หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ความจริงที่บิดเบือน ของ เสี่ยสอง ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 28, 2004 10:49 am
โดย มือใหม่
บังเอิญได้อ่านหนังสือ ของคุณ ณัฐวุฒิ รุ่งวงศ์ นักวิเคราะห์ setcall ที่เรารู้จักกันดี (เขียนไว้นานแล้วครับแต่พึ่งได้อ่านบทความ)

เขียนไว้ว่า
ในปี 2535 เสี่ยสองรุ่งโรจน์ที่สุดเนื่องจากมีคดี ปั่นหุ้นของธนาคาร กรุงเทพพาณิชย์การ BBC โดยเข้าไปซื้อหุ้นของธนาคารแห่งนี้เป็นจำนวนมาก จนถึงขั้นต่อรองจะนำคนเข้าไปเป็นกรรมการบริหารธนาคาร

แต่อีกฝ่ายที่ไม่ยอมให้คนภายนอกเข้ามามีอำนาจ ได้ใช้สายสัมพันธ์กับนักการเมืองที่มีอำนาจในเวลานั้น ทำการต่อรองขอซื้อหุ้นคืนในอัตราส่วนลดที่น่าเกลียด

ในที่สุดก็ใช้เส้นสายฝ่ายการเมืองทำการจับกุม เสี่ยสอง ในข้อหาคดีปั่นหุ้น BBC ไหนๆก็ไหนแล้วเลยพ่วงคดีปั่นหุ้นอื่นๆไปอีก รวมถึงเครือญาติ

อย่างไรก็ตามในวันที่ 5 กค. 2539 ศาลกีฎาได้ตัดสินยกฟ้อง เสี่ยสองจึงชนะคดี เพราะศาลเห็นว่าเป็นการลงทุน เกร็งกำไรกันตามปกติ

ส่วนคนที่เล่นงานเสี่ยสอง ในเวลาต่อมาได้มีส่วนสำคัญในการฉ้อโกงแบงค์ BBC และเป็นส่วนสำคัญทำให้ฟองสบู่เศษรฐกิจแตก เนื่องจากเป็นโดมิโนต่อเนื่องไปถึง 56 ไฟแนนซ์ และ 8 ธนาคารในเวลาต่อมา
เป็นเพียงบางส่วนที่คัดลอกมา ลองไปอ่านดูครับ "รวยหุ้นพันล้าน"

ได้อ่านแล้ว ผมเข้าใจอะไรผิดเยอะเลยในอดีต คิดมาตลอดว่า คนอย่างเสี่ยสอง เป็นพวกทำความเสี่ยหายให้ตลาดทุน
ไม่รู้ว่า ในปัจจุบันการเล่นนอกเกมน่าเกลียดแบบนี้ยังมีอยู่อีกหรือเปล่า ใช้อำนาจข่าว สื่อต่างๆ นักการเมือง ให้บรรลุถึงความต้องการของตัวเอง

ส่วนคนที่ทำให้ ธนาคาร BBC ถึงล่มลง ปัจจุบันถวงหนี้กันได้หรือเปล่าครับ
( รัฐบาลสมัยนั้น ของน้าชาติ คงจำกันได้ แต่ผมจำไม่ได้ ว่าใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคือใครหว่า ชั่วร้ายจริงๆ)

ความจริงที่บิดเบือน ของ เสี่ยสอง ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 28, 2004 1:45 pm
โดย Jeng
อยู่เมืองไทย ไม่เล็กก็ต้องใหญ่ครับ
กัดกันไปกัดกันมา ผมไม่เห็นว่า การหาเงินกันแบบนี้ ชีวิตของท่านๆ ทั้งหลายจะมีความสุขกันได้อย่างไร
ดูๆไปแล้ว เมืองไทย เหมือนเมืองโจรเลย
แต่ผมว่า อยู่เมืองไทยดีนะ เพียงแต่ว่ามันเป็นเมืองโจรเท่านั้นเอง
อย่างกรณีผู้ว่า ก็เหมือนกัน เห็นว่า เงินเดือน รวมกัน 4 ปี ประมาณ 4 - 5 ล้านบาท แต่ค่าโฆษณาในการหาเสียงเลือกตั้ง ห้ามใช้เกิน 37 ล้านบาท
ดูจากตัวเลขคร่าวๆ ใครก็ตามที่ลงทุน 37 ล้านบาท เพื่อให้ได้เงิน 4 - 5 ล้านบาท
ไม่น่าจะเป็นไปได้ ในที่สุด ทุกคน ย้ำว่า ทุกคน ก็ต้องเข้าไปทำมาหากินกันทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นชูวิทย์ หรือ ดร.พิจิต หรือใครก็ตาม ผมว่าต้องเข้าไปทำกำไรทั้งนั้น

สรุปคือ มันก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าเราอยู่อย่างเล็กๆ ไม่ต้องไปยุ่งกะใครให้มาก เราก็มีความสุข

ความจริงที่บิดเบือน ของ เสี่ยสอง ครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 29, 2004 4:38 pm
โดย eak
คุณ Jeng มอง แบบ VI เกินไปหรือเปล่าครับ :shock:
จริงๆ แล้ว คนเราอาจจะมีบางสิ่งที่ ซื้อ ไม่ได้นะครับ

มันเหมือนกับคำตอบที่ว่า ถ้าเรามีอิสรภาพทางเงินแล้ว คุณจะยัง
คร่ำเคร่งกับ การทำงานเพื่อหาเงินอีกหรือเปล่า หนะครับ
:D

ความจริงที่บิดเบือน ของ เสี่ยสอง ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 31, 2004 11:33 am
โดย zynetic
เท่าที่เคยทราบมาสมัยที่ยังเคาะกระดานก่อนหน้าที่เศรษฐกิจจะล้ม เสี่ยสองไม่ได้พยายามปั่นราคาหุ้นแค่เพียง BBC ตัวเดียวนะคะ เคยมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์ที่ใหญ่มากแห่งนึงที่ปิดตัวไปแล้วบอกว่า เสี่ยสองพยายามทำราคาหุ้นของบริษัทเค้าขึ้นไปสูงมาก เค้าเลยเอาหุ้นตัวเองแอบขายออกมาทุกวัน ทุบกันทุกเช้า เพราะไม่ต้องการให้ราคามันปั่นไปเกินจริง เล่นทะเลาะกันทุกวันจนไปๆมาๆ เสี่ยสองเห็นว่าปั่นไม่ขึ้น ก็ทิ้งหุ้นขายให้เจ้าของเก็บมาพยุงราคาไปซะอย่างงั้น
เสี่ยสองเองก็คงไม่ได้ปั่นเพียงตัวเดียวหรอกมังตะ แต่แกน่าจะปั่นถูกตัวแต่ผิดเวลามากกว่า BBC ก็เลยกลายเป็นกรณีศึกษาตัวอย่างที่เตือนให้เราระวังตัวมากขึ้น
ตอนนี้เหตุการณืน่าจะยังไม่เปลี่ยนไปมาก คนที่ยังทำอยู่ก็น่าจะมีจริงๆ แต่เราก็น่าจะวิเคาระห์ออกบ้าง

ความจริงที่บิดเบือน ของ เสี่ยสอง ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 31, 2004 11:53 am
โดย มือใหม่
zynetic wrote:
เคยมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหลักทรัพย์ที่ใหญ่มากแห่งนึงที่ปิดตัวไปแล้วบอกว่า เสี่ยสองพยายามทำราคาหุ้นของบริษัทเค้าขึ้นไปสูงมาก
เบื่อกับพวกชอบเขียนแหล่งข่าว ไม่มีตัวตน บอกมาซิครับว่าใคร การเข้าไปซื้อหุ้น-เทขาย ไม่รู้ปั่นความหมายคืออะไร แต่ที่แน่ๆทั้งรายเล็กรายใหญ่ในปัจจุบันก็ต้องการส่วนต่างของราคา ณจุดนี้

ไม่ว่าหมอยง เสี่ยปู่ ต่างชาติ อื่นๆ ก็เล่นสไตร์นี้ทั้งนั้น ปัจจุบันไม่เห็นเอาผิดกันได้ ผมไม่ถือเป็นความผิดนะ ตราบใดที่เขาไม่เล่นปล่อยข่าวโคมลอย หรือใช้ข้อมูลด้าน inside ที่เป็นความลับห้ามเปิดเผย ก็ทำไปเหอะ

ถ้าใครเห็นว่าผิด ขอความกรุณา ช่วยไปไล่เบี้ยกับพวกที่มีชื่อเสียง ต่างชาติ หรือ พวกรายย่อย VS ทั้งหลายด้วย

สำหรับผมถือว่าไม่ผิดหากเล่นในกรอบกติกาที่กำหนด

ความจริงที่บิดเบือน ของ เสี่ยสอง ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 31, 2004 2:02 pm
โดย stockms
งบหาเสียง 37 ล้าน เป็นลักษณะการลงขันครับ เวลาเข้ามาบริหารก็มาทั้งทีม เงินเดือนบวกผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของทั้งทีมบริหารก็น่าจะมากกว่า 37 ล้านแล้ว ถ้ารวมผลประโยชน์อื่นๆอีกเช่นการเป็นฐานเสียงของพรรค หรือการเอื้อประโยชน์ให้พรรคพวกโดยที่ไม่ทำให้ประเทศเสียหาย ผมว่า 37 ล้านไม่ถือว่ามากเกินไป จนถึงขนาดที่ต้องเข้ามาเพื่อกอบโกยหรือโกงกินเอาคืนแบบหน้าด้านๆครับ ทำงานให้มีคุณภาพซื้อใจประชาชนรับรองครับว่าได้มากกว่า 37 ล้านคืนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในสถานะการแบบนี้ โอกาสการกอบกู้คะแนนเสียงของพรรคอยู่ในฝ่ามือแล้ว....ที่สำคัญอีกฝ่ายหนึ่งอย่ามุ่งเอาชนะทางการเมืองจนไม่ดูหน้าดูหลังสุดท้ายจะแพ้ภัยตนเอง

ความจริงที่บิดเบือน ของ เสี่ยสอง ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 31, 2004 5:09 pm
โดย zynetic
คุณมือใหม่ ตอนที่เสี่ยสองทำราคาหุ้นขึ้นก่อนที่เศรษฐกิจจะล้ม ก็มีทั้งบริษัทหลักทรัพย์ตั้งหลายแห่ง อันไหนที่ติด top10 แกทำราคาขึ้นไว้ไม่น้อยนะคะ ลองทวนดูดีๆสิคะว่ามีบริษัทไหน

อีกอย่างดิฉันก็มีมุมมองเดียวกับคุณว่าการเก็งกำไรเป็นเรื่องปรกติของตลาดบ้านเรา ตลาดอายุยังน้อย ควบคุมได้ง่าย เม็ดเงินไม่เท่าไหร่ก็คุมหุ้นตัวเล็กๆบางตัวได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ทุกการกระทำมันย่อมมีความเสี่ยงอยู่ จริงมั้ยคะ แล้วการทำราคาที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันก็มีหลายเจ้า เจ้าของทำเองซะก็เยอะ แต่ยังไงหุ้นพื้นฐานก็ยังมีแรงดึงดูดในด้านผลตอบแทนระยะยาวอยู่นะคะ :P

ความจริงที่บิดเบือน ของ เสี่ยสอง ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 31, 2004 8:20 pm
โดย chatchai
สมัยนั้นถ้าใครเล่นหุ้นหรือติดตามข่าวก็จะพอทราบอยู่บ้างครับ

เสี่ยสองแกนั้นไม่ได้ซื้อหุ้น BBC เพื่อหวังเข้าไปบริหารอะไรหรอกครับ เพียงแต่แกเห็นว่าเจ้าของนั้นขยันเอาหุ้นตัวเองออกมาขาย แกก็เลยซุ่มซื้อ พอได้จำนวนพอสมควรแล้วแกก็ยืนขอเสนอจะขายให้เจ้าของในราคาแพงครับ ซึ่งเรียกการกระทำอันนี้ว่า Green Mail อะไรทำนองนี้ละครับ

สมัยก่อนกฎระเบียบต่างๆก็ยังไม่มี ทางเจ้าของก็เลยอาศัยกฎหมายเข้ามาจัดการนะครับ

การป่นหุ้นกับการเก็งกำไรนั้นแตกต่างกันนะครับ การปั่นหุ้นที่ผิดชัดเจนก็ประเภท โยนหุ้นกันไปมาระหว่างกลุ่มเดียวกัน ทำเสมือนว่ามีการซื้อขายในราคาสูงเป็นจำนวนมาก ลักษณะไล่ราคา แต่ที่จริงแล้วไม่มีการซื้อขายจริง ซึ่งก็หาหลักฐานยากพอควรครับ เพราะสามารถที่จะใช้ชื่อใครมาเปิดพอร์ตซื้อขายก็ได้จริงไหมครับ แบบท่านนายกสมัยก่อนไงละครับ

ช่วงนั้นที่มีข่าวปั่นกันตรึกโครม ติดป้าย DS กันเป็นประจำก็พวก ITF KMC คู่แฝดอภินิหารครับ