6 เงินสกุลดิจิตอล “ความเสี่ยงต่ำ-ผลตอบแทนใช้ได้ ตอนที่ 1
โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 21, 2018 7:53 am
หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์
6 เงินสกุลดิจิตอล “ความเสี่ยงต่ำ-ผลตอบแทนใช้ได้” ตอนที่ 1
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
http://www.CsiSociety.com
Add Line: @CsiSociety
ช่วงเวลานี้ที่ราคาของบรรดาเงินสกุลดิจิตอลเกือบทุกสกุลตกลงมากันถ้วนหน้า ผมเองก็มักจะเจอคำถามว่า “ถ้าจะลงทุนเงินสกุลดิจิตอลในเวลานี้...จะลงทุนอะไรดี?” ผมจึงได้รวบรวม 6 เงินสกุลดิจิตอลที่ผมคิดว่าน่าจะลงทุนได้ภายใต้ความเสี่ยงที่ไม่สูงมากนัก อย่างไรก็ตามความเสี่ยงต่ำของการเทรดเงินสกุลดิจิตอลนั้น ผมอยากจะบอกว่า มันอาจจะมีราคาลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อไรก็ได้ แต่แนวโน้มราคาของมันจะดีขึ้นเรื่อยๆ และมีความมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆในระยะยาว จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งกับคุณผู้อ่านที่รับความเสี่ยงสูงมิได้นะครับ ผมได้เรียงลำดับตามอัตราผลตอบแทนที่ผมเองคิดว่าจะได้รับจากปานกลางไปถึงสูง โดยมีทั้งหมด 6 เงินสกุลดิจิตอล ดังนี้ครับ
อันดับที่หก “บิทคอยน์” (Bitcoin – BTC) – 21 ล้านเหรียญ
หลายคนมักจะมีคำถามเกี่ยวกับบิทคอยน์กันอย่างมากมายว่า บิทคอยน์...มันกำลังจะฟองสบู่แตกแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วจะไปลงทุนได้อย่างไร? อันที่จริงแล้ว บิทคอยน์ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างนับครั้งไม่ถ้วน เช่น ในปี 2555 ราคาบิทคอยน์อยู่ประมาณ 5 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ หลังจากนั้นเพียงสองปีคือในปี 2557 ราคาของมันก็พุ่งทะลุไปกว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ คิดเป็นเพิ่มขึ้นกว่า 200 เท่าทีเดียว หลังจากนั้นก็เกิดคดีบริษัทแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิตอลที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลานั้น “เมาท์ก๊อกซ์” ถูกแฮ็คและถูกขโมยเงินสกุลดิจิตอลไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาบิทคอยน์ดำดิ่งมาเหลือประมาณ 200 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ ลดลงมาประมาณ 80% ทีเดียว ทุกคนก็คิดว่าบิทคอยน์ต้องตายแน่ แต่มันก็รอดมาได้
มาถึงเดือนกันยายน 2560 รัฐบาลจีนสั่งปิดบริษัทแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิตอลทั้งประเทศ ราคาบิทคอยน์จากกว่า 6,000 ดอลลาร์ ลงมาต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ หลังเหตุการณ์นี้...บิทคอยน์ก็ยังคงไม่ตายอยู่ดี ในเดือนธันวาคม 2560 ตลาดซื้อขายอนุพันธ์ฟิวเจอร์ที่ใหญ่ระดับโลก 2 แห่งคือ CME และ CBOE จากสหรัฐอเมริกา ได้ออกตราสาร “บิทคอยน์ฟิวเจอร์” ออกมาให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปสามารถเทรดได้ นับได้ว่าเป็นการยกฐานะบิทคอยน์ในระดับโลกได้เป็นอย่างดี ก้าวต่อไปของบิทคอยน์คงจะเป็นตราสารประเภท ETF (Exchange Traded Fund) ซึ่งจะทำให้บิทคอยน์ยิ่งได้รับการยอมรับจากนักลงทุนสถาบันมากขึ้นไปอีก
เดือนกุมภาพันธ์ 2560 ดูเหมือนว่าเคราะห์กรรมของบิทคอยน์ยังไม่หมดไป อินเดียแสดงท่าทีว่า จะปิดเว็บซื้อขายเงินสกุลดิจิตอลทั้งประเทศ...แต่ก็ไม่ได้ทำ ขณะที่จีนปราบปรามการโฆษณาซื้อขายเงินสกุลดิจิตอล พร้อมกับการห้ามไม่ให้คนจีนไปซื้อขายเงินสกุลดิจิตอลในต่างประเทศ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ราคาของบิทคอยน์ดำดิ่งไปลึกสุดๆที่ต่ำกว่า 6,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ และหลายคนก็เริ่มคิดว่า... ฤา งานนี้ “บิทคอยน์” จะตายแน่ !!
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม บรรดาผู้สนับสนุนบิทคอยน์หลายต่อหลายคนยังคงคิดว่า บิทคอยน์จะยังไม่ตายอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นมหาเศรษฐีฝาแฝดตระกูล Winklevoss หรือ Michael Novogratz แห่ง Galaxy Investment และผู้เชี่ยวชาญเงินสกุลดิจิตอลอีกมากมาย โดยยังคงมองบิทคอยน์ว่ายังคงเป็น “King of Cryptocurrency” และคาดการณ์กันว่า ราคาในปลายปีนี้น่าจะทะลุจุดสูงสุดเดิมที่เกือบ 20,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ไปได้ การลงทุนในบิทคอยน์จึงนับได้ว่ามีความเสี่ยงต่ำ เมื่อเทียบกับการลงทุนในเงินสกุลดิจิตอลอื่นๆ
อันดับที่ห้า “บิทคอยน์แคช” (Bitcoin Cash – BCH) – 21 ล้านเหรียญ
เนื่องจากในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา มีผู้เข้ามาซื้อขายบิทคอยน์กันเป็นจำนวนมาก ด้วยเทคโนโลยีของบิทคอยน์ที่ค่อนข้างเก่า จึงทำให้การโอนบิทคอยน์ทำได้ช้ามาก และยังมีค่าใช้จ่ายในการโอนที่สูงตามมาอีกด้วย ดังนั้นจึงมีผู้คนบางส่วนต้องการเงินสกุลดิจิตอลสกุลใหม่ที่สามารถโอนกันได้อย่างรวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายในการโอนต่ำ ในเดือนกรกฎาคม 2560 ก็มีคนจำนวนหนึ่งนำโดยนายจีฮาน วู เจ้าของบริษัทบิทเมน...บริษัทที่เป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อขุดบิทคอยน์รายใหญ่ที่สุดในโลก ได้เข้ามาทำการผ่าตัดบิทคอยน์ (Hard Fork) แล้วไปสร้างเงินสกุลดิจิตอลตัวใหม่ที่มีชื่อว่า “บิทคอยน์แคช”
บิทคอยน์แคช สามารถแก้ไขปัญหาเก่าๆของบิทคอยน์ได้อย่างชัดเจน โดยสามารถโอนเงินได้อย่างรวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายในการโอนต่ำ แต่ก็ยังมีนักพัฒนาเงินสกุลดิจิตอลและแฟนๆบิทคอยน์อีกเป็นจำนวนมากที่ยังเลื่อมใสในบิทคอยน์มากกว่า จึงเป็นเหตุให้ จีฮาน วู และพวกซึ่งประกอบไปด้วย โรเจอร์ เวอร์ เจฟฟ์ การ์ซิก และคนอื่นๆที่ดูเหมือนจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับบิทคอยน์แคชอยู่ ก็ออกมาชูโรงว่า จะเปลี่ยนชื่อ “บิทคอยน์แคช” ไปเป็น “บิทคอยน์” และเปลี่ยนชื่อบิทคอยน์ตัวเดิมไปเป็น “บิทคอยน์คอร์” (Bitcoin Core) โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้คนที่ไม่ได้ติดตามเรื่องราวต่างๆ เกิดการเข้าใจผิดนั่นเอง
ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560 ก็เกิดการถล่มขายบิทคอยน์เกิดขึ้น ทำให้ราคาบิทคอยน์จาก 8,000 ลดลงไปต่ำกว่า 6,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ พร้อมๆกับการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาบิทคอยน์แคชจากประมาณ 300 พุ่งไปทะลุกว่า 1,800 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์ นำโดยเว็บซื้อขายเงินสกุลดิจิตอลของเกาหลีใต้ http://www.bithumb.com เว็บซื้อขายเงินสกุลดิจิตอลชื่อดังของเกาหลีใต้ การถล่มราคาดังกล่าวดูเหมือนว่าจะทำกันเป็นขบวนการ และคิดว่าจะสามารถเอาชนะบิทคอยน์ได้ แต่ก็พ่ายแพ้ในที่สุด ทุกวันนี้ บิทคอยน์แคชก็ยังมีขาเก่าๆคอยเชียร์อยู่เบื้องหลัง โดยบิทคอยน์แคชก็ยังคงเป็นเงินสกุลดิจิตอลที่มีการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยว และมีคนจำนวนหนึ่งที่ยังคงตั้งความหวังไว้ว่า สักวันหนึ่งจะสามารถเอาชนะบิทคอยน์ตัวจริงได้ และเปลี่ยนชื่อบิทคอยน์แคชให้มาใช้ชื่อ “บิทคอยน์” แทน
พบกับ 6 เงินสกุลดิจิตอล “ความเสี่ยงต่ำ-ผลตอบแทนใช้ได้” ตอนจบ โดยจะมีเงินสกุลดิจิตอลที่มีความเสี่ยงต่ำอีก 4 เงินสกุลดิจิตอล ได้ในวันพรุ่งนี้ครับ แล้วพบกันนะครับ
หาอ่านบทความ และความรู้ด้านการลงทุนของผู้เขียนได้เพิ่มเติมได้ที่ http://www.doctorwe.com
บทความ… เงิน 1,000 บาท กับการลงทุนใน “บิทคอยน์” เชิญอ่านได้ที่ลิงก์นี้
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20171215/6809
บทความ… ฤา งานนี้… “บิทคอยน์” จะตายแน่?
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20180209/6870
บทความ... “บิทคอยน์” อยู่ให้ห่าง หรือ…ซื้อไปเลย ตอนที่ 1
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180111/6860
“บิทคอยน์” อยู่ให้ห่าง หรือ…ซื้อไปเลย ตอนจบ
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180112/6865
บทความ...“บิทคอยน์” กับ “คนรุ่นใหม่” ตอนที่ 1
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180125/6836
“บิทคอยน์” กับ “คนรุ่นใหม่” ตอนจบ
http://www.doctorwe.com/posttoday/20180126/6843
บทความ… “บิทคอยน์” สร้าง…ความร่ำรวย ได้หรือไม่? เชิญอ่านได้ที่ลิงก์นี้
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20170922/6815
บทความ...“บิทคอยน์” เรื่องราวของ…คนกลัวตกรถ…คนติดดอย
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20171117/6820
บทความ... “บิทคอยน์” ความเชื่อ vs. ความจริง
http://www.doctorwe.com/bangkokbiznews/20180112/6826