Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

จากราคาน้ำมันปัจจุบัน เท่าที่ผมทราบโดยประมาณคือ

ขณะนี้ ราคาขายปลีกเบนซิน มากกว่าราคาจริงแล้ว ประมาณกี่สิบสตางค์ไม่แน่ใจ
ขณะที่ ราคาขายปลีกดีเซล ถูกกว่าราคาจริง ประมาณ 4 บาทเศษ

สมมติว่าราคาน้ำมันลดลงเรื่อย ๆ ก็คาดว่า ราคาขายปลีกเบนซินก็ยังคงไม่ลด
เพื่อคืนเงินให้กับกองทุนชดเชยน้ำมัน

เช่น น้ำมันลงมาอีก 2 บาท .... เบนซินก็จะได้คืนกองทุนชุดเชย ลิตรละ 2 บาทเศษ
แต่ดีเซล ก็ยังคงถูกอุ้มอยู่ คือยังต้องชดเชยอีกลิตรละ 2 บาท (4-2)

กรณีนี้ เท่ากับว่า ผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ต้องชดเชยให้ผู้ใช้น้ำมันดีเซลด้วยหรือไม่ครับ

สอบถามดูเฉย ๆ ครับ ถ้าชดเชยให้จริง ๆ ก็คงไม่โวยวายอะไร แค่หงุดหงิด
แต่ถามดู เผื่อจะได้วางแผนการใช้งานรถต่อไปในอนาคตได้ถูก ว่าคงต้องหารถดีเซลซะแล้ว

เบนซิน 95 ตอนนี้ชดเชย 2,859.73 ล้านบาท
เบนซิน 91 ตอนนี้ชดเชย 4,516.89 ล้านบาท
ดีเซลชดเชย 20,876.38 ล้านบาท

รวมทั้งหมดตอนนี้ 28,253.00 ล้านบาท

เราใช้น้ำมันเบนซินเฉลี่ยวันละ 8 ล้านกว่าลิตรต่อวัน

ถึงน้ำมันเบนซิน จะถูกลงอีกสองบาท

แล้วราคาเบนซิน 95 ยังคงตรึงไว้ที่ 21.79

เราก็เก็บคืนเงินกองทุนได้เพียงสิบกว่าล้านบาทต่อวันเอง

เดือนนึงก็ไม่น่าจะเกิน 500 ล้านบาท

แค่เก็บคืนเฉพาะส่วนเบนซิน95 กว่าสามพันล้านก็แย่แล้ว

ไม่ต้องหวังว่าจะมาชดเชยดีเซลได้หรอกครับ

ต้องหาจากส่วนอื่นแน่นอนครับ

ในความเห็นของผม

น่าจะขยับราคาที่ตรึงไว้อีกครั้ง

จาก 14.59 เป็นเท่าไหรก็แล้วแต่

แล้วตรึงราคานั้นไปเลย

เช่นคุณเมตตา เคยบอกว่าขยับอีก 3 บาท/ลิตร

ผลกระทบจะเกิดแค่ครั้งเดียว

ดีกว่าปล่อยให้ยืดเยื้อ

ลองคิดง่ายก็แล้วกันว่า

วันนี้ไม่ขึ้น วันหน้ายังไงก็ต้องขึ้น

จริงไหมครับ !!!


เพราะตอนนี้เราชดเชยร่วม 5 บาทแล้ว

ถึงน้ำมันจะลงในอนาคคตข้างหน้า

แต่ภายในปีสองปีนี้ก็ไม่น่าจะเห็น

ราคาที่ต่ำมากๆนะครับ

ตอนนี้รู้สึกว่าเราจ่ายเบนซินแพงกว่าความเป็นจริงแล้วนะครับ
เกือบ 1 บาท

รัฐบาลทำเงียบๆ (ตอนแรกบอกว่าจะปล่อยลอยตัว) ตอนนี้ ก็ถือโอกาสเอาเข้ากระเป๋าก่อน หรือจะไปหักออกจาก ยอดที่ชดเชยดีเซลรึเปล่าก็ไม่รู้แฮะ

รัฐตรึงดีเซลเพื่อไม่ให้ต้นทุนการผลิตโดยรวมของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นนะคะ ถ้าเสียแค่ไม่กี่หมื่นล้านแต่พยุง GDP และต้นทุนการผลิตได้ทั้งระบบ น่าจะคุ้มกว่าการที่ต้องใช้เงินมากกว่านั้นมาช่วยเรื่อง GDP เวลาที่มันสายไปแล้ว

เบื่อต้องจ่ายค่าน้ำมัน แทนพวกใช้ดีเซล

ไม่ยุติธรรม

อืม เรื่องชดเชยกันอีกนานพอทราบล่ะครับ แค่สมมติน่ะครับ
สมมติว่า ราคานี้ต่ออีกซัก 6 เดือน ก็จะชดเชยคืนได้ลิตรละบาท ก็น่าจะพอสมควร

สมมติว่าชดเชยส่วนของเบนซินหมดแล้ว ต้องชดเชยดีเซลหรือเปล่า คือสงสัยตรงนี้
แต่ถ้ามีการแบ่งแยกกองทุนตามเบนซินและดีเซลบ้างก็ดี ราคาน้ำมันจะได้ลดลงบ้าง
เดี๋ยวนี้เติมเต็มถังทีนึง เห็นจำนวนเงินแล้วมันตกใจเล็ก ๆ

คนกรุงเทพ คนรวย คนมีความรู้ ส่วนใหญ่เรื่องมาก เปลี่ยนใจง่าย และเป็นคนส่วนน้อย

แต่คนจน ที่เป็นคนส่วนใหญ่ เรื่องน้อยกว่า และชอบอะไรง่ายมากกว่า ควบคุมง่ายกว่า

แต่ .... ทั้งคนรวย และ คนจน มีอำนาจจ่าย คนละ 1 เสียง เท่าๆกัน .. บัตรประชาชน 1 ใบเท่ากัน Market Segment ไหนใหญ่กว่ากันละครับ

ใกล้เลือกตั้งแล้ว ... เอาใจคนรวยไปมันก็เท่านั้น ฮุฮิ

เอาใจคนรวยไปมันก็เท่านั้น ฮุฮิ

เดี๋ยวหุ้นขึ้นก็ชดเชยให้คนรวยแล้วละ ตะก่อนเล่นหุ้นหาค่าข้าว ค่าเที่ยว ตอนนี้ต้องเพิ่มค่าน้ำมันไปด้วย

จริงๆใครใช้ควรต้องจ่ายครับ ไม่แฟร์เลย

ทำใจคิดซะว่าเพื่อคนกลุ่มใหญ่

ผมมองต่างมุมว่าการชดเชยควรชดเชยให้กับกองทุนน้ำมันโดยรวมครับ ไม่ใช่เบนซินชดเชยเบนซินและดีเซลชดเชยดีเซล

เหตุผลก็คือการที่ชะลอการขึ้นราคาดีเซลแม้ว่าระยะยาวจะไม่ดี แต่เมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว การขึ้นพรวดพราดเป็น 3-5 บาทจะเกิด panic รุนแรงระบบเศรษฐกิจพอสมควร ราคาค่าขนส่งที่เป็นต้นทุนหลักตัวนึงของสินค้าอุปโภคบริโึภค ทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงแบบกระโดดภายในครั้งเดียว

ลองคิดดูอะไรจะเกิดขึ้นครับ

ผมว่ารัฐบาลนี้ (หรือชุดไหนๆ โดยเฉพาะใกล้เลือกตั้ง) รับมือกับภาวะวิกฤต (แม้จะเป็นชั่วคราวก็เหอะ) แบบนี้ไม่ไหวหรอก เผลอๆ ออกนโยบายมั่วๆ ออกมาละแย่เลย ดังนั้นผมเห็นว่าการขึ้นราคาดีเซลควรขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เช่นเดือนละ 1 บาทส่วนราคาน้ำมันเบนซินคงต้องรักษาระดับสูงเช่นนี้ต่อไปเพื่อมาช่วยดีเซล

ความยุติธรรมของภาษีก็คืิอคนที่สามารถจ่ายได้มาก ควรรับภาระมากกว่าคนที่จ่ายได้น้อยครับ ไม่ใช่้ทุกคนจ่ายเท่ากันหมด

สงสารแต่ก็พวกพี่ๆ ที่ขับ taxi นี่แหละ

เมื่อคืนน้ำมันขยับมาปิดที่

44.00 +1.88 แล้วครับ

เผลอๆจะดีใจได้ไม่นาน

อาจจต้องใช้น้ำมันแพงกว่า 21.79

ก็ได้นะ ใครจะไปรู้

ที่จริงช่วงนี้น้ำมันดิบลงควรหาโอกาสขยับราคานำมันดีเซลขึ้นสัก 0.50-1.00 บาท เพื่อให้ประชาชนค่อยๆ ปรับตัวตามไปด้วย

ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 47 เราใช้

น้ำมันเบนซินทั้ง 95&91 แพงกว่าราคาที่เป็นจริง

คือได้เงินคืนกองทุนน้ำมันบ้าง

วันนั้นกองทุนติดลบอยู่ 26,699.38

แต่ปัจจจุบันนี้ติดลบ 29,018.91(แค่ 3ก.ย.เองนะครับ)

คงถึง 30,000ล้านบาทในสัปดาห์หน้าแน่นอน

ยกตัวอย่างให้ดูว่า ถึงเราจะไม่ปรับลดราคาเบนซิน

เราก็ไม่สามารถชดเชยดีเซลที่ติดลบอยู่ขณะนี้ได้หรอกครับ

คงต้องหาจากส่วนอื่นมาโปะแน่นอนครับ

ปีหน้าถ้าราคาน้ำมันยังทรงอยู่ที่ระดับนี้

หรืออ่อนกว่านี้ไม่เกิน 10% อะไรจะเกิดขึ้นครับ

เพราะปีนี้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ได้ 6%ขึ้นไป

อิงราคาน้ำมันดีเซลที่ราคา 14.59

แล้วถ้าปีหน้าเราต้องใช้ดีเซลที่ 18ละครับ

(ราคาปัจจจุบันที่แท้จริงสำหรับดีเซลอยู่ที่ 19กว่าๆ)

GDP จะเป็นอย่างไร

เหลือเติบโตเพียงแค่ 3-4 % เราจะรับได้กันหรือ

แทนที่จะให้มากระทบปีนี้บ้างนิดหน่อย แล้วปีหน้าจะได้ไม่กระทบ

รุนแรงเกินไป

แต่ถ้าเรายังตรึงกันไปถึงสิ้นปีหน้า หรือลากไปปี 49 เลยโน้น

ยังนึกภาพกองทุนที่ติดลบ แสนห้า-สองแสนล้านไม่ออกเลยครับ