Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

รบกวหน่อยคับ
อยากทราบว่า fed จะลดขนาดงบดุล ที่ ทำไงหรือคับ
หรือใช้วิธีอะไร
แล้วมันเกิดผลกระทบ ด้านบวก หรือลบ ต่อ ตลาดเงิน ตลาดทุน หรือ
fundflow ยังไงบ้างคับ



ขอบคุณคับ

ลดขนาดงบดลก็ตรงกันข้ามกับ QE คือแทนที่ FED จะซื้อบอนด์เพื่อบีบให้ yield ของ บอนด์ต่ำลง กลายเป็นขายบอนด์เพื่อทำให้ yield สูงขึ้น และแน่นอนลดขนาดงบดุลที่ได้ใช้ทำ QE ไป

ที่ทำแบบนี้ FED คงมองว่าเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้น เงินเฟ้อดีขึ้นและการขึ้นดอกเบี้ยดูเหมือนจะไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรกับตลาดโดยรวม จึงคาดว่าจะเตรียมการสำหรับเทรนด์ของดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้นในอนาคต

แน่นอนในแง่ตลาดหุ้น เมื่อ yield ของบอนด์ที่มีความเสี่ยงต่ำมีผลตอบแทนดีขึ้น เงินก็จะไหลจากสิ่งที่เสี่ยงกว่ามายังตลาดของบอนด์ ในทางทฤษฏีดัชนีตลาดหุ้นควรจะตกแต่ก็จะเป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติของ fund flow

ในส่วนของค่าเงิน การ QE ส่งผลให้ดอลลาอ่อนลง การลดงบดุลก็จะทำให้ดอลลาแข็งขึ้นเพราะเงินทุนจากต่างชาติไหลเข้าอเมริกา

อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้คือทฤษฏี หลักการของ fund flow การมีปัจจัยอื่นๆ และอารมณ์ของมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องสามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ได้เสมอ เช่น ค่าเงินบาทไทยเทียบกับดอลลาห์กลับแข็งขึ้นทั้งๆที่ปีนี้ fed ขึ้นดอกเบี้ยหลายครั้ง

ผิดถูกอย่างไรสามารถบอกได้นะครับผมก็เพิ่งศึกษาเรื่องพวกนี้ไม่นาน

สรุปง่ายๆสั้น
QE ทำให้ Yield ของ พันธบัตรลดลง เมื่อเป็นแบบนั้นราคาพันธบัตรแพงขึ้น ใครได้ประโยชน์โดยตรง คือ ธนาคารพาณิชย์ และ สถาบันการทางเงิน
QE ลดลง และ กลายเป็นขายทิ้ง ผลขาดทุนก็เกิดกับ FED ตรงๆ ในงบการเงิน
แต่ เมื่อลดพันธบัตรเกิดการขายขึ้น ก็ไปดัน Yield ให้สูงขึ้น ทำให้พันธบัตรถูกลง

ก่อนหน้านี้ ใครขายพันธบัตร ก่อนหน้านี้ คือ จีน และ ญี่ปุ่น ก่อนที่ FED ปรับลดขนาดงบดุล
พอทำแบบนี้แล้ว ต้นทุนเงินทุนของการดำเนินธุรกิจประมาณ 1-2 ปีนั้น น่าจะไปได้เพราะ Lock ต้นทุนได้
แต่หากเกิน 2 ปีแล้ว สิ่งที่ทำไว้คือ ลดงบดุลจะส่งผล จังหวะนั้น แหละกลับมาดูใหม่ว่าเป็นเช่นไร

สิ่งที่แปลกใจในเรื่องนี้คือ ส่งต่างของดอกเบี้ยระหว่าง FED กับ ดอกเบี้ยไทยลดลง แต่ค่าเงินบาทไม่อ่อนค่าขึ้นกลับแข็งค่าขึ้น เพราะ Growth มันมีที่เมืองไทย และ มีเงินไหลเข้ามาประกอบกัน
ถ้า ไม่มี Growth และ เงินไม่ไหลเข้า จะเป็นเช่นไร

ขอบคุณมากๆเลยคับ