โค้ด: เลือกทั้งหมด
“หุ้นลูกเป็ดขี้เหร่” คือบริษัทที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักลงทุน นักวิเคราะห์ก็เมิน กองทุนก็เบินหน้าหนี ส่วนมากจะเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาย่ำแย่ แต่เนื้อแท้เป็นกิจการที่มีโมเดลธุรกิจแข็งแกร่ง มีความสามารถในการแข่งขันสูงกว่าคู่แข่ง มีแนวโน้มการเติบโตของผลกำไรที่ชัดเจน
ตัวผมเองจะชอบลงทุนในหุ้นประเภทนี้มาก เพราะเป็นการ “ซื้อของดี ราคาถูก” ทำให้มี Upside ค่อนข้างสูง สามารถสร้างผลตอบแทนได้ 50%-100% ได้ภายในระยะเวลา 1-2 ปี แต่หุ้นลูกเป็ดขี้เหร่เป็นหุ้นที่วิเคราะห์ยาก ต้องใช้พลังงานเยอะ แน่นอนว่ามีหลายครั้งที่ผมวิเคราะห์ผิดพลาด วาดฝันไว้ว่าลูกเป็ดน้อยจะกลายเป็นหงส์แสนสวย แต่ก็ดันกลายเป็ดพะโล้ไปซะงั้น งบการเงินออกมาน่าผิดหวัง ราคาที่เคยคิดว่าถูกก็ไม่ได้ถูกจริง แต่ถ้าเราวิเคราะห์ให้รอบคอบ และไม่ได้ “ใจร้อน” เวลาเข้าซื้อ ส่วนมาก Downside จะไม่ค่อยมาก เพราะไม่ได้เป็นหุ้นที่ร้อนแรงอะไร
หุ้นลูกเป็ดขี้เหร่จะมีลักษณะร่วมกันอยู่ 3 ข้อ ข้อแรก ธุรกิจประสบกับปัญหาระยะสั้นที่สามารถแก้ไขได้ ข้อสอง มีความคาดหวังต่ำ ราคาปรับตัวลดลงมากหรือไม่ไปไหนเป็นเวลานาน และข้อสุดท้ายมี Valuation ที่สมเหตุสมผล
เราจะดูอย่างไรว่าปัญหานั้นเป็นปัญหาชั่วคราวและสามารถแก้ไขได้? ก่อนอื่นเราต้องแยกให้ออกระหว่าง “ผลประกอบการระยะสั้น” และ “ความแข็งแกร่งของธุรกิจในระยะยาว” บริษัทบางบริษัทงบการเงินไม่ดี กำไรลดลง เพราะอาจจะได้รับผลกระทบชั่วคราวจากทั้งปัจจัยทั้งภายในและภายนอก เช่น ภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ ความผันผวนของต้นทุน การผลิตติดขัด หรือดำเนินธุรกิจผิดพลาด แต่ถ้าวิเคราะห์ให้ลึกลงไป จะพบว่าบริษัทมีทีมผู้บริหารที่มีศักยภาพ มีแผนการเติบโตที่ชัดเจน อีกทั้งมีแบรนด์หรือความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมได้ในระยะยาว
หลายครั้งผู้บริหารจะไม่ยอมบอกสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง เราจึงจำเป็นต้องวิเคราะห์สถานการณ์ด้วยตัวเอง ตัวอย่างเช่น บริษัทขายเครื่องดื่มแห่งหนึ่ง อัตราการทำกำไรลดลงเยอะมาก เพราะมีการแข่งขันทางด้านราคารุนแรง ก่อนอื่นเราต้องประเมินก่อนว่าเหตุการณ์จะยืดเยื้อแค่ไหน อะไรคือแรงจูงใจของคู่แข่ง มีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในระยะยาวหรือไม่ ลูกค้ายึดติดกับแบรนด์สินค้า หรือว่าซื้ออะไรก็ได้ที่ราคาถูกกว่า เราต้องประเมินความเป็นไปได้ของกลยุทธ์เพื่อกอบกู้สถานการณ์ของบริษัท และที่สำคัญที่สุด ติดตามผลประกอบการของบริษัทว่าเป็นไปตามที่ผู้บริหารพูดไว้หรือไม่ ความผิดพลาดส่วนมากของผมมักเกิดจากการให้น้ำหนักกับคำพูดของผู้บริหารมากเกินไป
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าหุ้นตัวนี้มีความคาดหวังต่ำ? ราคาหุ้นเป็นตัวสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ดีที่สุด หุ้นลูกเป็ดขี้เหร่มักไม่ค่อยมีคนพูดถึง ไม่ค่อยมีบทวิเคราะห์ให้อ่าน ข่าวเกี่ยวกับหุ้นก็แทบจะไม่มี เวลาเราพูดถึงหุ้นตัวนี้ให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็จะตอบกลับทันทีว่า “มีตัวอื่นที่ดีกว่านี้มั้ย?”
แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่า “ราคา” คือ “Valuation” หุ้นหลายตัวราคาปรับลงมาเยอะแต่ก็ยัง “แพง” อยู่ดี โดยเฉพาะหุ้น IPO ที่ช่วงแรกกระแสร้อนแรงมาก แต่พองบการเงินออกมาน่าผิดหวัง ราคาก็ปรับตัวลงมา 30-50% แต่ถ้าเราประเมิน Price to Earning Ratio (P/E) แล้วก็จะพบว่า P/E ยังสูงมาก บางตัวสูงถึง 50-70 เท่า ซึ่งอาจจะไม่สอดคล้องกับคุณภาพของกำไร และแนวโน้มการเติบโตในอนาคต ผมไม่ได้บอกว่าหุ้น P/E สูงๆไม่น่าลงทุนนะครับ แต่ทุกอย่างมีราคาของมัน ถ้ามีคนมาขายรถเบนซ์ C-Class ในราคารถเฟอร์รารี่ คงจะไม่มีใครยอมจ่ายใช่มั้ยครับ?
ในช่วงภาวะตลาดผันผวนแบบนี้มักจะมีหุ้นลูกเป็ดขี้เหร่ออกมาเดินเตร่ให้วิ่งไล่จับอยู่มากมาย นักลงทุนก็ควรฉวยโอกาสตรงนี้ไว้ ติดตามข้อมูลของผู้บริหาร อ่านงบการเงิน สำรวจหุ้นใน Watch List ของเรา ว่ามีตัวไหนที่ราคาปรับตัวลงมาเยอะ จนทำให้ Valuation น่าสนใจ วิธีนี้อาจจะเหนื่อยซักหน่อย อาจจะต้องดูหุ้นถึง 10-20 ตัวกว่าจะค้นพบ แต่ถ้าเรามีหุ้นเด็ดๆแบบนี้อยู่ในพอร์ตซัก 2-3 ตัว รับรองว่าผลตอบแทนที่ได้รับจะคุ้มค่ากับความพยายามแน่นอนครับ