Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ตามหัวข้อเลยครับ เข้าใจว่าเป้นสิ่งประเมิณค่ายากมาก แต่เห็นว่า VI หลายท่านมีความสามารถในด้านเศรษฐศาสตร์ประกอบ

มีความเห็นอย่างไรกับ ทองคำ ในเวลานี้กันครับ

ทองไม่มีเงินปันผลครับ

ลองอ่าน 7ความเห็นจากวีไอตัวปู่(ยิ่งกว่าพ่อ)จากเวปcommoditiesดูครับ

http://commodityhq.com/education/top-se ... investing/

ทองคำเอาไว้แต่งเมียครับ

ข้อเสียของทองคือไม่มีปันผลครับ เลยทำให้ไม่มีเงินเพิ่มมา reinvest

เอ่อ ใครไล่กดลบคับ

ผมกดบวก ให้แล้วนะคับ
ไม่อยากให้โดน burried

งง คนเรา ฝึกฟังความสองข้าง ทั้งด้านเดี ไม่ดีดีกว่าไหมคับ
อย่างน้อย ฟังแล้ว ค่อยตัดสินใจ ว่าจะเลือกอะไร

มีสิครับ และมีเยอะด้วย แต่มีไว้เป็นเครื่องประดับนะ ไม่ใช่มีไว้สำหรับการลงทุน
จริง ๆ แล้วผมไม่ชอบทองเท่าไร แต่ก็มี อย่างว่าครับคือมีไว้เป็นเครื่องประดับ

แต่สำหรับการลงทุน ผมทะยอยขายพอร์ตทองคำออกไปหมดแล้วครับ ตอนที่ทองน่าจะประมาณ
พันห้าต่อทอยออนซ์

สาเหตุเพราะคิดว่าช่วงนั้นตลาดหุ้นก็ลงเหมือนกัน ดังนั้นจึงโยกจากทองมาเป็นสินทรัพย์อื่นที่น่าสนใจกว่าครับ

มองเป็นสินค้าคอมโมฯ ชนิดหนึ่ง คุณค่าขึ้นกับอุปสงค์ อุปทาน ในช่วงนั้นๆ

มันไม่สำคัญว่าคืออะไร แต่สำคัญว่าความสามารถของเราคืออะไรครับ

ส่วนตัวมองว่าเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนในระยะยาวไม่ดีเท่ากับการลงทุนอื่นๆ (เมื่อวิเคราะห์จาก stats ที่ผ่านมานะครับ)

สาเหตุที่ไม่ดี คงเพราะ 1. ไม่มีปันผล ทองคำ 1 แท่ง ทิ้งไว้ 100 ปี ก็เป็นทองคำ 1 แท่ง 2. อุปสงค์ของทองคำ ไม่ได้เป็นขาขึ้นตลอดเวลา เพราะทองไม่ได้สร้าง Economic value ได้ด้วยตัวเอง

คุณ nirut กล่าวจากมุมมองของการเก็งกำไรราคาล้วนๆ ซึ่งก็เป็นวิธีคิดของเขา และผมก็ว่ามีเหตุผลนะครับ ทำไมต้องมีคนกดลบด้วย ไม่เข้าใจ พักหลังมีคนใช้กดลบมากจนเข้าลักษณะไม่ถูกใจก็กดลบ ทั้งๆที่ความเห็นที่ไม่ถูกใจแต่ใช้เหตุผลนั้น เราทุกคนต้องรับฟังนะครับ

Eakchai56 เขียน:คุณ nirut กล่าวจากมุมมองของการเก็งกำไรราคาล้วนๆ ซึ่งก็เป็นวิธีคิดของเขา และผมก็ว่ามีเหตุผลนะครับ ทำไมต้องมีคนกดลบด้วย ไม่เข้าใจ พักหลังมีคนใช้กดลบมากจนเข้าลักษณะไม่ถูกใจก็กดลบ ทั้งๆที่ความเห็นที่ไม่ถูกใจแต่ใช้เหตุผลนั้น เราทุกคนต้องรับฟังนะครับ

ไม่ใช่คุณ nirut คนเดียวครับ คุณ Eakchai56 ก็โดนด้วย ( รวมทั้งผมในอีกไม่นาน ) ผมไล่กดบวกให้ไป 2 รอบแล้วครับ
ไม่เข้าใจจริงๆ ทำให้ไม่เปิดรับฟังแนวคิดอื่นๆบ้าง น่าเหนื่อยใจจริงๆ

aradin เขียน:

Eakchai56 เขียน:คุณ nirut กล่าวจากมุมมองของการเก็งกำไรราคาล้วนๆ ซึ่งก็เป็นวิธีคิดของเขา และผมก็ว่ามีเหตุผลนะครับ ทำไมต้องมีคนกดลบด้วย ไม่เข้าใจ พักหลังมีคนใช้กดลบมากจนเข้าลักษณะไม่ถูกใจก็กดลบ ทั้งๆที่ความเห็นที่ไม่ถูกใจแต่ใช้เหตุผลนั้น เราทุกคนต้องรับฟังนะครับ

ไม่ใช่คุณ nirut คนเดียวครับ คุณ Eakchai56 ก็โดนด้วย ( รวมทั้งผมในอีกไม่นาน ) ผมไล่กดบวกให้ไป 2 รอบแล้วครับ
ไม่เข้าใจจริงๆ ทำให้ไม่เปิดรับฟังแนวคิดอื่นๆบ้าง น่าเหนื่อยใจจริงๆ

ผมว่าคงกดเล่น ๆ มั้งครับ แล้วก็คงจะคนเดิม ๆ เพราะผมเห็นลบอยู่เรื่อย ๆ มานานแล้วนะครับ เคยมีคนเสนอให้เอาบวกลบออก (หลายครั้ง) ทีมงานก็ตอบรับแต่ก็ไม่เห็นจะทำอะไร สรุปว่าอย่าไปสนใจบวกลบจะดีกว่าครับ คิดซะว่ามันไม่มีอยู่ 55

ส่วนตัวคิดว่าทอง เป็นสินทรัพย์ที่จะอยู่รอด ถ้าเกิดสงคราม หรือมีระบบการเงินโลกถูกรีเซ็ต เพราะอะไร? เพราะลองนั่ง Time machine กลับไปสมัยทวดของทวด ตอนนั้น ทองคำ เค้าใช้เป็น เงินสกุลกลาง เพื่อซื้อสินค้า แต่ด้วยข้อจำกัดว่าทอง มีจำกัดและแบ่งส่วนมาชำระค่าสินค้าได้ลำบาก รวมถึงมีมูลค่าสูง เค้าจึงเก็บเอาเข้าคลัง แล้วใช้ธนบัตรมาชำระเงินแทน ประเทศไหนมีทองคำเยอะแปลว่าประเทศนั้นรวย มีธนบัตรเยอะ แต่ 6-7 ปีที่ผ่านมา ระบบนี้มันถูกทำลายไปด้วย QE ประเทศใหญ่ๆทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น US, EU, JP , UK ต่างพิมพ์ธนบัตร ออกมาหน้าตาเฉยเลย (อะไรวะ!!??) ระบบทองคำที่เป็นตัวหนุนเลยหมดความหมาย แต่ momentum ทั่วโลกตอนนี้มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่จะเกิดการ reset ระบบการเงิน เพราะ US JP ไม่มีเงินจะไปจ่ายหนี้แล้ว ถ้าไม่กดปุ่ม Reset การเงิน มีโอกาสที่จะไปไม่รอดเหมือนกัน ในขณะที่ จีน รัสเซีย ต่างเร่งสะสมทองคำกันแล้ว ล่าสุด จอร์จ โซรอส ก็ถอนเงินจากตลาดหุ้นไปใส่ไว้ในทองคำสูงเป็นประวัติการณ์ ดังนั้นส่วนตัวผมคิดว่านักลงทุนควรมีทองติดพอร์ทอย่างน้อย 10% เพื่อเป็นการประกันความเสี่ยงในเรื่องข้างต้น แม้ว่า prob จะมีไม่มาก แต่ถ้าเกิดสินทรัพย์การเงินอื่นๆที่คุณถืออยู่อาจจะมูลค่าหดหายมหาศาลก็ได้

ผมมองว่าทองเป็นเงินที่เก็บอีกรูปแบบหนึ่งเผื่อกรณีฉุกเฉิน กรณีเกิด black swan เป็นเงินส่วนที่กันออกมาต่างหากไม่ได้มองเป็นเงินลงทุนครับ คือแยกเงินทั้งหมดออกเป็น เงินลงทุนเช่นในหุ้น เงินฝากสำหรับใช้จ่าย กับ ทอง

วีไอพันธ์ุแท้สนใจการลงทุน คือซื้อสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้
และประเมินราคาสินทรัพย์ตามผลตอบแทนที่คาดหมายในอนาคต

ทองคํา นํ้ามัน และcommoditiesต่างๆ
สิ่งเหล่านี้โดยตัวมันเองไม่สร้างผลตอบแทน
เราซื้อมาเพื่อขายไปในราคาแพงกว่าซื้อ
คือการเก็งกําไรไม่ใช่การลงทุน
หรือมองแง่หนึ่งก็คือการพนันนั่นเอง

ในมุมมองส่วนตัวผม
ทองคําคือการพนันราคา
ผมจึงไม่สนใจทองคําเลย
เว้นแต่ซื้อให้เมีย
หรือแอบซื้อแจกสาว

ผมมองว่า ถ้าเราสามารถประมาณมูลค่าของทองคำได้ และสามารถซื้อได้ในราคาต่ำกว่า เป็นการลงทุนครับ
ปกติสินค้าโภคภัณท์ จะผสมกันอยู่ระหว่าง demand supply และการเก็งกำไร ซึ่งผมไม่คิดว่า
มันจะเป็นไปตาม demand supply ล้วนๆ หรือ เก็งกำไรกันอย่างเดียว

ในกรณีของ บัพเฟต ที่ออกบทความเกี่ยวกับการลงทุนทองคำออกมา
ผมมองว่า ต้องมองบริบทในช่วงนั้นด้วยครับ
เมื่อก่อน บัพเฟต ได้เคยลงทุนในตลาดโลหะเงินด้วย ทั้งที่เป็นสินค้าโภคภัณท์
(ตลาดเงิน แกก็ลงทุนมาแล้วนะครับ)
หาอ่านได้จากจดหมายผู้ถือหุ้น ปีไหนผมจำไม่ได้นะครับ
โดยเค้าอธิบายว่า ตลาดโลหะเงินมีความไม่สมดุลระหว่าง demand supply
และในไม่ช้า ด้าน demand จะมากกว่า supply เค้าจึงเข้าไปในตลาด
(จริงๆ ผมมองว่า มันคือการเก็งกำไรนะครับ แต่เผอิญเป็น บัพเฟต)

ช่วงหลังๆ บัพเฟตเปลี่ยนเริ่มขยายแนวทางการลงทุน แบบว่า
นักลงทุนสไตล์ VI ที่คิดว่า ไม่น่าจะทำ ก็ทำนะครับ