Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมก็ดูไม่เป็นครับ แต่สำหรับVIไม่ค่อยสำคัญเท่าไรนัก

เอพี่ฉัตรชัยน่าจะตอบได้น่า เพราะคราวที่แล้วแกรอดมาแบบสบายเลย

สำหรับคนที่ไม่มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคมากนัก การตกต่ำทางเศรษฐกิจสามารถสังเกตง่าย จะเริ่มจากการเกิดกระจุกตัวของโภคทรัพย์สูงมาก ซึ่งการกระจุกตัวดังกล่าวจะนำไปสู่ภาวะการเก็งกำไรที่รุนแรงมาก ในตลาดโภคทรัพย์ต่างๆ เช่น ตลาดหุ้น ตลาดซื้อขายล่วงหน้าต่างๆ เป็นต้น

ไม่ค่อยเห็นด้วยนัก หาก VI จะละเลยปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค เพราะ ความตกต่ำทางเศรษฐกิจจะนำไปสู่ ภาวะที่อุปสงค์หดตัวลง ทั้งการบริโภค และการลงทุน ซึ่งมีผลต่อบริษัทต่างๆในภาพรวม มากน้อยต่างกันไปแล้วแต่อุตสาหกรรมและรายบริษัท ดังนั้นก็ยังคงมีความจำเป็นที่ VI ต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจมหภาค อย่างน้อยก็ อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย การใช้จ่ายของภาครัฐ หนี้สินต่อGDP ดุลบัญชีเดินสะพัด ดุลชำระเงิน อัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น แต่ไม่ต้องไปคาดการณ์ก็ได้ เพราะคาดการณ์ได้ยาก
ความเคลื่อนไหวของตัวชี้วัดมหภาคเหล่านี้ อย่างน้อยก็ทำให้เห็นภาพรวมของเศรษฐกิจที่อาจจะเข้ามามีผลต่อการดำเนินงานของบริษัทที่เราลงทุน เช่น การขาดดุลชำระเงินระดับสูง ย่อมส่งผลทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง หากบริษัทที่เป็นผู้ส่งออกย่อมได้รับผลดี แต่บริษัทที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศอาจจะลำบากมากขึ้น นอกจากตัวชี้วัดเหล่านี้ คุณควรติดตามนโยบายของภาครัฐให้ดี ว่ามีนโยบายที่อาจบิดเบือนภาวะเศรษฐกิจอย่างรุนแรงหรือไม่ เหมือนในช่วงก่อนวิกฤติที่ มีนโยบายเปิดเสรีทางการเงินในขณะที่ยังคงใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ ซึ่งผลกระทบของนโยบายเหล่านี้อาจต้องอาศัยความรู้ทางเศรษฐศาสตร์มากสักหน่อยจึงจะสามารถวิเคราะห์ได้ ถ้าไม่มีความรู้มากนักก็อาจจะศึกษาจาก บทความหรืองานวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นเสาหลักของเศรษฐศาสตร์ของเมืองไทย

ถ้าหากเชื่อว่าเศรษฐกิจเป็นขาลง แนะนำให้ขายหุ้นให้หมดครับ ไม่มีหุ้นปลอดภัยจากภาวะเศรษฐกิจรวม

ลองเปิดกราฟย้อนหลังดูก็จะเห็นราคาในช่วงก่อนและหลังปํญหาได้

หุ้นที่ไม่ค่อยผันผวนตามเศรษฐกิจ ก็เป็นกลุ่มสินค้าจำเป็น น้ำประปา ไฟฟ้า แล้วก็สินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน

แต่ Egcomp เคยมีราคาที่ 25 บาท ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจแย่มากๆ ก่อนจะมาอยู่ที่ราคานี้ (ราคานี้ประมาณปี44-45 มั้ง ถ้าจำไม่ผิด)

การดูภาพใหญ่อย่าง GDP ก็ช่วยให้พอเห็นภาวะเศรษฐกิจได้ครับ GDP ก็เหมือนบัญชีประเทศ ที่เหมือนกันมากก็คือ เป็นข้อมูลย้อนหลัง และออกทุก 3 เดือน

ลองเขียนเพิ่มเติมมาหน่อยว่า ขาลง คิดว่าลงขนาดไหน ทำไมถึงเชื่อว่าขาลง ก็น่าจะช่วยให้หลายคนเข้าช่วยให้ความคิดเห็นได้

ก่อนอื่น คุณต้องพิจารณาให้ดีนะว่า ขาลงของคุณนี่ เป็นเศรษฐกิจชะลอตัว หรือ เศรษฐกิจถดถอย ถ้าแค่ชะลอตัว (วัดง่ายๆ จาก GDP มีอัตราการเติบโตลดลงอย่างชัดเจน เช่น จาก 6% เป็น 3%) แล้วนโยบายของรัฐออกมาอย่างเหมาะสม ก็ไม่จำเป็นต้องล้างพอร์ตก็ได้ แค่ปรับเล็กน้อย บางตัวก็อาจ Short againt port ถ้าได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าวรุนแรงกว่าในอุตสาหกรรมอื่น
แต่ถ้าเป็นเศรษฐกิจถดถอย (GDP ลดลง หรืออัตราการเติบโตติดลบ) อย่างนี้ต้องคิดหนักหน่อย คงต้องเลือกตัวที่จะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจถดถอย

และเมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย นั่นก็ถึงเวลาที่คุณจะได้ซื้อหุ้นถูกๆอีกครั้ง

ส่วนที่บอกว่า ได้อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ เริ่มมีคนเตือนแล้วว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเป็นขาลง นั้นผมยังไม่เห็นด้วย เพราะอย่างน้อยขนาดของเศรษฐกิจ ซึ่งวัดได้จาก GDP โตอย่างน้อยก็มากกว่า 5 % เงินเฟ้อ 2-3 % ดอกเบี้ยก็ยังต่ำ ดุลชำระเงินก็ยังไม่มีปัญหามาก อาจจะกล่าวได้เพียงว่า ความร้อนแรงลดลงไปบ้าง
แต่ที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่ประเด็นว่าจะเป็นขาลงหรือไม่ (ซึ่งวัดจาก GDP) แต่น่าเป็นห่วงเรื่องของการกระจายรายได้มากกว่า เพราะหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น ที่ดูแล้วเป็นหนี้เพื่อการบริโภคมากกว่าการลงทุน จะบั่นความมั่งคั่งของครัวเรือนในอนาคตได้ และความมั่งคั่งของคนรวยจะเพิ่มขึ้นมากกว่าความมั่งคั่งของคนจน (คนที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนอาจจะลดลง หรือคนที่เรียกว่าจนลดลง แต่ความมั่งคั่งของคนรวยจะห่างจากคนจนมากขึ้น) และเมื่อโภคทรัพย์กระจุกตัวอยู่กับคนรวยมากๆ ก็จะเกิดกระแสการเก็งกำไรมากยิ่งขึ้นไปอีก (คนจนไม่ค่อยมาเล่นหุ้นหรอก) อันนี้ซิอันตราย

ผมเห็นด้วยครับว่าถ้าสามารถเข้าใจและคาดการณ์สภาพเศรษฐกิจได้จะทำให้เราได้ประโยชน์มากจริงๆ ถ้าเราทำธุรกิจส่วนตัวเอง ถึงแม้เศรษฐกิจจะไม่ดี ส่วนใหญ่ก็มักจะดำเนินธุรกิจต่อ แต่สิ่งที่ดีสำหรับการลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ก็คือเราสามารถที่จะถอยออกได้ครับ

ส่วนสภาพเศรษฐกิจช่วงนี้ ผมก็เห็นคล้ายๆคุณม้าเฉียวว่ายังไม่มีสัญญาณอันตรายใดๆครับ

ถึงแม้คราวที่แล้ว ผมจะมองปัญหาออก และรอดพ้นหายนะ แต่คราวครั้งต่อไปไม่แน่ครับ เพราะปัจจัยก็คงจะเปลี่ยน ไม่รู้ว่าผมจะรอดหรือไม่ ทางที่ดีลงทุนในบริษัทที่ดี ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน ตลอดเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญครับ

การที่มีอะไรที่มีผลกระทบอย่างเฉียบพลันรุนแรงน่ากลัวทั้งนั้นครับที่พอจะนึกได้เรียงตามความน่าจะเป็นที่เป็นได้จากมากไปน้อยอย่างนี้ครับ

ตอนนี้ผมเสียวๆ ก็คือราคาน้ำมันดีเซลในต้นปีหน้าว่าจะพุ่งแบบรุนแรง เงินเฟ้อจะพุ่งสูง และกำลังซื้อของคนจะลดลงมากๆ

เสียวเรื่องอสังหาที่จะหดตัวอย่างรุนแรงทำให้ภาควัสดุก่อสร้างหดตามไปด้วย

เสียวเรื่องการอั้นอัตราดอกเบี้ย ถ้ามันพุ่งสูงอย่างต่อเนื่องรุนแรงจะทำให้การใช้จ่ายภาคครัวเรือนหดตัวอย่างรุนแรง การลงทุนก็จะหดตัวอย่างรุนแรง

เสียวอะ