“บิทคอยน์” ความเชื่อ vs. ความจริง -กรุงเทพธุรกิจ 12 ม.ค.61
-
- Verified User
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
“บิทคอยน์” ความเชื่อ vs. ความจริง -กรุงเทพธุรกิจ 12 ม.ค.61
โพสต์ที่ 1
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 12 มกราคม 2561
“บิทคอยน์” ความเชื่อ vs. ความจริง
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
http://www.CsiSociety.com
Add Line: @CsiSociety
ณ เวลานี้ หนึ่งในการลงทุนที่ร้อนแรงที่สุดในโลกที่แทบจะปฎิเสธไม่ได้ก็คือ การลงทุนในเงินสกุลดิจิตอล (Cryptocurrency) และบิทคอยน์ ทุกวันนี้ผมทั้งเขียน..พูด..ออกทีวี..ออกวิทยุมาหลายครั้งแล้ว ก็ยังคงต้องเจอกับคำถามเดิมๆ ดังนั้นวันนี้ผมจึงขออนุญาตเล่าให้คุณผู้อ่านได้เข้าใจเกี่ยวกับ “ความเชื่อ” และ “ความจริง” เกี่ยวกับบิทคอยน์ ดังนี้ครับ
ความเชื่อ: บิทคอยน์เป็นแชร์ลูกโซ่ใช่หรือไม่?
ความจริง: ตัวของบิทคอยน์เองไม่ได้เป็นแชร์ลูกโซ่ แต่ก็มีผู้ไม่หวังดีนำบิทคอยน์ไปอ้าง และนำไปสู่การสร้างแชร์ลูกโซ่หลอกลวงผู้คนไปแล้วมากมาย ดังนั้นคุณผู้อ่านจึงจำเป็นอยู่เองที่จะต้องศึกษาอย่างละเอียดในการแยกแยะว่า การลงทุนไหนอันเป็นของจริง และอันไหนเป็นของหลอก
ความเชื่อ: บิทคอยน์สามารถแฮ็คได้ และบิทคอยน์ก็สร้างเพิ่มได้ไม่จำกัด
ความจริง: ตั้งแต่บิทคอยน์เกิดขึ้นมาในปี 2552 บิทคอยน์ไม่เคยถูกแฮ็คหรือถูกโจมตีและเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของบิทคอยน์ใดๆได้เลย เหตุการณ์เมื่อปี 2557 ที่บริษัทเมาท์ก๊อกซ์ของญี่ปุ่นถูกโจมตี และถูกขโมยบิทคอยน์ไปกว่า 650,000 บิทคอยน์นั้น ไม่ได้เกิดจากระบบของบิทคอยน์เอง แต่เกิดจากระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทเมาท์ก๊อกซ์ถูกแฮ็คต่างหาก
ทุกวันนี้บิทคอยน์ยังสามารถสร้างเพิ่มขึ้นมาได้ ด้วยการขุดเหมืองบิทคอยน์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง แต่การเพิ่มขึ้นจะค่อยๆลดลง และจำนวนบิทคอยน์จะสูงสุดได้ไม่เกิน 21 ล้านบิทคอยน์ ซึ่งบิทคอยน์เหรียญสุดท้ายจะถูกขุดออกมาในปี 2683 ปัจจุบันมีบิทคอยน์อยู่ในตลาดจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 16.8 ล้านบิทคอยน์ ด้วยเหตุที่บิทคอยน์มีจำนวนจำกัดนี้ จึงทำให้มันมีค่า
ความเชื่อ: บิทคอยน์มีค่าเพราะการเก็งกำไรเท่านั้น นำไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย
ความจริง: คงปฎิเสธไม่ได้ว่า ราคาของบิทคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาจากการเก็งกำไร ซึ่งผมให้น้ำหนักการเก็งกำไรสูงถึงประมาณ 90 – 95% ทีเดียว แต่บิทคอยน์ก็ยังมีประโยชน์จากการใช้สอยจริงๆ เช่น ประเทศที่มีประชาชนต้องออกไปทำงานต่างประเทศและต้องส่งเงินกลับบ้าน เช่น อินเดีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ในอดีตคนของประเทศเหล่านี้ที่ไปทำงานเมืองนอก เวลาจะส่งเงินกลับบ้าน ก็ต้องส่งผ่านธนาคาร หรือเวสเทิร์นยูเนียน หรือมันนี่แกรม ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูงมากถึง 3 – 5% ทีเดียว แต่ถ้าส่งผ่านบิทคอยน์ค่าโอนจะลดลงมาน่าจะต่ำกว่า 0.5% เสียอีก ที่ดีไปกว่านั้นก็คือ บรรดาญาติๆในประเทศของพวกเขา จะชอบให้ส่งเงินกลับบ้านเป็นบิทคอยน์ เพราะคิดว่าราคาของบิทคอยน์มีแต่จะขึ้นและขึ้น
ประเทศที่ประสบปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเวเนซูเอลา ซิมบับเว เป็นต้น ผู้คนจะชอบเก็บเงินเป็นบิทคอยน์ เพราะสามารถเก็บได้โดยรัฐบาลตรวจสอบได้ยาก และยังคงดำรงค่าของมันไว้ในระดับสูง ในขณะที่ค่าเงินของประเทศเหล่านี้มีแต่ขาลงเท่านั้น
ความเชื่อ: ทุกรัฐบาลบนโลกใบนี้กำลังจะปราบปรามบิทคอยน์อยู่
ความจริง: มีแนวโน้มว่าหลายรัฐบาลบนโลกใบนี้กำลังคิดจะปราบปรามบิทคอยน์และเงินสกุลดิจิตอลอยู่ สำหรับประเทศที่สั่งห้าม..สั่งปิด..ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้บิทคอยน์เกิด น่าจะมีประมาณซัก 20-30 ประเทศจากประมาณ 200 ประเทศทั่วโลก ประเทศที่จงเกลียดจงชังบิทคอยน์มากที่สุดในโลกคือ จีน ด้วยการปิดการระดมทุนเงินสกุลดิจิตอลใหม่ๆ (Initial Coin Offering) และปิดศูนย์รับแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ทั่วประเทศ ทั้งสองเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายในเดือนกันยายนปีที่แล้ว
ส่วนประเทศที่รักบิทคอยน์มากที่สุดในโลกคือ ญี่ปุ่น วันที่ 1 เมษายน 2560 รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศว่า บิทคอยน์เป็นการชำระเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย (Legal Payment) เป็นประเทศแรกในโลกที่ยอมรับบิทคอยน์ แต่ก็ไม่ได้ให้ฐานะสูงส่งถึงขึ้นเป็นสกุลเงินที่ถูกกฎหมาย (Legal Currency) อีกประเทศที่เหมือนจะยอมรับบิทคอยน์แบบอ้อมๆก็คือ สหรัฐอเมริกา โดยมีการให้ซื้อขายอนุพันธ์ Bitcoin Futures ได้แล้ว เปิดโอกาสให้นักลงทุนขาใหญ่เข้ามาลงทุนได้ ส่วนประเทศไทยมีประกาศตักเตือนให้ระวังการซื้อขายเงินสกุลดิจิตอล แต่ยังไม่มีการห้ามซื้อขายแต่ประการใด การซื้อขายบิทคอยน์กล่าวได้ว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่ถูกกฎหมายซักทีเดียว เพราะยังไม่มีกฎหมายใดๆมารองรับ
ความเชื่อ: บิทคอยน์กำลังใกล้จะถึงจุด...ฟองสบู่แตกแล้ว
ความจริง: บิทคอยน์เคยผ่านเหตุการณ์ฟองสบู่แตกแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ในช่วงสามปีแรกของบิทคอยน์ (2552 – 2554) ราคาของบิทคอยน์แกว่งสุดๆอยู่ระหว่าง 0.0001 – 1 ดอลลาร์ พูดง่ายๆก็คือราคาขึ้นลงแต่ละวันอาจสูงเป็นพันๆเปอร์เซนต์ก็ได้ ช่วงปี 2555 – 2557 เป็นช่วงที่บริษัทเมาท์ก๊อกซ์..ศูนย์แลกเปลี่ยนบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเข้ามามีบทบาท ราคาจาก 5 ดอลลาร์ขึ้นไปสูงกว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ เพิ่มขึ้น 200 เท่า แล้วพอเมาท์ก๊อกซ์เจ๊ง ฟองสบู่ก็ระเบิด ราคาบิทคอยน์ก็ตกลงกว่า 80% เหลือราคาต่ำกว่า 200 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์เสียอีก เดือนกันยายนปีที่แล้วรัฐบาลจีนบดขยี้บิทคอยน์ ทำให้ปริมาณการซื้อขายบิทคอยน์ทั่วโลกหายไปมากกว่า 70% ทีเดียว เพราะจีนเป็นตลาดบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และราคาจากเกือบ 6,000 ดอลลาร์ตกลงมาต่ำกว่า3,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ หรือต่ำกว่า 50% เสียอีก
ท้ายนี้ “ฟองสบู่บิทคอยน์” ยังคงอยู่และคอยหลอกหลอนนักลงทุนอยู่ สำหรับคุณผู้อ่านที่เป็นนักลงทุนก็ขอให้โชคดีในการลงทุนนะครับ
หาอ่านบทความ และความรู้ด้านการลงทุนของผู้เขียนได้เพิ่มเติมได้ที่ http://www.doctorwe.com
บทความ… เงิน 1,000 บาท กับการลงทุนใน “บิทคอยน์” เชิญอ่านได้ที่ลิงก์นี้
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20171215/6809
บทความ… “บิทคอยน์” สร้าง…ความร่ำรวย ได้หรือไม่? เชิญอ่านได้ที่ลิงก์นี้
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20170922/6815
บทความ...“บิทคอยน์” เรื่องราวของ…คนกลัวตกรถ…คนติดดอย
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20171117/6820