หน้า 1 จากทั้งหมด 1

MoneyTalk27Mar16โลกมืออาชีพการเงินและนักลงทุนรุ่นใหม่

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 28, 2016 12:53 am
โดย i-salmon
MoneyTalk27Mar2016

ช่วงที่ 1 รวยๆจนๆบุญหรือกรรมใดที่หนุนส่ง
แขกรับเชิญ
1) พระราชธรรมนิเทศ (พระอาจารย์พยอม กัลยาโณ)
2) ทพ. สม สุจีรา
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ. เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ

เกริ่นนำ
วันนี้นิมนต์วัดสวนแก้ว ให้มาร่วมบริจาคสิ่งของและ ทำบุญกับ กองทุนผู้สูงวัย
สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่าได้ร่วมทำบุญ 400,000 บาท (มูลนิธิสวนแก้ว 200,00 และกองทุนผู้สูงวัย 200,00 บาท)
ซึ่งในปีนี้ได้ทำบุญ 5 ที่ รวมเป็น 2 ล้านบาท

แนะนำแขกรับเชิญ
1) พระพยอม เป็นพระนักเทศน์ นักพัฒนา ช่วยคนเยอะมาก ท่านอยู่ที่วัดธารน้ำไหล ของท่านพุทธทาส 7 ปี เป็นผู้นำไปดูโลงมหรสพ แล้วมาสร้างวัดสวนแก้วมา 30 ปีแล้ว อายุ 67 พรรษา บวชพรรษาที่ 47 ตั้งแต่ปี 2513
2) ทันตแพทย์ สมสุจีรา อายุ 48 ปี จบทันตแพทย์ และยังจบปริญญาโทจิตวิทยา และให้เวลาศึกษาพระพุทธศาสนา วิปัสนากรรมฐานหลายปี เขียนหนังสือเล่มล่าสุด มิติที่ 5

อ.ไพบูลย์ ถาม อย่างเช่น อ.นิเวศน์เกิดมายากจน ไม่ค่อยมีเงินไปเรียน ไปทำงานก็ไม่ค่อยมีเงิน บริษัทที่ไปทำก็เจ๊ง
แต่พอแต่งงาน มีลูกแล้วเริ่มโตมา ฐานะดี เคยถามคุณ ณัฐพบธรรม บอกเป็นบุญของลูก จริงไหมครับ?
พระพยอม
สิ่งที่ทำกรรมส่งผลให้ชีวิตมั่นคง
ศีล1 ถ้าทำให้คนบาดเจ็บเสียชีวิต จะบั่นทอนชีวิตตัวเองให้สั้น
เพราะกระทำให้ชีวิคนอื่นสิ้นไปสั้นไป
ศีล2ถ้าใครชอบชี้ขุมทรัพย์ให้เพื่อนรวย ไม่เคยคดโกง
ศีล3 ชีวิตทางเพศจะไม่ขม ไม่แปรปรวน เกิดเป็นชายจริงหญิงแท้
ศีล4 พูดจริงทำจริง มีสัจจะ แก้วเสียงใส มีเครดิตในคำพูด
ศีล5 ไม่ดื่มน้ำผลาญสติ จะไม่หลงๆลืมๆ

กรณีที่เราทำแล้วส่งผลกับเราในทันที หรือต้องใช้เวลา?
พระพยอม กรรมมี 2 ตัว
1) อุปปีฬกกรรม กรรมเก่าที่เคยทำ ตามมากลั่นแกล้ง
2) อุปถัมภกกรรม จะคอยคุ้มครองไม่ให้มาเบียดเบียนเรา
ทพ.สม แบ่ง 2 แบบ กรรมภายนอก กับ กรรมภายใน
ภายใน ฝังในจิตเราเอง ความลังเล เชื่อมั่น
ภายนอก เจ้ากรรมนายเวร คู่บุญคู่เสริม เป็นจังหวะข้อชีวิต
พระพุทธเจ้าบอกกรรมภายนอกเปลี่ยนไม่ได้ เพราะสร้างมา แต่กรรมภายใน
เปลี่ยนได้ จิตของเรา เหมือนเวลาลังเล ไม่ซื้อแล้วหุ้นขึ้น ซึ่งเป็นตัวให้เราไม่ประสบความสำเร็จ
กรรมนี้เกิดขึ้นจาก เช่น ในอดีตเราอาจเคยคิดทำบุญลังเล แล้วไม่ได้ทำ
ก็ส่งผลสะท้อนกลับ เราก็จะลังเลกับสิ่งที่เราจะได้
พระพุทธเจ้าบอก การเจริญสติดีที่สุด ไม่ว่ากรรมอะไรมาสกัดได้หมด
สำหรับการเล่นหุ้น สติกับสมาธิ สำคัญ สติคือความไว ไหวพริบ สมาธิคืออารมณ์แน่วแน่ แต่ ถ้าช่วงหุ้นตก สมาธิ สำคัญกว่า ไม่หวั่นไหวกับสถานการณ์ อย่าง ptt ร่วงลงมา 198 บาท แต่ภายใน 5 วันก็กลับขึ้นไป ตลาดหุ้นอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ถ้าเราอยู่เหนืออารมณ์ก็ชนะได้ วิธีคือ เจริญสติ และทำสมาธิ
อ.ไพบูลย์ เสริม ptt เขาทำกรรมดีไว้ เพราะเลี้ยงอเมซอนพวกเรา พวกเราก็เป็นคนมีบุญเหมือนกันจึงมีอวัยวะครบ ได้ฟังธรรม มีเงินลงทุนในหุ้น
ทพ.สม เสริม มันมีเหตุปัจจัยให้เกิด แต่จิตเราไม่ละเอียดพอให้รู้ว่าเกิดอะไร เหมือนถ้าเป็น สุนัขถูกตีที่มาขับถ่าย แต่สุนัขไม่รู้ว่ามันถูกตีเพราะอะไร เหมือนคนเราก็อาจจะไม่รู้ว่าเคยทำกรรมอะไรไว้ในชาตินี้ ชาติก่อน

อ.เสน่ห์ ถาม บางคนทำอย่างไรก็จน แถมมีความโชคร้ายอย่างอื่นซ้ำซ้อน คนรวยก็รวย เกิดจากกรรมไหน?
พระพยอม มีอยู่มีคนมาถือศีลอยู่ที่วัด น้องชายเขามาหาก็เล่าให้ฟังว่าชีวิตซวย ลูกเจ็บ รถเสีย แต่โชคดี จิ๊กของบริษัทได้พอสมควร พี่ชายก็แนะให้สารภาพกับบริษัท ขออโหสิกรรม
เอ็งไปเจาะทรัพย์ของเขา ทรัพย์เอ็งก็รั่วไหล
ซึ่งน้องชายเขาก็ไปทำตาม หลังจากนั้นก็กลับมาเล่าว่าการเตือนครั้งนั้นเขาเปลี่ยนพลิกชีวิต ไม่ไปเจาะทรัพย์ใคร ชีวิตก็ดีขึ้น แล้วทรัพย์ก็มั่นคงขึ้น


อ.ไพบูลย์ เล่ามีคนเขียนใน pantip ถามคุณหมอสันต์ หัตถีรัตน์เป็นที่ปรึกษาผู้อาวุโส มีจดหมายมา คนเขียนอายุ 60 กว่า อยากฆ่าตัวตาย เกษียณออกมา สามีเป็นอัมพฤกษ์ทำอะไรไม่ได้ มีเงิน ล้านกว่าบาท อยู่กินตลอดชีวิตก็ไม่น่าไหว ลูกก็อยากจะเอาเงินไปลงทุน อยากให้มาแบ่งไป ทำไมตอนทำงานชีวิตก็ยังไปได้ แต่ตอนนี้เป็นแบบนี้ควรฆ่าตัวตายไหม?
พระพยอม ฆ่าตัวตายใช้ไม่ได้ ยอมพ่ายแพ้ปัญหาอุปสรรค อย่าเชื่อแต่กรรมวาทีอย่างเดียว ต้องเชื่อวิริยะวาที เชื่อการกระทำกรรม และเชื่อทั้งความเพียรพยายาม ถ้าคนนั้นเจริญอิทธิบาท เต็มใจสู้ปัญหา แข็งใจสู้ปัญหา ตั้งใจแก้ปัญหา และเข้าใจวิธีแก้ปัญหา จะหลุดพ้นจากปัญหาได้


อ.เสน่ห์ กรรมลบล้างได้ไหม บางอย่างไม่ตั้งใจ ทำกรรมโดยบกพร่อง ?
อ.พยอม ในหลักศาสนา กรรมดำเหมือนม้าดำ กรรมดีเหมือนม้าขาว ถ้าควบคุมม้าขาวให้วิ่งแซงไป จะบอกล้างก็ไม่ใช่ แต่ฝ่ายดีวิ่งแซงไป ต้องทำกรรมดีให้เยอะกว่า เร็วกว่า ฉลาดกว่า ถ้าทำบุญเยอะแต่ติดคุกก็ไม่ถูก
อ.ไพบูลย์ ใครทำกรรมดีกรรมชั่วต้องรับทั้งนั้น กรรมไหนแข็งแรงกว่า ทำกรรมดีมากรรมชั่วก็ถูกถมข้างล่าง เวลาทำบุญอย่างไรให้ได้ผลจริงๆ?
พระพยอม เรียกอาณิสงค์หรือผลที่ตามมา พระพุทธเจ้าเคยกล่าว ทำบุญกับสัตว์ 16 ครั้ง ไม่เท่ากับทำบุญกับมนุษย์ที่ดี แต่ก็ไม่เท่ากับพระสงฆ์ที่ดี แต่ก็ไม่เท่ากับการเจริญเมตตาครั้งเดียว
ดังนั้นการแผ่เมตตาเป็นบุญที่ได้อาณิสงค์มากกว่าบุญอื่นทั้งหมด สุดท้ายถ้าทำบุญที่ได้อาณิสงค์มากที่สุด หยิบเงินขึ้นมาต้องบริกรรม เรียกว่า เจริญอนิจสัญญา
เงินที่จะจากไป ไม่เราจากมัน มันก็ต้องจากเรา มีเรื่องเล่าที่วัด คนเก็บเงินไว้ที่หัวเตียงแล้วลูกเอาไปบริจาควัด มีเด็กที่วัดไปเจอนาฬิกาโรเล็กซ์ แหวนเพชร เงินสด รวม4 ล้านบาท จึงประกาศหาเจ้าของ คนถวายหัวเตียงมาเต็มเลย มีหนุ่มสาวอยู่คู่หนึ่งที่มีหลักฐานก็เอามาให้ดู จึงให้เงินคืนเขาไป แล้วเขาก็ให้เด็กที่เจอเงิน 3 คน คนละหมื่นบาท และชมว่าสอนอบรมเด็กได้ดี

อ.ไพบูลย์ พระพุทธศาสนาสอนไว้ว่าถ้าทำบุญกับสิ่งที่ดีได้อาณิสงค์มากกว่า ทำบุญกับคนชั่วจะได้น้อยกว่าใช่ไหม?
พระพยอม ใช้คำว่า ทำบุญกับเนื้อนาบุญได้บุญดี ทำเนื้อนรกได้บุญนิดหน่อย มีสำรวจพบว่า ความเข้าใจศาสนาของคนไทยเรา พุทธ17% อิสลาม 35% คริสต์ 28% เห็นว่าชาวพุทธความเข้าใจต่ำ เราจึงทำกับศาสนาผิดๆถูกๆ
อ.ไพบูลย์ เสริมมีหลายคน ชอบพูดไม่เชื่ออย่าลบหลู่ อย่างต้นไม้ขนุนออกลูกเป็นชมพู่ บอกไม่เชื่ออย่าลบหลู่ จริงไหม?
พระพยอม ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่ มีพระเมืองไทยที่เป็นปราชญ์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ท่านตอบไว้สวยมากว่า อย่าจำนนต่อคำพูดนี้ จงต่อไปด้วยว่า ถึงเชื่อก็ต้องศึกษาให้ชัดเจน แจ่มแจ้ง ไม่ใช่ไม่เชื่อแล้วยอมจำนน

อ.เสน่ห์ ถามเรื่องการทำบุญ
ทพ.สม ขึ้นกับจิตเราเอง เมตตา เทียบพรหมวิหาร 4 ปราถนาให้คนอื่นเป็นสุข ถ้าเป็นเรื่องเล่นหุ้น ขายหมูก็อย่าไปเสียใจ ให้คนอื่นเป็นสุข ต้องมีเมตตา ดีใจให้กับคนอื่นที่ซื้อต่อกับเรา

อ.เสน่ห์ ถ้าไปซื้อควาย ได้อะไรไหม?
ทพ.สม แสดงว่ากรรมเก่า เราอาจเคยสะใจตอนหุ้นตก มีเมตตาไม่พอ ต้องมีกรุณา ปราถนาให้คนอื่นพ้นทุกข์ หุ้นตกเราไม่มีหุ้นต้องสงสารคนอื่นเขา บุญอยู่ที่ใจ

พระพยอม เคยใช้ล้อคนเรียนหนังสือ พ่อแม่ชาวนา ขายวัวขายควายให้ลูกเรียน แต่จบมาแล้วโง่ เรียก ขายความส่งวัวเรียน


อ.เสน่ห์ การทำบุญบางคนชอบทำ 20 ขอล้านนึง แล้วขอเงินรวยเยอะๆ จะเป็นอย่างไร?
พระพยอม มีบางคนใส่บาตรนิดเดียวแล้วยกขอนานมาก อย่าปราถนามากไป สิ่งที่ควรปราถนา 1.ทำบุญแก้กิเลสตัวเรา หามาได้แบ่ง 2. ทำนุบำรุงศาสนา ให้เป็นที่พึ่งสัตว์โลก จะได้ไม่เบียดเบียนกันมากเกินไป ตั้งเป้าแบบนี้จะดีกว่า

อ.เสน่ห์ บางทีมีคนตายแล้วฟื้น แล้วมาให้สัมภาษณ์ว่าชีวิตลำบาก หิวน้ำ ไม่มีน้ำกิน
พระพยอม ชาวบ้านทำบุญก็ใส่น้ำกันใหญ่ เป็นสิ่งไม่จำเป็น บาลีตอนที่พระ ยะถา สัพพีให้พร ถ้าทำบุญถูกต้องปราถนาสิ่งใดย่อมได้ ไม่ใช่ถวายกระเบื้องก็ไปกินกระเบื้อง บุญไม่ล็อคสเป็ก

อ.ไพบูลย์ นักลงทุนได้ร่วมทำบุญ หรือไปอบรม thaivi ได้ร่วมทำบุญ ทำบุญแบบไหนได้อาณิสงค์จริงๆ?
ทพ.สม บุญขึ้นกับความรู้สึกทางใจ ทำบุญ 10 บาท ศรัทธาเต็มเปี่ยมก็ได้อาณิสงค์เต็มๆ
ความรู้สึกทางใจโกหกกันไม่ได้ บุญจะสะท้อนกลับในความรู้สึกเท่ากัน ไม่ได้ขึ้นกับว่าเรารวยหรือจนแค่ไหน
อ.ไพบูลย์ เสริม มีตัวอย่าง วอรเรน บัฟเฟตต์ เขียนเอาไว้ ที่เขาบริจาคเงินเกือบหมดให้การกุศล หลายคนคิดว่ายิ่งใหญ่ ถ้าเทียบกับคนที่มีเงิน 100 เหรียญ บริจาร 50 เหรียญให้การกุศล ยิ่งใหญ่กว่าเขาเยอะ เขาบริจาคเกือบหมดก็ชีวิตเหมือนเดิม แต่ไม่เท่ากับคนที่ไม่มีเงิน แต่เอาแรงงานตัวเองไปช่วยเหลือคนอื่น

ทพ.สม ถ้าทำบุญแล้วกลับมาในอีกภพหรืออีชาติแล้วได้อะไร เราลืมไปแล้ว ตอนนี้นั่งปฏิธรรมเจริญสติ แล้วจะเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่บังเอิญ เห็นอนาคตว่าเราจะเจอใคร แต่เราไม่รู้ว่าเป็นใคร อนาคตถูกล็อคไว้แล้ว ก็น่าตกใจ ได้อ่านวิทยาศาสตร์สาย Quantum บอกว่า บางครั้งเป็นไปได้ว่า อนาคตจะมา lock อดีต เช่น เราจะเข้ามหาวิทยาลัย เจอภรรยา และมีลูกสองคน ซึ่งอนาคตเป็นตัวล็อคให้เราต้องเข้ามหาวิทยาลัยนี้ เป็นสิ่งที่นักฟิสิกส์ เชื่อเรื่องนี้ด้วย แต่ทางพุทธบอกว่าเป็นไปตามกรรม เป็นบุพเพสันนิวาส ซึ่ง lock ไว้แล้ว ทางพุทธลึกกว่า วันหนึ่งวิทยาศาสตร์จะตามมา
ชีวิตคนเราเปลี่ยนแปลงสุด เรื่องแต่งงานสำคัญมาก นอกจากเรื่องงาน, เรียน ,ที่อยู่

อ.เสน่ห์ ทำบุญมากได้บุญาก ทำน้อยได้บุญน้อย ?
พระพยอม มีพระรูปหนึ่งเทศน์ ใช้คำว่า จงเรียกทำบุญให้หมดตัว ก่อนที่ตัวจะหมดบุญ มียายคนหนึ่ง มีเงิน 30 ล้าน แกก็ทำบุญไปหมด ลูกหลานไม่ได้ก็แซว ต่อว่า แดกดัน แล้วสุดท้ายก็ผูกคอตาย พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ว่า ตถาคตไม่สรรเสริญคนให้เยอะให้มากให้ถี่ แต่สรรเสริญคนใคร่ควรดีแล้วนำออกให้ นี่สำคัญ

อ.ไพบูลย์ คนที่มาลงทุนหุ้น บางทีเครียดกับสิ่งนอกตัว บางคนอายุมากแล้วยังต้องมาคิดจะซื้อจะขายหุ้น มีความทุกข์เครียด เป็นการทำบุญหรือบาป?
พระพยอม คนจนเล่นหวยคนรวยเล่นหุ้น คนอยู่เฉยๆไม่ได้ บาปก็ไม่เชิง ไม่ได้ผิดศีลธรรม เล่นหุ้นแล้วไปฆ่าเขา แย่งภรรยา หรือเปล่าก็ไม่ใช่ เป็นเกมธรรมดามนุษย์ปุถุชน
การแก้กรรมนักลงทุนเล่นหุ้น ต้องอย่าเป็นแมลงเม่า เปลี่ยนเป็นแมลงผึ้ง หาความรู้ความฉลาด หาประโยชน์ของหุ้น เลี้ยงชีวิตได้ ดีกว่าไปเป็นมือปืนรับจ้างฆ่าคน มีขึ้นมีลง ฟูๆแฟ่บๆบ้าง จนกว่าถึงวันที่ได้ก็ไม่ฟู เสียก็ไม่แฟ่บ เล่นอย่างปกติให้ได้

ทพ.สม เสริม คนเราหุ้นมีภพชาติย่อยๆเกิดขึ้นตลอดเวลา ท่านพุทธทาสกล่าวคนเราเกิดใหม่ได้หลายครั้ง เวลาหุ้นขึ้นเราก็ขึ้นไปสวรรค์ชั้นสูง พอหุ้นตกก็ลงนรกชั้นลึก ตลอดเวลาเป็นอะไรที่หยุดไม่ได้ เป็นอะไรที่เป็นกรรม ใครยังไม่ได้เล่นอย่าไปเล่นเลย
จิตเราเป็นสปริงชั้นดี เด้งขึ้นลงตามที่เรากด ตอนขึ้นถ้าไม่ดีใจมาก ตอนลงก็ไม่เสียใจมาก
อีกอย่างคือ อารมณ์ชอบซื้อขาย ก็อันตราย

อ.ไพบูลย์ สอนวิชาการเงิน เป็นวิชาบาป เอาให้มากสุด เราต้องเคยทำกรรมมาด้วยกัน ซึ่งถ้ามีกรรมมาด้วยกัน ต้องมีวิชาแก้กรรม คือวิชาของพระพุทธเจ้า ใช้ได้ไหม?
พระพยอม ใช้ได้ส่วนหนึ่ง เงินเป็นอสรพิษ แต่ต้องแยกแยะให้ดี เงินก่อคดีก็ได้ เงินสร้างบารมีก็ได้ ถ้าพระพยอม กับนักจัดรายการ หาเงินให้ใกล้เคียงกัน แต่เป็นการสร้างบารมี ต้องใช้เงินให้เป็น เลี้ยงหมาที่บ้านก็อย่าให้ขาดแคลน ให้หิว เงินไม่ใช่ว่าเลวร้ายทั้งหมด อยู่ที่คนใช้ คอมพิวเตอร์ มีเด็กใช้ดูภาพลามก กับเด็กอีกคนใช้หาความรู้

ทพ.สม เราไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร จะเสียดายเมื่อใกล้ตายถ้าเงินยังไม่หมด แต่เสียดายกว่านั้นถ้าเงินหมดแต่ยังไม่ได้ ถ้าคนมีเงินเป็นร้อยล้านพันล้าน จะเสียดายทำไมอีก สมมติถ้าคิดว่าให้ลูก ทางการแพทย์เวลาจะตายเรื่องลูกก็ตัดหมด ลืมหมดแล้ว

อ.เสน่ห์ มีคนบอกว่าเงินสั่งมา มีอิทธิฤทธิ์ขนาดนั้นไหม?
พระพยอม มีทั้งลูกฆ่าพ่อ ลูกแย่งน้ำพริก อยากให้ ฟังเพลงเงินสั่งมา ครูชลธี ธารทอง
https://www.youtube.com/watch?v=LZ8EsAMOWbg

ทพ.สม ถ้าเราไม่เห็นแก่เงิน ถ้ากำไรหุ้นแสนนึงล้านนึง จะเฉยๆ ผลบุญที่สะท้อนกรรมจะแรงกว่า เพื่อให้ดีใจกว่าเท่าที่เราบริจาค ยิ่งเฉยยิ่งได้

อ.เสน่ห์ อย่างเรื่องน้ำพริกแม่ประนอม คนที่ร่ำรวย มีมรดกมากมาย แล้วลูกก็ขับไล่ พ่อแม่จะเกิดจากอะไร?
พระพยอม มีลูกสาวคนหนึ่ง เลี้ยงลูกจนจบพยาบาล มีนา 23 ไร่ แถวรังสิต ราคาเกือบ 100 ล้าน พอแต่งงาน ไม่รู้ไปเชื่อสามีหรืออะไร ไล่แม่ออกจากบ้าน แม่ก็ไปฟ้องร้อง ฐานไม่เลี้ยงดูขับไล่ ถ้าคดีนี้ชนะ โลกก็จะไม่เนรคุณ ซึ่งอีกไม่นานศาควรตัดสินด้วยความเป็นธรรม ถ้าลูกไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ ไม่ควรได้มรดก ซึ่งพยาบาลก็แย่ลงเลย เลือกทางที่โง่ที่สุด

อ.เสน่ห์ พอรวยแล้วมักไม่ค่อยติดคุก แสดงว่าต้องทำกรรมดีมา?
พระพยอม อุปภัมภกกรรมช่วงแรกยังดี แต่สมัยนี้เวบไซต์อะไรทั้งหลายที่ลงข้อมูล ก็ทำให้รื้อฟื้นคดีขึ้นใหม่ จะให้กรรมให้ผล ต้องมีมวลชนหรือฝูงชนจนตำรวจทนไม่ไหว ช่วยกันฟื้นคดี

ทพ.สม ความสุขของคนแปรผันตามเงินแค่ช่วงแรกของชีวิต มีมากจุดหนึ่ง ซื้อรูปรสกลิ่นเสียงได้ระดับหนึ่ง ตัณหาคนเราพองเร็วมาก บางทีก็ไปติดยาเสพติด ดาราระดับโลกยังติดยาก เขาสุขจนไม่รู้จะสุขอย่างไร ต้องหาความสุข หาสิ่งเร้าตลอดเวลา ถึงวันหนึ่งการรวยระดับหนึ่ง กราฟความสุขจะตกลง ห่วงสมบัติ ขึ้นเครื่องบินกลัวเครื่องตก กลัวลูกทะเลาะกันแย่งสมบัติ ถ้าเรารู้จักพอจุดหนึ่งจะรักษาระดับความสุขได้
ความสุขของคนไม่มีจะค่อยไต่ระดับ อย่างเด็กๆเล่นม้าหมุนข้างบ้าน โตขึ้นไปหน่อยไปสวนสยาม โตขึ้นอีกไปดิสนีย์แลนด์ สุขหลายชั้น พอลูกคนรวย 4 ขวบ ไปเจอดิสนีย์แลนด์ กลับมาเจอดรีมเวิลไม่สนุกเลย เพราเจอสุขสุดยอดแล้ว ชีวิตที่เหลือเซ็ง ไม่สนุกเลย โตมาติดยา

อ.เสน่ห์ เรื่องสูญเสียเงินทำใจอย่างไร?
พระพยอม เสียหนักสุดคือโฉนดถุงกล้วยแขก ทนายแต่งเรื่องให้ศาลพิจารณา ซึ่งสำนวนทนายทำให้ออกโฉนด นางโตเอามาเสนอขายวัด ซื้อที่ดินมา 10 ล้าน เสียค่าถมที่ดินอีก 3 ปี มีคนมาแย้งว่าโฉนดมีอยู่แล้ว ศาลตัดสิน ทนายไม่ผิด นางโตไม่ผิด ความผิดตกมากับใคร สิ่งที่ทำให้คนโกงได้เพราทนาย
มีนิยายเรื่องหนึ่ง ชื่อทนายตายกลางทุ่ง หมู่บ้านแห่งหนึ่งเวลาชาวบ้านทะเลาะกัน มีกำนัน เป็นผู้ไกล่เกลี่ย หลังจากนั้นลูกทนาย จบนิติศาสตร์ ตั้งสำนักทนาย ชาวบ้านก็ทะเลาะกันมากมาย สุดท้ายก็ลวงทนายไปฆ่าตายกลางทุ่ง อย่าง ถ้าลูกทำกับแม่แบบนี้ ทนายยังจะไปว่าความให้เขาอีกหรือ

อ.เสน่ห์ ถ้ามีเงินมีทองจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์นอกจากดำรงชีพ หาความสุขใส่ตัว?
ทพ.สม บริจาค แต่ต้องเลือกให้ถึงคนที่เราต้องการ ถ้าเป็นนักลงทุนก็เลือกหุ้นที่ทำให้เพื่อสังคม บริษัทที่ช่วยจ้างงาน ผลิตสินค้าดีๆ เวลาได้ทุนไปขยายกิจการ ก็ช่วยได้เยอะ ไม่เหมือนในบ่อนที่เป็นแต่การสุ่ม หุ้นมีเหตุมีผล ถ้าเราเล่นกับสุ่มก็เป็นเหมือนการพนัน เป็นการทำบุญแบบหนึ่ง ถ้ามีสติเจริญสมาธิบ่อยๆ ก็จะเบื่อกับความร่ำรวย อย่างบิล เกตต์มีระบบ tracking ว่าเงินเราไปไหน ฝรั่งดีอย่างตรงที่ไม่ค่อยแคร์ลูก จบมาไม่มีคอรัปชั่น ไม่ต้องเก็บให้ลูกเขามาก ลูกก็หาได้เองอยู่แล้ว ถ้าเราทำกรรมดีมากๆเกิดมาคงอยู่ในประเทศดีๆ ตอนเกิดจิตเลือกพันธุกรรม บ้านไหนเป็นแบบไหน เป็นกรรมสนองอีกอย่าง
วิบากกรรม กับ พันธุกรรม สัมพันธ์กัน วิบากกรรมเป็นกรรมในจิต พันธุกรรมเป็นกรรมใน DNA บางคนร่ำรวยมหาศาลไม่มีลูกซะที บางคนยากจนมีลูกมากมาย แสดงว่าคนทำบาปเยอะขึ้น บางทีกรรมสนองที่ลูกก็มี ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ตั้งสติไว้แล้วก็ทำความดี เคยมีวิจัยมาว่า การตัดสินใจมากจากความรู้สึกในใจ ไม่ใช่ความคิดในสมอง คนเราเป็นไปตามความรู้สึก เหมือนเห็นรูปหน้าซองบุหรี่ แต่ก็ยังสูบ

อ.ไพบูลย์ นักลงทุนหุ้นส่วนใหญ่มีความโลภมากกว่าความดี แต่ก็มีนักลงทุนหุ้นไม่น้อยที่เสียสละ บางคนก็สบายแล้ว แต่เสียสละให้คนอื่น เช่น กรรมการในสมาคม thaivi มีฐานะความมั่งคั่ง แต่เสียสละ ตั้งแต่คุณธันวา คุณโจ คุณชาย คุณชายลูกศิษย์พระอ.แบน หรือคุณนุช ชีวิตก็สบายแล้ว มาทำให้กับคนอื่น ยิ่งให้ก็ยิ่งอยากสร้างเพื่อให้อีก
พระพยอม มีตัวอย่าง ยายใส่บาตรที่พระปฐมเจดีย์ ขันใหญ่มากใส่จนปากขันบาง มีคนถามว่า ยายใส่บาตรเยอะขนาดนี้ไม่กลัวจนหรือ แกตอบข้างบ้านไม่ใส่ก็ไม่เห็นรวย แกต้องตื่นตี 4 เพราะขึ้นมาใส่แบบก็แพ็คของใส่บาตร แล้วก็ไปขายของจะได้หามาใส่อีก แต่อีกบ้านเช้าก็ไม่ตื่นเย็นก็ไปเที่ยว สุดท้ายก็ให้เยอะ หาเก่งไม่ได้ เพราะต้องเตรียมจะมาให้อีก
พระพยอม ปิดท้ายว่า ทุกคนต้องหาเงินเพื่อกำจัดความขัดสนฝืดเคือง อย่าหาเงินเก่งจนหาความสุขไม่ได้


ช่วงที่ 2 กลยุทธ์ลงทุนและหุ้นที่ต้องจับตา
1) คุณสุกิจ อุดมศิริกุล บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบ้งค์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
2) คุณภรณี ทองเย็น บมจ. หลักทรัพย์ เอเซียพลัส
3) คุณจิตรา อมรธรรม บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส
4) คุณดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ. เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ

แนวโน้มเศรษฐกิจโลก ไทย หุ้นไทย?
คุณภรณี
ถ้าเริ่มจากเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะฟื้นตัวล่าช้า IMF ประมาณโต 3.2-3.3% ประเทศที่มีปัญหาจีน ยุโรป ฟื้นตัวยังต้องใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย ยุโรปอัดฉีดตั้งแต่มี.ค.58-60 คิดเป็น 20% ของ subprime US อัดฉีด 4 ล้านล้านเหรียญ
ดูจากญี่ปุ่น ยุโรปก็ใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำ เอเชียก็ใช้ดอกเบี้ยต่ำ แต่ไม่ติดลบ จึงเห็น flow ไหลเข้า เอเชียตั้งแต่ก.พ.59 ถ้าดู fundflow ที่ขายหุ้นไทยต่อเนื่องมา 4 แสนล้านบาท เห็น net buy ตั้งแต่ ก.พ. ถึงล่าสุด 2 หมื่นกว่าล้าน
ประเด็นที่กดดันตลาดต้นปีคือ US ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ถ้าดูจากการฟื้นตัว มีดัชนีชี้นำขัดแย้งค่อนข้างเยอะคือภาคการผลิตชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเวลาหลายไตรมาสติดกัน ฝ่ายบริโภคดีขึ้นเพราะตลาดฟื้นตัว การว่างงานเหลือ 4.9% ยอดขายบ้านดีขึ้น แต่ยอดค้าปลีกยังขึ้นๆลงๆ ยังขัดแย้ง เงินเฟ้อใน US ยังต่ำ เป้าหมาย 2% ที่ตั้งไว้ยังไม่น่าเห็น ทั้งใน ยุโรป จีน ก็เป็นภาพเดียวกัน ของ US ทึ่ขึ้นดอกเบี้ยไปก็ยอมรับว่าตัดสินใจผิด อาจจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย มองว่าน่าจะขึ้นอีกครั้งครึ่งปีหลัง ส่วนลด irr เป็นตัวบ่งบอกการใช้นโยบายผ่อนคลาย วันศุกร์ที่ผ่านมาไต้หวันลดดอกเบี้ย อินโดลดดอกเบี้ยไป 3 รอบ มาเลเซียลด irr ไทยน่าจะคงดอกเบี้ยระดับนี้ ยังเป็นบวกไปจนถึงกลางปีจนกว่า US จะขึ้นดอกเบี้ย
ไทย การใช้จ่าย อัดฉีดเงินช่วยเหลือคนรายได้ต่ำ 1.5 แสนล้านบาท ล่งทุนสาธารณูปโภค 1.8 ล้านล้าน 59-60 ซึ่งมีความเสี่ยงถ้ารัฐบาลไม่ขับเคลื่อน
ปี 58 มีเหตุการณ์กระทบหลายอย่างไร 20 บาทต่อหุ้น บริษัทจดทะเบียนมีบันทึก stock loss ขาดทุน ssi
กำไรตลาดจะอยู่ที่ 90 บาท คิดเป็น net ปีนี้จะโต 30% เทียบเพื่อนบ้านโตราว 10%
ตัว lead น้ำมัน ธนาคาร ict
ตอนนี้ตลาดแพงระดับหนึ่ง แต่ยังมี fund flow หนุนตลาดแม้จะปรับฐานระยะสั้น ปีนี้อาจจะเห็น 1450 จุดได้

คุณสุกิจ
ตอนต้นปีที่พูด เคยให้คะแนนไว้ 7 เต็ม 10 ถึงวันนี้น่าจะเป็นคะแนนที่มั่นใจมากขึ้น ยังเหลืออีก 9 เดือน ภาพรวมหรือปัจจัยพื้นฐานของไทย ยังไม่แข็งแรงมาก แต่เพราะยังไม่ดีมากจึงเกิดมาตรการกระตุ้น ตลาดหุ้นจึงเป็นการคาดหวังมาตการกระตุ้น ในไตรมาส 1 ถือว่ามากกว่าที่คาดการณ์ ทั้งยุโรปลดดอกเบี้ย ซื้อพันธบัตรมากขึ้น ใช้ TLTRO รวมถึงญี่ปุ่น จึงเห็นว่าเศรษฐกิจโลกยังไว้วางใจไม่ได้ เติบโตอย่างอ่อนแอ และมีความเสี่ยงเศรษฐกิจจีน ที่อยู่ระหว่างปรับสมดุล จีนกรอบในช่วง 5 ปี 6.5-7%
ตลาดจะขึ้นได้ด้วยการกระตุ้น สภาพคล่อง และดอกเบี้ยที่ยังต่ำอยู่
แนวโน้มหุ้นไทยคาดหวังไว้ SET 1400 คาดหวังสิ้นปี 1650 ในช่วงครึ่งแรกของปี ยังไม่ควร 1650 เพราะปัจจัยพื้นฐานยังไปไม่ถึง แต่ครึ่งปีหลัง คิดว่าเม็ดเงินต่างชาติยังเข้ามาไม่นาน 3 เดือนที่คุยพยายามคุยกับทีมงานที่ดูแลลูกค้าต่างประเทศ ยังไม่ชัดเจนว่าจะเข้ามาก แต่แนวโน้มเป็นไปได้ เป็นการเข้ามาในตลาดเกิดใหม่ หลายปีก่อน ตลาดเกิดใหม่ให้ผลตอบแทนแย่ ปีนี้จะเป็นปีที่เงินไหลกลับ ตลาดประเทศพัฒนาแล้วปรับลงมาเพราะส่วนหนึ่งราคาแพง ซื้อขายที่ pe ค่อนข้างสูง และมีปัจจัยเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจทำให้เกิดการปรับสมดุล
ถ้าดูความแข็งแรง หรือการเติบโตของตลาดเกิดใหม่ ยังไม่ดี แต่มีสัญญาณฟื้นตัว ขึ้นมาจากเพราะหุ้นเราตกเยอะไป ราคาต่ำกว่าพื้นฐานบ้าง จึงฟื้นขึ้นมา
หุ้นพลังงานเป็นตัวหลักที่ปรับให้ดัชนีขึ้นมาตามทิศทางราคาน้ำมัน ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาก็เป็นเกมอย่างหนึ่ง มีการตกลงจะควบคุมปริมาณการผลิต แต่จะหวังให้ขึ้นตลอดก็ยังไม่เร็วขนาดนั้น
สรุปคือ ถ้าเอาไตรมาส 2 น่าจะเข้าสู่ช่วงปรับฐาน 1400 น่าจะรอ ยังไม่ไป 1600 เลยทันที ช่วงแรกน้ำหนักปรับขึ้นมาจากปัจจัยภายนอกที่ทำให้ตลาดปรับขึ้น ไตรมาส 2 ควรเป็นเรื่องปัจจัยภายใน 1) ผลประกอบการไตรมาส 1 ตัวเลขอาจจะแย่กว่าคาดหรือดีกว่าคาด 2) โครงการประมูลต่างๆตั้งแต่หลังสงกรานต์จะเป็นเรื่องสำคัญที่ชี้นำและตอกย้ำว่าจะขึ้นทะลุ 1400 ไปได้ไหม ถ้าเป็นไปตามที่กำหนดน่าจะได้

คุณจิตรา
ทุกวิกฤติเศรษฐกิจเกิดจากคนใช้เงินเกินตัว เป็นหนี้ จนฟองสบู่แตก เห็นใน US,Japan อยู่แล้ว แต่ดาราสำคัญคนหนึ่งในโลกคือ จีน ยังไม่เห็นจุด bottom พื้นฐานจีนคือเรื่องก่อหนี้ ที่ผ่านมาเขาอัดเรื่องการลงทุน สร้างถนน สร้างทางรถไฟ เพื่อให้เกิดการซื้อวัตถุดิบ การจ้างงาน ทำให้เกิดการเติบโต จนวันนี้แรงซื้อไม่ทันกับการลงทุนที่ผ่านมา ผลิตไม่มีคนซื้อ ธนาคารจีนอัดฉีดเม็ดเงินสร้างสภาพคล่อง ลดดอกเบี้ย ลด irr หลายครั้ง ทำให้ค่าเงินหยวน อ่อน แต่ไม่อยากให้อ่อนมาก จึงเอาเงินสำรอง ขายดอลลาร์ ซื้อหยวน จากปีก่อน 4 ล้านล้าน ดอลลาร์ เหลือ 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ 1 Oct ค่าเงินหยวนจะเข้าสู่ตะกร้า SDR ของสหรัฐ แนวโน้มเงินหยวนอ่อน ต่อเนื่อง สินเชื่อโต 15% GDP โต 7% ยังเป็นปัญหาที่ค่อนข้างลำบาก แต่จีนยังมีเป็นกึ่งสังคมนิยม จึงน่าจะเอาอยู่ ถ้าเศรษฐกิจโลกฟื้น ปัญหาของจีนก็จะเบาลง แต่ถ้าโลกไม่ฟื้นจีนจะน่ากังวล
ปัญหาตลาดหุ้นไทยหลักๆคือ จีน พวกเรื่อง FED, กรีซ ก็ผ่านมาหลายปี ก็ไม่เป็นไร ถ้าเรา assume ว่าจีนปีนี้เอาอยู่ จะเหลือแค่บ้านเราเองจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นมา ข้อดี คือตลาดเราเริ่มจากความผิดหวัง ที่ไม่มีรถไฟหลายสีตั้งแต่ต้นปี หรือ NPL เพิ่มตั้งแต่ต้นปีก่อน ปีนี้โอกาส positive surprise มีสูง และเป็นปีแห่งการลงทุน
การท่องเที่ยงนักท่องเที่ยวโตสูงมาหลายปีติด 30-40% ปีนี้ยังโตแต่ราว 10% ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนพฤติกรรมก็เปลี่ยนไป มาเที่ยวเอง มีไกด์มาเอง เช่าเหมาลำมาเอง เช่าคอนโดหมุนเวียนเอง อย่าง AAV Q4 ที่ผ่านมา รายได้โตบ้าง แต่กำไรก็ไม่โตอย่างที่คิด ไม่เหมือน 3-4 ปีที่ผ่านมา จึงไม่น่าสนใจมากเท่ากับปีก่อน
การบริโภค พวกถึงหนี้ครัวเรือนสูง ประชากรกลางล่าง ยังลำบากอยู่ ทั้งภัยแล้ง สัดส่วน 36% ทั้งประเทศ ส่วนที่เหลือมีเงิน แต่ไม่อยากใช้เพราะไม่มีความมั่นใจ อย่างช่วง 7วัน shop ช่วยชาติ ก็จะเห็นว่ามีคนมีเงินใช้ อย่าง Hmpro คนแน่น แต่ Global ยอดขายแทบไม่กระเบื้อง สวนทางกัน แต่หลัง 1 ม.ค. ภาพกลับไปเงียบเหมือนเดิม
ร้านค้าบริษัทต่างๆที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีเข้าสู่ฐาน VAT
การบริโภคมาไวไปไว สิ่งที่บังคับรัฐบาลต้องทำคือการลงทุน
เริ่มเห็น AOT เปิดขายซอง และจะเห็นเรื่องรถไฟสาย เหลือง ชมพู ส้ม ที่จะเข้าประมูล
ภาครัฐเป็นตัวนำ เอกชนเป็นตัวตาม ถ้าเศรษฐกิจดี คนมีเงินจะออกมาใช้ตาม จึงมองตลาดหุ้นน่าจะดีครึ่งปีหลัง ส่วนที่ขึ้นมา SET 1412 น่าจะเป็นของปลอม ขึ้นมาจากหุ้น ICT ไม่กี่ตัว เพราะเป็น jas effect
เม.ย. วันหยุดเยอะ เพราะวันทำการน้อย และตลาดหุ้นที่ผ่านมาขึ้นมาเยอะแล้ว ซึ่งงบแบงค์จะเริ่มออก จะได้เห็นว่าตลาดที่ขึ้นมา กำไรจะตามทันไหม ซึ่งไตรมาส 1 สินเชื่อยังไม่มา โครงการขนาดใหญ่ยังไม่มา จะมีแค่ท่องเที่ยว กลุ่มพลังงานน่าจะดีบ้าง แต่หุ้นขึ้นพลังงานก็ขึ้นมามากแล้ว กำไรก็จะไม่ได้ดีมาก คิดว่าตลาดน่าจะพักฐาน ปีที่ผ่านมา sell in may ก็ขลังทุกปี คิดว่าลงไม่ลึก ยังมี flow ค้ำอยู่

อ.นิเวศน์
ภาพตลาดหุ้นไทย คิดว่าเป็น sideway อีกหลายปีจากวันนี้ก็อยู่แถวๆนี้ ลงขึ้นเป็นฟันปลา เพราะเศรษฐกิจไทยเป็นตัวแทนของคนไทยที่เริ่มแก่ตัวลง ที่กระตุ้นเหมือนจะคึกคัก แต่โตซักพักก็ถอย เหมือนคนแก่ที่อัดอะไรก็คึกเป็นพักๆ ถ้าจะอัดแล้วโตต่อได้ ควรจะเหมือนสมัยก่อน หรือเวียดนามสมัยนี้ คือลงทุนสร้างโรงงานแล้วผลิต จะได้ขยายได้ ส่งออกได้ แต่ถ้าสร้างรถไฟเสร็จ ก็ไม่มีอะไรต่อแล้วก็เป็นค่าเดินทาง สิ่งที่เราลงทุนไม่ทำให้เกิดขยายตัวรอบถัดไป มันคล้ายกับ competitiveness ของเราไม่ค่อยโต จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นก็ยาก คนเกิดใหม่ แรงงานใหม่ก็ไม่มี คนหนุ่มสาวน้อยลง การเพิ่มผลผลิตก็ไม่ค่อยโต ถ้าระยะยาวเศรษฐกิจโตยาก ในโลกก็ไม่ดี แต่ราคาหุ้นสูง น่าจะตกแต่ไม่ตก เพราะสภาพคล่องเยอะ ดอกเบี้ยต่ำมาก คนมีเงินก็ไม่อยากฝากเงิน คนก็ไม่เก็บเงินสดไว้รอดอกเบี้ยขึ้น แต่ก่อนถ้ายิ่งฝากเงินไกลๆดอกเบี้ยยิ่งสูง ล่าสุดต่อให้ลงทุนพันธบัตรสิบปีก็พอๆกับดอกเบี้ย 3 ปี เป็นการบอกว่าโอกาสดอกเบี้ยจะขึ้นใน 10 ปีข้างหน้ายากมาก เพราะโครงสร้างคนแก่ตัว คนมีเงินเพิ่ม ขยายตัวเศรษฐกิจ มีแต่เงินจะเหลือมากขึ้น เป็นการเก็บเงินไปใช้เกษียณ สภาพคล่องก็ไม่ลด คนไทยจึงเอาเงินมาลงทุนตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ภายใต้สภาวะแบบนี้กลยุทธ์ลงทุนควรเป็นอย่างไร จัดสรรเงินลงทุนอย่างไร
คุณสุกิจ
ในแง่กลยุทธ์รวมๆควรจะลงทุนในหุ้นที่มีราคาไม่สูงเกินไป ยังให้ผลตอบแทนปันผลระดับสูงพอสมควร ขึ้นกับดอกเบี้ยในตลาด 4-5% ขึ้นไป น่าจะพอหาได้ สูงกว่านี้จะมีน้อยลง ถ้าดูพฤติกรรมตลาดในช่วง 3 เดือน นักลงทุนจะวิ่งหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย มีปันผล ราคาไม่แพงมาก น่าจะมีโอกาสขึ้น อย่างถ้าดูกองทุน reit infra fund ราคาเพิ่มขึ้นมาก มีคนมาถามมากขึ้นเรื่อยๆ
คิดว่าควรจะมีอยู่ในสัดส่วนใหญ่ ปลอดภัยไว้ก่อน มีปันผล และราคาไม่แพงมาก
ส่วนที่ลงทุนเป็นรอบๆหาประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงราคาหรือความผันผวนทำได้ แต่ไม่ควรมากนัก ขึ้นกับความถนัดของเรา
การจัดสรรเงินลงทุน หุ้นน่าจะให้ผลตอบแทนได้สูงกว่าและยั่งยืนได้
การแบ่งเงินไปต่างประเทศ ควรหาหรือใช้จังหวะการฟื้นตัวตลาดเกิดใหม่เข้าซื้อ หรือลงทุนไม่ยาวมากนัก ทำกำไรรอบสั้นๆ
ตลาดพัฒนาแล้ว เช่นอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ปรับตัวลงมา มีคนรอซื้ออยู่ 2-3 ปีที่ผ่านมาขึ้นค่อนข้างเยอะ
การไปต่างประเทศถ้าให้สะดวกหน่อยควรเริ่มจากกองทุนก่อนเพื่อศึกษา มีผู้จัดการกองทุนดูแล
สัดส่วนหุ้นไทยฟื้นตัวในรอบปี น่าจะมีจังหวะฟื้นตัวได้ตามวัฏจักร ควรจัดสรรในหุ้นเป็นส่วนใหญ่ ตราสารหนี้ผลตอบแทนต่ำมาก แต่เป็นการ balance port ส่วนสินค้าโภคภัณฑ์ก็สร้างผลตอบแทนสั้นๆช่วงฟื้นตัว
สินค้าโภคภัณฑ์ ถ้าฟังผู้เชี่ยวชาญทองคำ ปีนี้มองไว้ว่าน่าจะมีระดับที่เป็นไปได้ 1300 เหรียญ จากตอนนี้ 1200 เหรียญ
ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาได้กำไรเร็ว คงต้องรอซื้อเมื่ออ่อนตัว

คุณจิตรา
ไปต่างประเทศบ้างไปกระจายความเสี่ยง แต่ให้น้ำหนักในไทยมากกว่า มองว่าตลาดน่าจะพักฐาน เม.ย.-พ.ค. เพื่อรอปรับฐานและเข้าซื้อ คิดว่าควรถือ 30%
สัดส่วนหุ้น 40% เน้นที่ไทย หุ้นอเมริกาน่าสนใจแต่แพง ยุโรปน่าสนใจมาก จีน ราคาต่ำ แต่หุ้นแบงค์หลายตัวมีโอกาสเพิ่มทุน เวียดนามน่าจะเป็นตลาดเด่น เวียดนามปีก่อนตลาด +6-7% ตอนนี้ foreign room เต็ม ตอนนี้เวียดนามกำลังจะใช้ Basel II ต้องมีการเพิ่มทุนอีกเยอะจากนี้ถึงปี 2018 จึงไม่น่าสนใจ
ที่เหลือเป็นตราสารอื่นๆ infrafund ทองคำ มองว่าสูงสุดคือ 1300 ทุกอย่าง price in ในราคาทองแล้ว อย่างตอนที่ fed ปรับลดการขึ้นดอกเบี้ยจาก 4 หรือ 2 ครั้ง ทองก็ขึ้นแป้บเดียวแล้วลง
กนง. พูดแบบมีความเป็นห่วงในค่าเงินบาทที่แข็งผิดปกติ และปรับลดตัวเลขเศรษฐกิจลงทุกอัน เป็นการส่งสัญญาณอัตราดอกเบี้ยในระยะข้างหน้าพร้อมจะปรับลง จะเห็นว่า yield 5 ปีพันธบัตรบ้านเรา ลงไป 1.4% ส่งสัญญาณว่าตลาด bond ก็มองว่าโอกาสปรับดอกเบี้ยลงมีสูง จึงมีการแย่งซื้อกัน

คุณภรณี
ตลาดหุ้นไทย ที่ขึ้นมา 10% มาจากพลังงาน มีอยู่ช่วงขึ้นไปเกือบ 20% จาก ptt, pttep, โรงกลั่น เนื่องจาก demand เยอะ ราคาน้ำมันที่ลงพราะ กังวลอิหร่านส่งออกได้ oversupply แต่หลังจากนั้นสหรัฐลดกำลังการผลิต และมีการเจรจาผู้ผลิตน้ำมัน ในตะวันออกกลาง และนอก OPEC ทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย
กองทุนบ้านเราหรือทั่วโลก ที่ผ่านมาไม่ค่อยถือหุ้นน้ำมัน ซึ่งกองทุนเริ่มมาถือ หรือคนที่ short position ก็กลับมา long เชื่อว่าเป็นโอกาสสะสม คิดว่าหุ้นที่ควรมี น้ำมันก็เป็นตัวที่น่ามีคือ ptt เป็นตัวแทนปิโตรเลียม โรงกลั่น ปิโตรเคมี
หุ้นที่ให้การเติบโตดี kce เป็นผู้ส่งออกอิเลคทรอนิกส์ โตระดับ 10% มากกว่าคู่แข่ง จับตลาดรถยนต์เยอะที่สุด มากว่า delta, hana
น้ำหนักหุ้นไทย ให้ 40-50% เงินลงทุน ตลาดหุ้นไทยอาจจะมี take profit บ้าง ที่เราจัดพอร์ตให้ผสม global และ domestic หุ้นปันผลเด่น ไม่มีปัญหาภัยแล้ง เช่น eastw
หุ้นกำลังจะ xd เริ่มน้อยลง หลังจาก xd จะลงค่อนข้างเร็ว อาจจะรอเก็บช่วง พ.ค.
หุ้น global เน้น ptt หุ้นในประเทศ เน้นปันผลเด่น
หุ้นต่างประเทศที่เรา cover มี 200 กว่าบริษัท ทั้งในอเมริกา จีน ยุโรป ต้องมีข้อมูลเข้าถึงได้ ใช้ภาษาอังกฤษเยอะ ต้องดูข้อมูลจาก Bloomberg เราเข้าลงทุนทั้ง active fund และ passive fund เป็นการลงทุนผ่านกองทุน
ส่วน active fund เป็น fund manager เลือกหุ้นเอง อาจจะมีความเสี่ยงสูงกว่า
ปีที่แล้วตลาดอเมริกาขึ้นค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าขึ้นดอกเบี้ยในครึ่งปีหลังอาจจะปรับฐานแรงอีกรอบ อย่างช่วงที่ถอน QE หุ้นก็ปรับตัวลงค่อนข้างเยอะ ส่วนตลาดยุโรปอยากให้ศึกษาเป็นตัวๆ อย่างพวก search engine หรือพวก IT พอไปได้
ที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ไม่ควรลงเกิน 1 ปี เพราะดอกเบี้ยบ้านเรา bottom แล้ว โอกาสลดลงน่าจะน้อยมาก กองทุน future fund ที่ระดมทุน 1 แสนล้าน ที่มี.ค. 1 หมื่นล้าน อีก 9 หมื่นล้าน ที่เหลือ
เป็นการดึงเงินจากระบบ ที่มีสภาพคล่องสูงๆจะถูกดึงไปบางส่วน ค่อยพิจารณาอีกทีครึ่งปีหลัง เช่น สหรัฐขึ้นดอกเบี้ย ตลาดอาจปรับฐาน

หุ้นเด่นที่ต้องจับตา
คุณสุกิจ
ช่วงนี้หุ้นคงหายากขึ้น ด้วยการที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมา ต้นปีเคยพูดไว้ kbank, ck, bem ซึ่ง bank น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี เพราะมี fund flow เข้ามา ซึ่งพอราคาหุ้นขึ้นไปเยอะ เริ่มเห็นการลดน้ำหนัก แต่ส่วนตัวน่าจะยังลงทุนได้เรื่อยๆ คงซื้อเมื่ออ่อนตัว
ไตรมาส 2 ธนาคารที่ไปกับการลงทุนภาครัฐน่าจะเป็น ktb
ช่วงที่ผ่านมาไม่ขึ้นคือ ก่อสร้าง
อย่าง ict, bank, chemical, food
คิดว่า ก่อสร้างยังไม่แพง น่าจะเป็นจังหวะที่ดี ในไตรมาส 2
หุ้นที่มองยังไม่เปลี่ยนคือ CK คิดว่าเป็นการลงทุนในหุ้นก่อสร้างที่ปลอดภัยระดับหนึ่ง บริษัทที่ถืออยู่ก็มีกำไร มีปันผล เติบโตได้
โรงไฟฟ้า เป็นหุ้นที่นักลงทุนหาหุ้นที่ปลอดภัย ก็จะเห็นขึ้นมาเยอะ อย่างกลุ่ม ปตท. มี GPSC ยังไม่ขึ้นเท่าไร การเติบโตก็ใกล้เคียง egco แต่เทียบกับมูลค่าแทบเต็มมูลค่า แต่ GPSC ยังมี upside ราว 20% ไม่เสี่ยงไปนัก
หุ้นธนาคารดูเป็นหุ้นที่มีโอกาสอ่อนตัวมากสุด เพราะขึ้นมาแล้ว และผันผวนตามตลาด คาดว่าไตรมาส 1 อาจจะดีขึ้น แต่ CK, GPSC คิดว่าทิศทางจะมีความเสี่ยงไม่มาก

คุณจิตรา
โรงพยาบาล ไปทุกเวทีก็ต้องพูดถึง aging society พูดคุยมานานแล้ว ในเมืองนอกตั้งแต่ปีก่อนเริ่มคุยถึง silver age คือประชากรหลังยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 อายุ 55-70 ปี คิดเป็น 20% ประชากรสหรัฐ ไม่ได้เป็นภาระ เป็นผู้บริโภคที่มั่งคั่ง ทำงานเก่ง เก็บเงินเก่ง ใช้เงินไปท่องเที่ยว รักษาพยาบาล ในบ้านเราไม่ค่อยมีหุ้นกลุ่มหลากหลาย นอกจากโรงพยาบาล
Market cap 20 ปีก่อน 0.2% ของตลาดทั้งหมด ปัจจุบัน 1%กว่าโดยไม่ต้องเพิ่มทุน โตด้วยราคาจริงๆ
LPH เป็นน้องใหม่ หุ้นโรงพยาบาลลาดพร้าว เพราะเขาเปลี่ยนจากโรงพยาบาลธรรมดาทำเป็นศูนย์เฉพาะทางมากขึ้น ทำให้กลับมาเป็นรายได้ เทียบกำไร yoy จะโตเป็น 100% ตั้งแต่ไตรมาสแรก ซึ่งปีก่อนทำได้แค่ 15 ล้าน แต่แค่สองเดือนนี้ก็เกินแล้ว คิดว่าทั้งปีน่าจะโตเกิน 70% เงินที่ได้จาก ipo จะเอามาขยายกำลังผลิต รับทั้งศูนย์เฉพาะทางและประกันสังคมด้วย ซึ่งจะได้โควต้าเพิ่มอีก 1 หมื่นรายจากคามิลเลียน แต่ปีถัดไปก็จะโตตามปกติ
คิดว่า รพ.น่าสนใจทุกตัว น่าจะโตซํก 15% ยกเว้น BH ที่ลงทุนขนานใหญ่ปีนี้
Arrow ทำท่อร้อยสายไฟ ที่เป็นท่อเหล็กอาบสังกะสี เนื่องจากอยู่ในทุกธุรกิจ อาคารต้องใช้ เกาะกระแสไปกับ 4g ได้ ต้องสร้างเสา สร้าง base station ต้องใช้ท่อร้อยสายไฟ สินค้านำเข้าเหล็กแผ่นจากจีน ม้วนแล้วหลอม สินค้าไม่ได้มีนวัตกรรม แต่ด้วย market share ใหญ่สุด 65% จึงต้องมาซื้อกับเขา ติดต่อผู้รับเหมาเป็นหลัก มีสินค้าทุกรุ่น มี eos รวมทั้งได้ประโยชน์การลงทุนภาครัฐ ต้องใช้ตามรางรถไฟ การสร้างตึกสูงเกิน 8 ชั้นกฏหมายก็บังคับว่าต้องเป็นท่อเหล็กเท่านั้น การไฟฟ้ามีสิทธิ์ไม่จ่ายไฟให้ถ้าเป็นท่อพลาสติค ปีที่แล้วแทบไม่มีโครงการก่อสร้าง แต่ยอดขายกลับทำ new high เพราะได้ งานก่อสร้างอาคารรัฐสภาพ 5 ปีที่ผ่านมารายได้โต 15% กำไรโต 20% เฉพาะปีที่แล้ว ปีนี้คิดว่า backlog ที่มีในมือให้กำไรโต 8-9% ไม่ยาก backlog จะสั้นๆ 200-250 ล้าน 3 เดือนจบ ซึ่งตอนนี้ก็ราว 400 ล้านแล้ว pe ปัจจุบันขยับขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ยังอยู่ในระดับ 12-13 เท่า ยังถูกกว่าในกลุ่ม 16 เท่า จะมี xd 29 เม.ย. สำหรับกำไรครึ่งหลัง 58 div 3%
หุ้นนวัตกรรม epg ทำ 3 ธุรกิจ อันหนึ่งเป็นชิ้นส่วนพลาสติค ล่าสุดชามที่ทานชายสี่หมี่เกี๊ยว เขาคิดพลาสติคที่มาวางบนชาม ทำพลาสติคที่วางบนชาม กินเสร็จแล้วทิ้ง 0.1 บาท เป็น food grade ต่อไปก็จะขายชามด้วย ขายไปตามรถเข็น ร้านก๋วยเตี๋ยวต่างๆ
หรือถ้วยน้ำพลาสติค อย่างไปลานเบียร์ แล้วมีแก้วพลาสติค สิ่งที่เป็นนวัตกรรมคือเขาใส่เลนส์ไปในแก้วทำให้ดูฟองใหญ่ขึ้น และสีเบียร์ดูทองมากขึ้น ทำให้ดูน่าดื่มขึ้น ขายดีขึ้น หรือกล่องใส่สตรอเบอรี่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตจะดูแดงขึ้น ใหญ่ขึ้น กำลังผลิตเขาใหญ่สุดในอาเซียน คนจะมาแข่งเรื่องราคาไม่ได้ ราคาหุ้นจาก ipo ไปสูงสุด 15 บาท ลงไปพร้อมราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น คนเข้าใจผิดว่าน้ำมันขึ้น ต้นทุนต้องแพงขึ้น อันนี้เป็นแค่ 1 ใน 3 มีตัวที่เป็นบันได ในกระบะเป็นพลาสติค รถเก๋งบ้านเราเป็นพรม เปลี่ยนมาเป็นพลาสติค อีกอย่างฉนวน ที่กันความร้อนความเย็น ฉนวนเขาไม่ใช่แค่กันความร้อนแต่ดับไฟได้ด้วย ไตรมาส 4 ราคาหยุดทำ new high ราคาก็ล่วงลง เป็นชั่วคราว เพราะจ่ายเงินให้พนักงานเยอะกว่าปกติ
จากนี้ช่วงเดือน 1-3 ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ

คุณภรณี
ให้การลงทุนระยะสั้นใน 3 เดือน ใช้ quant ในการจับ และมองว่าผลประกอบการไตรมาส 1 ดี จะรายงานต้น พ.ค.
หุ้นก่อสร้างที่ผ่านมา underperform เป็น sector ที่มีโอกาสกลับมาได้ แผนเม.ย. พ.ค. จะมีสายสีส้ม ชมพู เหลือง ทุกครั้งที่มีประมูล เอาเข้า ครม. หุ้นจะขึ้นมา ถ้าไม่เป็นไปตามแผนที่ว่า อาจเป็นแค่กระแสระยะสั้น แต่ถ้าดูหุ้นที่ผลประกอบการดี มี season จะมีหลายกลุ่ม
กลุ่มโรงพยาบาล pe ส่วนใหญ่ 40 เท่า รพ.กรุงเทพ บำรุงราษฎร์ จุฬารัตน์ ในระยะสั้น อานจะ perform ตลาดได้ สำหรับนักลงทุนระยะยาว รพ.กรุงเทพ ซื้อแล้วเก็บไว้
กลุ่ม โรงแรม ถ้าจับตัวที่มีรายได้โรงแรม 100% คือ ERW ซึ่งน่าสนใจช่วงสั้น อาจปรับหุ้นใหญ่เป็นเล็ก
กลุ่มบันเทิง ก็ underperform ส่วนใหญ่ยังแย่ หลัง tv digital ตอนนี้ ช่อง 7 ยังมี 30% ช่อง 3 20-25% ที่วิ่งขึ้นมาเร็วมี work 11% rating อันดับ 3 มีจุดแข็งที่มีรายการหรือ content ของตัวเอง ปรับค่าโฆษณาจาก 3 หมื่น เป็น 4.9 หมื่นบาทต่อนาที rs ได้ 3.5 หมื่นบาท ปีก่อนธุรกิจ digital tv มีปรับมาตรฐานบัญชีปีก่อนมีการปรับ ปกติการตัดใบอนุญาต 15 ปีเป็นเส้นตรง มาตรฐานบัญชีที่เริ่มทำกับกลุ่มบันเทิงมีการจ่าย cashflow 6 ปี ให้คิดเป็น present value ส่วนต่างเป็นดอกเบี้ยจ่าย ทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยขึ้นมาเยอะ และปีนี้จะใช้กับ ict ด้วย ปีนี้เป็นปีที่ดีกับ work เพรา rating ดี ก็จะปรับขึ้นค่าโฆษณาได้ work จะกลับมาโต 60%

ให้เลือก 1 ตัวในดวงใจ
คุณสุกิจ
CK ราคาปลอดภัย มีปัจจัยหนุน การก่อสร้างเป็นทั้งระยะสั้น และกลางถึงยาวต้องมีการก่อสร้างอีก และน่าเชื่อมั่นได้ในเงินลงทุน ถ้าเอาบริษัทที่ถืออยู่น่าจะเกิน 15 บาทแล้ว มีตัวช่วยรองรับความเสี่ยง บ.ลูกเป็น utility คิดว่า downside น้อย

คุณจิตรา
LPH เนื่องจาก aging society อยู่ไปอีกนาน และราคาขึ้นไปสูงแต่ก็ปรับฐานนิดเดียว ยังเป็นขาขึ้นตลอด เพราะปีนี้จะเติบโตสูง เปลี่ยนตัวเองเป็นศูนย์เฉพาะทาง จะยกไปโต 170 ล้าน แล้วต่อไปก็จะโตปกติแล้ว คิดว่าระยะยาวก็น่าจะมีหุ้นโรงพยาบาลติดพอร์ตไว้

คุณภรณี
WORK การประชุมนักวิเคราะห์สัปดาห์ก่อน ให้ guidance กำไร 335 ล้าน แต่นักวิเคราะห์ในตลาดให้ under กว่าเราเยอะ คิดว่าน่าจะเห็นการ upgrade ประมาณการณ์กำไรขึ้นมา ซึ่งทาง asp น่าจะให้ 45 บาทเท่าเดิม ราคาล่าสุด 37.5 มี upside 20% ช่วงตลาดปรับฐาน 1-2 เดือน น่าจะเป็นตัวน่าสนใจ

ดร.นิเวศน์
CK เห็นด้วย ว่าถ้าราคาในตลาดไม่ถึง 10 บาท แต่สิ่งที่ถืออยู่ก็น่าจะสมเหตุสมผล หุ้นแบบนี้ซักวันก็คงมี story มา แต่บ.รับเหมา มีความไม่แน่นอน บางทีขายดีๆเปิดงบออกมาขาดทุน ก็ไม่เข้าใจ เป็นจุดอ่อน รายได้อาจไม่ได้บอกว่ากำไรเยอะ อาจจะมีปัจจัยเยอะที่ควบคุมไม่ได้ ระยะสั้นจะมีประมูล ได้โครงการ
WORK เป็นพวกเกมโชว์เยอะ ที่ห่วงภาพใหญ่ทีวีจะต่อเนื่องยาวนานแค่ไหน คนดูทีวีน้อยลง คู่แข่งก็เยอะ แต่ short term กำไรโผล่พรวดขึ้นมา คนก็น่าจะรู้สึกว่าดี
LPH ไม่เห็นจุดแข็ง เป็นรพ.เล็ก แล้วก็ไม่ได้ขยายอะไรมาก อยู่แถวๆนั้น ถ้าย้ายไปที่อื่นจะผิด ศักยภาพในการเติบโตลำบาก ตัวอุตสาหกรรมไปได้ดี
ส่วนตัวไม่ค่อยอยากเล่นหุ้นโตเร็ว เพราะประเทศไทยไม่โตเร็ว ถ้าถามมีหุ้นน่าสนใจไหม มี แต่ส่วนใหญ่เป็นหุ้นปันผลดี กำไรมั่นคงมาก เติบโตน้อยๆไม่เป็นไร โต 7-8% หรือโต 5% ก็ยัง OK ได้ปันผล 4-5% เท่านี้ก็ happy แล้ว ดอกเบี้ยต่ำ เก็บเงินสดก็เหนื่อย อย่างสื่อสาร ถ้าคนไปซื้อเลยไม่เห็นด้วย เพราะโอกาสกำไรจะลดลงได้
อย่างหุ้นแบงค์ น่าจะพอไปได้ปันผล 4-5% ดีกว่าฝากแบงค์
อีกเหตุผลที่ไม่อยากซื้อหุ้น growth ในไทย ไปดูในเวียดนาม จีน ถูกกว่าเยอะ โตเร็วกว่าเยอะ pe 10 เท่า pbv ต่ำกว่า 1 ปันผล 7-8% โครงข่ายใหญ่กว่า

อ.เสน่ห์
พูดปิดให้ความเห็นการเลือกหุ้น
คุณสุกิจ เลือก ช.การช่าง แต่อ.เสน่ห์ จะไม่เลือก ช.ชูวิทย์ จะขอเลือก ช.ชิวๆ
คุณภรณี เลือก Workpoint แต่อ.เสน่ห์เลือก powerpoint เพราะทำให้ดำเนินชีวิตได้ทุกวันนี้
คุณจิตรา เน้นเข้าโรงบาล อ.เสน่ห์จะเน้นเข้าโรงแรม เพราะจะได้ไปพูด ไป talk show
สรุปสำหรับการลงทุนอ.เสน่ห์ จะเลือก ใช้ชีวิต ช.ชิวๆ เน้น powerpoint และเข้าโรงแรม


ขอบพระคุณอ.ไพบูลย์ อ.เสน่ห์ อ.นิเวศน์ และแขกรับเชิญทุกท่านที่สละเวลามาออกรายการ
และมาให้ความรู้ทั้งด้านธรรมะและการลงทุนในหุ้น
ขอบคุณทีมงานและผู้สนับสนุน ทุกท่านด้วยครับ

MoneyTalkครั้งต่อไป เสาร์ที่ 21พ.ค.2016, เปิดจอง 14 พ.ค.2016
สถานที่อยู่ระหว่างสรุปให้ติดตามประกาศผ่าน Facebook MoneyTalk

Re: MoneyTalk27Mar16โลกมืออาชีพการเงินและนักลงทุนรุ่นใหม่

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 28, 2016 12:57 am
โดย theenuch
ขอบคุณมากค่ะ "นิธิวัฒน์" :B

Re: MoneyTalk27Mar16โลกมืออาชีพการเงินและนักลงทุนรุ่นใหม่

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 28, 2016 5:19 am
โดย amornkowa
ขอบคุณบิ๊กครับ

Re: MoneyTalk27Mar16โลกมืออาชีพการเงินและนักลงทุนรุ่นใหม่

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 28, 2016 11:17 am
โดย ลูกหิน
ขอบคุณมากๆครับ

Re: MoneyTalk27Mar16โลกมืออาชีพการเงินและนักลงทุนรุ่นใหม่

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 28, 2016 9:36 pm
โดย ichbinpao
ขอบคุณมากครับ