Moneytalk@SET28Nov15ข้อคิดรุ่นใหญ่พิเศษ&จับMegatrend
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 29, 2015 1:11 am
Moneytalk@SET28Nov15ข้อคิดรุ่นใหญ่พิเศษ&จับMegatrend
หัวข้อ1 "ข้อคิดจากประสบการณ์ฝังใจจากรุ่นใหญ่พิเศษ"
1) คุณ สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง อดีตผู้บริหารกิจการใหญ่
2) คุณ วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ ประธานกลุ่มเบนซ์ทองหล่อ
3) ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอาวุโสด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง
4) ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
Intro
อ.ไพบูลย์ รุ่นใหญ่พิเศษคืออะไร?
อ.เสน่ห์ ผ่านร้อน ผ่านหนาว วิกฤติมากมาย ชีวิตโชกโชน จนพิสูจน์ยืนมาถึงวันนี้เพราะมีประสบการณ์ที่แท้จริงแล้ว
อย่างเช่น คุณสวัสดิ์ ไม่มีไม่หนีไม่จ่าย เป็นคนที่พลิกวิกฤติ เป็นคนหนึ่งที่เจ๊งแต่ไม่เครียดด้วยจิตวิทยา(วิธีคิด)
เป็นหนี้ถึง 2700 ล้านเหรียญ จากคูณด้วย 25 บาท เป็น50 บาท ต้องทำธุรกิจข้ามชาติ(กู้ชาตินี้ใช้ชาติหน้า)
คุณสวัสดิ์
เคยเตือนเพื่อนทุกคนว่า เป็นหนี้เรื่องปกติ จะมากหรือน้อย เราไม่ได้แบกหนี้เม็ดเงิน
แต่แบกหน้าตาเกียรติยศ หนี้ไม่มีน้ำหนัก แต่มันหนัก โยนมันทิ้งไป
การล้มละลายไม่ต้องเข้าคุก เป็นคดีแพ่ง
เคยพูดกับสุทธิชัย หยุ่นออกทีวี
ถ้าเพื่อนคนไหนฆ่าตัวตายแบบนี้จะไม่มีพวกหรีดให้ ไม่ไปงานศพ ไม่คิดว่าจะมีเพื่อนที่สิ้นคิดและขี้ขลาดขนาดนี้
ตัวจากไปแต่ทิ้งอะไรไว้ให้กับคนข้างหลัง
ตอนที่เป็นหนี้ 2700 ล้านเหรียญ เรียก CFO ทุกคนในบริษัทมา
เช่น บ. NTS steel มาคุยว่าถ้าลองทำบัญชีดูใหม่ คิดว่าบริษัทไม่มีหนี้เลยจะอยู่ได้นานแค่ไหน
คำตอบคืออยู่ได้ตลอดเท่าที่ต้องการ แสดงว่าไม่เจ๊ง
ตั้งแต่ 1997 ไม่เคย shutdown โรงงาน ผลิตตลอด มีกำไร เพราะไม่มีหนี้เลย
ให้ข้อคิดกับนักธุรกิจทุกคน คุณเป็นคนดีไม่ได้เลย
เช่น ตึกอยู่สาธร 30 ชั้น คุณเป็นลูกค้าดีมาก จ่ายดอกเบี้ยแบงค์ 15% ไม่เคยขาด
กับของผมตึกอยู่สาธรเหมือนกัน ไม่จ่ายเลย ให้เช่า 400 บาท ใครเจ๊งก่อนกัน
It’s very hard to be a good man,
even in a bible god said that all the good die young, only the old bad die hard
คนชั่วนรกก็ไม่ต้องการสวรรค์ก็ไม่ต้องการ ดังนั้นตายยาก
ทำธุรกิจช่วงที่จังหวะดี โชคดีมีกำไร รวยมาก แต่กรณีที่โชคร้าย เราก็จน จนมาก จนที่สุด
สุดท้ายก็คือล้มละลาย ช่วงนั้นถูกแต่งตั้งให้เป็นวุฒิสมาชิก ไปค้นเจอกฏหมายล้มละลาย
ตั้งแต่ 2484 ไม่เคยแก้ไขเลยแม้มาตราเดียว มีควาย 1 ตัว มีเกวียน 1 เล่ม
จึงคุยกับสมาชิกที่เป็นวุฒิด้วยกันแก้ไขทั้งฉบับ
สิ่งที่แก้ไข เอา chapter 11 ของอเมริกา ล้มละลายบุคคลธรรมดาก็เข้าไปยึดทรัพย์สิน
แต่สิ่งที่ห้ามยึด เช่น รถยนต์ สิ่งที่จำเป็นของชีวิตห้ามยึด
Chapter 12-13 ถ้าลูกหนี้เป็นชาวไร่ชาวนา แล้วเอาที่ดินไปจำนำแล้วไม่มีผ่อนส่ง แบงค์สามารถยึดได้
แต่ห้ามขายต้องให้ชาวนาคนนั้นเช่าต่อและชาวนาคนนั้นเป็นลำดับแรกที่ซื้อคืนได้ ไม่งั้นจะเป็นปัญหาสังคม
ต้องขอขอบคุณอ.ไพศาล กุมาลย์วิสัย เป็นอดีตผู้ว่าแบงค์ชาติและเป็นประธานฯ
ได้แก้ไขเรื่องการพ้นล้มละลายที่จาก 1 ปี มาตกลงใหม่เป็น 3 ปี แล้วตัดมาตรา 78,79 ออก
คือถ้าจะล้มละลายต้องถามความเห็นชอบจากเจ้าหนี้ก่อน ,
จะต้องทำความร้องไปถึงศาลให้เราล้มละลายไหม
ดังนั้นหมายความว่าตั้งแต่ ศาลล้มละลายสั่งให้ล้มละลาย นับตั้งแต่วันนั้น จนถึง 3 ปีจบ
ตอนแรกคนก็คิดว่าผมจะได้ใช้คนแรก ที่จริงเพิ่งใช้เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว วันนี้พ้นแล้ว
ธุรกิจไม่ได้ทำเพื่อเงินอย่างเดียว
แต่เพราะพวกเรามีความฝัน จะทำอะไรอีกเยอะแยะ
ตอนที่ขาย hemraj ทิ้งไป คนคิดว่าหยุด ที่จริงไม่ใช่ ได้ซื้อเกาะล้าน เอาไว้
และมีงานใหญ่เริ่มกับคุณสนธยา ได้จดทะเบียนตั้งบริษัทพัฒนาสนามแข่งรถ f1 และ sport complex แถวศรีราชา
รัฐบาลบอกว่าตะวันออกดีที่สุด เป็น gateway เศรษฐกิจ ท่าเรือ in and out และมีสนามบินอีก 2 แห่ง
อู่ตะเภาจะเปิด เมืองจีน จากคุณหมิงมาลาวก็ลงที่แหลมฉบัง
นักธุรกิจทั้งหลาย อยากบอกว่าให้กำลังใจ ธุรกิจจังหวะดีก็รวย
ถ้าผิดพลาดก็ยอมรับ แม้ล้มละลายก็ยอม จะได้เริ่มชีวิตใหม่
สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ววันนั้นจะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป
เราไม่ยอมรับการโกง แต่ธุรกิจมันเจ๊งไม่ได้โกง แต่แค่มันเจ๊ง
NTS, NSN เคยโดนตรวจจาก auditor ของ Chicago มาตรวจไม่เจอ footnote เลย
ภาษาไทยแปล ข้อสังเกต ซึ่งมันก็เหมือนคำทั่วไปอย่าง notice
ที่จริงภาษา audit คำนี้มันมีผลกระทบเยอะ (คุณสวัสดิ์แปลมันว่า เครื่องหมายส้นเท้า)
เพราะเราไม่มี foot note เขาโหวตให้เป็นผู้บริหารเจ้าหนี้ 97%
ในกรณีทำธุรกิจผิดพลาดก็ยอมรับมันซะ แต่ต้องไม่โกง
คุณวสันต์
จากเคยมีเงิน 4-5 พันล้านบาท กลายเป็นติดลบ 2 พันล้านบาท
ตอนปี 40 โชว์รูมกำลังจะถูกยึด พึ่งใครก็ไม่ได้ เพื่อนที่เป็น banker ใหญ่ๆ มาขอให้ช่วยก็หายหมด
แบงค์ก็ชอบคิดว่ามีเงินแล้วไม่คืนเพราะเห็นรถยนต์กองเต็มโชว์รูม แต่เราขายไม่ออก
บอกว่าไม่มีเงิน ก็ไม่เชื่อ แต่เราจ่ายหนี้ตลอด จน MD แบงค์ที่จะล้มต้องบอก
ไม่กล้าเจรจาประนอมหนี้กลัวเบนซ์มองว่าไม่มั่นคงไม่ให้เป็นดีลเลอร์
วันนั้นกำลังจะโดนยึดโชว์รูม อยู่ดีๆคุณสวัสดิ์ก็โทรมาหา ถามขาดเงินเท่าไร 100 เอาไปเลย
เบนซ์ทองหล่อที่รอดอยู่ถึงวันนี้เพราะคุณสวัสดิ์
คุณสวัสดิ์เป็นคนไม่ได้พูดอะไรให้ตัวเอง แกไม่ได้ล้มละลายเพราะธุรกิจเอง
แต่ล้มละลายเพราะค้ำประกันเพื่อน แล้วหนีไปต่างประเทศ
เรารอดเพราะอึดกว่า ทนกว่า แบงค์เก็บเงินไม่ได้ไปก่อน
ยุบไปเกือบ 10 แบงค์เหลือแข็งๆอยู่ 5 แบงค์ ต้องขายให้ต่างชาติ
สรุป หลุดได้เพราะความอึด จ่ายเงินทุกเดือน แต่ค่าใช้จ่ายต้องให้ลูกน้องก่อน
เหลือเท่าไรให้เท่านั้น แบงค์จะฟ้องหรือจะเอาเงินที่ได้ 10 ปีหลุดได้ เพราะ มีประนีประนอมหนี้
อีกอย่างที่ดินทองหล่อตารางวา 7 หมื่นบาท ก็กลายเป็นล้านห้า
ข้อดีอีกอย่างเหลือเพื่อนอยู่คนเดียว คุยกับคุณสวัสดิ์อยู่ 2 คน
เพราะตอนนั้นเพื่อนที่โทรหาไม่กล้ารับสาย ตอนนี้เขาก็ไม่กล้าโทรหาเรา
สมัยก่อนแต่ละปีต้องลิสต์รายชื่อมาให้ของขวัญปีใหม่ ตอนนี้ไม่ต้องสบายมีแต่ได้
ตอนนี้หนี้มีมียังไม่หมด
คิดว่าเศรษฐกิจปีหน้ายังดีขึ้นอยู่กับทำอะไร รถเบนซ์ถ้าจองตอนนี้ 6 เดือน ถึงจะได้
พวกโซบะของญี่ปุ่น 20 กว่าปีก่อนราคาเท่านี้ ตอนนี้ก็ราคาเท่านี้ จนราคาบ้านเราแพงกว่าบ้านเขาแล้ว
คนญี่ปุ่นมาต้องบินกลับไปกินที่บ้าน
ญี่ปุ่นไม่ได้ขึ้นเงินเดือนมานานแล้ว เมื่อไทยยังขึ้นต่อเนื่องมาตลอด อย่าหวังว่าญี่ปุ่นจะช่วยเราได้ เมืองไทยยังดี
อ.สมชาย
แม้ไม่ได้อยู่ในความล่มสลายของธุรกิจเอง แต่เห็นภาพมาตลอด
ในโลกนี้ทุกอย่างมีสัญญาณแต่ต้องยอมว่าว่าระบบรัฐไม่ดี ในตอนนั้น(ช่วงวิกฤติ) มีสัญญาณพอสมควร
1) มีหนี้ต่างประเทศ เรามีเงินสำรอง 38,000 ล้าน มีหนี้ 1 แสนล้านบาท 80% ของหนี้มาจากเอกชน
เราถูกกระทบจากข้อตกลงรอบอุรุกวัย มีการเปิดเสรีทางการเงิน
แต่ระบบรัฐเราแย่ ยังไม่มีการปรับ ใช้อัตราแลกเปลี่ยนระบบตะกร้า
ทำให้เอกชนคิดว่าไม่ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
ตอนนั้น ECB 1% กว่า ตอนนั้นมีหนี้ตปท. 1 แสนล้าน ครึ่งหนึ่ง เกือบ 5 หมื่น ล้าน
เป็นหนี้ระยะสั้น แต่เป็นเงินสำรอง 3.8 หมื่นล้านบาท
2) ตอนนั้นเป็นครั้งแรกใน 14 ปีที่ส่งออกติดลบ ก่อนหน้านั้นส่งออก 20% กว่า
ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 7.9% ในปี 1995 แปลว่าประเทศไทยใช้จ่ายเกินควร
ต้องมาดูว่ามาจากอะไร ถ้ามองจากการลงทุนโดยตรงเยอะใช้ได้ เหมือนตอนปี 1990
แต่ตอนนั้นลงทุนน้อยลง เพราะโลกเปลี่ยน คนหนีไปลงทุน clmv ต่างๆ พอขาดดุล
เราก็ช่วยด้วยวิธีกู้มา ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็ดูออกได้เลยว่า เจ๊งแน่นอน
เพราะ ส่งออกติดลบครั้งแรก ในปี 1996 ขณะเศรษฐกิจโลกกำลังเติบโตสมัยคลินตัน
แสดงว่า ประเทศไทยกำลังเสียความสามารถในการแข่งขัน
หนึ่งในนั้นเพราะหลังสงครามเย็น ประเทศใหม่แข่งกับเราที่ใช้แรงงาน
มี afta เราไม่ได้เตรียมอะไร ผลิตสินค้าเดิมมาเจอ clmv
เอาสิ่งเหล่านี้มาวิเคราะห์ไม่มีทางรอด เพียงแต่รอเวลา
ทำให้เกิดวิกฤติ 1997 ภาครัฐไปติดต่อ afta แต่ไม่ป้องกันภัยให้เอกชน
ตอนนั้นอยู่ในวงการ เป็นวุฒิสมาชิกด้วย
ได้บอกบริษัทอสังหาฯแห่งหนึ่งว่าต้องป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้า
เขาเชื่อครึ่งหนึ่งและทุกวันนี้ก็รอดมาได้
บางครั้งเราเห็นชัดๆ ก็ไม่กล้าพูด 100%
อย่างประเทศจีนที่ 3 ปีก่อนพูดว่าจะมีปัญหา ทุกวันนี้เหลือโต 6% กว่า
มีคนบอกจีนไม่เกิดวิกฤติ แต่ถึงไม่เกิดวิกฤติโตจาก 10% กว่า เหลือ 7%
ก็กระทบมากแล้วเพราะเราพึ่งพาจีนมาก
มีคนบอกว่าเป็น new normal นั่นคือ abnormal
ทุกอย่างในโลกมีสัญญาณ เพียงแต่ขึ้นกับว่า รัฐส่งสัญญาณให้เราหรือเปล่า
อย่างเช่นในอดีตถ้ารัฐส่งสัญญาณผิดทำให้เราไม่รู้ว่ามีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
ตัวเองพ่อแม่ทำการค้า(ธุรกิจตะปู) ต้องจิตใจเข้มแข็ง เราไม่มี gut แบบนักธุรกิจ
เห็นพ่อแม่ทำรู้เลยเจ๊งแน่ แล้วก็ใช่จริงๆ เราก็เครียดเพราะเป็นลูกคนเดียว
มี Heinz Kissinger เป็นไอดอล เป็นนักวิชาการ เป็นที่ปรึกษาภาครัฐภาคเอกชน
วางแผนมานานแล้วว่าก่อนและหลังเกษียณจะมีรายได้ไม่ตก ชื่อเสียงไม่ตก
ไปเรียนยุโรปเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยุโรปและละตินอเมริกา
นึกว่าจะปลอดภัยแล้วถ้าเกิดวิกฤติเพราะเราไม่เป็นเจ้าของกิจการ จะเป็นที่ปรึกษา
คิดว่าถ้า บริษัทเจ๊ง -> อุตสาหกรรมยังอยู่มีหลายอุตสาหกรรม
ถ้าทุกอุตสาหกรรมเจ๊ง -> ยังรอดเป็นอ.มหาวิทยาลัยได้
แต่สุดท้ายก็เคยเจอวิกฤติเหมือนกัน
ในตอนนั้นเป็นที่ปรึกษา 80-90% เป็นบริษัทหลักทรัพย์
รายตอนนั้นได้ก็สูง ซื้อบ้านซื้ออะไรไว้ พอ บ. finance เจ๊งกันหมด
ก็มาคิดต่อว่าจะทำอย่างไรดี?
แต่จะไม่ทำธุรกิจเพราะอยากเป็นนักวิชาการที่ดี และไม่เล่นการเมืองโดยตรงจะทำให้ bias
เมื่อเกิดวิกฤติขึ้นมา วิชาการก็ช่วย หนังสือของ Gary Hamel - COMPETING FOR THE FUTURE
พูดถึงจุดแข็งของคนและบริษัท core competency และ strategic asset
พวกเราแต่ละคนเป็นอัจฉริยะ ทำให้หลายอย่าง ไม่ได้ทำอย่างเดียว
อย่างเ่ช่น คุณศิริวัฒน์ พอเจ๊ง ก็มาทำแซนวิชได้
ดังนั้นเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ ก็เอาสินค้ามาเพิ่ม
ไม่ได้เก่งแค่ตลาดหุ้นอย่างเดียว มีอย่างอื่นก็เพิ่ม product line
ผมไม่ได้เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิเคราะห์หุ้น จบทางด้านทฤษฎีเกม ไม่ใช่เป็น stock analyst
ทฤษฎีเกมคือเครื่องมือในการทำนาย จบมาและใช้ตลอด
จากนั้นก็เป็นที่ปรึกษา ยางพารา เขาก็ให้ข้อมูล ได้งานเพิ่ม
จึงขยายไลน์ไปธุรกิจด้านอื่นนอกจากการเงิน
อย่างที่สองเป็นเจ้าของทรัพย์สิน คนที่มาเรียนเป็นทรัพย์สิน
สามารถต่อยอด ทำแผนยุทธศาสตร์ เรียนแล้วจ้างทำแผนยุทธศาสตร์ต่อ
อย่างที่สาม มีชื่อในกรุงเทพ ก็ขยายไปสู่ต่างจังหวัด ลูกค้ากรุงเทพหาย
คนเชี่ยวชาญกลยุทธ์ต้องเชี่ยวชาญเรื่องการตลาด
ตอนนั้นก็ทำเพื่อขยายไลน์ ทำให้รายได้เพิ่ม ตลาดเพิ่ม พอร์ตฟอลิโอเพิ่ม
ตัวตนเราคือชำนาญเป็นเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศ
ปรับสินค้าตัวใหม่ให้เหมาะกับเศรษฐกิจดีหรือแย่
ฝากกำลังใจให้ ทุกอย่างมีทางออกในชีวิต
คนเราไม่ได้ทำได้อย่างเดียว Core competency เรามีได้หลายอย่าง
มีเพื่อนเป็นทหารเรือ เกษียณแล้ว แต่เขาชำนาญด้านดอกไม้ เปิดร้านดอกไม้กว่า 30 แห่ง ร่ำรวย
หม่ำ จ๊กม๊ก ไม่ได้เป็นแค่ตลก แต่เป็น entertrainer ไปกำกับภาพยนต์ได้ ไปเป็นพิธีกรได้
การศึกษาไทยสอนให้จับปลามือเดียว เราไม่ได้ทำได้อย่างเดียว แต่อย่าไปจับทุกเรื่อง
ฝากข้อแรก มีกำลังใจ ท่านทำได้มากกว่าที่ท่านมีอยู่ ขอให้รู้จักตัวเอง
ขอความกรุณาอย่ามองแค่อดีตกับปัจจุบัน พยายามมองอนาคตด้วย
อย่าเชื่อใครง่ายๆ แม้อ.สมชาย ฟังแล้วต้องไปวิเคราะห์
ทางการก็อย่าเชื่อ สิ่งที่วิเคราะห์ถูกต้องคืออดีต แต่อนาคตต้อง conservative
ยกตัวอย่างระดับโลก IMF ที่วิเคราะห์สเปน คนที่ทำนายเศรษฐกิจสเปน 2 ปีก่อน IMF วิเคราะห์แย่สุด
ดังนั้นฟังข้อมูลเหล่านี้ต้องฟังหูไว้หู
ถ้าเห็นอนาคตเราจะไม่เป็นแบบนี้ อย่างเราเพิ่งเริ่มรู้ aec 2010 คนอื่นเตรียมตัวตั้งแต่ 1990
ทำไมเขารู้? สงครามเย็นสิ้นสุด 1989 โลกเปลี่ยนจาก คอมมิวนิสต์ เป็นแข่งขันทางการค้า
ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ประเทศเหล่านี้ต้องรวมตัวแบบ eec
เวลาเป็น eec ต้องเริ่มต้นด้วยการค้าเสรี เป็นกำเนิด afta 1993
เราเพิ่งรู้ aec 2015 ยังงงกันเป็นไก่ตาแตก แต่วันนี้ต้องไปถึง 2025 แล้ว
พวกเราแต่ละคนเป็นอัจฉริยะ ขอให้เก่งในแบบของเราเอง ทำในสิ่งที่เราเก่ง
มองอนาคตล่วงหน้า 5,10,20 ปี เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว ไม่เห็นตามไม่ทัน
วันนี้ไม่ใช่แค่ AEC ต้องติดตาม tpp ติดตาม apec สิงคโปร์ เริ่ม tpp 2012 เค้าจบแล้ว เราเพิ่งเริ่มศึกษา
ศาสนาสอน ขอให้ตัวเองเป็นหิน ลมฟ้าอากาศ เราไม่มีทางคุมสิ่งที่คุมไม่ได้ แต่คุมตัวเองได้
ถ้าเราเป็นเพชร คนอื่นอาจดูถูกเรา สร้างสิ่งที่เป็นเพชร สร้างไปเรื่อยๆ วันหนึ่งสถานการณ์เปลี่ยน
เป็นเพชรในสิ่งที่เราชำนาญ อดทนไปเรื่อยๆ
ดร.นิเวศน์
คิดย้อนหลังไป เราก็พยายามทำอย่างที่อ.สมชายพูดถึง
พยายามที่จะเป็นคนเก่ง มีความสามารถทุกด้าน แต่มาลองคิดย้อนเราคิดผิด
เราอยากทำหลายอย่าง ทำธุรกิจ เลี้ยงลูกน้ำ เลี้ยงปลา เราไม่ได้ดูก่อนว่าเราควรทำอะไร
เราเกิดมาไม่มีทุน เป็นคนคิด คนพยายาม คนทำ มีอะไรดีก็ทำ
ตอน hi tech กำลังมา ก็เปิดโรงเรียนคอมพิวเตอร์
ส่วนใหญ่ล้มเหลว ทุนเราน้อยไป ทุนความคิด ทุนเงิน
เก่งก็ระดับหนึ่งไม่เก่งมาก เรียนก็ระดับหนึ่งไม่มาก ไม่พอจะประสบความสำเร็จซักอย่าง มาเป็นพนักงานบริษัทก็ไม่สำเร็จ
คุณวสันต์ ไม่ยอมรับคำว่าไม่มีทุน เข้าไปขอเป็น dealer โตโยต้า แล้วทำอะไรไม่ได้
ทำอะไรได้ เพราะไม่มีทุน ไปติดต่อโตโยต้า ไม่มีทุน แต่มั่นใจว่าขายได้
ดร.นิเวศน์ มองว่า คุณวสันต์ มีทุนในการพูด มีการโน้มน้าวที่สุดยอด
ดร.นิเวศน์ สรุปว่า เพราะพยายามทำเยอะ พยายามจะแข่งกับคนอื่นที่เก่งได้
คิดว่าชีวิตควรต้องเป็นคนธรรมดากินเงินเดือนจนตาย
สิ่งที่เปลี่ยนชีวิต เพราะคนที่มีเจ๊งไปหมด เกิดวิกฤติ
ในยามนั้นเราหาสิ่งที่ง่ายสุดที่จะทำ คือการลงทุน แล้ววิกฤติ เป็นโอกาศ
วิกฤติเป็นโอกาสในการเลื่อนชั้น ไม่งั้นวันนี้ก็เกษียณอยู่บ้าน
อย่างแม้ปี 2008 ผ่านไปแล้วเราก็ดีขึ้นกว่าเดิม มาคิดดูทีหลังแล้ว เราอย่าหาเรื่องยากๆ ทำ
โลกเปลี่ยน ช่วยให้การประสบความสำเร็จไม่ต้องใช้ปัจจัยมาก
แค่รู้ว่าเราอยู่ตรงไหนในเศรษฐกิจในระบบ ตัวเราพยายามเลือกว่าจะอยู่ตรงนั้น
เราอยู่ในที่ถูกต้องก็ไปสบายๆ อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องไปเรื่อยๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก ปวดหัวตาย
เราพยายามขึ้นไปเรื่อยๆทุกปี ต้องรู้ว่าเราอยู่ใน position ใน ตำแหน่งไหน
หาตำแหน่งที่เป็นตำแหน่งจุดยืนที่ถูกต้อง คนอื่นเป็น เราก็ไม่เป็นตรงนั้น
อ.สมชาย เสริม อ.นิเวศน์ จบวิศวกรรม ต่อ mba, การเงิน สิ่งที่สำเร็จ ทำอยู่ในสิ่งที่ชำนาญ เป็นสิ่งสำคัญ
ความชำนาญยืดได้ แต่ไม่ได้ทำได้ทุกเรื่อง
ดร.นิเวศน์ เสริม คำว่า position คิดว่าธุรกิจนี้ดี อยู่ยาวนานเราทำแบบเขาไม่ได้ ก็ไปเป็นเจ้าของเขา ไปคิดมากดีไม่ดี
อ.ไพบูลย์เสริมว่า ที่อ.สมชายพูดสำคัญ มันไม่ได้มาจาก 0 ไม่ใช่คิดว่าจะทำก็ทำได้
ต้องสั่งสมความรู้และผ่านประสบการณ์มาก ทุกวันนี้คนกำลังฮิตมากเรื่อง startup
ซึ่งมีคนให้ข้อสังเกตว่าคนที่ทำสำเร็จเป็นคนผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว ไม่ใช่จบมหาวิทยาลัยแล้วจะสำเร็จ
นักลงทุน active ลงทุนเอง 2 แสนกว่าคน มันมีการแข่งขับมหาศาล มีกี่คนที่หลุดขึ้นมามีไม่เกิน 50 คน
คุณสวัสดิ์ ฝากทิ้งท้าย
ในอดีตคืออดีต วันนี้ทฤษฎีทุกอย่างใช้ไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น วิทยาศาสตร์/การแพทย์ก็เหมือนกัน
การทำธุรกิจก็เหมือนกัน ผมเรียนรู้น้อยสุด จบม.6 รร.ที่ผมเรียนเจ๊งไปหมดแล้ว
สิ่งสำคัญสุดในชีวิตคือ learning from doing
ระหว่างที่เรียน มหาวิทยาลัย 4 ปี จบมาทุกอย่างเปลี่ยนหมด โดยเฉพาะพฤติกรรมมนุษย์
อย่าเรื่อง GATT รอบอุรุกวัย ผมทำธุรกิจตั้งแต่เด็กต่อสู้เรื่องนี้มาจนผ่านยุคนั้นกลายเป็น WTO
แต่ก็ยังไม่ทันใจประเทศที่คิดว่าเจริญแล้ว ถูกประเทศด้อยพัฒนาตามทัน
อเมริกาก็ทำ NAFTA เมื่อก่อนซื้อยีนส์ ของใช้ประจำวัน เอาสิ่งเหล่านี้ออกไปแถวอเมริกาใต้
จ้างแรงงานถูกๆทำ และตัวเองทำ high technology แทน ผลิตรถยนต์ อาวุธ
จากนั้นก็ทำ AFTA มีเอเชีย ตอนนี้ก็มี AEC และกำลังมี TPP
ทั้งหมดมันหลอกกันหมดเลย
ธุรกิจเหล็กมี GATT รอบอุรุกวัย สั่งเหล็กเข้ามา 30% เพื่อ protect investor และอุตสาหกรรมนี้
เด็กรุ่นใหม่กำลังเผชิญหน้าสิ่งอันตรายในการทำธุรกิจ
อีก 3-5 ปี WTO ทุกๆ item 0% maximum 5%
จากอดีตทำปั๊มน้ำขาย เติบโตมาได้จาก c&d
แต่วันนี้มีโอกาสแล้วมัน lock up ตั้งแต่ต้นทางจดลิขสิทธ์
เด็กรุ่นใหม่บางทีลืมตัว ไม่ใช่ความรู้ดี เหยียบขี้ไก่ไม่ผ่อ
สมัยทำธุรกิจ ขอเปิดโรงกลึง เจ้าหน้าที่นั่งกำกับช่วยกรอก ไม่นานก็ได้เปิดโรงกลึง
วันนี้เด็กจบมาอย่างเป็นผู้ประกอบการ พอเท้าติดดินไปไหนไม่รอด
สิ่งที่รัฐต้องทำคือต้องให้บริการกับประชาชน
เวลานี้ไม่ได้ห่วงตัวเอง แต่ห่วงว่าเด็กรุ่นหลังจะรอดอย่างไร
หลายคนพ่อแม่มีเงิน มีที่ดิน จะพัฒนาที่ดิน ขอใบอนุญาต 2 ปียังไม่ได้ แก้มาใหม่
คนของรัฐต้องเข้าไปดูแลฝ่ายบริการให้ภาคเอกชนเชิงธุรกิจ
สมัยก่อนคู่แข่งขันน้อย สมัยนี้รุ่นใหม่ๆมาก ยิ่งเปิดเขตเสรี ภูมิศาสตร์เศรษฐกิจก็เป็นเหมือนเดิมอย่างนี้มานานแล้ว
แต่ทุกคนต้องการได้ก่อน ทำเหล็กเคยเจอ dump ตลาด ก็ไปร้องเรียนรัฐบาล เขาก็พยายามว่า fta กับประเทศต่างๆ
อีก 5 ปี จะ fully effective ทางอเมริกาก็รู้จึงตั้ง tpp
สิงคโปรณ์ไม่มีทรัยากรอะไร แต่เขาเป็นลูกมือประเทศมหาอำนาจ
ใครๆคิดว่าเป็นประชาธิปไตย เขาเป็นเผด็จการ บ.ที่มาลงทุน
Next generation ต้องทำงานหนักขึ้น รัฐต้องให้บริการเร็วขึ้น
พฤติกรรมมนุษย์เปลี่ยน ภูมิศาสตร์ก็เปลี่ยน น้ำแข็งขั้วโลกละลายก็ท่วมโลก
พฤติกรรมแบงค์ก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อก่อน มีเพื่อนธุรกิจยังไปดีอยู่
แบงค์ขอบัญชีดี ยอดขายเทียบ 3 เดือนตกมาก็โดนบีบ หรืออสังหาลูกค้าผ่อนลดลงก็โดนบีบ
ธุรกิจวันนี้หนีไปเวียดนามเพื่อค่าแรงต่ำ ผมคิดว่าถ้าธุรกิจอยู่ได้เพราะค่าแรงต่ำอย่างไปทำดีกว่า
เมื่อก่อนดอกเบี้ย 8% คนเกษียณมีเงิน 3 ล้านบาท ได้ 2.4 แสนบาท มี 12 เดือน มีเงิน 2 หมื่นบาทใข้ นี่เป็นกำลังซื้อจริง
สมัยนี้ 0.25% คนมีเงินฝากอยู่ก็ถูกต้ม คนต้องไปหาดอกเบี้ยที่สูงขึ้น รัฐบาลก็ต้องไปสร้างกำลังซื้อเทียม เอื้ออาธร
เป็น Politic policy ไม่ใช่ economic policy
พูดมาหลาย 10 ปี ไทยทำเกษตรจะไม่รอด ชาวนาชาวไร่ ต้องการที่ทำกิน นักการเมืองก็ไปเลี่ยงออกโฉนดโอนไม่ได้
ทำไมไม่ให้เช่าไร่ละไม่กี่บาท ทำเศรษฐกิจแบบนารวม
เช่น ตำบลมีที่ดิน หมื่นไร่ ทุกกระทรวงเข้าไปช่วย กระทรวงเกษตร ช่วยเมล็ดพันธ์ควรปลูกอะไร
พาณิชย์ ช่วย sales&maketing อุตสาหกรรม ช่วย value added, packaging, วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ช่วย r&d
แต่วันนี้ไม่ใช่ ทุกคนขอที่ทำกิน 15 ไร่ 25 ไร่ แบ่งที่กันเอื้ออาธร ซึ่งไม่มีจุดคุ้มทุน
ไปนิวโอลีนมา 30 ปีก่อน เห็นไซโลเขาเก็บได้ 3-5 ปี มี vaccumn ดูดเอาอากาศออก มีกระเช้าโกยขึ้นมา
รัฐไม่ต้อง finance แบงค์ finance ทำให้ชาวนามีอำนาจต่อรองเพราะเก็บได้ไม่เน่าเสีย
เด็กรุ่นหลังมองว่าการศึกษาสูงแต่พอลงสนามแล้วไปไม่รอด ต้องกัดฟันมากกว่านี้
ต้องฝากรัฐมากกว่านี้ เรียนออกมา 4 ปีใช้ไม่ได้แล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
ช่วงที่ 2 ทางพี่อมรจะสรุปต่อครับ ขอบคุณครับ
ขอขอบพระคุณอ.ไพบูลย์,พิธีกร,วิทยากร, ทีมงาน money talk และผู้สนับสนุนทุกท่าน
หากขาดตกบกพร่องแก้ไขเสริมได้เลยครับ
Money talk at SET ครั้งต่อไป วันที่ 19/12 เปิดจอง 12/12
หัวข้อ 1 เศรษฐกิจใน-นอก ดร.กอบศักดิ์, ดำเนินรายการ อ.เสน่ห์, อ.นิเวศน์, อ.ไพบูลย์
หัวข้อ 2 จับตาหุ้นไทยปี 59 ดร.ก้องเกียรติ, คุณมนตรี,อ.นิเวศน์ ดำเนินรายการ อ.เสน่ห์, อ.ไพบูลย์
Money talk ปี 2559 ม.ค. วันที่เสาร์ 9 ม.ค. จอง 2 ม.ค.59
หัวข้อ 1 หุ้นเด่นปี 59 ในดวงใจเซียนวิเคราะห์
คุณกวี(ksec), คุณสุกิจ(maybank),ดร.วิศิษฐ์(trinity)
หัวข้อ 2 มองหุ้นไทยกับ super VI
ดร.นิเวศน์, คุณโจ, คุณพีรนาถ,คุณประชา และหมอเค
(ถ้าย้ายไปห้องประชุมที่พระราม 9 จะจุได้ 500 คน แต่น่าจะยังไม่เรียบร้อย)
หัวข้อ1 "ข้อคิดจากประสบการณ์ฝังใจจากรุ่นใหญ่พิเศษ"
1) คุณ สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง อดีตผู้บริหารกิจการใหญ่
2) คุณ วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ ประธานกลุ่มเบนซ์ทองหล่อ
3) ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอาวุโสด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง
4) ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
Intro
อ.ไพบูลย์ รุ่นใหญ่พิเศษคืออะไร?
อ.เสน่ห์ ผ่านร้อน ผ่านหนาว วิกฤติมากมาย ชีวิตโชกโชน จนพิสูจน์ยืนมาถึงวันนี้เพราะมีประสบการณ์ที่แท้จริงแล้ว
อย่างเช่น คุณสวัสดิ์ ไม่มีไม่หนีไม่จ่าย เป็นคนที่พลิกวิกฤติ เป็นคนหนึ่งที่เจ๊งแต่ไม่เครียดด้วยจิตวิทยา(วิธีคิด)
เป็นหนี้ถึง 2700 ล้านเหรียญ จากคูณด้วย 25 บาท เป็น50 บาท ต้องทำธุรกิจข้ามชาติ(กู้ชาตินี้ใช้ชาติหน้า)
คุณสวัสดิ์
เคยเตือนเพื่อนทุกคนว่า เป็นหนี้เรื่องปกติ จะมากหรือน้อย เราไม่ได้แบกหนี้เม็ดเงิน
แต่แบกหน้าตาเกียรติยศ หนี้ไม่มีน้ำหนัก แต่มันหนัก โยนมันทิ้งไป
การล้มละลายไม่ต้องเข้าคุก เป็นคดีแพ่ง
เคยพูดกับสุทธิชัย หยุ่นออกทีวี
ถ้าเพื่อนคนไหนฆ่าตัวตายแบบนี้จะไม่มีพวกหรีดให้ ไม่ไปงานศพ ไม่คิดว่าจะมีเพื่อนที่สิ้นคิดและขี้ขลาดขนาดนี้
ตัวจากไปแต่ทิ้งอะไรไว้ให้กับคนข้างหลัง
ตอนที่เป็นหนี้ 2700 ล้านเหรียญ เรียก CFO ทุกคนในบริษัทมา
เช่น บ. NTS steel มาคุยว่าถ้าลองทำบัญชีดูใหม่ คิดว่าบริษัทไม่มีหนี้เลยจะอยู่ได้นานแค่ไหน
คำตอบคืออยู่ได้ตลอดเท่าที่ต้องการ แสดงว่าไม่เจ๊ง
ตั้งแต่ 1997 ไม่เคย shutdown โรงงาน ผลิตตลอด มีกำไร เพราะไม่มีหนี้เลย
ให้ข้อคิดกับนักธุรกิจทุกคน คุณเป็นคนดีไม่ได้เลย
เช่น ตึกอยู่สาธร 30 ชั้น คุณเป็นลูกค้าดีมาก จ่ายดอกเบี้ยแบงค์ 15% ไม่เคยขาด
กับของผมตึกอยู่สาธรเหมือนกัน ไม่จ่ายเลย ให้เช่า 400 บาท ใครเจ๊งก่อนกัน
It’s very hard to be a good man,
even in a bible god said that all the good die young, only the old bad die hard
คนชั่วนรกก็ไม่ต้องการสวรรค์ก็ไม่ต้องการ ดังนั้นตายยาก
ทำธุรกิจช่วงที่จังหวะดี โชคดีมีกำไร รวยมาก แต่กรณีที่โชคร้าย เราก็จน จนมาก จนที่สุด
สุดท้ายก็คือล้มละลาย ช่วงนั้นถูกแต่งตั้งให้เป็นวุฒิสมาชิก ไปค้นเจอกฏหมายล้มละลาย
ตั้งแต่ 2484 ไม่เคยแก้ไขเลยแม้มาตราเดียว มีควาย 1 ตัว มีเกวียน 1 เล่ม
จึงคุยกับสมาชิกที่เป็นวุฒิด้วยกันแก้ไขทั้งฉบับ
สิ่งที่แก้ไข เอา chapter 11 ของอเมริกา ล้มละลายบุคคลธรรมดาก็เข้าไปยึดทรัพย์สิน
แต่สิ่งที่ห้ามยึด เช่น รถยนต์ สิ่งที่จำเป็นของชีวิตห้ามยึด
Chapter 12-13 ถ้าลูกหนี้เป็นชาวไร่ชาวนา แล้วเอาที่ดินไปจำนำแล้วไม่มีผ่อนส่ง แบงค์สามารถยึดได้
แต่ห้ามขายต้องให้ชาวนาคนนั้นเช่าต่อและชาวนาคนนั้นเป็นลำดับแรกที่ซื้อคืนได้ ไม่งั้นจะเป็นปัญหาสังคม
ต้องขอขอบคุณอ.ไพศาล กุมาลย์วิสัย เป็นอดีตผู้ว่าแบงค์ชาติและเป็นประธานฯ
ได้แก้ไขเรื่องการพ้นล้มละลายที่จาก 1 ปี มาตกลงใหม่เป็น 3 ปี แล้วตัดมาตรา 78,79 ออก
คือถ้าจะล้มละลายต้องถามความเห็นชอบจากเจ้าหนี้ก่อน ,
จะต้องทำความร้องไปถึงศาลให้เราล้มละลายไหม
ดังนั้นหมายความว่าตั้งแต่ ศาลล้มละลายสั่งให้ล้มละลาย นับตั้งแต่วันนั้น จนถึง 3 ปีจบ
ตอนแรกคนก็คิดว่าผมจะได้ใช้คนแรก ที่จริงเพิ่งใช้เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว วันนี้พ้นแล้ว
ธุรกิจไม่ได้ทำเพื่อเงินอย่างเดียว
แต่เพราะพวกเรามีความฝัน จะทำอะไรอีกเยอะแยะ
ตอนที่ขาย hemraj ทิ้งไป คนคิดว่าหยุด ที่จริงไม่ใช่ ได้ซื้อเกาะล้าน เอาไว้
และมีงานใหญ่เริ่มกับคุณสนธยา ได้จดทะเบียนตั้งบริษัทพัฒนาสนามแข่งรถ f1 และ sport complex แถวศรีราชา
รัฐบาลบอกว่าตะวันออกดีที่สุด เป็น gateway เศรษฐกิจ ท่าเรือ in and out และมีสนามบินอีก 2 แห่ง
อู่ตะเภาจะเปิด เมืองจีน จากคุณหมิงมาลาวก็ลงที่แหลมฉบัง
นักธุรกิจทั้งหลาย อยากบอกว่าให้กำลังใจ ธุรกิจจังหวะดีก็รวย
ถ้าผิดพลาดก็ยอมรับ แม้ล้มละลายก็ยอม จะได้เริ่มชีวิตใหม่
สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ววันนั้นจะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป
เราไม่ยอมรับการโกง แต่ธุรกิจมันเจ๊งไม่ได้โกง แต่แค่มันเจ๊ง
NTS, NSN เคยโดนตรวจจาก auditor ของ Chicago มาตรวจไม่เจอ footnote เลย
ภาษาไทยแปล ข้อสังเกต ซึ่งมันก็เหมือนคำทั่วไปอย่าง notice
ที่จริงภาษา audit คำนี้มันมีผลกระทบเยอะ (คุณสวัสดิ์แปลมันว่า เครื่องหมายส้นเท้า)
เพราะเราไม่มี foot note เขาโหวตให้เป็นผู้บริหารเจ้าหนี้ 97%
ในกรณีทำธุรกิจผิดพลาดก็ยอมรับมันซะ แต่ต้องไม่โกง
คุณวสันต์
จากเคยมีเงิน 4-5 พันล้านบาท กลายเป็นติดลบ 2 พันล้านบาท
ตอนปี 40 โชว์รูมกำลังจะถูกยึด พึ่งใครก็ไม่ได้ เพื่อนที่เป็น banker ใหญ่ๆ มาขอให้ช่วยก็หายหมด
แบงค์ก็ชอบคิดว่ามีเงินแล้วไม่คืนเพราะเห็นรถยนต์กองเต็มโชว์รูม แต่เราขายไม่ออก
บอกว่าไม่มีเงิน ก็ไม่เชื่อ แต่เราจ่ายหนี้ตลอด จน MD แบงค์ที่จะล้มต้องบอก
ไม่กล้าเจรจาประนอมหนี้กลัวเบนซ์มองว่าไม่มั่นคงไม่ให้เป็นดีลเลอร์
วันนั้นกำลังจะโดนยึดโชว์รูม อยู่ดีๆคุณสวัสดิ์ก็โทรมาหา ถามขาดเงินเท่าไร 100 เอาไปเลย
เบนซ์ทองหล่อที่รอดอยู่ถึงวันนี้เพราะคุณสวัสดิ์
คุณสวัสดิ์เป็นคนไม่ได้พูดอะไรให้ตัวเอง แกไม่ได้ล้มละลายเพราะธุรกิจเอง
แต่ล้มละลายเพราะค้ำประกันเพื่อน แล้วหนีไปต่างประเทศ
เรารอดเพราะอึดกว่า ทนกว่า แบงค์เก็บเงินไม่ได้ไปก่อน
ยุบไปเกือบ 10 แบงค์เหลือแข็งๆอยู่ 5 แบงค์ ต้องขายให้ต่างชาติ
สรุป หลุดได้เพราะความอึด จ่ายเงินทุกเดือน แต่ค่าใช้จ่ายต้องให้ลูกน้องก่อน
เหลือเท่าไรให้เท่านั้น แบงค์จะฟ้องหรือจะเอาเงินที่ได้ 10 ปีหลุดได้ เพราะ มีประนีประนอมหนี้
อีกอย่างที่ดินทองหล่อตารางวา 7 หมื่นบาท ก็กลายเป็นล้านห้า
ข้อดีอีกอย่างเหลือเพื่อนอยู่คนเดียว คุยกับคุณสวัสดิ์อยู่ 2 คน
เพราะตอนนั้นเพื่อนที่โทรหาไม่กล้ารับสาย ตอนนี้เขาก็ไม่กล้าโทรหาเรา
สมัยก่อนแต่ละปีต้องลิสต์รายชื่อมาให้ของขวัญปีใหม่ ตอนนี้ไม่ต้องสบายมีแต่ได้
ตอนนี้หนี้มีมียังไม่หมด
คิดว่าเศรษฐกิจปีหน้ายังดีขึ้นอยู่กับทำอะไร รถเบนซ์ถ้าจองตอนนี้ 6 เดือน ถึงจะได้
พวกโซบะของญี่ปุ่น 20 กว่าปีก่อนราคาเท่านี้ ตอนนี้ก็ราคาเท่านี้ จนราคาบ้านเราแพงกว่าบ้านเขาแล้ว
คนญี่ปุ่นมาต้องบินกลับไปกินที่บ้าน
ญี่ปุ่นไม่ได้ขึ้นเงินเดือนมานานแล้ว เมื่อไทยยังขึ้นต่อเนื่องมาตลอด อย่าหวังว่าญี่ปุ่นจะช่วยเราได้ เมืองไทยยังดี
อ.สมชาย
แม้ไม่ได้อยู่ในความล่มสลายของธุรกิจเอง แต่เห็นภาพมาตลอด
ในโลกนี้ทุกอย่างมีสัญญาณแต่ต้องยอมว่าว่าระบบรัฐไม่ดี ในตอนนั้น(ช่วงวิกฤติ) มีสัญญาณพอสมควร
1) มีหนี้ต่างประเทศ เรามีเงินสำรอง 38,000 ล้าน มีหนี้ 1 แสนล้านบาท 80% ของหนี้มาจากเอกชน
เราถูกกระทบจากข้อตกลงรอบอุรุกวัย มีการเปิดเสรีทางการเงิน
แต่ระบบรัฐเราแย่ ยังไม่มีการปรับ ใช้อัตราแลกเปลี่ยนระบบตะกร้า
ทำให้เอกชนคิดว่าไม่ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
ตอนนั้น ECB 1% กว่า ตอนนั้นมีหนี้ตปท. 1 แสนล้าน ครึ่งหนึ่ง เกือบ 5 หมื่น ล้าน
เป็นหนี้ระยะสั้น แต่เป็นเงินสำรอง 3.8 หมื่นล้านบาท
2) ตอนนั้นเป็นครั้งแรกใน 14 ปีที่ส่งออกติดลบ ก่อนหน้านั้นส่งออก 20% กว่า
ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 7.9% ในปี 1995 แปลว่าประเทศไทยใช้จ่ายเกินควร
ต้องมาดูว่ามาจากอะไร ถ้ามองจากการลงทุนโดยตรงเยอะใช้ได้ เหมือนตอนปี 1990
แต่ตอนนั้นลงทุนน้อยลง เพราะโลกเปลี่ยน คนหนีไปลงทุน clmv ต่างๆ พอขาดดุล
เราก็ช่วยด้วยวิธีกู้มา ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็ดูออกได้เลยว่า เจ๊งแน่นอน
เพราะ ส่งออกติดลบครั้งแรก ในปี 1996 ขณะเศรษฐกิจโลกกำลังเติบโตสมัยคลินตัน
แสดงว่า ประเทศไทยกำลังเสียความสามารถในการแข่งขัน
หนึ่งในนั้นเพราะหลังสงครามเย็น ประเทศใหม่แข่งกับเราที่ใช้แรงงาน
มี afta เราไม่ได้เตรียมอะไร ผลิตสินค้าเดิมมาเจอ clmv
เอาสิ่งเหล่านี้มาวิเคราะห์ไม่มีทางรอด เพียงแต่รอเวลา
ทำให้เกิดวิกฤติ 1997 ภาครัฐไปติดต่อ afta แต่ไม่ป้องกันภัยให้เอกชน
ตอนนั้นอยู่ในวงการ เป็นวุฒิสมาชิกด้วย
ได้บอกบริษัทอสังหาฯแห่งหนึ่งว่าต้องป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้า
เขาเชื่อครึ่งหนึ่งและทุกวันนี้ก็รอดมาได้
บางครั้งเราเห็นชัดๆ ก็ไม่กล้าพูด 100%
อย่างประเทศจีนที่ 3 ปีก่อนพูดว่าจะมีปัญหา ทุกวันนี้เหลือโต 6% กว่า
มีคนบอกจีนไม่เกิดวิกฤติ แต่ถึงไม่เกิดวิกฤติโตจาก 10% กว่า เหลือ 7%
ก็กระทบมากแล้วเพราะเราพึ่งพาจีนมาก
มีคนบอกว่าเป็น new normal นั่นคือ abnormal
ทุกอย่างในโลกมีสัญญาณ เพียงแต่ขึ้นกับว่า รัฐส่งสัญญาณให้เราหรือเปล่า
อย่างเช่นในอดีตถ้ารัฐส่งสัญญาณผิดทำให้เราไม่รู้ว่ามีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
ตัวเองพ่อแม่ทำการค้า(ธุรกิจตะปู) ต้องจิตใจเข้มแข็ง เราไม่มี gut แบบนักธุรกิจ
เห็นพ่อแม่ทำรู้เลยเจ๊งแน่ แล้วก็ใช่จริงๆ เราก็เครียดเพราะเป็นลูกคนเดียว
มี Heinz Kissinger เป็นไอดอล เป็นนักวิชาการ เป็นที่ปรึกษาภาครัฐภาคเอกชน
วางแผนมานานแล้วว่าก่อนและหลังเกษียณจะมีรายได้ไม่ตก ชื่อเสียงไม่ตก
ไปเรียนยุโรปเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยุโรปและละตินอเมริกา
นึกว่าจะปลอดภัยแล้วถ้าเกิดวิกฤติเพราะเราไม่เป็นเจ้าของกิจการ จะเป็นที่ปรึกษา
คิดว่าถ้า บริษัทเจ๊ง -> อุตสาหกรรมยังอยู่มีหลายอุตสาหกรรม
ถ้าทุกอุตสาหกรรมเจ๊ง -> ยังรอดเป็นอ.มหาวิทยาลัยได้
แต่สุดท้ายก็เคยเจอวิกฤติเหมือนกัน
ในตอนนั้นเป็นที่ปรึกษา 80-90% เป็นบริษัทหลักทรัพย์
รายตอนนั้นได้ก็สูง ซื้อบ้านซื้ออะไรไว้ พอ บ. finance เจ๊งกันหมด
ก็มาคิดต่อว่าจะทำอย่างไรดี?
แต่จะไม่ทำธุรกิจเพราะอยากเป็นนักวิชาการที่ดี และไม่เล่นการเมืองโดยตรงจะทำให้ bias
เมื่อเกิดวิกฤติขึ้นมา วิชาการก็ช่วย หนังสือของ Gary Hamel - COMPETING FOR THE FUTURE
พูดถึงจุดแข็งของคนและบริษัท core competency และ strategic asset
พวกเราแต่ละคนเป็นอัจฉริยะ ทำให้หลายอย่าง ไม่ได้ทำอย่างเดียว
อย่างเ่ช่น คุณศิริวัฒน์ พอเจ๊ง ก็มาทำแซนวิชได้
ดังนั้นเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ ก็เอาสินค้ามาเพิ่ม
ไม่ได้เก่งแค่ตลาดหุ้นอย่างเดียว มีอย่างอื่นก็เพิ่ม product line
ผมไม่ได้เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิเคราะห์หุ้น จบทางด้านทฤษฎีเกม ไม่ใช่เป็น stock analyst
ทฤษฎีเกมคือเครื่องมือในการทำนาย จบมาและใช้ตลอด
จากนั้นก็เป็นที่ปรึกษา ยางพารา เขาก็ให้ข้อมูล ได้งานเพิ่ม
จึงขยายไลน์ไปธุรกิจด้านอื่นนอกจากการเงิน
อย่างที่สองเป็นเจ้าของทรัพย์สิน คนที่มาเรียนเป็นทรัพย์สิน
สามารถต่อยอด ทำแผนยุทธศาสตร์ เรียนแล้วจ้างทำแผนยุทธศาสตร์ต่อ
อย่างที่สาม มีชื่อในกรุงเทพ ก็ขยายไปสู่ต่างจังหวัด ลูกค้ากรุงเทพหาย
คนเชี่ยวชาญกลยุทธ์ต้องเชี่ยวชาญเรื่องการตลาด
ตอนนั้นก็ทำเพื่อขยายไลน์ ทำให้รายได้เพิ่ม ตลาดเพิ่ม พอร์ตฟอลิโอเพิ่ม
ตัวตนเราคือชำนาญเป็นเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศ
ปรับสินค้าตัวใหม่ให้เหมาะกับเศรษฐกิจดีหรือแย่
ฝากกำลังใจให้ ทุกอย่างมีทางออกในชีวิต
คนเราไม่ได้ทำได้อย่างเดียว Core competency เรามีได้หลายอย่าง
มีเพื่อนเป็นทหารเรือ เกษียณแล้ว แต่เขาชำนาญด้านดอกไม้ เปิดร้านดอกไม้กว่า 30 แห่ง ร่ำรวย
หม่ำ จ๊กม๊ก ไม่ได้เป็นแค่ตลก แต่เป็น entertrainer ไปกำกับภาพยนต์ได้ ไปเป็นพิธีกรได้
การศึกษาไทยสอนให้จับปลามือเดียว เราไม่ได้ทำได้อย่างเดียว แต่อย่าไปจับทุกเรื่อง
ฝากข้อแรก มีกำลังใจ ท่านทำได้มากกว่าที่ท่านมีอยู่ ขอให้รู้จักตัวเอง
ขอความกรุณาอย่ามองแค่อดีตกับปัจจุบัน พยายามมองอนาคตด้วย
อย่าเชื่อใครง่ายๆ แม้อ.สมชาย ฟังแล้วต้องไปวิเคราะห์
ทางการก็อย่าเชื่อ สิ่งที่วิเคราะห์ถูกต้องคืออดีต แต่อนาคตต้อง conservative
ยกตัวอย่างระดับโลก IMF ที่วิเคราะห์สเปน คนที่ทำนายเศรษฐกิจสเปน 2 ปีก่อน IMF วิเคราะห์แย่สุด
ดังนั้นฟังข้อมูลเหล่านี้ต้องฟังหูไว้หู
ถ้าเห็นอนาคตเราจะไม่เป็นแบบนี้ อย่างเราเพิ่งเริ่มรู้ aec 2010 คนอื่นเตรียมตัวตั้งแต่ 1990
ทำไมเขารู้? สงครามเย็นสิ้นสุด 1989 โลกเปลี่ยนจาก คอมมิวนิสต์ เป็นแข่งขันทางการค้า
ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ประเทศเหล่านี้ต้องรวมตัวแบบ eec
เวลาเป็น eec ต้องเริ่มต้นด้วยการค้าเสรี เป็นกำเนิด afta 1993
เราเพิ่งรู้ aec 2015 ยังงงกันเป็นไก่ตาแตก แต่วันนี้ต้องไปถึง 2025 แล้ว
พวกเราแต่ละคนเป็นอัจฉริยะ ขอให้เก่งในแบบของเราเอง ทำในสิ่งที่เราเก่ง
มองอนาคตล่วงหน้า 5,10,20 ปี เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว ไม่เห็นตามไม่ทัน
วันนี้ไม่ใช่แค่ AEC ต้องติดตาม tpp ติดตาม apec สิงคโปร์ เริ่ม tpp 2012 เค้าจบแล้ว เราเพิ่งเริ่มศึกษา
ศาสนาสอน ขอให้ตัวเองเป็นหิน ลมฟ้าอากาศ เราไม่มีทางคุมสิ่งที่คุมไม่ได้ แต่คุมตัวเองได้
ถ้าเราเป็นเพชร คนอื่นอาจดูถูกเรา สร้างสิ่งที่เป็นเพชร สร้างไปเรื่อยๆ วันหนึ่งสถานการณ์เปลี่ยน
เป็นเพชรในสิ่งที่เราชำนาญ อดทนไปเรื่อยๆ
ดร.นิเวศน์
คิดย้อนหลังไป เราก็พยายามทำอย่างที่อ.สมชายพูดถึง
พยายามที่จะเป็นคนเก่ง มีความสามารถทุกด้าน แต่มาลองคิดย้อนเราคิดผิด
เราอยากทำหลายอย่าง ทำธุรกิจ เลี้ยงลูกน้ำ เลี้ยงปลา เราไม่ได้ดูก่อนว่าเราควรทำอะไร
เราเกิดมาไม่มีทุน เป็นคนคิด คนพยายาม คนทำ มีอะไรดีก็ทำ
ตอน hi tech กำลังมา ก็เปิดโรงเรียนคอมพิวเตอร์
ส่วนใหญ่ล้มเหลว ทุนเราน้อยไป ทุนความคิด ทุนเงิน
เก่งก็ระดับหนึ่งไม่เก่งมาก เรียนก็ระดับหนึ่งไม่มาก ไม่พอจะประสบความสำเร็จซักอย่าง มาเป็นพนักงานบริษัทก็ไม่สำเร็จ
คุณวสันต์ ไม่ยอมรับคำว่าไม่มีทุน เข้าไปขอเป็น dealer โตโยต้า แล้วทำอะไรไม่ได้
ทำอะไรได้ เพราะไม่มีทุน ไปติดต่อโตโยต้า ไม่มีทุน แต่มั่นใจว่าขายได้
ดร.นิเวศน์ มองว่า คุณวสันต์ มีทุนในการพูด มีการโน้มน้าวที่สุดยอด
ดร.นิเวศน์ สรุปว่า เพราะพยายามทำเยอะ พยายามจะแข่งกับคนอื่นที่เก่งได้
คิดว่าชีวิตควรต้องเป็นคนธรรมดากินเงินเดือนจนตาย
สิ่งที่เปลี่ยนชีวิต เพราะคนที่มีเจ๊งไปหมด เกิดวิกฤติ
ในยามนั้นเราหาสิ่งที่ง่ายสุดที่จะทำ คือการลงทุน แล้ววิกฤติ เป็นโอกาศ
วิกฤติเป็นโอกาสในการเลื่อนชั้น ไม่งั้นวันนี้ก็เกษียณอยู่บ้าน
อย่างแม้ปี 2008 ผ่านไปแล้วเราก็ดีขึ้นกว่าเดิม มาคิดดูทีหลังแล้ว เราอย่าหาเรื่องยากๆ ทำ
โลกเปลี่ยน ช่วยให้การประสบความสำเร็จไม่ต้องใช้ปัจจัยมาก
แค่รู้ว่าเราอยู่ตรงไหนในเศรษฐกิจในระบบ ตัวเราพยายามเลือกว่าจะอยู่ตรงนั้น
เราอยู่ในที่ถูกต้องก็ไปสบายๆ อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องไปเรื่อยๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก ปวดหัวตาย
เราพยายามขึ้นไปเรื่อยๆทุกปี ต้องรู้ว่าเราอยู่ใน position ใน ตำแหน่งไหน
หาตำแหน่งที่เป็นตำแหน่งจุดยืนที่ถูกต้อง คนอื่นเป็น เราก็ไม่เป็นตรงนั้น
อ.สมชาย เสริม อ.นิเวศน์ จบวิศวกรรม ต่อ mba, การเงิน สิ่งที่สำเร็จ ทำอยู่ในสิ่งที่ชำนาญ เป็นสิ่งสำคัญ
ความชำนาญยืดได้ แต่ไม่ได้ทำได้ทุกเรื่อง
ดร.นิเวศน์ เสริม คำว่า position คิดว่าธุรกิจนี้ดี อยู่ยาวนานเราทำแบบเขาไม่ได้ ก็ไปเป็นเจ้าของเขา ไปคิดมากดีไม่ดี
อ.ไพบูลย์เสริมว่า ที่อ.สมชายพูดสำคัญ มันไม่ได้มาจาก 0 ไม่ใช่คิดว่าจะทำก็ทำได้
ต้องสั่งสมความรู้และผ่านประสบการณ์มาก ทุกวันนี้คนกำลังฮิตมากเรื่อง startup
ซึ่งมีคนให้ข้อสังเกตว่าคนที่ทำสำเร็จเป็นคนผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว ไม่ใช่จบมหาวิทยาลัยแล้วจะสำเร็จ
นักลงทุน active ลงทุนเอง 2 แสนกว่าคน มันมีการแข่งขับมหาศาล มีกี่คนที่หลุดขึ้นมามีไม่เกิน 50 คน
คุณสวัสดิ์ ฝากทิ้งท้าย
ในอดีตคืออดีต วันนี้ทฤษฎีทุกอย่างใช้ไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น วิทยาศาสตร์/การแพทย์ก็เหมือนกัน
การทำธุรกิจก็เหมือนกัน ผมเรียนรู้น้อยสุด จบม.6 รร.ที่ผมเรียนเจ๊งไปหมดแล้ว
สิ่งสำคัญสุดในชีวิตคือ learning from doing
ระหว่างที่เรียน มหาวิทยาลัย 4 ปี จบมาทุกอย่างเปลี่ยนหมด โดยเฉพาะพฤติกรรมมนุษย์
อย่าเรื่อง GATT รอบอุรุกวัย ผมทำธุรกิจตั้งแต่เด็กต่อสู้เรื่องนี้มาจนผ่านยุคนั้นกลายเป็น WTO
แต่ก็ยังไม่ทันใจประเทศที่คิดว่าเจริญแล้ว ถูกประเทศด้อยพัฒนาตามทัน
อเมริกาก็ทำ NAFTA เมื่อก่อนซื้อยีนส์ ของใช้ประจำวัน เอาสิ่งเหล่านี้ออกไปแถวอเมริกาใต้
จ้างแรงงานถูกๆทำ และตัวเองทำ high technology แทน ผลิตรถยนต์ อาวุธ
จากนั้นก็ทำ AFTA มีเอเชีย ตอนนี้ก็มี AEC และกำลังมี TPP
ทั้งหมดมันหลอกกันหมดเลย
ธุรกิจเหล็กมี GATT รอบอุรุกวัย สั่งเหล็กเข้ามา 30% เพื่อ protect investor และอุตสาหกรรมนี้
เด็กรุ่นใหม่กำลังเผชิญหน้าสิ่งอันตรายในการทำธุรกิจ
อีก 3-5 ปี WTO ทุกๆ item 0% maximum 5%
จากอดีตทำปั๊มน้ำขาย เติบโตมาได้จาก c&d
แต่วันนี้มีโอกาสแล้วมัน lock up ตั้งแต่ต้นทางจดลิขสิทธ์
เด็กรุ่นใหม่บางทีลืมตัว ไม่ใช่ความรู้ดี เหยียบขี้ไก่ไม่ผ่อ
สมัยทำธุรกิจ ขอเปิดโรงกลึง เจ้าหน้าที่นั่งกำกับช่วยกรอก ไม่นานก็ได้เปิดโรงกลึง
วันนี้เด็กจบมาอย่างเป็นผู้ประกอบการ พอเท้าติดดินไปไหนไม่รอด
สิ่งที่รัฐต้องทำคือต้องให้บริการกับประชาชน
เวลานี้ไม่ได้ห่วงตัวเอง แต่ห่วงว่าเด็กรุ่นหลังจะรอดอย่างไร
หลายคนพ่อแม่มีเงิน มีที่ดิน จะพัฒนาที่ดิน ขอใบอนุญาต 2 ปียังไม่ได้ แก้มาใหม่
คนของรัฐต้องเข้าไปดูแลฝ่ายบริการให้ภาคเอกชนเชิงธุรกิจ
สมัยก่อนคู่แข่งขันน้อย สมัยนี้รุ่นใหม่ๆมาก ยิ่งเปิดเขตเสรี ภูมิศาสตร์เศรษฐกิจก็เป็นเหมือนเดิมอย่างนี้มานานแล้ว
แต่ทุกคนต้องการได้ก่อน ทำเหล็กเคยเจอ dump ตลาด ก็ไปร้องเรียนรัฐบาล เขาก็พยายามว่า fta กับประเทศต่างๆ
อีก 5 ปี จะ fully effective ทางอเมริกาก็รู้จึงตั้ง tpp
สิงคโปรณ์ไม่มีทรัยากรอะไร แต่เขาเป็นลูกมือประเทศมหาอำนาจ
ใครๆคิดว่าเป็นประชาธิปไตย เขาเป็นเผด็จการ บ.ที่มาลงทุน
Next generation ต้องทำงานหนักขึ้น รัฐต้องให้บริการเร็วขึ้น
พฤติกรรมมนุษย์เปลี่ยน ภูมิศาสตร์ก็เปลี่ยน น้ำแข็งขั้วโลกละลายก็ท่วมโลก
พฤติกรรมแบงค์ก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อก่อน มีเพื่อนธุรกิจยังไปดีอยู่
แบงค์ขอบัญชีดี ยอดขายเทียบ 3 เดือนตกมาก็โดนบีบ หรืออสังหาลูกค้าผ่อนลดลงก็โดนบีบ
ธุรกิจวันนี้หนีไปเวียดนามเพื่อค่าแรงต่ำ ผมคิดว่าถ้าธุรกิจอยู่ได้เพราะค่าแรงต่ำอย่างไปทำดีกว่า
เมื่อก่อนดอกเบี้ย 8% คนเกษียณมีเงิน 3 ล้านบาท ได้ 2.4 แสนบาท มี 12 เดือน มีเงิน 2 หมื่นบาทใข้ นี่เป็นกำลังซื้อจริง
สมัยนี้ 0.25% คนมีเงินฝากอยู่ก็ถูกต้ม คนต้องไปหาดอกเบี้ยที่สูงขึ้น รัฐบาลก็ต้องไปสร้างกำลังซื้อเทียม เอื้ออาธร
เป็น Politic policy ไม่ใช่ economic policy
พูดมาหลาย 10 ปี ไทยทำเกษตรจะไม่รอด ชาวนาชาวไร่ ต้องการที่ทำกิน นักการเมืองก็ไปเลี่ยงออกโฉนดโอนไม่ได้
ทำไมไม่ให้เช่าไร่ละไม่กี่บาท ทำเศรษฐกิจแบบนารวม
เช่น ตำบลมีที่ดิน หมื่นไร่ ทุกกระทรวงเข้าไปช่วย กระทรวงเกษตร ช่วยเมล็ดพันธ์ควรปลูกอะไร
พาณิชย์ ช่วย sales&maketing อุตสาหกรรม ช่วย value added, packaging, วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ช่วย r&d
แต่วันนี้ไม่ใช่ ทุกคนขอที่ทำกิน 15 ไร่ 25 ไร่ แบ่งที่กันเอื้ออาธร ซึ่งไม่มีจุดคุ้มทุน
ไปนิวโอลีนมา 30 ปีก่อน เห็นไซโลเขาเก็บได้ 3-5 ปี มี vaccumn ดูดเอาอากาศออก มีกระเช้าโกยขึ้นมา
รัฐไม่ต้อง finance แบงค์ finance ทำให้ชาวนามีอำนาจต่อรองเพราะเก็บได้ไม่เน่าเสีย
เด็กรุ่นหลังมองว่าการศึกษาสูงแต่พอลงสนามแล้วไปไม่รอด ต้องกัดฟันมากกว่านี้
ต้องฝากรัฐมากกว่านี้ เรียนออกมา 4 ปีใช้ไม่ได้แล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
ช่วงที่ 2 ทางพี่อมรจะสรุปต่อครับ ขอบคุณครับ
ขอขอบพระคุณอ.ไพบูลย์,พิธีกร,วิทยากร, ทีมงาน money talk และผู้สนับสนุนทุกท่าน
หากขาดตกบกพร่องแก้ไขเสริมได้เลยครับ
Money talk at SET ครั้งต่อไป วันที่ 19/12 เปิดจอง 12/12
หัวข้อ 1 เศรษฐกิจใน-นอก ดร.กอบศักดิ์, ดำเนินรายการ อ.เสน่ห์, อ.นิเวศน์, อ.ไพบูลย์
หัวข้อ 2 จับตาหุ้นไทยปี 59 ดร.ก้องเกียรติ, คุณมนตรี,อ.นิเวศน์ ดำเนินรายการ อ.เสน่ห์, อ.ไพบูลย์
Money talk ปี 2559 ม.ค. วันที่เสาร์ 9 ม.ค. จอง 2 ม.ค.59
หัวข้อ 1 หุ้นเด่นปี 59 ในดวงใจเซียนวิเคราะห์
คุณกวี(ksec), คุณสุกิจ(maybank),ดร.วิศิษฐ์(trinity)
หัวข้อ 2 มองหุ้นไทยกับ super VI
ดร.นิเวศน์, คุณโจ, คุณพีรนาถ,คุณประชา และหมอเค
(ถ้าย้ายไปห้องประชุมที่พระราม 9 จะจุได้ 500 คน แต่น่าจะยังไม่เรียบร้อย)