http://www.siamrath.co.th
การเมือง - คิดระหว่างวัน - 15/9/2547
คิดระหว่างวัน
++ยกเมฆตัวเลขคอร์รัปชั่น (ตอนที่ 1)
++โดย ดุสิต ศิริวรรณ
ผมจำเป็นต้องหยุดเขียนเรื่อง -ยกเครื่องกฎระเบียบว่าด้วยการพัสดุ ในวันนี้ไว้พลางก่อน เนื่องจากผมเห็นว่า กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวที่นายสุเมธ ตันติเวชกุล ข้าราชการบำนาญจากสภาพัฒน์ ออกมาให้ความเห็นเรื่องตัวเลขการคอร์รัปชั่นในประเทศไทยที่ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับและหากนายสุเมธพูดออกมาอย่างนั้นจริงๆ แล้วก็ต้องบอกกันว่า เป็นตัวเลขที่เชื่อถือไม่ได้
หากปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่ท้วงติงหรือทักท้วงการกระทำของนายสุเมธ ก็อาจเป็นเหตุให้นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเกิดความหวั่นไหว และเข้าใจประเทศไทยและรัฐบาลไทยไปในทางลบเกินกว่าเหตุ อันจะเป็นผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจการเงินในประเทศไทยอย่างร้ายแรง ประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศจะพลอยได้รับความสูญเสียไปด้วย
นายสุเมธออกมาพูดครั้งนี้ ตามรายงานข่าวว่าได้รับเชิญจากสมาคมรัฐศาสตร์แห่งประเทศไทยให้ไปพูดเรื่อง -บ้านเมืองใสสะอาดต้องกำราบคอร์รัปชั่น ในฐานะที่นายสุเมธเป็นประธานมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด ซึ่งผมได้อ่านรายละเอียดที่หนังสือพิมพ์นำมาลงเป็นข่าวกันหลายฉบับแล้ว ทำให้ผมได้เห็น -ตัวตน ที่แท้จริงของนายสุเมธอีกครั้งหนึ่งว่า ออกมาพูดในลักษณะให้ข้อมูล -ยกเมฆ ตัวเลขการคอร์รัปชั่นด้วยวัตถุประสงค์ใด ?
เหตุที่ผมต้องชี้เรื่องการ -ยกเมฆ ตัวเลขคอร์รัปชั่น ตามที่ปรากฏเป็นข่าวอย่างที่นายสุเมธออกมาพูดว่า -...ยังมีตัวเลขที่สำคัญอีกตัวหนึ่งคือ ผลวิจัยของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯระบุว่า ผลเสียหายที่เกิดจากการคอร์รัปชั่นโครงการใหญ่มีถึง 12 ล้านล้านบาทต่อปี เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ที่เป็นรูปธรรมที่สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยได้รับความเสียหายจากการคอร์รัปชั่นตลอดเวลา...
ตัวเลขการคอร์รัปชั่นโครงการใหญ่ที่นายสุเมธอ้างว่า มีถึง 12 ล้านล้านบาทต่อปีนั้น ผมขอชี้ว่า เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เหตุที่ผมชี้อย่างนี้ก็เพราะว่า หากจะพิจารณาดูตัวเลขจากงบประมาณรายจ่ายแผ่นดินในแต่ละปี ที่รัฐบาลเสนอขออนุมัติความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาตามลำดับนั้น จะมีตัวเลขงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพียงปีละ 1 ล้านล้านบาทเศษเท่านั้น และในจำนวนนี้เป็นงบรายจ่ายประจำ ซึ่งประกอบด้วยเงินเดือน วัสดุครุภัณฑ์ประมาณ 80% คงเหลือเป็นงบลงทุนในแต่ละปีงบประมาณปีละกว่า 2 แสนล้านบาทเท่านั้น
ตัวเลขดังกล่าวเหล่านี้ ท่านผู้อ่านและนายสุเมธ ตันติเวชกุล สามารถดูรายละเอียดได้ในเอกสารงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละปีงบประมาณที่รัฐบาลได้แจกจ่ายไปยังหน่วยงานต่างๆ ตลอดจนแจกจ่ายให้กับสมาชิกรัฐสภาทุกคน
ดังนั้น การที่นายสุเมธ ยกตัวเลขดังกล่าว แล้วอ้างว่า มาจากผลการวิจัยของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ จึงเป็นตัวเลขที่เชื่อถือไม่ได้ และผมไม่คิดว่า คนอย่างนายสุเมธที่เป็นข้าราชการสภาพัฒน์มาเป็นเวลานานจะไม่รับรู้เรื่องตัวเลขเหล่านี้
ผมจึงอยากจะขอให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขงบประมาณรายจ่ายในแต่ละปีงบประมาณ ได้ออกมาอธิบายความให้ประชาชนได้รับทราบอย่างตรงไปตรงมา เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนส่วนหนึ่งหลงเชื่อตัวเลขที่นายสุเมธได้ -ยกเมฆ เอาไว้
วันพรุ่งนี้ ผมจะเขียนเรื่องนี้อธิบายความละเอียด เพื่อเป็นการให้ข้อมูลประดับสติปัญญาของนายสุเมธที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการปราบคอร์รัปชั่นที่นายสุเมธไม่เคยพูดถึง
การเมือง - คิดระหว่างวัน หน้า 2 - 16/9/2547
คิดระหว่างวัน หน้า 2
++ตัวเลขคอร์รัปชั่น (ตอนที่ 2)
++โดย ดุสิต ศิริวรรณ
ข่าวที่นายสุเมธ ตันติเวชกุล ข้าราชการบำนาญจากสภาพัฒน์ ในฐานะที่เป็นประธานมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด ออกมาให้ตัวเลขการคอร์รัปชั่นในประเทศไทยมากถึงปีละ 12 ล้านล้านบาทและผมได้เขียนบทความไปเมื่อวานนี้ว่า เป็นตัวเลขที่เชื่อถือได้ยาก หากนายสุเมธพูดอย่างนั้นจริงๆ
ทั้งนี้ เพราะงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณในแต่ละปี ในระยะหลังๆ มานี้ ที่ได้รับอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาตามลำดับมีไม่เกิน 1.2 ล้านล้านบาท แต่ตัวเลขนี้ต้องใช้จ่ายในรายจ่ายประจำของภาครัฐ ซึ่งประกอบไปด้วย การจ่ายเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้าง ตลอดจนค่าวัสดุครุภัณฑ์ต่างๆ ถึงประมาณ 80% ของงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด คงเหลือเป็นงบลงทุนภาครัฐเพียง 2 แสนกว่าล้านบาทเท่านั้นในแต่ละปีงบประมาณ
เมื่อตัวเลขข้อเท็จจริงปรากฏเป็นดังนี้ แล้วนายสุเมธเอาตัวเลขจากที่ไหนมาบอกว่า มีการคอร์รัปชั่นในประเทศไทยถึงปีละ 12 ล้านล้านบาท ?
ผมคิดของผมอย่างนี้ว่า การยกตัวเลขมาประกอบการแสดงความคิดเห็น ที่คลาดเคลื่อนจากตัวเลขที่แท้จริงมากมายถึงเพียงนี้ อาจทำให้นายสุเมธไม่น่าเชื่อถือไปด้วย ผมมีตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) ซึ่งมีความหมายถึงมูลค่าสินค้าและบริการทั้งหมดที่ประเทศใดประเทศหนึ่งผลิตได้ในรอบปีหนึ่ง และนับรวมถึงยอดรายได้สุทธิจากต่างประเทศด้วย ที่ในแต่ละปีประเทศไทยมียอดจีดีพีรวมกันประมาณ 5.5-6.0 ล้านล้านบาท
แล้วจะมีเม็ดเงินเหลือไปโกงกินกันได้ถึงปีละ 12 ล้านล้านบาทได้อย่างไรกัน ?
นายสุเมธคิดบ้างหรือเปล่าว่า การนำตัวเลขคอร์รัปชั่นที่ห่างไกลจากข้อเท็จจริงมากมาย จะเป็นผลสะท้อนในทางลบให้กับประเทศไทย นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศคนใดบ้าง เมื่อรับทราบตัวเลขดังกล่าวนี้แล้วจะกล้ามาลงทุนในประเทศไทย?
มีประเด็นที่นายสุเมธพูดไว้ที่ปรากฏเป็นข่าวมีใจความตอนหนึ่งว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นเหมือนปีศาจอยู่ในเงามืด กลัวแสงสว่าง เราต้องเอาไฟฉายไปส่อง
ผมสนับสนุนคำพูดของนายสุเมธเฉพาะประเด็นนี้ว่า เป็นเรื่องที่ดี และควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง อย่างน้อยผมก็อยากแนะนำให้นายสุเมธเอาไฟฉายไปส่องพวกปีศาจปรส. (องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน) ที่อยู่ในเงามืดมาเป็นเวลานานแล้ว ตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว
เพื่อจะได้ให้แสงสว่างจากไฟฉายกระบอกนั้นของนายสุเมธไปส่องพวกผู้บริหาร ปรส.บางคนที่ขี้โกงและไม่มีใครกล้าไปแตะต้อง แม้แต่คนเดียว