สรุปสถิติผลตอบแทนตลาดหุ้นไทย ประจำปี 2563
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 01, 2021 10:37 am
สรุปภาพรวมผลตอบแทนหุ้นไทย ประจำปี 2563 ผมขอเอาตัวเลขมา สรุปได้คร่าวๆ ดังนี้นะครับ
สิ้นปี ดัชนี SET อยู่ที่ 1449 จุดปรับตัวลดลง -8.3% เทียบตั้งแต่ต้นปี แต่ดัชนี MAI ปรับตัวเพิ่มขึ้น +8.6%
หากลงไปดูในรายละเอียด เอาผลตอบแทน ราคาหุ้น แต่ละตัว มาเทียบกับตอนต้นปี และเรียงลำดับ ใส่เป็น Histogram chart จะพบว่า
-------------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------------
1. หุ้นส่วนใหญ่ในตลาด (57%) มีผลตอบแทนเป็น "ลบ" แต่ก็มีหุ้นกว่า 42% ที่ผลตอบแทนเป็น “บวก” ได้ในปีนี้ จะเห็นได้ว่า ในปีนี้ โอกาสเลือกหุ้นได้ถูกตัว ก็ยังมี โอกาสไม่ได้ถือว่าต่ำอะไรมากจนเกินไปนัก
2. หากเราคิด ผลตอบแทนแบบค่าเฉลี่ย ของหุ้นทุกตัวในตลาด SET และ MAI (แบบไม่ได้มีการถ่วงน้ำหนักตามขนาดของบริษัท) จะพบว่า จริงๆ แล้ว ปีนี้ผลตอบแทนอยู่ที่ 8% ซึ่งถือว่า ถ้าตัดเรื่องขนาดของบริษัทออกไป ผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทยโดยเฉลี่ยในปีนี้ก็ถือว่า ค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว โดยกลุ่มหุ้นตัวเล็กๆได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้น market cap ใหญ่ๆ
3. หุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่ผลตอบแทน ติดอันดับ top 10% หรือหุ้นที่เป็นกลุ่ม Alpha (70 กว่าตัวแรก ที่ราคาขึ้นมามากที่สุด) ผลตอบแทน ที่ได้จะอยู่ที่ กว่า 50% จนถึงกว่า 800% เลยทีเดียว คือถ้าเลือกหุ้นได้ถูกตัวในปีนี้ โอกาสกำไรเยอะๆ จะสูงมาก ยกตัวอย่างหุ้นในกลุ่ม Alpha ที่ได้ผลตอบแทนดีที่สุด Top10% แรก เอาเฉพาะที่มี Market Capitalization มากกว่า 10,000 ล้านบาท
Delta(+808%), Singer(+377%), RCL(+301%), STA(+165%), Jmart(+140%), RBF(+111%), TQM(+104%), Synex(+100%), ICHI(+83%), JMT(+80%), Super(+71%), KCE(+69%), Dohome(+68%)
จะเห็นได้ว่า หลายๆ บริษัทในกลุ่มนี้ ต่างมีสิ่งที่เหมือนกันคือ สามารถสร้างผลประกอบการณ์ ได้เป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤติได้ โดยหลายๆบริษัทกลับได้ประโยชน์ในวิกฤตินี้ด้วย และ สิ่งที่เกิดขึ้น ผู้เล่นในตลาดโดยรวมเชื่อ และสามารถส่งผ่านไปในราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยากในการลงทุนในปีนี้คือการที่ตลาดผันผวนหนักมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ทุกคน panic กัน หุ้นทุกๆตัวก็ต่างถูกเทขายกันลงมา แต่เมื่อเวลาฝุ่นหายตลบ คนเริ่มกลับมามีสติ หุ้นหลายๆตัวที่ได้ประโยชน์กลับขึ้นมาได้ ส่วนตัวที่ได้ผลกระทบก็ยังฟื้นตัวได้ยาก กลายมาเป็น K-Shaped pattern อย่างที่เห็นกัน
สรุปสั้นๆ ว่าในทุกวิกฤติมีโอกาสให้เราเสมอ เพียงแค่เราอย่าหมดหวัง ขอให้ตั้งสติให้มั่นครับ เป็นกำลังใจให้นักลงทุนทุกๆท่านครับ
อำลาปีเก่า 2563 และ สุขสันต์ต้อนรับปีใหม่ 2564 ขอให้เป็นปีที่ดีของเราครับ
สิ้นปี ดัชนี SET อยู่ที่ 1449 จุดปรับตัวลดลง -8.3% เทียบตั้งแต่ต้นปี แต่ดัชนี MAI ปรับตัวเพิ่มขึ้น +8.6%
หากลงไปดูในรายละเอียด เอาผลตอบแทน ราคาหุ้น แต่ละตัว มาเทียบกับตอนต้นปี และเรียงลำดับ ใส่เป็น Histogram chart จะพบว่า
-------------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------------
1. หุ้นส่วนใหญ่ในตลาด (57%) มีผลตอบแทนเป็น "ลบ" แต่ก็มีหุ้นกว่า 42% ที่ผลตอบแทนเป็น “บวก” ได้ในปีนี้ จะเห็นได้ว่า ในปีนี้ โอกาสเลือกหุ้นได้ถูกตัว ก็ยังมี โอกาสไม่ได้ถือว่าต่ำอะไรมากจนเกินไปนัก
2. หากเราคิด ผลตอบแทนแบบค่าเฉลี่ย ของหุ้นทุกตัวในตลาด SET และ MAI (แบบไม่ได้มีการถ่วงน้ำหนักตามขนาดของบริษัท) จะพบว่า จริงๆ แล้ว ปีนี้ผลตอบแทนอยู่ที่ 8% ซึ่งถือว่า ถ้าตัดเรื่องขนาดของบริษัทออกไป ผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทยโดยเฉลี่ยในปีนี้ก็ถือว่า ค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว โดยกลุ่มหุ้นตัวเล็กๆได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้น market cap ใหญ่ๆ
3. หุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่ผลตอบแทน ติดอันดับ top 10% หรือหุ้นที่เป็นกลุ่ม Alpha (70 กว่าตัวแรก ที่ราคาขึ้นมามากที่สุด) ผลตอบแทน ที่ได้จะอยู่ที่ กว่า 50% จนถึงกว่า 800% เลยทีเดียว คือถ้าเลือกหุ้นได้ถูกตัวในปีนี้ โอกาสกำไรเยอะๆ จะสูงมาก ยกตัวอย่างหุ้นในกลุ่ม Alpha ที่ได้ผลตอบแทนดีที่สุด Top10% แรก เอาเฉพาะที่มี Market Capitalization มากกว่า 10,000 ล้านบาท
Delta(+808%), Singer(+377%), RCL(+301%), STA(+165%), Jmart(+140%), RBF(+111%), TQM(+104%), Synex(+100%), ICHI(+83%), JMT(+80%), Super(+71%), KCE(+69%), Dohome(+68%)
จะเห็นได้ว่า หลายๆ บริษัทในกลุ่มนี้ ต่างมีสิ่งที่เหมือนกันคือ สามารถสร้างผลประกอบการณ์ ได้เป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤติได้ โดยหลายๆบริษัทกลับได้ประโยชน์ในวิกฤตินี้ด้วย และ สิ่งที่เกิดขึ้น ผู้เล่นในตลาดโดยรวมเชื่อ และสามารถส่งผ่านไปในราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยากในการลงทุนในปีนี้คือการที่ตลาดผันผวนหนักมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ทุกคน panic กัน หุ้นทุกๆตัวก็ต่างถูกเทขายกันลงมา แต่เมื่อเวลาฝุ่นหายตลบ คนเริ่มกลับมามีสติ หุ้นหลายๆตัวที่ได้ประโยชน์กลับขึ้นมาได้ ส่วนตัวที่ได้ผลกระทบก็ยังฟื้นตัวได้ยาก กลายมาเป็น K-Shaped pattern อย่างที่เห็นกัน
สรุปสั้นๆ ว่าในทุกวิกฤติมีโอกาสให้เราเสมอ เพียงแค่เราอย่าหมดหวัง ขอให้ตั้งสติให้มั่นครับ เป็นกำลังใจให้นักลงทุนทุกๆท่านครับ
อำลาปีเก่า 2563 และ สุขสันต์ต้อนรับปีใหม่ 2564 ขอให้เป็นปีที่ดีของเราครับ