ได้อย่างเขา เราชื่นชม อย่างมากก็ช่วยสนับสนุนเขา
ไม่มีเทคนิค หรือเกณฑ์เลือกหุ้นที่ชัดเจน แต่ต้องไม่ผิดศีลธรรมในใจของเรา
และ ชีวิตเราไม่ใช่การลงทุนหุ้นอย่างเดียว
หลักการบริหารเงินครอบครัว คือ การวางแผนการเงิน ไม่ใช่การลงทุนอย่างเดียว
บางคนไม่ได้ลงทุนหุ้นเลย แต่มีจัดสรรการเงินชัดเจน บางคนอยู่รอดได้ไม่ว่าหุ้นจะตกจะขึ้น
แต่บางคนพอร์ตใหญ่โต มีมาร์จิ้นอยู่ 50% ซึ่งอาจจะเหมาะกับเขา แต่ทั่วไปก็จะบอกว่าอย่าทำเลย
เราวางแผนการเงินให้ชีวิตเรามีความสุข
คุณเวบ เป็นตัวอย่างนักลงทุนที่มีความแปลก หาคนที่สองแบบนี้ไม่ได้ ได้หลักคิดจากคุณเวบที่ยิ่งใหญ่
ถ้าคิดว่าอะไรถูกเดินตามนั้น อย่าไปห่วงว่าสังคมจะคิดอย่างไร
อย่างคุณเวบถ้าอยากจะมีพอร์ตพันล้านก็ได้ แต่ไปห่วงหมาห่วงแมวมากกว่า
สิ่งที่คุณเวบสอนโดยไม่รู้ตัว เราจะไปให้ความรู้ ไปช่วยกับคนโลภ คนชั่วทำไม
ซึ่งช่วงหลังเห็นด้วยอย่างมาก จึงเกิดอันนี้ด้วยส่วนหนึ่ง บางคนก็มาเอาอย่างเดียวไม่เคยให้คนอื่น
ต่อไปก็อาจจะเห็น money talk บีบลงมาเรื่อย อย่างวันนี้เราประกาศชัดเจนว่าคนที่ให้คนอื่นจะได้มา
ซึ่งหลายท่านอย่างคุณเวบ คุณวิบูลย์ คุณฉัตรชัย คุณศักดา คุณพศินทร์ อ.ถาวร เป็นอย่างที่ดี มีจุดยืน
หุ้นที่ได้มากรองมาอย่างไร? มีขั้นตอนอย่างไร?
หมอพงษ์ศักดิ์
อ่าน หนังสือพิมพ์, เวบไซต์, มีบางตัวไปเจอ thaivi มีคน discuss กัน แล้วก็ไปตามอ่านใน blog
จนบริษัทที่ทำแล้วมีผลงาน เรามั่นใจขึ้น พอมีจังหวะก็เข้าไปลงทุน
ซึ่งจังหวะมันต้องอาศัยการสะสมความเข้าใจบางเรื่องไว้ก่อน ต้องเลือกอ่าน แล้วค่อยไปอ่านความเห็นเขาลึกๆ
ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อน คือ ทำทุกวันอ่านสะสมไปเรื่อย ไม่ได้มีเป้าหมายว่าต้องเจอ สนุกกับมัน
นสพ.ที่อ่านคือ กรุงเทพธุรกิจ เป็นหลัก อ่านทุกวัน ตอนหลังอ่าน นสพ.ภาษาอังกฤษ เพราะสนใจลงทุนต่างประเทศ
เวบไซต์เข้า thaivi อ่าน 56-1 ฟัง opp day บางบริษัทสนใจจะฟังย้อนหลัง 5 ปี
ต้องเข้าใจความเป็นมา ถ้าธุรกิจมีปัญหาเป็นอย่างไร หลุดมาได้อย่างไร เป็นประโยชน์
อย่างไตรมาสหนึ่งมาร้อยกว่าบริษัท ก็ฟังเกินครึ่ง แต่ถ้าไม่สนใจจริงๆก็ไม่ฟัง ส่วนใหญ๋ฟัง get idea รวบรวมข้อมูลไว้
แต่ทั้งหมดที่ฟังก็ไม่ได้ละเอียดหมด บางทีฟังในรถ ฟังตอนอาบน้ำเสร็จ แต่งตัว เป็นการบริหารเวลาด้วย
อ.ไพบูลย์
หาหุ้นน้อยมาก ในปีหนึ่งจะเจอสัก 1-2 ตัว ซื้อหุ้นแล้วไม่ค่อยได้ขาย ส่วนใหญ่ถือจนลง
จะผูกพันกับหุ้น พอซื้อหุ้นก็จะไปรู้จักเจ้าของ รู้จักผู้บริหาร ต้องรู้จักตัวเองว่าเป็นอย่างไร บางทีซื้อหุ้นได้ดี แต่ขายหุ้นไม่ได้ดี
วิธีเจอโดยบังเอิญ ส่วนใหญ่สัมภาษณ์ ได้เปรียบหน่อยตรงที่ได้เห็นโหงวเฮ้ง
เห็นว่าบางคนโกหกซึ่งๆหน้า บางคนก็ระมัดระวัง จะประเมินได้ว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร
มีหลากหลาย บางคนศึกษาธุรกิจใหม่ขั้นตอนที่ 1 ประกาศข่าว บางคนขั้นตอนที่ 10 แต่ยังไม่ออกข่าว รอประกาศตามเกณฑ์
ปกติไม่ได้ดูลึกๆเอง ถ้าเจอหุ้นที่น่าสนใจก็มีคนช่วยดูให้อย่างหมอเค
ทยอยซื้อบางส่วนแล้วก็ทำการบ้านต่อ จะตัดสินใจช้าทั้งซื้อทั้งขาย มีอยู่ครั้งตัดสินใจเร็ว ซึ่งทำผิดพลาด
การวิเคราะห์งบการเงิน วิเคราะห์เชิงคุณภาพ ทำอย่างไร?
หมอพงษ์ศักดิ์
แต่ละธุรกิจงบไม่เหมือนกัน เช่น ค้าปลีก ไปดูยอดขายแต่ละ q จัดเรียงดูย้อนหลังอย่างน้อย 3 ปี
- ดูว่าเติบโตไหม มี seasonal ไหม ดู gross margin ดีขึ้นไหม ?
- ดูแนวโน้ม ดู sg&a ต่อยอดขาย เพิ่มหรือลด อย่างไร มีเหตุผลเพราะอะไร ?
ช่วงขยายตัวต้องมี ต้นทุนเพิ่มหรือบางช่วงยอดขายโตแต่กำไรไม่โต
เพราะกำลังลงทุน มีค่าเสื่อมราคาเยอะ เป็นช่วงที่น่าลงทุน
- ดู EBIT หรือ Operating Profit สำคัญกว่า บางทีจะมี tax ไม่เท่ากัน จึงต้องดู before tax
- ดู cashflow ว่าเป็นอย่างไร ลงทุนเท่าไร มีรายการพิเศษอะไรไหม?
บางธุรกิจมีรายการเยอะ เช่น มีกำไรบริษัทลูก ต้องลบออกหมด หรือพวกขายหุ้น บันทึกกำไรต้องเอาออก
ถ้าไปคิดบางทีกำไรรวมบวก แต่คิด operating profit จริงๆขาดทุน
ตัวอย่างที่เคยลงทุน aot มีค่าเสื่อมราคาลดลง รายได้โต แต่ sg&a โตเพิ่มกว่าตลอด
คิดว่าไม่ชอบ คงไปทำอะไรที่ไม่น่าไว้ใจ แต่ตอนหลังมาเห็น sg&a ไม่เพิ่มขึ้นตามรายได้ น่าจะมีอะไรดีๆ
บางธุรกิจต้องดูราคาของต้นทุน อย่างธุรกิจเทรดดิ้ง มีซื้อมาขายไปมี inventory loss ราคาหุ้นก็ตกมาก
ต้องไป track ดูว่าในอดีตต้นทุนมันต่ำเท่าไร
จะมีแนวโน้มใน 12 เดือนข้างหน้า inventory gain ไหม แต่ต้องรอมัน
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จแล้ว เงินไม่ใช่คำตอบ ความสุขชีวิตคืออะไร?
อ.ไพบูลย์
ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง ในแต่ละเดือน อย่างตอนนี้ก็อยู่ในสภาพที่ลง
ในแง่ความสุขความทุกข์ไม่ได้มาจากเงินตรงนี้
แต่ การพลัดพรากสิ่งที่รัก, ประสบสิ่งที่ไม่รัก นอกไปจากเรื่องกาย อายุ โรคภัยไข้เจ็บ ล้วนเป็นทุกข์
ใครที่มีลูกต่อให้มีความสุขขนาดไหนก็จะมีความทุกข์แทรกเข้ามา ความห่วงใยลูกเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สุด
คนไม่มีลูกคือทำบุญมา ถึงไม่ต้องมีกรรมในเรื่องลูกตามมา
เพราะความห่วงที่สุดในชีวิตของเรา คือลูก
เป็นความทุกข์ใหญ่ที่สุด นอกจากความตาย
อย่างพ่อแม่เสียชีวิตก็จัดงานศพ แต่ถ้าลูกป่วยเป็นเรื่อง
อย่างคุณสิงห์ ที่เสียชีวิต คนที่เสียใจมากสุดคือคุณแม่
ได้ฟังคุณวีระ คุณพ่อคุณสิงห์ ได้พูดว่าก่อนคุณสิงห์จะฆ่าตัวตายเขาโทรไปคุยกับแม่
ซึ่งได้พูดกับลูกว่า พ่อกับแม่อยู่บ้านมีอะไรก็ไปหาได้ ทำให้คิดแว่บว่าถ้าวันนั้นเราไปหาเขาจะช่วยเขาได้
เราเหมือนจะจับไว้ได้แล้ว แต่เราปล่อยให้หลุดมือไป
ถ้าใครเป็นพ่อแม่คนจะเข้าใจความรู้สึก
ใครที่เคยป่วย เจ็บแบบก้ำกึ่งเป็นโรคร้าย หมอ หุ้นตกทั้งตลาดเราก็ไม่สนใจ
อย่างเป็นนิ่วเจ็บจริงๆ แต่ใกล้ตายเป็นทุกข์หนักสุด ถ้าไม่ได้เตรียมตัวไว้
อ.ไพบูลย์มักบอกกับนักศึกษาว่า ทำกรรมไว้ไม่ดีจึงต้องมาเรียนบริหารธุรกิจ
ถ้าทำกรรมดีต้องเรียนสายแพทย์ สายบริการประชาชน
ทำกรรมไม่ดีมากคือมาเรียนการเงิน สิ่งเหล่านี้ดีแต่ไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมาจริง
วิชาที่แย่ที่สุดคือการเงิน แย่ที่สุดในการเงิน คือการลงทุน และแย่ที่สุดคือหุ้น
สิ่งที่ทำได้คือเรารู้ว่าอยู่กับอะไร ถ้าเผลอไปเมื่อไรกิเลสจะเอาเราไปด้วย ต้องมีคาถาป้องกันตัว
คิดว่านักศึกษาคงเข้าใจสักครึ่งถึงหนึ่งคน แต่เมื่อผ่านไปเขาอาจจะเข้าใจบ้าง
คุณเวบ
เสริมว่าเรียนบริหารธุรกิจก็เลือกเป็นคนดีได้ เรียนหมอก็เป็นหมอไม่ดีได้
คิดว่าบั้นปลายชีวิตจะเขียนแฉ เมืองไทย วงการแพทย์เข้มแข็ง เวลาไปที่โรงพยาบาล
ยาหลายๆตัวหมอได้ % เขาไม่ได้เลือกจากสิ่งที่ควรจะให้เรา
หรือบางอย่างจ่ายเกินจำเป็นตามที่บริษัทยา เราเลือกดำเนินชีวิตได้ อย่าให้โลกกำหนดชีวิตเรา
อ.ไพบูลย์ เสริมว่า หมอก็เป็นคนชั่วเป็นคนดีได้ แต่โดยวิชาชีพเป็นวิชาชีพให้คนพ้นทุกข์กาย
คนเป็นครู เป็นนักเขียนก็เช่นกัน
การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ การวิเคราะห์การเติบโตธุรกิจ ดูอย่างไร?
หมอพงษ์ศักดิ์
ดูว่ามีความสามารถแข่งขัน จินตนาการดูว่ามีแบรนด์ไหม เราจะเลือกแบรนด์นี้ไหม
หรือคนอื่นจะใช้บริการด้วยแบรนด์ไหม บางธุรกิจต้องมีขนาดในการแข่งขัน
แค่ไหนจะทำให้ต้นทุนถูกลง อย่างเช่น ตั้งร้านสะดวกซื้อ ลงทุน supply chain เท่ากัน
แต่มีสาขาน้อยกว่า ก็ต้องขายให้แพงกว่าถึงได้กำไรเท่ากัน มันแข่งกันที่ขนาด
บางธุรกิจต้องใช้แบรนด์,ใช้ขนาด,ใช้ network เช่น facebook ใช้ติดต่อกันอยู่ก็ไม่อยากเปลี่ยน network
, มี switching cost สูง, การต่อรองกับคู่ค้า ซื้อหุ้นต้องไม่ bias
เวลาวิเคราะห์ต้องคิดว่าเราไม่มีหุ้นตัวนี้ คนมาบอกว่าหุ้นไม่ดี ก็เป็นโอกาสในการคิด
ชอบคุยกับผู้บริหารของบริษัทที่เราไม่ได้ลงทุน จะได้ไม่ bias ได้ความจริงอีกด้าน
ต้องไม่คิดว่าเราถือหุ้น จะไม่ผิดพลาดรักหุ้น ต้องใช้ตามข้อมูลที่ถูกต้อง
คุณวิบูลย์ ในหนังสือที่แจกไปมีหัวข้อการประเมินมูลค่ากิจการ ขอให้ช่วยอธิบายเสริม
หมอพงษ์ศักดิ์ การประเมินมูลค่ามีหลายวิธี แต่ละอย่างต่างกัน ต้องยกตัวอย่างประกอบ
เช่น ค้าปลีก มีการประเมินตอนตั้งต้น big c ไปซื้อ carefour
ดูที่ price per sale ratio สมมติ 1 เท่า เวลาอ่านข่าวต่างประเทศ เขาก็ใช้ตัวนี้เทียบเหมือนกัน
เวลาที่ธุรกิจยังไม่กำไรมาก เราก็จะดูตัวนี้ แต่ถ้าธุรกิจที่กำลังเติบโต มี cashflow แน่นอน
ก็พยายามทำ discount cashflow ดูว่ามูลค่าเท่าไร หรือธุรกิจธนาคาร ก็ดู book value
อย่าง pe ก็ใช้ได้กับธุรกิจที่มี growth แน่นอน ไม่ควรใช้กับพวก cycle
ถ้า โต 20 ก็ให้ pe 20 ได้ พวกนี้เป็นศิลปะที่ต้องเอาเครื่องมือมาใช้ให้เหมาะ
บางครั้งก็เอาหลายอันมารวมกัน ไม่มีใครรู้ที่แน่นอน
สมมติมี time machine ให้เดินข้ามกับไปหาตัวเองตอนลงทุนใหม่ๆ
จะบอกอะไรกับผู้ชายคนนั้น อะไรเป็นบทเรียนการลงทุนหรือชีวิต
หมอพงษ์ศักดิ์
อยากจะบอกสิ่งที่ทำให้การลงทุนที่ผ่านมาสำเร็จได้คือทำอะไรที่ไม่ยาก
ถ้าคิดมากคิดซับซ้อน ไม่เห็นจะเกิดขึ้น ความง่าย ก็แค่นั้น
บางทีคนอื่นก็มองไม่เห็น หาอะไรง่ายๆแน่นอน
างทีเราไปหาโจทย์ยากให้ชีวิตเราเอง ตัวที่ได้มาตัวง่ายๆทั้งนั้น
ถ้าไปคิดซับซ้อนอาจเป็นการลงทุนที่ไม่ดีก็ได้ ปัจจัยที่ไม่แน่นอน
คิดวกวน หลายทีก็พลาด ใช้เวลากับการลงทุน 20% ให้ได้ผล 80% เอาเวลาไปทำอย่างอื่น
อ.ไพบูลย์
มีหุ้นโรงพยาบาลที่อยู่ใน mega trend ใช้เวลาซื้อ 6 เดือน
เพราะดูความแตกต่างของโรงพยาบาลชั้นนำ 2 ตัว พอนานๆเข้า
ตัวที่เคยต่ำกว่าขึ้นมาแซง ก็เลยค่อยๆเก็บ ให้ได้ตามจำนวนที่ต้องการ เป็น block ใหญ่
วันหนึ่งมีคนไปเยี่ยมชมกิจการและรู้สึกว่าไม่ชอบ ผู้บริหารไม่ใส่ใจกับนักลงทุนรายย่อย
ก็ทยอยขายไปเรื่อย ราว 6 เดือน วันนี้ราคาขึ้นมา 2 เท่ากว่า
ถือเป็นความผิดพลาดไปให้น้ำหนักกับผู้บริหารคนเดียว
อยากให้แต่ละท่านฝากข้อคิด เรื่องการลงทุน เรื่องชีวิต ที่อยากฝากของชีวิตเรา
คุณวิบูลย์
สิ่งที่คุณชายพูดช่วงเช้าเป็นความจริง เรามีล้านก็อยากมีสิบล้าน
ถึงวันหนึ่งมีมันก็ไม่ใช่แค่ ตัวเลขในบัญชี
เราก็ใช้เงินเหมือนเดิม สิ่งสำคัญคือสุขภาพ ถ้าไม่ดีเป็นทุกข์หนัก กับเรื่องครอบครัว
เราต้องดูแลสุขภาพเราและคนใกล้ชิดด้วย
หมอพงษ์ศักดิ์
ได้บทเรียน การที่เรายอมรับคนใดคนหนึ่งด้วยการยอมรับทั้งหมดของความรู้สึก
แล้วตัวเราจะได้ความสุขนั้นกลับมา คนที่อยู่รอบข้างเราควรจะยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
เคยไปคาดหวังหรือหวังต่างๆกับคนอื่น ซึ่งไม่เป็นผลดี เขาควรมีอิสระในการเลือก
กรอบที่ให้คือควรเป็นคนดี จะไม่ให้มันแคบมาก จะทำให้ไม่มีความสุข สุดท้ายเราก็ไม่มีความสุข
เมื่อขยายกรอบตรงนี้รู้สึกเขามีความสุข เขามีความสุขมากขึ้น
บทเรียนนี้สอนว่าเปลี่ยนความคิดตัวเอง โดยขยายกรอบให้กับสิ่งที่เรารักให้เขาทำในสิ่งที่อยากทำ
อ.ไพบูลย์
ในชีวิตตอนนี้ 61,62 แล้ว คิดถึงคำว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
มีบางคนใน thai vi ที่เก่งมากแล้วทุกวันนี้ไม่รู้ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้
ความทุกข์เรามาตลอดเวลา มีความสุขแป๊บเดียว เกิดขึ้นง่ายมาก
ปีก่อนสุขแป๊บเดียว ที่ลูกเข้ามหาวิทยาลัยได้ แป๊บเดียวทุกข์ว่าเขาจะเรียนได้ไหม
มีความสุขแป๊บเดียวทีเขาจบ แป๊บเดียวทุกข์แล้วเขาจะทำอะไรต่อ
นาทีนี้เชื่อว่า ถ้าเราจะอยู่ในโลกนี้พรหมวิหาร 4 สำคัญมาก
เมตตา อยากให้คนอื่นมีสุข กรุณา อยากให้คนอื่นพ้นทุกข์
มุทิตตา เห็นคนอื่นได้ดี ต้องยินดีกับเขา อันนี้ยากมาก ใจเราอิจฉา
อุเบกขา พยายามเต็มที่ไม่สำเร็จก็เอาเท่านี้ ไม่ว่าจะเรื่องไหน ซึ่งถ้ามีโอกาสไปแก้ไข
ถ้าไม่มี 4 ข้อนี้ เราทุกข์
ใครที่ทุกข์มากจากหุ้นตก แนะนำให้ลองไปบ้านเด็กพิการซ้ำซ้อน รามอินทรา 34
ไปดูสภาพเด็กเหล่านี้จะรู้ว่าเราโชคดี คนอื่นทุกข์กว่าเรา แล้วกิเลสเราจะลดลงเยอะ
ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งสอนไว้ การกระทำทุกอย่างของเราไม่มีประโยชน์ หรือมีน้อย
ถ้าไม่ทำให้เราพ้นทุกข์ นั่นคือใจของเราวางได้
คุณเวบ
เวลาไปอบรมเจอหน้าเดิมๆ เวลาเรามีเป้าหมายในชีวิตไม่ว่าจะเรื่องอะไร
ถ้าไม่ทำไม่ได้ ต้องทำตัวให้เราคู่ควรที่จะได้รับสิ่งนั้น ยกระดับมาตรฐานของตัวเองขึ้น
บางครั้งอะไรที่เราคิดว่าทำไม่ได้เป็นความเชื่อ แต่พอคิดบ่อยๆเราลืมว่าไม่ใช่ความจริง
ถ้าพยายามเราทำได้ เพิ่งเรียนรู้เมื่อไม่นานนี้ ตอนปลายเดือน พ.ค. ที่ไปพูดงานเภสัชจุฬาฯ
ตอนถึงบ่าย 3 ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะพูดได้ไหม แต่พอพูดได้ถึงทุ่มนึง ตอนนี้ต้องให้หยุดพูด
เราเรียนรู้ว่า ที่เราจะทำได้หรือเปล่า เราคิดไปเอง ถ้าเราไม่ได้ทำจะไม่รู้ว่าเราทำได้
พอทำได้เหมือนมันทะลวงไปหมดเลย เวลาออกไปมองขึ้นไปบนฟ้า ขอบฟ้าคือข้อจำกัด