หน้า 1 จากทั้งหมด 1

จุดที่ดูดีที่สุดคือจุดที่อันตรายที่สุด

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 11, 2018 10:29 am
โดย เด็กเลี้ยงไม้
"จุดที่ดูดีที่สุดคือจุดที่อันตรายที่สุด"
.
พระอาทิตย์เที่ยงวัน เป็นคำที่ใช้เปรียบเทียบประเทศจีนในสมัยราชวงศ์ชิงในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดภายใต้รัชกาล คัง-หย่ง-เฉียน ของ 3 ฮ่องเต้ (คังซี,หย่งเจิ้นและเฉียนหลง) เป็นยุคทองอาณาจักรต้าชิงมียุคสมัยที่รุ่งเรืองและสุขสงบยาวนานกว่า 150 ปี ทั้งกองทัพที่สามารถรบชนะชาติตะวันตกอย่างรัสเซีย ดินแดนที่กว้างใหญ่ไปจนสุดเขตแดนทิเบต รวมทั้งเศรษฐกิจและศิลปวัฒนธรรมอยู่ในจุดสูงสุด
.
ชาวจีนในยุคนั้นไม่คิดว่าจะมีอะไรมาหยุดความยิ่งใหญ่ของต้าชิงได้ แต่ไกลออกไปในอีกฝั่งซีกโลก ชาวยุโรปได้เริ่มเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมและได้พัฒนาเทคโนโลยีทางการทหารเช่นการเดินเรือและอาวุธปืนไปได้ไกลมาก เมื่อเทียบกับชาวต้าชิงที่ยังหลงอยู่กับยุครุ่งเรืองของจักรวรรดิที่คิดว่าตเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
.
หลังจากสิ้นรัชกาลเฉียนหลงได้ไม่กี่สิบปี ต้าชิงก็เปิดศึกกับอังกฤษในสงครามฝิ่น เมื่อเรือสำเภาจีนต้องต่อสู่กับปืนใหญ่ของเรือรบอังกฤษ ผลก็คือความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับจนต้องเสียฮ่องกงให้อังกฤษ เมื่อชาวตะวันตกชาติอื่นเห็นถึงความอ่อนแอของต้าชิงก็ร่วมกันเข้ามายำจนฮ่องเต้เสียนฟงถึงกับต้องหลบหนีกองทัพฝรั่งออกจากปักกิ่ง
.
สถานการณ์ของราชวงศ์ชิงเป็นเหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังตก เพราะความอ่อนแอของรัฐบาลต้าชิงและการรุกรานจากต่างชาติเป็นชนวนสะสมความไม่พอใจของประชาชนและเวลาต่อมาอีกไม่นานอาณาจักรต้าชิงก็ล่มสลายลงภายหลังจากการปฏิวัติซินไห่โดย ดร.ซุน ยัด เซ็น
.
ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายมาไกลขนาดนี้ชาวจีนในยุคนั้นได้เห็นถึงสัญญานของความเสื่อมถอยบางอย่างตั้งแต่ในรัชกาลเฉียนหลง เช่นซุปเปอร์กังฉินอย่างเหอเซินที่ฮุบงบประมาณแผ่นดินเข้ากระเป๋าตัวเองจนแทบจะรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้หรือกองทัพที่ยิ่งใหญ่ของต้าชิงที่รบแพ้พม่าถึง 4 ครั้ง แต่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด สัญญานเหล่านี้ก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยที่คนไม่ได้ว่าพระอาทิตย์กำลังจะตกติดแล้ว
.
ถ้ามองโลกจากสายตาของนักลงทุน ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจหรือตลาดหุ้นที่ร่วงถล่มทลาย สถานการณ์ในช่วงนั้นก็ไม่แตกต่างอะไร จากบรรยากาศของต้าชิงในยุคเจริญรุ่งเรือง เมื่อทุกๆคนมองโลกแต่มุมที่สวยงามจนไม่ได้ติดตามหรือคาดการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ฟ้าถล่มในวันที่สวยงาม
.
ในประเทศไทยช่วงก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งปี 40 ประเทศไทยมีจีดีพีเติบโตเฉลี่ยนสูงมากกว่าปีละ 10% คนไทยต่างฝันว่าประเทศไทยจะเจริญได้ทันเทียมญี่ปุ่น สิงค์โปร์ หรือเกาหลีใต้ บริษัทในประเทศไทยต่างก็สนุกสนานกับการกู้เงินมาลงทุนอย่างเกินตัว พนักงานบริษัทถูกเรียกว่าเป็นมนุษย์ทองคำได้โบนัสกันปีละ 36 เดือน ประเทศไทยมียอดซื้อแบล็คเลเบอร์สูงที่สุดในโลก ตลาดหุ้นไทยขึ้นยิ่งกว่ากระทิงขวิดจนหุ้นวิ่งติดลิ่งเป็นเรื่องปกติ จิม โรเจอร์ เจ้าพ่อสินค้าโภคภัณฑ์ที่ขับรถเที่ยวรอบโลกตอนนั้นพูดถึงประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่คนหนุ่มสาวใช้จ่ายอย่างเกินตัวมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา แต่หลังจากช่วงเวลาแห่งความสุขไม่นาน เศรษฐกิจไทยก็พังทลาย
.
ในช่วงปี 2006-2007 ตลาดเงิน ตลาดทุนทั่วโลกอยู่ในช่วงขาขึ้นสุดขีด บ้านที่สหรัฐอเมริกาที่ขายแพงที่สุดซื้อขายกันที่ราคาสูงกว่า 100 ล้านเหรียญ ในช่วงเวลานั้นแม้แต่พนักงานทำความสะอาดก็ผันตัวเองมาเป็นนายหน้าซื้อขายบ้าน ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดนั้น แทบไม่มีใครเลยที่จะกังวลว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น ยิ่งเมื่อราคาน้ำมันทะลุไป 150 เหรียญต่อบาร์เรล ก็ยิ่งทำให้ทุกคนเชื่อเศรษฐกิจกำลังร้อนแรงจนฉุดไม่อยู่ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดวิกฤตแฮมเบอเกอร์ที่ทำให้สถาบันการเงินอายุนับร้อยปีต้องล่มสลาย และนักลงทุนก็เจ็บตัวกันถ้วนหน้า
.
เมื่อมามองดูตลาดหุ้นไทยในปีนี้ที่ซิ่งอย่างรุนแรง ทำนิวไฮแล้ว นิวไฮอีกจนเป็นที่ล่อตาล่อใจของนักลงทุนรายใหม่ให้เข้ามาเสี่ยงโชคในตลาด ทำให้น่าคิดว่าถ้าอยู่ดีๆ ถ้ามีเหตุการณ์อะไรที่คาดฝันเกิดขึ้นทำให้วันเวลาที่สวยงามพังถล่มลงมา เราจะจัดการกับการลงทุนของเราอย่างไร
.
การมองโลกแง่ร้ายเกินไปไม่ใช่เรื่องดี แต่การมองโลกดีเกินกลับเป็นที่แย่ซะยิ่งกว่า สิ่งที่ดีสุดในสถานการณ์ตอนนี้ก็คือลงทุนต่อไป แต่ก็ควรมองหาและสังเกตปัจจัยเสี่ยงไว้ เพื่อจะได้วางแผนรับมือหรือแก้ไขสถานการณ์ทัน เพราะในช่วงเวลาที่ดีที่สุดเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด และคนที่มองเห็นสัญญาณก่อนก็จะเป็นคนที่อยู่รอด ในวันที่ฟ้าถล่มลงมา

credit https://www.facebook.com/upideatogether ... 9524703966