ตลาดหุ้นไม่มีอยู่จริง !
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 31, 2015 11:22 am
เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาหยิบหนังสือ Passport to Profit ของ ดร.โมเบียสมานั่งอ่านแล้วดูโน๊ตที่ผมเองได้จดไว้พบว่า อ่านหนังสือเล่มนี้มาน่าจะได้ 3 ปีแล้วนะยังไม่จบเลย เหลืออีก ร้อยกว่าหน้า อ่านหนังสือ ดร.โมเบียส แล้วก็พาลคิดไปถึงท่าน เซอร์จอห์น เทมพลีตัน
และก็คิดถึงวาจาอมตะของท่านว่า
"เวลาที่ดีที่สุดของการซื้อหุ้นคือเวลาที่เลือดนองพื้น" แต่ท่านเซอร์ท่านลงรายละเอียดมากขึ้นว่า
"แม้ว่าเลือดนั้นเป็นเลือดของตัวเราเอง"
อืมม์ หลายครั้งหลายหน สิ่งที่ผมจะพยายามทำอย่างมากคือหนีจากหมี แล้วหลายหนก็โอเคหนีได้
แต่ครั้งนี้กะว่าไม่เอาละ คิดหลายอย่างไม่ใช่ไม่พยายาม ก็สังหรณ์ใจ แต่ไม่เอาละ ไม่หนีละ ดูมัน คือดูใจเราด้วยหล่ะ
ผลลัพธ์ จนถึงวันนี้ "เละ" 555 สมใจอยากมั๊ยล่ะ
น้องหลายคนนี่หัวเราะใส่เลย ผมบอกแล้วพี่ไปไม่รอดหรอกน่า ฮ่าฮ่าฮ่า ก็เล่นหุ้นในก๊วนเดียวกันน่ะแหละ
เป็นวีไอสมใจอยากมั๊ยหล่ะ
หมดเบนซ์ไปกี่คันล่ะพี่ ฮ่าฮ่าฮ่า
เจ็บ พวกเอ็งน๊า พี่ไม่อาฆาต แต่จำนาน
ไม่มีอะไร แค่รู้สึกดีสำหรับวันนี้สำหรับตัวเอง เพราะคิดว่าแม้สักครั้งในชีวิตถ้าไม่ลงมือทำหรือไม่ลองทำดู การถือหุ้น 100% ผ่านวิกฤต
ซึ่งจะผ่านมั๊ย ไม่รู้ ก็คงเป็นเรื่องที่ฟังแล้ว ทฤษฎีอย่างมาก ที่สำคัญ ถ้าเราขายหุ้นออกไปก่อนแล้วหุ้นลง แน่นอน ร้อยละร้อยเราคงรู้สึกดี แต่
แต่ผมมีเหตุผลบางประการที่ผมจะไม่ทำแบบนั้น ดังนี้
1. ตลาดทำถูกต้องจริงหรือไม่? ในทางสถิติแล้วเราเดาทางตลาดไม่ได้การคาดการณ์ตลาดเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ ไม่มีสูตรวิเศษ เพราะถ้ามีจะมีคนรู้ยิ่งในยุคดิจิตอลแบบนี้
ถ้ามีใครทำได้ จะทำได้กันหมด และตลาดหุ้นจะไม่มีอีกต่อไป
2. หุ้นของเราได้รับผลกระทบจริงหรือไม่? พิจารณาให้ครบถ้วนแล้ววิเคราะห์จริง ๆ ว่า ธุรกิจของเรานั้นได้รับผลกระทบจากหุ้นตกจริง ๆ หรือไม่
ถ้าเรารู้จักธุรกิจเราดี เราน่าจะวิเคราะห์มุมนี้ออก นั่นหมายถึง เราน่าจะ "ถูก" มากกว่า "ผิด"
3. เราจนลงจริงหรือไม่? อยากวิเคราะห์ให้ดี ๆ ยกตัวอย่าง ปัจจุบันคุณมีที่อยู่ 10 ไร่ มีอยู่ราคาที่สูงขึ้นจาก 1 ล้านบาท เป็น 2 ล้านบาท วันดีคืนดี คนข้าง ๆ ขายที่ไปในราคา 1.5 ล้านบาท เค้าได้เงินไป เราต้องเศร้าใจหรือไม่? ลองคิดดี ๆ
ถ้าวิเคราะห์ 3 มุมด้านบนเสร็จแล้ว ผมอยากให้อีกมุมนึง เป็นมุมที่ 4
ถ้าขายหุ้นไปแล้วคุณจะกลับมาซื้อมันอีกทีหรือไม่? คนส่วนใหญ่บอกใช่ครับผมจะกลับมาซื้อมัน คำถามต่อมา คุณจะซื้อมันราคาไหน
1. ราคาที่ถูกกว่าที่คุณขายไป - ไม่มีทางเพราะมันจะลงต่ำกว่านั้นคุณจะกลัว และหากซวยซ้ำซ้อน มันลงอีก คุณต้องขายมันอีกครั้ง
2. ราคาที่คุณขายไป - เดี๋ยวมันเด้งลงอีกหน คุณจะตามไปขายมันอีก พร้อมกับสบถ มารดามันเอ๊ย ไม่น่าซื้อคืนกลับมาเลย
3. ราคาที่สูงกว่าที่คุณขายไป - ชิหายละ มันขึ้นสวน เอาไงดี ขาดทุนส่วนต่าง จำนวนหุ้นหายไป เอาไงดี
4. เปลี่ยนไปซื้อตัวอื่น - นี่ยิ่งหายนะ
5. ไปซื้อตัวที่ลงมากกว่า - นรก มีจริงแน่นอน
เพื่อนเอ๋ย บทสรุปแห่งการลงทุนของผมนะวันนี้ มีแน่นอน มันสรุปเป็นคำพูดสั้น ๆ แค่ประโยคเดียว สำหรับนักลงทุนอย่างผม
ประโยคเดียวของการลงทุนคือ
"ตลาดหุ้นไม่มีอยู่จริง"
และก็คิดถึงวาจาอมตะของท่านว่า
"เวลาที่ดีที่สุดของการซื้อหุ้นคือเวลาที่เลือดนองพื้น" แต่ท่านเซอร์ท่านลงรายละเอียดมากขึ้นว่า
"แม้ว่าเลือดนั้นเป็นเลือดของตัวเราเอง"
อืมม์ หลายครั้งหลายหน สิ่งที่ผมจะพยายามทำอย่างมากคือหนีจากหมี แล้วหลายหนก็โอเคหนีได้
แต่ครั้งนี้กะว่าไม่เอาละ คิดหลายอย่างไม่ใช่ไม่พยายาม ก็สังหรณ์ใจ แต่ไม่เอาละ ไม่หนีละ ดูมัน คือดูใจเราด้วยหล่ะ
ผลลัพธ์ จนถึงวันนี้ "เละ" 555 สมใจอยากมั๊ยล่ะ
น้องหลายคนนี่หัวเราะใส่เลย ผมบอกแล้วพี่ไปไม่รอดหรอกน่า ฮ่าฮ่าฮ่า ก็เล่นหุ้นในก๊วนเดียวกันน่ะแหละ
เป็นวีไอสมใจอยากมั๊ยหล่ะ
หมดเบนซ์ไปกี่คันล่ะพี่ ฮ่าฮ่าฮ่า
เจ็บ พวกเอ็งน๊า พี่ไม่อาฆาต แต่จำนาน
ไม่มีอะไร แค่รู้สึกดีสำหรับวันนี้สำหรับตัวเอง เพราะคิดว่าแม้สักครั้งในชีวิตถ้าไม่ลงมือทำหรือไม่ลองทำดู การถือหุ้น 100% ผ่านวิกฤต
ซึ่งจะผ่านมั๊ย ไม่รู้ ก็คงเป็นเรื่องที่ฟังแล้ว ทฤษฎีอย่างมาก ที่สำคัญ ถ้าเราขายหุ้นออกไปก่อนแล้วหุ้นลง แน่นอน ร้อยละร้อยเราคงรู้สึกดี แต่
แต่ผมมีเหตุผลบางประการที่ผมจะไม่ทำแบบนั้น ดังนี้
1. ตลาดทำถูกต้องจริงหรือไม่? ในทางสถิติแล้วเราเดาทางตลาดไม่ได้การคาดการณ์ตลาดเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ ไม่มีสูตรวิเศษ เพราะถ้ามีจะมีคนรู้ยิ่งในยุคดิจิตอลแบบนี้
ถ้ามีใครทำได้ จะทำได้กันหมด และตลาดหุ้นจะไม่มีอีกต่อไป
2. หุ้นของเราได้รับผลกระทบจริงหรือไม่? พิจารณาให้ครบถ้วนแล้ววิเคราะห์จริง ๆ ว่า ธุรกิจของเรานั้นได้รับผลกระทบจากหุ้นตกจริง ๆ หรือไม่
ถ้าเรารู้จักธุรกิจเราดี เราน่าจะวิเคราะห์มุมนี้ออก นั่นหมายถึง เราน่าจะ "ถูก" มากกว่า "ผิด"
3. เราจนลงจริงหรือไม่? อยากวิเคราะห์ให้ดี ๆ ยกตัวอย่าง ปัจจุบันคุณมีที่อยู่ 10 ไร่ มีอยู่ราคาที่สูงขึ้นจาก 1 ล้านบาท เป็น 2 ล้านบาท วันดีคืนดี คนข้าง ๆ ขายที่ไปในราคา 1.5 ล้านบาท เค้าได้เงินไป เราต้องเศร้าใจหรือไม่? ลองคิดดี ๆ
ถ้าวิเคราะห์ 3 มุมด้านบนเสร็จแล้ว ผมอยากให้อีกมุมนึง เป็นมุมที่ 4
ถ้าขายหุ้นไปแล้วคุณจะกลับมาซื้อมันอีกทีหรือไม่? คนส่วนใหญ่บอกใช่ครับผมจะกลับมาซื้อมัน คำถามต่อมา คุณจะซื้อมันราคาไหน
1. ราคาที่ถูกกว่าที่คุณขายไป - ไม่มีทางเพราะมันจะลงต่ำกว่านั้นคุณจะกลัว และหากซวยซ้ำซ้อน มันลงอีก คุณต้องขายมันอีกครั้ง
2. ราคาที่คุณขายไป - เดี๋ยวมันเด้งลงอีกหน คุณจะตามไปขายมันอีก พร้อมกับสบถ มารดามันเอ๊ย ไม่น่าซื้อคืนกลับมาเลย
3. ราคาที่สูงกว่าที่คุณขายไป - ชิหายละ มันขึ้นสวน เอาไงดี ขาดทุนส่วนต่าง จำนวนหุ้นหายไป เอาไงดี
4. เปลี่ยนไปซื้อตัวอื่น - นี่ยิ่งหายนะ
5. ไปซื้อตัวที่ลงมากกว่า - นรก มีจริงแน่นอน
เพื่อนเอ๋ย บทสรุปแห่งการลงทุนของผมนะวันนี้ มีแน่นอน มันสรุปเป็นคำพูดสั้น ๆ แค่ประโยคเดียว สำหรับนักลงทุนอย่างผม
ประโยคเดียวของการลงทุนคือ
"ตลาดหุ้นไม่มีอยู่จริง"