Digital Lending สินเชื่อดิจิทัลและข้อมูลทางเลือก
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 04, 2020 11:09 am
Digital Lending สินเชื่อดิจิทัลและข้อมูลทางเลือก
4 ตุลาคม 2563 | โดย ดร.สุมาพร (ศรีสุนทร) มานะสันต์ | คอลัมน์ LEGAL VISION นิติทัศน์ 4.0 386
ทำความรู้จัก "Digital lending" หลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล ที่เพิ่งประกาศโดยแบงก์ชาติไปเมื่อเร็วๆ นี้ คืออะไร? และมีการนำ "เทคโนโลยี" และ "ข้อมูลทางเลือก" มาใช้อย่างไรบ้าง? มีข้อดีและข้อจำกัดอย่างไร?
ในโลกที่เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน และข้อมูลแบบ Big data มีส่วนช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์แนวทางการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การให้สินเชื่อก็เช่นกัน โจทย์สำคัญของธุรกิจก่อนการตัดสินใจให้เงินกู้ คือ การรู้จักผู้กู้ให้ได้มากที่สุด เพื่อลดปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ดังนั้น การปรับใช้ “เทคโนโลยี” และ “ข้อมูลทางเลือก” (Alternative data) จึงสะท้อนอยู่ในหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล (เกณฑ์ Digital lending) ที่เพิ่งประกาศโดย ธปท. เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา
“สินเชื่อ” และ “เทคโนโลยี”
สินเชื่อดิจิทัล หรือ Digital Lending หมายถึง กระบวนการให้กู้ยืมเงิน (รับสมัคร/ปล่อยสินเชื่อ) ที่มีการบริหารจัดการหรือดำเนินงานผ่านช่องทางดิจิทัล ในทางปฏิบัติ ผู้ให้กู้จะนำเทคโนโลยีในรูปแบบต่าง ๆ มาปรับใช้ในกระบวนการให้บริการสินเชื่อ
ดังนั้น ภายใต้เกณฑ์ Digital Lending ของ ธปท.จึงยอมรับหลักการการปรับใช้เทคโนโลยี ในการให้บริการสินเชื่อ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องใช้เทคโนโลยีในการดำเนินการ และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ดังนี้
1) ต้องจัดทำและใช้ช่องทางการเบิกจ่าย/รับชำระคืนสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก อาทิ การตัดบัญชีอัตโนมัติ การโอนเงินโดยใช้ e-Money ทั้งนี้ เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อการเก็บข้อมูลบนโลกดิจิทัลของผู้ใช้บริการทางการเงิน อันจะเป็นประโยชน์ในการต่อยอดการให้บริการอื่น ๆ ในอนาคต
2) ต้องจัดทำและเปิดเผยข้อมูลผ่านช่องทางดิจิทัลที่ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้สะดวกรวดเร็ว เช่น ข้อมูลอัตราดอกเบี้ย เบี้ยปรับ ค่าบริการ และค่าใช้จ่ายอื่นใดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต้องจัดให้มีตารางแสดงภาระหนี้ด้วย
3) ส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีในขั้นตอนการสมัครใช้บริการสินเชื่อ (ช่องทางออนไลน์/mobile application) และกระบวนการตรวจสอบตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC)
4) ส่งเสริมให้มีการเตรียมการสำหรับการโอนข้อมูลผู้บริโภค เนื่องจากเป็น “สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล” (Right to data portability) ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่กำหนดให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการได้รับข้อมูลของตนที่เคยให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล (ผู้ประกอบธุรกิจอีกราย) ดังนั้น ผู้บริโภคจึงมีสิทธิ์ในการร้องข้อให้โอนข้อมูลของตนไปยังผู้ประกอบการอีกรายได้ตามกฎหมาย
“สินเชื่อ” และ “ข้อมูลทางเลือก”
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจภายใต้เกณฑ์ Digital lending คือ การอนุญาตให้ใช้ข้อมูลทางเลือก หรือ Alternative data ในการประกอบธุรกิจ
เดิมที ข้อมูลที่ใช้ในการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ มักเป็นข้อมูลในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับฐานะทางการเงิน ข้อมูลที่บ่งชี้ด้านรายได้ หรือข้อมูลที่แสดงถึงความสามารถในการบริหารจัดการสินเชื่อของผู้รับบริการ เช่น รายการเดินบัญชี สถานะทางบัญชี สลิปเงินเดือน ยอดขาย/คำสั่งซื้อ ประวัติการชำราคาสินค้า/บริการผ่านบัตรเครดิต ซึ่งข้อด้อยของการเก็บข้อมูลเครดิตที่จำกัด คือ ผู้ให้สินเชื่อจะพิจารณาให้สินเชื่อเพียงเพราะทราบข้อมูลในด้านรายได้และประวัติการชำระหนี้เพียงด้านเดียว โดยไม่ทราบถึงข้อมูลในเชิงพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การวิเคราะห์และเชื่อมโยงไปถึง “ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้” ได้
ดังนั้น เพื่อปิดข้อด้อยดังกล่าว หลักการในเรื่อง “Alternative data” จึงเสนอให้ใช้ข้อมูลอื่นที่หลากหลายในการวิเคราะห์การให้สินเชื่อโดยไม่จำกัดอยู่เฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประวัติการให้สินเชื่อและการพิสูจน์รายได้ เช่น ข้อมูลที่เก็บจากกิจกรรมออนไลน์ เก็บจากการใช้ Social media และ เก็บจากแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับการชำระค่าสาธารณูปโภค ค่าภาษีอากร และค่าบริการต่างๆ ว่าถูกต้องตรงตามกำหนดเวลาหรือไม่
ซึ่งข้อมูลที่กล่าวมานี้ แตกต่างจากข้อมูลเครดิตในแบบเดิม โดยมีข้อดีตรงที่จะช่วยให้ผู้ให้สินเชื่อสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ขอสินเชื่อเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล หรืออาจกล่าวได้ว่า Alternative data คือ เครื่องมือในการช่วยตัดสินใจให้กับผู้ให้สินเชื่อนั้นเอง
4 ตุลาคม 2563 | โดย ดร.สุมาพร (ศรีสุนทร) มานะสันต์ | คอลัมน์ LEGAL VISION นิติทัศน์ 4.0 386
ทำความรู้จัก "Digital lending" หลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล ที่เพิ่งประกาศโดยแบงก์ชาติไปเมื่อเร็วๆ นี้ คืออะไร? และมีการนำ "เทคโนโลยี" และ "ข้อมูลทางเลือก" มาใช้อย่างไรบ้าง? มีข้อดีและข้อจำกัดอย่างไร?
ในโลกที่เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน และข้อมูลแบบ Big data มีส่วนช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์แนวทางการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การให้สินเชื่อก็เช่นกัน โจทย์สำคัญของธุรกิจก่อนการตัดสินใจให้เงินกู้ คือ การรู้จักผู้กู้ให้ได้มากที่สุด เพื่อลดปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ดังนั้น การปรับใช้ “เทคโนโลยี” และ “ข้อมูลทางเลือก” (Alternative data) จึงสะท้อนอยู่ในหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล (เกณฑ์ Digital lending) ที่เพิ่งประกาศโดย ธปท. เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา
“สินเชื่อ” และ “เทคโนโลยี”
สินเชื่อดิจิทัล หรือ Digital Lending หมายถึง กระบวนการให้กู้ยืมเงิน (รับสมัคร/ปล่อยสินเชื่อ) ที่มีการบริหารจัดการหรือดำเนินงานผ่านช่องทางดิจิทัล ในทางปฏิบัติ ผู้ให้กู้จะนำเทคโนโลยีในรูปแบบต่าง ๆ มาปรับใช้ในกระบวนการให้บริการสินเชื่อ
ดังนั้น ภายใต้เกณฑ์ Digital Lending ของ ธปท.จึงยอมรับหลักการการปรับใช้เทคโนโลยี ในการให้บริการสินเชื่อ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องใช้เทคโนโลยีในการดำเนินการ และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ดังนี้
1) ต้องจัดทำและใช้ช่องทางการเบิกจ่าย/รับชำระคืนสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก อาทิ การตัดบัญชีอัตโนมัติ การโอนเงินโดยใช้ e-Money ทั้งนี้ เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อการเก็บข้อมูลบนโลกดิจิทัลของผู้ใช้บริการทางการเงิน อันจะเป็นประโยชน์ในการต่อยอดการให้บริการอื่น ๆ ในอนาคต
2) ต้องจัดทำและเปิดเผยข้อมูลผ่านช่องทางดิจิทัลที่ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้สะดวกรวดเร็ว เช่น ข้อมูลอัตราดอกเบี้ย เบี้ยปรับ ค่าบริการ และค่าใช้จ่ายอื่นใดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต้องจัดให้มีตารางแสดงภาระหนี้ด้วย
3) ส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีในขั้นตอนการสมัครใช้บริการสินเชื่อ (ช่องทางออนไลน์/mobile application) และกระบวนการตรวจสอบตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC)
4) ส่งเสริมให้มีการเตรียมการสำหรับการโอนข้อมูลผู้บริโภค เนื่องจากเป็น “สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล” (Right to data portability) ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่กำหนดให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการได้รับข้อมูลของตนที่เคยให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล (ผู้ประกอบธุรกิจอีกราย) ดังนั้น ผู้บริโภคจึงมีสิทธิ์ในการร้องข้อให้โอนข้อมูลของตนไปยังผู้ประกอบการอีกรายได้ตามกฎหมาย
“สินเชื่อ” และ “ข้อมูลทางเลือก”
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจภายใต้เกณฑ์ Digital lending คือ การอนุญาตให้ใช้ข้อมูลทางเลือก หรือ Alternative data ในการประกอบธุรกิจ
เดิมที ข้อมูลที่ใช้ในการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ มักเป็นข้อมูลในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับฐานะทางการเงิน ข้อมูลที่บ่งชี้ด้านรายได้ หรือข้อมูลที่แสดงถึงความสามารถในการบริหารจัดการสินเชื่อของผู้รับบริการ เช่น รายการเดินบัญชี สถานะทางบัญชี สลิปเงินเดือน ยอดขาย/คำสั่งซื้อ ประวัติการชำราคาสินค้า/บริการผ่านบัตรเครดิต ซึ่งข้อด้อยของการเก็บข้อมูลเครดิตที่จำกัด คือ ผู้ให้สินเชื่อจะพิจารณาให้สินเชื่อเพียงเพราะทราบข้อมูลในด้านรายได้และประวัติการชำระหนี้เพียงด้านเดียว โดยไม่ทราบถึงข้อมูลในเชิงพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การวิเคราะห์และเชื่อมโยงไปถึง “ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้” ได้
ดังนั้น เพื่อปิดข้อด้อยดังกล่าว หลักการในเรื่อง “Alternative data” จึงเสนอให้ใช้ข้อมูลอื่นที่หลากหลายในการวิเคราะห์การให้สินเชื่อโดยไม่จำกัดอยู่เฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประวัติการให้สินเชื่อและการพิสูจน์รายได้ เช่น ข้อมูลที่เก็บจากกิจกรรมออนไลน์ เก็บจากการใช้ Social media และ เก็บจากแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับการชำระค่าสาธารณูปโภค ค่าภาษีอากร และค่าบริการต่างๆ ว่าถูกต้องตรงตามกำหนดเวลาหรือไม่
ซึ่งข้อมูลที่กล่าวมานี้ แตกต่างจากข้อมูลเครดิตในแบบเดิม โดยมีข้อดีตรงที่จะช่วยให้ผู้ให้สินเชื่อสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ขอสินเชื่อเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล หรืออาจกล่าวได้ว่า Alternative data คือ เครื่องมือในการช่วยตัดสินใจให้กับผู้ให้สินเชื่อนั้นเอง