หน้า 1 จากทั้งหมด 3

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2004 5:27 pm
โดย ม้าเฉียว
ตอนนี้ผมสนใจหุ้นสองตัวนี้มาก เพราะมองว่าทั้ง 2 บริษัท มีการเติบโตที่น่าพอใจ
PL ผมมองว่าโดดเด่นที่ ROE ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม้จะอยู่ในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง STA ก็มี ROE ที่ก้าวกระโดด จากระดับราคายางพาราที่สูงขึ้น แม้ช่วงนี้ราคาจะลดลงไปบ้าง (ราคาที่ SICOM) และเป็นไปได้สูงว่าจะสามารถรักษาผลประกอบการในระดับนี้ได้ อย่างน้อยก็อีก 5 ปี ข้างหน้า เพราะหลังจากนี้ Supply ของยางอาจสูงขึ้น จากการขยายพื้นที่เพาะปลูกในต่างประเทศ

ทั้งคู่มีหนี้มากใช้ได้ PL นั้นส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ ซึ่งใช้ไปเพื่อซื้อรถ ให้ลูกค้าเช่า ซึ่งดูแล้ว PL น่าจะจัดการได้ไม่ยาก แต่หากต้องการขยายพอร์ตรถอีกอาจต้องเพิ่มทุน ซึ่งผมก็เตรียมเงินไว้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนแล้ว (เผื่อไว้) ซึ่งน่าจะเป็นการเพิ่มทุนที่ส่งผลดีต่อกิจการอย่างยิ่ง
ส่วน STA นั้นหนี้ก็ไม่น้อย แต่ก็ดูไม่เสียงเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์หมุนเวียน ความสามารถในการทำกำไร

เมื่อพิจารณาระดับราคาตอนนี้ ก็ยังไม่นับว่าแพง PL ซื้อขายกันที่ PE ประมาณ 6-7 STA ซื้อขายกันที่ PE ประมาณ 3-4

ส่วนการปันผลนั้นก็ถือว่าดี PL ปีนี้ถ้าโชคดีอาจได้ซัก 3 บาท STA ก็น่าจะอย่างน้อย 4-5 บาท คิดเป็นผลตอบแทนก็สูงเอาการเมื่อเทียบกับราคาในกระดานตอนนี้

แต่ที่ผมยังไม่แน่ใจ คือ ผมยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าบริษัททั้งคู่จะรักษาความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนได้หรือไม่ ช่วยผมคิดหน่อย :wink:
และถ้าหากให้เลือกอย่างเดียว จะเลือกลงทุนตัวไหน

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2004 7:47 pm
โดย บุคคลทั่วไป
หมายเหตุ: ข้อความนี้มีเนื้อหาข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงครับ ขอให้ผู้อ่านทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณ ส่วนผู้โพสต์ผมขอความกรุณาหลีกเลี่ยงข้อความประเภทนี้ครับ

ในอนาคตจะไม่มีการเตือนล่วงหน้า หากทีม Admin เห็นสมควรจะดำเนินการลบกระทู้ทันที และอาจจะแบนล็อกอินเพื่อป้องกันปัญหา

Administrator
ThaiValueInvestor.com



มีข่าวเกี่ยวกับ PL ค่ะ
Symbol: PL
Headline: การขึ้นเครื่องหมาย H หลักทรัพย์ PL
Time: 8 ส.ค. 2004 18:45:00

การขึ้นเครื่องหมาย H หลักทรัพย์บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (PL)

ตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย H หลักทรัพย์บริษัท ภัทรลิสซิ่งจำกัด
(มหาชน) "PL" เนื่องจากบริษัทจะทำการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และ บริษัท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด มหาชน จะทำคำเสนอซื้อหุ้นไม่เกิน 25,520,762 หุ้น ในราคา 120.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาสูงสุดและต่ำสุดประจำวันไม่ครอบคลุมราคาดังกล่าว

ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์จึงหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่เวลา 9.51 น. ของวันที่ 9 ส.ค. 2547 เพื่อขยายราคาสูงสุดและต่ำสุดประจำวันให้ครอบคลุมราคาเสนอซื้อดังกล่าว

เพื่อให้หลักทรัพย์ดังกล่าวสามารถซื้อขายต่อไปได้ตามสภาพความเป็นจริง ตลาดหลักทรัพย์จึงอาศัย อำนาจตามความในข้อ 24 (6) แห่งข้อบังคับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องข้อกำหนด เกี่ยวกับการซื้อขาย การชำระราคาและการส่งมอบหลักทรัพย์จดทะเบียน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2542 เปลี่ยนแปลงราคาสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling and Floor) ของหลักทรัพย์ดังกล่าวบนกระดาน หลักในวันที่ 9 ส.ค. 2547 ให้หลักทรัพย์ PL มีราคาสูงสุดและต่ำสุดไม่เกินสองเท่าจากราคา ซื้อขายครั้งสุดท้ายบนกระดานหลักของหลักทรัพย์ดังกล่าว ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์จึงปลดเครื่องหมาย H หลักทรัพย์ดังกล่าว ตั้งแต่เวลา 11.15 น. ของวันที่ 9 ส.ค. 2547 เป็นต้นไป

ล้อเล่นนะคะ ข่าวนี้ไม่จริงหรอกค่ะ หนูเขียนขึ้นเอง

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2004 7:51 pm
โดย ayethebing
:lol: :lol: :lol: :lol:

อย่างเงี้ยะ เรียก "เจี๊ัยะป่าบ่สื่อ" แต่ฮาดีอะครับ

อย่าเล่นแบบนี้บ่อยนะน้อง คนแถวนี้จะหัวใจวายซะก่อน

:lol: :lol: :lol: :lol:

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2004 9:57 pm
โดย ForrestGump
คุณ ayethebing เป็นคนจีนเหรอครับ
แล้วตกลงชื่อของคุณอ่านว่าอะไรอ่ะครับ ช่วยบอกหน่อยได้ไหม บอกฉันหน่อย... ว่า คุณชื่ออะไร ไม่ต้องหวานต้องแหววหรอก .....

อิอิ

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2004 10:45 pm
โดย dikdik
โอย โชคดีทีมี PL ไม่เยอะ ไม่งั้นหัวใจหยุดเต้น แฟน PL สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัวไม่ควรอ่านนะ

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 09, 2004 12:30 am
โดย ayethebing
ไม่กล้าเรียกตัวเองว่าคนจีนครับ

เตี่ยอากงแต่งงานกับอาชวดคนไทย อากงแต่งกับย่าคนไทย พ่อก็แต่งกับแม่ซึ่งเป็นคนไทย เหลือจีนเศษเสี้ยวนิดเดียว แต่ผมแต่งกับแฟนคนจีน ลูกก็เพิ่มสัดส่วนความเป็นจีนเข้าไปอีก

จีนๆ ไทยๆ ก็รวมว่าเป็นคนไทยภายใต้พระคุณแผ่นดินเดียวกันครับ

ชื่อผม (เฉลย หลังจากมีคนถามบ่อยมาก) อ่านว่า เอ๋ยเดอะบิง

อันแรกชื่อเล่นผม ส่วนเดอะบิง อิอิ บอกได้คำเดียวว่าผมชอบ Elisabeth Hurley

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 09, 2004 12:54 am
โดย นักดูดาว
หน้าฝนนี่กรีดยางไม่ได้ไม่ใช่เหรอ (ถามเด็กสวนยางมา) เพราะน้ำฝนจะปนกับน้ำยางทำให้คุณภาพตกต่ำ

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 09, 2004 9:52 am
โดย pl
คุณ guest อย่าทำแบบนี้อีกเลยครับ ผมอ่านแล้วเกือบช็อคคคตาย เล่นแรงนะครับ :wink: อ่านไปก็งงครับเพราะผมตามข่าวทุกวัน ไม่เห็นข่าวนี้เลย ทำให้สงกะสัยว่าจะเป็นไปได้อย่างไร เฮ้อ... โล่งอก

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 13, 2004 8:42 pm
โดย สามัญชน
:o :o :o :o

ผมลองวิเคราะห์ภาวะการแข่งขันด้วยพลังทั้งห้าของ Porter ดูครับ

1. การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมยางมีผู้เล่นจำนวนมาก ลำพังอุตสาหกรรมน้ำยางข้นซึ่งไทยเป็นเจ้าตลาดก็มีผู้เล่นถึง 67 ราย ( เฉพาะในประเทศไทย ) อุตสาหกรรมยางแท่งมีรายใหญ่อยู่ที่มาเลเซียและอินโดนีเซีย

:arrow: :arrow: :arrow: :arrow:

STA บอกว่าตนเองอยู่ในห้าอันดับแรกของรายใหญ่ทั้งหมดในประเทศไทย
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีลักษณะเป็น Semi-raw material จึงไม่มีความแตกต่างกันมากนักในแง่คุณภาพของสินค้าในแต่ละบริษัท ซึ่งหมายความว่าราคายังเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ซื้อ ดังนั้นการแข่งขันในอุตสาหกรรมยางจึงมีการแข่งขันที่สูงและเป็นการแข่งขันในเรื่องของราคาเป็นหลัก

:idea: :idea: :idea: :idea: :idea: :idea:

อย่างไรก็ตามในเรื่องของ Demand ก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ระดับปริมาณการบริโภคยางธรรมชาติจากประเทศจีน ซึ่งใช้ในการอุตสาหกรรมผลิตยางล้อรถยนต์และรถบรรทุก มีการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และในปี 2546 นับเป็นปีแรกที่ประเทศจีนเป็นประเทศผู้ใช้ยางรายใหญ่ของโลกเป็นอันดับที่ 1 แทนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 13, 2004 8:46 pm
โดย สามัญชน
:o :o :o :o :o :o
2. โอกาสในการเข้ามาของรายใหม่
อุตสาหกรรมนี้ไม่มีกำแพงกั้น รายใหม่สามารถเข้ามาได้ไม่ยากนัก จะเห็นได้จากมีผู้เล่นรายย่อยเป็นร้อยๆราย แต่การออกจากอุตสาหกรรมก็ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากและสร้างความเสียหายมากนัก

:oops: :oops: :oops: :oops:

รายใหญ่จะมีความได้เปรียบในแง่ชื่อเสียงที่สะสมมา เรื่องเงินทุนสำรอง ในขณะที่รายย่อยจะเสียเปรียบในเรื่องความสามารถในการส่งมอบ เนื่องจากศักยภาพทางการเงินจะต่ำกว่าผู้ผลิตรายใหญ่ที่จะรองรับผลกระทบจากสภาวะอุตสาหกรรมยางที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากทางด้านราคายางที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อต้นทุนวัตถุดิบ และปริมาณการใช้เงินทุนหมุนเวียน

:arrow: :arrow: :arrow: :arrow:

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 13, 2004 8:50 pm
โดย สามัญชน
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
3. สินค้าทดแทน
ปัจจุบันยังไม่มีสินค้าทดแทนที่มีคุณภาพทัดเทียมกับยางพารา และราคาถูกเท่ายางพารา

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
4. อำนาจต่อรองกับลูกค้า
กลุ่มผู้ใช้รายใหญ่อันได้แก่ บริษัทผู้ผลิตยางล้อรถยนต์ชั้นนำของโลก อาทิเช่น กูดเยียร์ พีแรลลี่ คอนติเน็ลตัล มิชลิน และ บริดจสโตน มีอำนาจในการต่อรองสูงมาก แต่อย่างไรก็ตามบริษัทก็ยังสามารถปรับราคาผลิตภัณฑ์ขึ้นได้ ( ซึ่งโดนกระทบจากนโยบายเมืองยางของรัฐบาลที่ทำให้ราคายางสูงขึ้นมาเรื่อยๆ )

:wink: :wink: :wink: :wink:
5. อำนาจต่อรองกับผู้ป้อนวัตถุดิบ
เนื่องจากราคายางพารามีผลกระทบต่อชาวสวนยางเป็นอย่างยิ่ง และเป็นประเด็นในทางการเมืองอยู่เสมอๆ จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลยอมไม่ได้ที่จะไห้ราคายางตกต่ำ นโยบายต่างๆที่จะทำไห้ราคายางสูงขึ้นจึงถูกนำมาใช้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมืองยาง ความร่วมมือ 3 ประเทศ การส่งเสริมอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ยางพารา เพื่อไห้มีการโค่นต้นยางมากขึ้น จนในปัจจุบันราคายางยังคงยืนอยู่ได้ในราคาสูงติดต่อกันนานถึง 2 ปีแล้ว

:wink: :wink: :wink: :wink: :wink:

แต่เมื่อราคายางสูงขึ้นก็อาจจะจูงใจให้มีการทำสวนยางมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานและตะวันออกที่มีการปลูกยางมาประมาณ 4- 5 ปีแล้วก็เริ่มจะให้น้ำยางออกมาได้ อาจจะช่วยให้ราคาอ่อนตัวลงบ้าง

:idea: :idea: :idea: :idea: :idea:

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 13, 2004 8:57 pm
โดย สามัญชน
:o :o :o :o :o

ต่อไปผมจะลองวิเคราะห์ตามแนวคิดของบัฟเฟตต์

ว่าเป็น ธุรกิจที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน หรือไม่ และ

ประเด็นในการตรวจสอบหุ้น 10 ข้อของวอร์เรน ตามหัวข้อต่อไปนี้
1.ROE สูง
2.ROA สูง
3.ประวัติการทำกำไรที่ดีเยี่ยม
4.มีหนี้สินน้อยๆ
5.สินค้าหรือบริการมีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน
6.ไม่มีปัญหาที่เกิดจากสหภาพแรงงาน
7.บริษัทสามารถปรับสินค้าหรือบริการตามสภาวะเงินเฟ้อได้
8.ต้นทุนการดำเนินงานที่เหมาะสม
9.บริษัทสามารถซื้อหุ้นคืนจากตลาดได้
10.กำไรสะสมสามารถทำให้มูลค่าตลาดสูงขึ้นได้

:arrow: :arrow: :arrow: :arrow:

ยังวิเคราะห์ไม่เสร็จครับ คาดว่าจะใช้เวลาสักระยะหนี่งครับ คุณม้าเฉียว

:roll: :roll: :roll:

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 13, 2004 9:27 pm
โดย นักดูดาว
สามัญชน เขียน::o :o :o :o :o :o
อุตสาหกรรมนี้ไม่มีกำแพงกั้น รายใหม่สามารถเข้ามาได้ไม่ยากนัก จะเห็นได้จากมีผู้เล่นรายย่อยเป็นร้อยๆราย แต่การออกจากอุตสาหกรรมก็ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากและสร้างความเสียหายมากนัก
ขอมองต่างมุมในเรื่องการเข้าออกจากธุรกิจ ซึ่งตรงนี้จะส่งผลต่อปริมาณผู้แข่งขัน

ในกรณีทำสวนยางนี่ไม่ใช่เริ่มต้นได้ง่ายและออกได้ง่าย ณ วันนี้หากจะมีผู้ทำธุรกิจสวนยางใหม่ ก็ต้องเริ่มตั้งแต่หาที่ดิน ต้นพันธุ์ ปุ๋ย ยา ...คือต้องมีความรู้ในการทำการเกษตรมาก และต้องใช้เวลานานกว่ายางจะให้ผลผลิต น้อยคนนักที่อยากเข้ามาทำธุรกิจแบบนี้ เพราะทั้งยาก ทั้งกินเวลานาน

การออกจากธุรกิจ ก็เช่นกันครับ ผมคิดว่า หากเลิกโดยฉับพลัน ก็หาผู้ซื้อธุรกิจมาดำเนินการณ์ต่อยาก (ดังเหตุผลข้างต้น) สินทรัพย์ต่างๆที่ใช้ดำเนินธุรกิจ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ซื้อง่ายขายคล่องนัก ทำให้ธุรกิจนี้เลิกยากครับ หากเลิกจริงก็คงต้องเจ็บตัวไม่น้อยทีเดียว

สรุป ผมคิดว่าธุรกิจยาง เข้ายาก ออกยากครับ

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 14, 2004 8:18 am
โดย guest
ประเด็นของอุปทานที่จะสูงขึ้นเป็นเรื่องที่น่าห่วงไม่น้อยในอนาคตอีก 4-5 ปีข้างหน้า เพราะการส่งเสริมให้ปลูกยางพาราเพิ่มเติมในหลายพื้นที่ของประเทศ ในประเทศจีน และลาว ซึ่งน่าจะได้เปรียบเพราะมีแรงงานที่จะเข้าไปทำงานในสวนยาง
ไม่รู้ว่าจะมีเทคนิคการผลิตไหนบ้างที่ช่วยลดการใช้แรงงานในการกรีดยาง

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 14, 2004 10:00 am
โดย สามัญชน
คุณนักดูดาว wrote
ขอมองต่างมุมในเรื่องการเข้าออกจากธุรกิจ ซึ่งตรงนี้จะส่งผลต่อปริมาณผู้แข่งขัน

ในกรณีทำสวนยางนี่ไม่ใช่เริ่มต้นได้ง่ายและออกได้ง่าย ณ วันนี้หากจะมีผู้ทำธุรกิจสวนยางใหม่ ก็ต้องเริ่มตั้งแต่หาที่ดิน ต้นพันธุ์ ปุ๋ย ยา ...คือต้องมีความรู้ในการทำการเกษตรมาก และต้องใช้เวลานานกว่ายางจะให้ผลผลิต น้อยคนนักที่อยากเข้ามาทำธุรกิจแบบนี้ เพราะทั้งยาก ทั้งกินเวลานาน

การออกจากธุรกิจ ก็เช่นกันครับ ผมคิดว่า หากเลิกโดยฉับพลัน ก็หาผู้ซื้อธุรกิจมาดำเนินการณ์ต่อยาก (ดังเหตุผลข้างต้น) สินทรัพย์ต่างๆที่ใช้ดำเนินธุรกิจ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ซื้อง่ายขายคล่องนัก ทำให้ธุรกิจนี้เลิกยากครับ หากเลิกจริงก็คงต้องเจ็บตัวไม่น้อยทีเดียว
สรุป ผมคิดว่าธุรกิจยาง เข้ายาก ออกยากครับ
คุณนักดูดาวพลาดอย่างไม่สมควรพลาดนะครับ

วิเคราะห์คนละเรื่องเลยครับ

STA ไม่ได้ทำธุรกิจสวนยาง ดังนั้นจึงไม่ต้องหาต้นพันธ์ ปุ๋ย ยา ครับ ธุรกิจของเขาคือ รับซื้อยางมาแปรรูปเป็นยางแท่ง ยางแผ่น น้ำยางข้นแล้วเอาไปขายต่อ

:roll: :roll: :roll: :roll: :roll:

ธุรกิจที่มีผู้เล่นน้อยรายเช่น STANLY ถือว่ามีกำแพงกั้น แต่ธุรกิจที่มีผู้ประกอบการเป็นร้อย ๆ ถือว่าไม่มีกำแพงกั้นครับ ไม่งั้นมันจะมีเป็นร้อยได้อย่างไร

:roll: :roll: :roll: :roll:

และการออกจากตลาด บริษัทจะเอาเครื่องมือไปขายให้โรงงานอื่นๆที่มีเป็นร้อย มันจะไม่ง่ายกว่าธุรกิจที่มีอยู่แค่ 2- 3 เจ้าหรือครับ



:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 14, 2004 10:56 am
โดย นักดูดาว
อ้าวเหรอ STA ไม่ได้เป็นเจ้าของสวนหรอกเหรอครับ พลาดจริงๆ ครับ
ผมคงไม่ได้เข้าไปดูธุรกิจเค้าจริงๆนั่นแหละ ยอมรับความพลาดครับ

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 14, 2004 11:08 am
โดย สามัญชน
ตุณนักดูดาว wrote
อ้าวเหรอ STA ไม่ได้เป็นเจ้าของสวนหรอกเหรอครับ พลาดจริงๆ ครับ
ผมคงไม่ได้เข้าไปดูธุรกิจเค้าจริงๆนั่นแหละ ยอมรับความพลาดครับ
ครับ พลาดจริงๆ แหละ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องธรรมดา ใครๆก็พลาดได้ คนที่ไม่พลาดเลยคือคนที่ไม่ทำอะไรเลย


:wink: :wink: :wink: :wink: :wink:


คุณนักดูดาวช่วยวิเคราะห์ ROE ย้อนหลังสัก 2 - 3 ปี หน่อยสิครับ ผมอ่านงบการเงินแล้ว รู้สึกมึนตึ๊บครับ รายการโยงใยกันเต็มไปหมด แกะไม่ออกสักที่ ดูมา 4 - 5วันแล้ว ยังไม่คืบหน้าเลยครับ

:?: :?: :?: :?: :?:

บริษัทย่อย บริษัทร่วมเต็มไปหมด ผมสนใจบริษัทร่วมเซมเพอร์เมด ขายถุงมือ กำไรดีมาก แต่ไม่แน่ใจว่าสะท้อนมาในงบรวมหรือยัง สะท้อนอย่างไร สัดส่วนเท่าไหร่

:?: :?: :?: :?: :?: :?: :?:

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 14, 2004 11:30 am
โดย ม้าเฉียว
จริง Sta เค้าก็ทำสวนยางด้วย แต่เป็นบริษัทย่อย คือ
บริษัท สตาร์เท็กซ์ รับเบอร์ จำกัด ซึ่งดำเนินกิจการสวนยาง โดยมีเนื้อที่สวนยางประมาณ 300 ไร่ ตั้งอยู่ที่จังหวัดตรัง

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 14, 2004 11:42 am
โดย สามัญชน
:o :o :o :o :o

ผมว่า STA ได้ ROE 30 % กว่าๆ 3 ไตรมาสติดกันแล้ว น่าสนใจมากครับ

คุณ ม้าเฉียวได้ลองวิเคราะห์ งบการเงินหรือยังครับ เล่าสู่กันฟังบ้างสิครับ


:wink: :wink: :wink: :wink: :wink:

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 14, 2004 11:44 am
โดย ม้าเฉียว
บริษัทในกลุ่มศรีตรัง
  • บริษัท ประกอบธุรกิจ % การลงทุน
    1. บริษัท รับเบอร์แลนด์ โปรดักส์ จำกัด ผลิตน้ำยางข้น 51.00
    2. บริษัท สยามเซมเพอร์เมด จำกัด ผลิตถุงมือแพทย์ 36.00
    3. บริษัท ไทยเทครับเบอร์ จำกัด ผลิตยางแท่ง STR 33.50
    4. บริษัท หน่ำฮั่วรับเบอร์ จำกัด ผลิตน้ำยางข้น ยางแผ่นรมควัน ยางแก้ว (ADS) 50.00
    5. บริษัท ไทยแทงค์อินสตอลเลชั่น จำกัด ให้เช่าแทงค์เก็บน้ำยางข้นเพื่อการส่งออก 10.00
    6. บริษัท อันวาร์พาราวูด จำกัด ผลิตไม้ยางพาราสำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ 70.00
    7. บริษัท สตาร์เท็กซ์ รับเบอร์ จำกัด ดำเนินกิจการสวนยาง 48.16
    8. บริษัท เซี่ยงไฮ้ เซมเพอริท รับเบอร์
    แอนด์ พลาสติก จำกัด ผลิตราวจับบันไดเลื่อน 10.00
    9. บริษัท สะเดา พี.เอส. รับเบอร์ จำกัด ผลิตยางแผ่นรมควัน 50.00
    10. บริษัท พรีเมียร์ซีสเต็มเอ็นจิเนียริ่ง
    จำกัด ดำเนินธุรกิจวิศวกรรมบริการทำหน้าที่ติดตั้งเครื่องจักรให้แก่โรงงานต่างๆ 39.16
    11. บริษัท สตาร์ไลท์ เอ็กซเพรส ทราน
    สปอร์ต จำกัด ให้บริการด้านการขนส่งแก่บริษัทต่างๆในเครือกลุ่มบริษัทศรีตรัง 18.13
    12. บริษัท เซมเพอร์ฟอร์ม แปซิฟิก จำกัด ผลิตชิ้นส่วนยาง พลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมรถไฟ ยานยนต์ และอุตสาหกรรมไฟฟ้า 40.00
    13. บริษัท เซมเพอร์เฟล็กซ์ เอเซีย จำกัด ผลิตสายไฮโดรลิคแรงดันสูง 40.00
    บริษัท ประกอบธุรกิจ % การลงทุน
    14. บริษัท เซมเพอร์เมด ยูเอสเออิ้งค์ จำกัด จัดจำหน่ายถุงมือใช้ในการแพทย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา 40.75
    15. บริษัท ศรีตรังอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จัดจำหน่ายยางในประเทศสิงคโปร์ 100.00

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 14, 2004 11:49 am
โดย ม้าเฉียว
ตัว บริษัท สยามเซมเพอร์เมด จำกัด และบริษัทผลิตสินค้าที่ใช้วัตถุดิบยางพารานี้ น่าสนใจจริงๆ เพราะในเวลาที่ราคายางตกต่ำ กำไรของบริษัทย่อยเหล่านี้ก็จะดีขึ้น โดยเฉพาะบริษัท สยามเซมเพอร์เมด จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือแพทย์รายใหญ่ที่สุดของไทย และถือว่าเป็นหนึ่งในรายใหย่ของโลก

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 14, 2004 11:50 am
โดย XXyyZZ
...ผมเห็นว่าผู้บริหาร STA คงไม่ได้คิดว่าจะทำแค่แปรรูปยางแล้วหล่ะครับ...

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 14, 2004 8:01 pm
โดย สามัญชน
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

ความประทับใจใน STA โดยวชิราลักษณ์

http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... _staM.html

:arrow: :arrow: :arrow: :arrow:

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 14, 2004 8:41 pm
โดย นักดูดาว
วิธีที่บัฟเฟตพิจารณา ROE น่าจะดู ROE สูงเกินมาตรฐานเป็นเวลายาวนานต่อเนื่อง ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการนำกำไรไปลงทุนต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงนี้ STA ไม่สามารถทำได้ หากดูย้อนหลังไปก็พบว่าบางปีก็มี ROE ต่ำมาก ในปีนี้ราคายางดีขึ้นก็ดูเหมือน ROE จะสูงขึ้นครับ

ปีนี้กำไรเพิ่มขึ้นมากจริงๆครับ แต่ลองพิจารณากระแสเงินสดดูขัดแย้งกับกำไร ผมเห็นกระแสเงินสดจากการดำเนินการติดลบ มีลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้นมาก สินค้าคงคลังก็เพิ่มขึ้นมาก เงินสดส่วนที่ลงไปกับลูกหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้นและสินค้าคงคลังก็หนีไม่พ้นเงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร

นี่คงเป็นเหตุจำเป็นที่ต้องเพิ่มทุนเพื่อให้มีสภาพคล่องในการดำเนินการโดยไม่ต้องกู้มากเกินไป

หลายๆท่านคงมีประสบการณ์ดีๆกับ STA มาในอดีต ท่านที่กำลังสนใจ STA ลองดูให้ถี่ถ้วนนะครับ สรุปว่าถ้าจะซื้อเก็งกำไรแบบ VS ก็คงไม่มีปัญหา แต่จะถือยาวแบบ VI ผมคงไม่กล้าครับ

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 15, 2004 7:56 am
โดย ม้าเฉียว
ที่ท่านนักดูดาวแนะนำมาก็ต้องน้อมรับไว้ แต่ที่ผมสนใจก็คือ พื้นฐานมันกำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีอย่างชัดเจนหรือไม่ โดยเฉพาะความสามารถในการลดความผันผวนของธุรกิจ ซึ่งก็ต้องอาศัยการวิเคราะห์และติดตามอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 15, 2004 8:06 am
โดย ม้าเฉียว
STA ในอดีตผลประกอบการจะลุ่มๆดอนๆ และสรางความผิดหวังให้กับใครหลายคน เพราะความผันผวนของราคายาง
แต่ปัจจุบัน

- STA ตั้งบริษัทศรีตรัง อินเตอร์เนชั่นแนล ที่สิงคโปร์ เพื่อทำ Hedging ราคายางพารา ทำให้สามารถขจัดความเสี่ยงจากราคายางพาราผันผวนได้ในระดับหนึ่ง
- หากราคายางสูงขึ้น STA จะขายผลิตภัณฑ์ยางได้ดีและมีกำไรเกิดขึ้นในบริษัทแม่ ส่วนบริษัทลูกอาจจะเผชิญกับภาวะราคาวัตถุดิบสูง กำไรลดลง แต่หากราคายางตกต่ำ กำไรจะไปอยู่ที่บริษัทลูกมากกว่าบริษัทแม่
- การตั้งตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าในประเทศ (ซึ่งไม่รู้ว่าจะรอดไหม) ก็ช่วยให้บริษัทสามารถป้องกันความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง

แต่ก็เป็นเพียงปัจจัยเสริมบางอย่างเท่านั้น ยังมีความเสี่ยงอื่นๆรออยู่อีกมาก ซึ่งหากบริษัทมีการบริหารจัดการที่เหมาะสมออกมาให้เราเห็นก็น่าสนใจ

ตอนนี้ผมจึงแค่ VS ไปก่อน ถ้าภาพของการเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้นก็จะเพิ่ม port ตัวนี้มากขึ้น

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 15, 2004 9:56 am
โดย สามัญชน
คุณม้าเฉียวบอกว่า

หากราคายางสูงขึ้น STA จะขายผลิตภัณฑ์ยางได้ดีและมีกำไรเกิดขึ้นในบริษัทแม่ ส่วนบริษัทลูกอาจจะเผชิญกับภาวะราคาวัตถุดิบสูง กำไรลดลง แต่หากราคายางตกต่ำ กำไรจะไปอยู่ที่บริษัทลูกมากกว่าบริษัทแม่


ผมขออณุญาตคุณม้าเฉียวมองต่างมุม

ถ้าราคายางสูง บริษัทที่ได้กำไรดีขึ้นน่าจะเป็นบริษัทลูกที่ทำสวนยาง ซึ่งถ้ามีพื้นที่ปลูกแค่ 300 กว่าไร่ ก็นับว่าไม่มาก ถ้าเทียบกับการที่บริษัทรับซื้อยางดิบทั้งหมด อาจจะไม่ถึง 1 % ด้วยซ้ำ ( ผมไม่ได้ดูตัวเลขละเอียด ประมาณคร่าวๆ )


:roll: :roll: :roll: :roll: :roll:

ในขณะที่ถ้าราคายางตกต่ำ บริษัทลูกที่ใช้ยางเป็นวัตถุดิบจะได้ประโยชน์เต็มๆ รวมทั้งบริษัทแม่ด้วย

:P :P :P :P :P :P

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 15, 2004 10:03 am
โดย สามัญชน
บริษัทลูกที่ได้ประโยชน์ถ้าราคายางสูงขึ้น


7. บริษัท สตาร์เท็กซ์ รับเบอร์ จำกัด ดำเนินกิจการสวนยาง 48.16

บริษัทลูกที่ได้ประโยชน์ถ้าราคายางต่ำลง


1. บริษัท รับเบอร์แลนด์ โปรดักส์ จำกัด ผลิตน้ำยางข้น 51.00
2. บริษัท สยามเซมเพอร์เมด จำกัด ผลิตถุงมือแพทย์ 36.00
3. บริษัท ไทยเทครับเบอร์ จำกัด ผลิตยางแท่ง STR 33.50
4. บริษัท หน่ำฮั่วรับเบอร์ จำกัด ผลิตน้ำยางข้น ยางแผ่นรมควัน ยางแก้ว (ADS) 50.00
8. บริษัท เซี่ยงไฮ้ เซมเพอริท รับเบอร์ แอนด์ พลาสติก จำกัด ผลิตราวจับบันไดเลื่อน 10.00
9. บริษัท สะเดา พี.เอส. รับเบอร์ จำกัด ผลิตยางแผ่นรมควัน 50.00

12. บริษัท เซมเพอร์ฟอร์ม แปซิฟิก จำกัด ผลิตชิ้นส่วนยาง พลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมรถไฟ ยานยนต์ และอุตสาหกรรมไฟฟ้า 40.00
13. บริษัท เซมเพอร์เฟล็กซ์ เอเซีย จำกัด ผลิตสายไฮโดรลิคแรงดันสูง 40.00
บริษัท ประกอบธุรกิจ % การลงทุน
14. บริษัท เซมเพอร์เมด ยูเอสเออิ้งค์ จำกัด จัดจำหน่ายถุงมือใช้ในการแพทย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา 40.75

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 15, 2004 10:13 am
โดย สามัญชน
:o :o :o :o :o :o


บริษัทแม่ได้ประโยชน์จากราคาตกต่ำเพราะซื้อวัตถุดิบมาถูกลง แต่อาจจะเสียประโยชน์ระยะสั้นจาก วัสดุคงคลังที่ราคาสูงที่ยังเหลืออยู่และต้องขายออกมาในราคาถูกลง


คุณม้าเฉียวบอกว่า
แต่ที่ผมสนใจก็คือ พื้นฐานมันกำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีอย่างชัดเจนหรือไม่
ผมเห็นด้วยครับว่ามันมีโอกาสเกิดขึ้นได้

:wink: :wink: :wink: :wink: :wink:

PL กับ STA ชอบทั้งคู่

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 15, 2004 10:18 am
โดย นักดูดาว
ถ้าจะเป็น hedge จริงๆ บริษัทลูกที่ได้ประโยชน์ถ้าราคายางต่ำลง ต้องทำกำไรมากๆพอกับบริษัทลูกที่เสียประโยชน์ครับ ถ้าไม่งั้นก็ถือว่าไม่ได้ช่วยอะไรเป็นรูปธรรม

วิธีหนึ่งที่บริษัทที่มีความผันผวนของวัตถุดิบทำเพื่อลดความเสี่ยง ก็คือทำสัญญาให้ลูกค้าเป็นผู้ซื้อวัตถุดิบมาให้บริษัททำการผลิตครับ ส่วนบริษัทก็คิดราคาขายเฉพาะกระบวนการผลิตเท่านั้น เท่าที่ทราบก็มี CTW และ TMD ที่ใช้วิธีนี้จัดการกับต้นทุนวัตถุดิบครับ

นอกจากนั้นวิธีนี้บริษัทยังต้องการเงินทุนหมุนเวียนลดลง เนื่องจากไม่ต้องแบกรับภาระ Inventory ครับ

เล่น STA ก็ให้ระวังเรื่องกระแสเงินสดด้วยก็แล้วกันครับ คุณฉัตรชัยก็เตือนหลายทีแล้ว เรื่องการพิจารณางบกระแสเงินสด