ผมได้อ่านหนังสือ The TAO of Charlie Munger จบภายในสองวัน เนื้อหาหลักการลงทุนของ Charlie Munger (CM) ตลอดสี่สิบกว่าปีที่บริหาร Berkshire Hathaway (BH) เป็นแนวคิดที่ดีมากสำหรับนักลงทุนแนววีไอ
CM เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จทำให้ราคาหุ้น BH ขึ้นมาจาก $20 ถึง $324,000 ภายในระยะเวลา 40 ปีด้วยหลักการดังต่อไปนี้
- Forget what you know about buying fair business at the wonderful price; instead, buy a wonderful company at a fair price
สมัยก่อน Warren Buffet ยึดหลักการลงทุนแนววีไอตามอาจารย์ Benjamin Graham ซื้อหุ้นก้นบุหรี่ราคาถูกมากโดยไม่เน้นความแข็งแกร่งของธุรกิจ จึงเป็นที่มาของ BH ที่ซื้อมาในราคาถูกแต่ธุรกิจการ์เม้นท์อยู่ในช่วงขาลง สุดท้ายหุ้นก็ไม่ไปไหน
CM ได้เข้ามาเปลี่ยนแนวความคิดการลงทุนเน้นธุรกิจที่ดีเลิศมีความแข็งแกร่งในระยะยาว โดยเข้าซื้อในราคาที่เหมาะสมไม่จำเป็นต้องถูกมาก ธุรกิจที่ดีราคายุติธรรมวันนี้จะกลายเป็นหุ้นสุดถูกในอนาคต
- ธุรกิจที่ดีต้องมีการลงทุนในสินทรัพย์ไม่เยอะ สามารถนำเงินสดมาขยายธุรกิจต่อเนื่องได้ CM ชอบธุรกิจอย่าง See's Candies ที่ไม่ต้องมีการลงทุนในเครื่องจักรหรือโรงงานจำนวนมากดังเช่นพวกโรงงานปิโตรเคมี โรงกลั่น
- ลงทุนในหุ้นแบบโฟกัสหุ้นน้อยตัวเพื่อผลตอบแทนที่แตกต่าง การลงทุนแบบ Diversification หรือกระจายลงทุนหลายตัวทำให้ผลตอบแทนบวกลบแล้วได้อย่างดีก็เท่า Index Fund ถ้าโฟกัสแล้วมั่นใจในหุ้นที่เราศึกษาเป็นอย่างดีผลตอบแทนจะแตกต่างกันมาก
- เวลาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดกับธุรกิจที่แข็งแกร่ง แต่เป็นคำสาปสำหรับธุรกิจที่อ่อนแอยิ่งถือนานยิ่งขาดทุน
- knowing what you don't know is more useful than being brilliant
การที่นักลงทุนรู้ตัวว่าไม่เข้าใจในธุรกิจที่จะลงทุนดีกว่าการที่เราลงทุนตามกระแสแล้วดูดี ยกตัวอย่างเช่นในช่วงธุรกิจดอทคอมปี 2000 ช่วงนั้นผู้คนต่างยกย่องนักลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่จะสามารถสร้างกำไรจำนวนมากแต่สุดท้ายแล้วกลับไม่เป็นอย่างนั้น อย่าลงทุนเพียงเพราะตามกระแส
- รู้จักจังหวะที่จะขายหุ้นแม้ว่าเราจะหลงรักมันมากแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าพื้นฐานธุรกิจเปลี่ยนไปเราต้องกล้าตัดสินใจขายหุ้นนั้นทิ้งไปเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ต
- หมั่นศึกษาหาธุรกิจที่เราเข้าใจและเป็นธุรกิจที่ดีในอนาคต รอราคาปรับตัวลงโดยเฉพาะช่วงวิกฤตแล้วเข้าซื้อด้วยความมั่นใจในจำนวนเงินที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงกับชีวิตได้
- พยายามเก็บเงินสดไว้บางส่วนเพื่อรอจังหวะที่เกิดวิกฤต ถ้าไม่มีเงินสดเลยจะเสียโอกาส
- EBITDA (หรือกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย), Another word is "Bullshit Earning"
CM ไม่เชื่อในตัวเลข EBITDA ที่นักวิเคราะห์ชอบใช้กันเพราะมองว่า ดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและตัดจำหน่าย ทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายของธุรกิจทั้งนั้น
- ต้องรู้จักอดทนรอให้หุ้นที่เราลงทุนแสดงผลงานในระยะยาว มองข้ามราคาที่เปลี่ยนแปลงในระยะสั้น
- Prepare for the worst, and hope for the best
CM เน้นเรื่องส่วนเผื่อความปลอดภัยหรือ Margin Of Safety(MOS) ที่ช่วยนักลงทุนลดความเสี่ยงการขาดทุน โดย MOS สามารถทำได้ทั้งการซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมและธุรกิจคุณภาพสูง ทั้งสองอย่างจะช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุน
- กล้าที่จะสวนกระแสนักลงทุนเมื่อเกิดวิกฤตคนอื่นขายแต่เราซื้อ อย่าลืมตุนเงินสดเก็บไว้ด้วย
- ลงทุนในหุ้นที่แข็งแกร่งดีกว่าลงทุนในหุ้นราคาถูกแต่พื้นฐานไม่ดี หุ้นราคาถูกขึ้นมาเท่าราคาที่เหมาะสมก็ต้องขายแต่หุ้นแข็งแกร่งเก็บไว้นานเท่าที่พื้นฐานยังไม่เปลี่ยน
- ค้นหาธุรกิจที่จะลงทุนแบบง่ายๆไม่ได้ใช้คณิตศาสตร์ชั้นสูงในการคำนวณ ยิ่งใช้ความซับซ้อนมากเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสขาดทุนเท่านั้น
- การรู้จักอดทนรอซื้อหุ้นที่ราคาเหมาะสมแล้วถือไว้เป็นการลงทุนระยะยาวถือเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการลงทุนเพราะพื้นฐานของมนุษย์มีความกลัวและความโลภอยู่ในตัวเองทำให้ขายหุ้นออกมาได้ง่ายเมื่อหุ้นขึ้นมาเยอะ และไม่กล้าซื้อหุ้นเมื่อราคาตกลงมาเยอะตอนเกิดวิกฤต
ทั้งหมดนี้คือสรุปปรัญชาการลงทุนของ CM ที่สร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองและ Berkshire Hathaway หวังว่าจะช่วยให้นักลงทุนได้เรียนรู้แล้วนำมาปรับใช้กับสไตล์การลงทุนของแต่ละท่าน โชคดีครับ