กรุงเทพธุรกิจ: ฤา งานนี้... “บิทคอยน์” จะตายแน่?
-
- Verified User
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
กรุงเทพธุรกิจ: ฤา งานนี้... “บิทคอยน์” จะตายแน่?
โพสต์ที่ 1
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561
ฤา งานนี้... “บิทคอยน์” จะตายแน่?
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
http://www.CsiSociety.com
Add Line: @CsiSociety
ท่ามกลางกระแสการห้ามปรามจากหลายหน่วยงานในหลายประเทศที่ออกหนังสือเตือนห้ามปรามประชาชนให้หลีกเลี่ยงการลงทุนใน “บิทคอยน์” และ “เงินสกุลดิจิตอล (Cryptocurrency)” อย่างเข้มข้น และเหตุการณ์ที่คุกคามเงินสกุลดิจิตอลอีกหลายเหตุการณ์ ก็ส่งผลให้ราคาบิทคอยน์และเงินสกุลดิจิตอลอื่นๆมีราคาดำดิ่งตกลงอย่างรุนแรง เช่น ราคาบิทคอยน์ที่เคยพุ่งไปเกือบ 20,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ ก็ตกลงมาต่ำกว่า 6,000 ดอลลาร์ ซึ่งทำให้นักลงทุนหลายต่อหลายคนพากันคิดกันว่า งานนี้ “บิทคอยน์” และบรรดาญาติมิตร...เงินสกุลดิจิตอลอื่นๆ จะพากันตกตายไปตามกันหรือไม่? ผมจึงอยากเล่าเรื่องชะตากรรมของบิทคอยน์และพวกพ้องว่าอนาคตจะไปรอดหรือไม่? ดังนี้ครับ
- กันยายน 2560 “จีน” บดขยี้เงินสกุลดิจิตอลจนเกือบจะสิ้นซาก โดยต้นเดือนจีนออกประกาศสั่งห้ามการระดมทุนของเงินสกุลดิจิตอลใหม่ๆ (ICO) ทั้งหมด พอมาถึงปลายเดือน จีนก็ประกาศปิดเว็บไซต์แลกเปลี่ยนบิทคอยน์และเงินสกุลดิจิตอลทั้งหมดทั่วประเทศอย่างสิ้นซาก ก็ทำให้นักลงทุนจีนแห่แหนไปซื้อเงินสกุลดิจิตอลกันในต่างประเทศ และยังทำให้บริษัทแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิตอลของจีนย้ายไปต่างประเทศ และรับการเทรดเป็นเงินคริปโตกับเงินคริปโต (Crypto – Crypto Exchange) ด้วยกันเท่านั้น เว็บไซต์แลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิตอลของจีนทุกวันนี้ก็รุ่งเรืองกันจนติดระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น http://www.binance.com, http://www.huobi.com เป็นต้น
- มกราคม 2561 อีกหนึ่งในประเทศที่เห็นความพยายามในการจัดการกับเงินสกุลดิจิตอลขั้นเด็ดขาดก็คือ ประเทศเกาหลีใต้ ทางการเกาหลีใต้ออกกฎห้ามระดมทุนเงินสกุลดิจิตอล (ICO) อย่างเด็ดขาดเช่นเดียวกับจีน ต่อมาเกาหลีใต้ก็เริ่มเข้าตรวจสอบบรรดาบริษัทแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิตอลอย่างเข้มข้น และรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมก็ออกมาพูดว่า กำลังจะออกกฎหมายห้ามการซื้อขายเงินสกุลดิจิตอลอย่างถาวร เท่านั้นเอง...ก็งานเข้า โซเชียลมีเดียของเกาหลีใต้ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แบบสับเละ และมีประชาชนมากกว่าแสนคนออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างเอิกเกริก หลังจากนั้นไม่ถึง 24 ชั่วโมง สำนักประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ก็ต้องออกมาให้ข่าวว่า สิ่งที่รัฐมนตรียุติธรรมออกมาพูดว่าจะสั่งปิดบริษัทแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิตอลนั้น เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ปัจจุบันเกาหลีใต้จึงยังไม่กล้าสั่งปิดบรรดาบริษัทรับซื้อขายเงินสกุลดิจิตอล
- 1 กุมภาพันธ์ 2561 นายอรุณ เจ็ตลีย์ รัฐมนตรีการคลังของอินเดียก็ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า “รัฐบาลไม่ได้พิจารณาให้เงินสกุลดิจิตอลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และรัฐบาลก็จะใช้ทุกมาตรการที่จะกำจัดเงินสกุลดิจิตอลที่จะนำไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย” คำพูดที่กำกวมดังกล่าวของนายอรุณ ก็ถูกนำไปตีความว่า อินเดียจะมีการสั่งปิดบริษัทที่ทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิตอลทุกบริษัท และทำให้ราคาของบิทคอยน์และเงินสกุลดิจิตอลเกือบทุกสกุล จากการประกาศนี้ก็ทำให้ราคาเงินสกุลดิจิตอลร่วงผลอยไปตามๆกัน
- 2 กุมภาพันธ์ 2561 บรรดาธนาคารใหญ่จากสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็น Bank of America, Citigroup, JP Morgan Chase ตามมาด้วย Lloyds Banking Group จากอังกฤษ ทั้งหมดร่วมมือกันในการบล็อกบัตรเครดิตของตนไม่ให้สามารถซื้อเงินสกุลดิจิตอลได้ แต่สามารถซื้อผ่านบัตรเดบิตได้ แต่นั่นก็หมายถึงความพยายามที่จะตัดช่องทางในการซื้อขายเงินสกุลดิจิตอลออกไปเรื่อยๆ
- 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จีนเริ่มหันมาใช้มาตรการโหดอีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้จีนต้องการจะถอนรากถอนโคนการแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิตอลในจีนอย่างถาวร โดยธนาคารกลางจีน (PBOC) โดยเริ่มจากการห้ามโฆษณาทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับเงินสกุลดิจิตอล ตามมาด้วยการบล็อกไม่ให้ประชาชนจีนเข้าถึงเว็บไซต์แลกเปลี่ยนเงินดิจิตอลทุกแห่งบนโลกใบนี้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ยิ่งส่งผลต่อราคาเงินสกุลดิจิตอลเกือบจะทุกสกุล โดยเฉพาะบิทคอยน์ถูกกระหน่ำเทขายจากระดับที่ต่ำมากแล้วประมาณ 8,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ ก็ร่วงลงอย่างรุนแรงสู่ระดับต่ำกว่า 6,000 ดอลลาร์
จนถึงบรรทัดนี้ คุณผู้อ่านหลายท่านคงคิดว่า งานนี้...บิทคอยน์และบรรดาเครือญาติเงินสกุลดิจิตอลต้องถึงอวสานตกตายตามกันไปแน่ๆ จากบรรดา “ข่าวร้าย” ที่ประดังประเดเข้ามาอยู่ในขณะนี้ แต่ในบรรดาข่าวร้ายก็มีข่าวดีอยู่ด้วยเช่นกัน รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นาย Tharman Shanmugaratnam ออกมาประกาศว่า “จนถึงเวลานี้ ยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไรที่จะทำให้...สิงคโปร์ต้องห้ามซื้อขายเงินสกุลดิจิตอล” เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ที่ออกมาประกาศเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2560 ว่า เงินสกุลดิจิตอลสามารถชำระสินค้าได้ถูกต้องตามกฎหมาย (Legal Payment) แต่ก็ไม่ได้ยกฐานะเงินสกุลดิจิตอลให้เป็นเงินสกุลที่ถูกต้องตามกฎหมาย (Legal Currency) ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่า บรรดาบริษัทรับซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิตอลจะพากันพาเหรดเข้าไปเปิดสาขาในสองประเทศนี้กันอย่างคึกคัก
ท้ายนี้ ผมเองคิดว่า “เงินสกุลดิจิตอล” คงจะรอดพ้นจากภัยคุกคามต่างๆในเหตุการณ์ต่างๆในช่วงนี้ไปได้ แม้ว่าจะอยู่ในอาการทุลักทุเลก็ตาม และผมยังคิดต่อไปว่า บรรดาเงินสกุลดิจิตอลจะต้องกลับมาอีกครั้งในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม...และมีมูลค่าตลาดที่สูงกว่าเดิมอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม คุณผู้อ่านที่เป็นนักลงทุนโปรดใช้วิจารณญาณก่อนการลงทุนด้วยนะครับ โชคดีในการลงทุนนะครับ
หาอ่านบทความ และความรู้ด้านการลงทุนของผู้เขียนได้เพิ่มเติมได้ที่ http://www.doctorwe.com
บทความ… เงิน 1,000 บาท กับการลงทุนใน “บิทคอยน์” เชิญอ่านได้ที่ลิงก์นี้
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20171215/6809
บทความ... “บิทคอยน์” อยู่ให้ห่าง หรือ…ซื้อไปเลย ตอนที่ 1
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180111/6860
“บิทคอยน์” อยู่ให้ห่าง หรือ…ซื้อไปเลย ตอนจบ
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180112/6865
บทความ...“บิทคอยน์” กับ “คนรุ่นใหม่” ตอนที่ 1
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180125/6836
“บิทคอยน์” กับ “คนรุ่นใหม่” ตอนจบ
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180126/6843
บทความ… “บิทคอยน์” สร้าง…ความร่ำรวย ได้หรือไม่? เชิญอ่านได้ที่ลิงก์นี้
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20170922/6815
บทความ...“บิทคอยน์” เรื่องราวของ…คนกลัวตกรถ…คนติดดอย
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20171117/6820
บทความ... “บิทคอยน์” ความเชื่อ vs. ความจริง
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20180112/6826