ขอความรู้ครับ ซื้อETFต่างประเทศผ่านกองทุน/ซื้อETFต่างประเทศเอง/ซื้อแบบรายตัว อย่างไหน ดีกว่ากัน ในสภาพปัจจุบัน (2021)
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 15, 2021 11:47 am
ขอความรู้ครับ ซื้อETFต่างประเทศผ่านกองทุน / ซื้อETFต่างประเทศเอง / ซื้อแบบรายตัว อย่างไหน ดีกว่ากัน ในสภาพปัจจุบัน (2021)
ผมเริ่มต้นด้วยการซื้อ etf ต่างประเทศ 5 กองๆละ 3,000 บาท เป็นกองที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี เป็นส่วนใหญ่คือ cloud computing , digital healthcare , emerging market , new economy new technology , big tech company ครับ จากนั้นใช้วิธีตัดสินใจโดยการอ่านเอกสารต่างๆและประเมินด้วยตนเอง ในรอบถัดไป ก็จัดสรรงบลงทุนมากบ้างน้อยบ้างตามความรู้สึกของตนเอง กองละไม่เกิน 10,000 บาท ผลปรากฏว่าตัวที่คิดว่าดี กลับมีการเคลื่อนไหวของราคาน้อย เนื่องจากผมพอมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง จึงเขียนโปรแกรมผ่านเวิร์กชีตของ google เพื่อดึงราคาต่ำสุดและสูงสุดในระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านไปเพื่อหาจุดต่ำสุดสูงสุด แต่ยังไม่ได้ใช้หลักการนั้นในการจัดสรรการลงทุนเต็ม 100% ยังคงใช้ปัจจัยอื่นๆ เป็นแนวคิดมาจัดสรรการลงทุนแต่ละกอง ซึ่งก็ยังให้ผลที่ไม่ถูกใจนัก ถัดมาใช้การจัดสรรตามเปอร์เซ็นต์ การเคลื่อนไหวของราคากองไหนราคาเคลื่อนไหวดีก็ลงทุนมาก กองไหนราคาเคลื่อนไหวน้อย ก็ลงน้อย กองไหนราคาไม่วิ่ง ก็หยุดลงทุน ซึ่งก็ทำให้สภาพดีขึ้นแต่ยังรู้สึกว่าไม่ถูกใจ 100% ครับ
ตอนนี้กำลังค้นคว้าหาโปรแกรมด้าน optimization มาวิเคราะห์กองทุนหุ้นแต่ละตัวครับ เพื่อมาใช้ในการจัดสรรเงินลงทุน โดยทำเป็นรายเดือนย้อนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เมื่อเริ่มมี covid เมื่อนำโปรแกรมด้าน optimization ดังกล่าวมาใช้ก็พบว่ากองทุนที่คนนำเสนอว่าดีน่าสนใจเช่น Cloud พบว่าจะมีการจัดสรรสูงในช่วงแรกๆของการระบาดของ covid แต่ต่อมาก็จัดสรรน้อยลงมาก และราคาก็ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวช้าลงด้วยในระยะหลัง สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่ได้ตามโปรแกรม optimization รวมทั้งพวก emerging market ที่นักวิเคราะห์หลายสำนักทั้งเมืองไทยและต่างประเทศพูดถึงกันมากแต่พอดอลลาร์กลับมาแข็งค่าราคาก็เคลื่อนไหวบวกช้าลง (ตรงกับผลของการใช้โปรแกรม optimization อย่างน่าแปลกใจครับ)
ต่อมา ทำการสร้างแบบจำลองเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 5 กองทุนที่ลงทุนอยู่แล้ว กลุ่มที่ 2 คือ 5 กองทุนเดิม บวกด้วยกองทุนใหม่อีก 2 อันเป็นเรื่องของเทคโนโลยีจีนและพันธุกรรม genomic ซึ่งสนใจที่จะลงทุน และมีตัวชี้วัดอีกตัวคือ msci thailand (THD)
ก็ได้ผลออกมาน่าสนใจทีเดียว กล่าวคือในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาหุ้นไทยชนะกองทุนต่างประเทศอยู่ 2 เดือน และบ่งว่าแต่ละเดือนกองทุนแต่ละอย่างให้ผลตอบแทนต่างกัน การเพิ่มกองทุนชนิดใหม่เข้ามาทำให้การจัดสรรต่างไปจากเดิมพอสมควร (ทำให้ยากต่อการตัดสินใจว่าควรจะเพิ่มดีไหม และคุ้มความเสี่ยงหรือเปล่า)
การรันโปรแกรม optimization ทั้ง 2 กลุ่ม และวิธีการจัดสรรล่าสุดที่ใช้อยู่พบว่า new economy new technology ให้ผลดีที่สุดโดยเฉลี่ย
คำถาม
1. หุ้นเทคโนโลยี ลงทุนระยะยาวได้หรือไม่ ถ้าลงทุนระยะยาวได้จะวางวิธีการอย่างไร
- มีหุ้นเทคโนโลยีหลายตัว ที่ดำเนินกิจการมานับ สิบปี และก้าวหน้าด้วยดี เป็น คำตอบว่าลงทุนระยะยาวได้ วิธีการลงทุนที่ใช้ ในระยะแรก เลือกซื้อ etf ที่มีการบริหารพอร์ต มีการคัดสรรหุ้นเข้าและออกอย่างเป็นระบบ ส่วนการจัดสรรปริมาณเงินลงทุนเท่าใดใช้วิธีการยืดหยุ่นตามการเคลื่อนไหวของราคา
2. etf ต่างประเทศตัวหนึ่งๆ จะมีหุ้นอยู่ 30 ถึง 50 ตัวและมีขนาดใหญ่มีการปรับน้ำหนักไปมาในแต่ละสัปดาห์ ความผันผวนค่อนข้างสูงอย่างกรณีเกิด gamestop กองทุนของผมจากกำไร 4-5 เปอร์เซ็นต์ กลายมาเป็นเสมอตัว ในทันทีจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ตอนนี้ใช้วิธีซื้อสัปดาห์ละ 25,000 บาท
- การปรับตัวขึ้นและลง ครั้งละหลายๆ เปอร์เซ็นต์ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการสร้างพอร์ต ขณะนี้มีกำไรที่ 8% นับว่ามีความสามารถในการรองรับความผันผวนระดับหนึ่งแล้ว การจัดสรรใส่เงินลงทุนต้องไม่มากจนเกินไป จนส่งผลให้ส่วนต่างกำไรแคบลง และหากขึ้นถึงระดับ 10% ขึ้นไปก็จะยิ่งดี
3.ถ้าเราซื้อ etf ต่างประเทศโดยตรงเองก็ต้องลงทุนจำนวนเงินค่อนข้างมากและค่าใช้จ่ายต่อครั้งค่อนข้างสูงไม่สามารถจัดสรร การลงทุนได้บ่อยๆ เทียบกับการลงทุนผ่านกองทุนในประเทศ FIF มีข้อดีข้อด้อยอย่างไร (แต่ปัญหาที่ผมเห็นอยู่คือเวลาขายกว่าจะได้เงินนานมาก แต่เวลาซื้อตัดเงินทันที และต้องรอเวลามานานมากกว่าจะหันมาเปิดกองทุนที่เราสนใจ)
- ก่อนพิจารณาข้อดีข้อด้อย ให้ทำการศึกษาองค์ประกอบของ etf และวิธีการจัดการเสียก่อน
- ทำการ optimization etf ของกลุ่ม ARK ไปในกลุ่มด้วยกันเองและเทียบกับกลุ่ม ของ Vanguard
4. ในระยะยาวกองทุนแต่ละกองให้ผลตอบแทนเดือนหนึ่งมากบ้างน้อยบ้าง (ดูจากผลของโปรแกรม optimization) เราจะปรับกองต่างๆ เข้าสู่ค่าเฉลี่ยระยะตั้งแต่มีนาคม 63 ดี หรือตั้งแต่เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐดี หรือ ทำแบบเดิมดีแล้ว ปัจจัยอะไรที่บอกว่าวิธีไหนดีที่สุด เราจะหาคำอธิบายในเรื่องนี้อย่างไร
- เท่าที่พิจารณาเบื้องต้นแล้วเห็นว่าการมองช่วงหลังเลือกตั้งสามารถนำมาเป็นแนวทางกว้างๆได้ สำหรับวิธีที่ใช้อยู่คือการเปลี่ยนแปลงของราคาต่ำสุดสูงสุดน่าจะเหมาะสมดีอยู่แล้ว เพราะเป็นการปรับตามราคาในช่วงไม่เกิน 30 วันที่ผ่านมาซึ่งสอดคล้องกับการพิจารณาหลังจากการเลือกตั้งสหรัฐ
5. กองทุนที่ลงทุนต่างประเทศ บางกองไม่ประกันอัตราแลกเปลี่ยนเลย บางกองประกันบางส่วน แต่ก่อนเคยลงทุนกองทุนต่างประเทศในลักษณะรายประเทศ ปรากฏว่าอัตราแลกเปลี่ยนกินหมด ผมจึงมีข้อกำหนดว่ากองทุนที่ซื้อจะต้องมีผลตอบแทนอย่างน้อย 2-3 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือนขึ้นไป ใช้ได้หรือไม่ ถ้าประเทศไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเราย่อมได้รับผลบวกจากค่าเงิน แต่ถ้าค่าเงินบาทแข็งมากๆก็อาจสร้างปัญหาได้ ถ้าเมื่อใดเงินบาทแข็งค่าเร็วกว่าผลตอบแทนที่ได้จากกองทุนต่างประเทศ เราควรทำอย่างไร และอะไรเป็นจุดตัดสินใจว่าจะเลิกลงทุนในกองทุนต่างประเทศ ( จากโปรแกรม optimization มี msci thailand เป็นตัวแทน จะออกแบบกระบวนการตัดสินใจอย่างไร จึงจะเหมาะสม?)
- จับตาดูการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอโดยใช้ DXY เป็นตัวแทน
- สร้างโมเดลเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับค่าเงินบาท โดยมีกรอบการตัดสินใจดังนี้ อันดับแรกเมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นติดต่อกัน 2 เดือนมากกว่า 2% อันดับที่ 2 ไม่มี etf ต่างประเทศใดที่ให้ผลตอบแทนเกินกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน
6. มีปัญหาอื่นที่เราต้องคิดล่วงหน้าอีกบ้างไหม เช่นปัญหาฟองสบู่แตกแบบดอทคอมเมื่อปี 2000 แล้วเราจะจับสัญญาณเหล่านี้ได้อย่างไร
- เฝ้าติดตาม ข่าวสาร และ บทวิเคราะห์ จากต่างประเทศ อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะจาก สำนักข่าวหลักอย่าง Bloomberg , Goldman Sachs , Morgan Stanley,WSJ
7. เราจะจับสัญญาณการพักฐานครั้งใหญ่ในต่างประเทศโดยวิธีใด เมื่อกำไรขึ้นไปถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์แล้ว ควรหยุดจัดสรรเงินลงทุนหรือไม่ ( หากตลาดปรับฐานใหญ่ 20% ก็ยังมีกำไรอีก 20%) หรือ รักษาอัตรากำไรเมื่อลงทุนใหม่แล้วหลังหักค่าใช้จ่ายต้องมีกำไรอย่างน้อย 30 % เสมอจะเหมาะสมดีหรือไม่
- ศึกษาเปรียบเทียบดัชนี 2 ตัวคือ VIX และ NASDAQ
- สร้างแบบจำลอง ที่จะใช้ เพื่อตอบโจทย์เรื่องนี้ ซึ่งต้องศึกษาเพิ่มเติม
8. การซื้อหุ้นต่างประเทศรายตัว ยังจะสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ การขยายตัวของกองทุน etf มีเพิ่มขึ้นมากและมีการดูแลการคัดสรรหุ้นที่ต่างไปจากเดิม เราจะเลือกหุ้นบางตัวจากในลิสต์ของ etf นั้นๆ ดีหรือเปล่า เพราะเราไม่ได้สัมผัสสินค้าและบริการของบริษัทนั้นๆด้วยตนเอง ใน etf บางตัว ให้รายละเอียด รายชื่อหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด จากการติดตามพบว่าบางครั้งขนาดสินทรัพย์ etf โตเร็วกว่าราคาตัวแทนของ etf และบางครั้งขนาดของ สินทรัพย์ etf ลดลงมากกว่า ราคาตัวแทนของ etf นั้นๆ
หรือเราจะเอาหุ้นทั้ง 30 หรือ 50 ตัวมาทำ optimization แล้วเลือกขึ้นมาอีกทีหนึ่งดี
- แนวคิดที่ว่าถ้าลงทุนหุ้นรายตัวเองดี แปลว่าเรามีความสามารถมากกว่าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ เครดิตสวิส หรือ morgan stanley หรือเปล่า ?
- เรามีความสามารถจับ mega trend ของหุ้นในต่างประเทศได้มากน้อยแค่ไหน ?
- การลงทุนผ่านกองทุนต่างประเทศ ซึ่ง บลจ. ได้คัดสรร etf และ ผู้บริหารกองทุนมาแล้ว ผ่อนแรงเราพอสมควร ปัญหาคือ การเปิดกองทุนใหม่ๆ เราจะหาข้อมูลได้จากที่ไหน (ระบบ API ของ กลต. ใช้ได้หรือไม่?) บลจ. เหล่านั้น มีแนวคิดอย่างไร เพราะที่ผ่านมาเคลื่อนไหวช้ากว่าตลาดต่างประเทศมาก แล้ว อนาคตจะเป็นอย่างไร ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนหรือเปล่า
หมายเหตุ
ผมอายุมากแล้วใกล้จะ 70 ปี เริ่มลืมเลือนบ้าง บางครั้งสรุปบทเรียนแล้ว แต่เมื่อเร็วๆนี้ก็ยังทำผิดซ้ำอีก จึงหวังว่าเว็บบอร์ดนี้จะช่วยให้ผมสามารถไม่ลืมเลือน และมีมุมมองที่กว้างขึ้น และเป็นเสมือนสมุดโน๊ตของตนเองไปในตัว ครับ
ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกความเห็นครับ
ผมเริ่มต้นด้วยการซื้อ etf ต่างประเทศ 5 กองๆละ 3,000 บาท เป็นกองที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี เป็นส่วนใหญ่คือ cloud computing , digital healthcare , emerging market , new economy new technology , big tech company ครับ จากนั้นใช้วิธีตัดสินใจโดยการอ่านเอกสารต่างๆและประเมินด้วยตนเอง ในรอบถัดไป ก็จัดสรรงบลงทุนมากบ้างน้อยบ้างตามความรู้สึกของตนเอง กองละไม่เกิน 10,000 บาท ผลปรากฏว่าตัวที่คิดว่าดี กลับมีการเคลื่อนไหวของราคาน้อย เนื่องจากผมพอมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง จึงเขียนโปรแกรมผ่านเวิร์กชีตของ google เพื่อดึงราคาต่ำสุดและสูงสุดในระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านไปเพื่อหาจุดต่ำสุดสูงสุด แต่ยังไม่ได้ใช้หลักการนั้นในการจัดสรรการลงทุนเต็ม 100% ยังคงใช้ปัจจัยอื่นๆ เป็นแนวคิดมาจัดสรรการลงทุนแต่ละกอง ซึ่งก็ยังให้ผลที่ไม่ถูกใจนัก ถัดมาใช้การจัดสรรตามเปอร์เซ็นต์ การเคลื่อนไหวของราคากองไหนราคาเคลื่อนไหวดีก็ลงทุนมาก กองไหนราคาเคลื่อนไหวน้อย ก็ลงน้อย กองไหนราคาไม่วิ่ง ก็หยุดลงทุน ซึ่งก็ทำให้สภาพดีขึ้นแต่ยังรู้สึกว่าไม่ถูกใจ 100% ครับ
ตอนนี้กำลังค้นคว้าหาโปรแกรมด้าน optimization มาวิเคราะห์กองทุนหุ้นแต่ละตัวครับ เพื่อมาใช้ในการจัดสรรเงินลงทุน โดยทำเป็นรายเดือนย้อนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เมื่อเริ่มมี covid เมื่อนำโปรแกรมด้าน optimization ดังกล่าวมาใช้ก็พบว่ากองทุนที่คนนำเสนอว่าดีน่าสนใจเช่น Cloud พบว่าจะมีการจัดสรรสูงในช่วงแรกๆของการระบาดของ covid แต่ต่อมาก็จัดสรรน้อยลงมาก และราคาก็ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวช้าลงด้วยในระยะหลัง สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่ได้ตามโปรแกรม optimization รวมทั้งพวก emerging market ที่นักวิเคราะห์หลายสำนักทั้งเมืองไทยและต่างประเทศพูดถึงกันมากแต่พอดอลลาร์กลับมาแข็งค่าราคาก็เคลื่อนไหวบวกช้าลง (ตรงกับผลของการใช้โปรแกรม optimization อย่างน่าแปลกใจครับ)
ต่อมา ทำการสร้างแบบจำลองเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 5 กองทุนที่ลงทุนอยู่แล้ว กลุ่มที่ 2 คือ 5 กองทุนเดิม บวกด้วยกองทุนใหม่อีก 2 อันเป็นเรื่องของเทคโนโลยีจีนและพันธุกรรม genomic ซึ่งสนใจที่จะลงทุน และมีตัวชี้วัดอีกตัวคือ msci thailand (THD)
ก็ได้ผลออกมาน่าสนใจทีเดียว กล่าวคือในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาหุ้นไทยชนะกองทุนต่างประเทศอยู่ 2 เดือน และบ่งว่าแต่ละเดือนกองทุนแต่ละอย่างให้ผลตอบแทนต่างกัน การเพิ่มกองทุนชนิดใหม่เข้ามาทำให้การจัดสรรต่างไปจากเดิมพอสมควร (ทำให้ยากต่อการตัดสินใจว่าควรจะเพิ่มดีไหม และคุ้มความเสี่ยงหรือเปล่า)
การรันโปรแกรม optimization ทั้ง 2 กลุ่ม และวิธีการจัดสรรล่าสุดที่ใช้อยู่พบว่า new economy new technology ให้ผลดีที่สุดโดยเฉลี่ย
คำถาม
1. หุ้นเทคโนโลยี ลงทุนระยะยาวได้หรือไม่ ถ้าลงทุนระยะยาวได้จะวางวิธีการอย่างไร
- มีหุ้นเทคโนโลยีหลายตัว ที่ดำเนินกิจการมานับ สิบปี และก้าวหน้าด้วยดี เป็น คำตอบว่าลงทุนระยะยาวได้ วิธีการลงทุนที่ใช้ ในระยะแรก เลือกซื้อ etf ที่มีการบริหารพอร์ต มีการคัดสรรหุ้นเข้าและออกอย่างเป็นระบบ ส่วนการจัดสรรปริมาณเงินลงทุนเท่าใดใช้วิธีการยืดหยุ่นตามการเคลื่อนไหวของราคา
2. etf ต่างประเทศตัวหนึ่งๆ จะมีหุ้นอยู่ 30 ถึง 50 ตัวและมีขนาดใหญ่มีการปรับน้ำหนักไปมาในแต่ละสัปดาห์ ความผันผวนค่อนข้างสูงอย่างกรณีเกิด gamestop กองทุนของผมจากกำไร 4-5 เปอร์เซ็นต์ กลายมาเป็นเสมอตัว ในทันทีจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ตอนนี้ใช้วิธีซื้อสัปดาห์ละ 25,000 บาท
- การปรับตัวขึ้นและลง ครั้งละหลายๆ เปอร์เซ็นต์ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการสร้างพอร์ต ขณะนี้มีกำไรที่ 8% นับว่ามีความสามารถในการรองรับความผันผวนระดับหนึ่งแล้ว การจัดสรรใส่เงินลงทุนต้องไม่มากจนเกินไป จนส่งผลให้ส่วนต่างกำไรแคบลง และหากขึ้นถึงระดับ 10% ขึ้นไปก็จะยิ่งดี
3.ถ้าเราซื้อ etf ต่างประเทศโดยตรงเองก็ต้องลงทุนจำนวนเงินค่อนข้างมากและค่าใช้จ่ายต่อครั้งค่อนข้างสูงไม่สามารถจัดสรร การลงทุนได้บ่อยๆ เทียบกับการลงทุนผ่านกองทุนในประเทศ FIF มีข้อดีข้อด้อยอย่างไร (แต่ปัญหาที่ผมเห็นอยู่คือเวลาขายกว่าจะได้เงินนานมาก แต่เวลาซื้อตัดเงินทันที และต้องรอเวลามานานมากกว่าจะหันมาเปิดกองทุนที่เราสนใจ)
- ก่อนพิจารณาข้อดีข้อด้อย ให้ทำการศึกษาองค์ประกอบของ etf และวิธีการจัดการเสียก่อน
- ทำการ optimization etf ของกลุ่ม ARK ไปในกลุ่มด้วยกันเองและเทียบกับกลุ่ม ของ Vanguard
4. ในระยะยาวกองทุนแต่ละกองให้ผลตอบแทนเดือนหนึ่งมากบ้างน้อยบ้าง (ดูจากผลของโปรแกรม optimization) เราจะปรับกองต่างๆ เข้าสู่ค่าเฉลี่ยระยะตั้งแต่มีนาคม 63 ดี หรือตั้งแต่เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐดี หรือ ทำแบบเดิมดีแล้ว ปัจจัยอะไรที่บอกว่าวิธีไหนดีที่สุด เราจะหาคำอธิบายในเรื่องนี้อย่างไร
- เท่าที่พิจารณาเบื้องต้นแล้วเห็นว่าการมองช่วงหลังเลือกตั้งสามารถนำมาเป็นแนวทางกว้างๆได้ สำหรับวิธีที่ใช้อยู่คือการเปลี่ยนแปลงของราคาต่ำสุดสูงสุดน่าจะเหมาะสมดีอยู่แล้ว เพราะเป็นการปรับตามราคาในช่วงไม่เกิน 30 วันที่ผ่านมาซึ่งสอดคล้องกับการพิจารณาหลังจากการเลือกตั้งสหรัฐ
5. กองทุนที่ลงทุนต่างประเทศ บางกองไม่ประกันอัตราแลกเปลี่ยนเลย บางกองประกันบางส่วน แต่ก่อนเคยลงทุนกองทุนต่างประเทศในลักษณะรายประเทศ ปรากฏว่าอัตราแลกเปลี่ยนกินหมด ผมจึงมีข้อกำหนดว่ากองทุนที่ซื้อจะต้องมีผลตอบแทนอย่างน้อย 2-3 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือนขึ้นไป ใช้ได้หรือไม่ ถ้าประเทศไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเราย่อมได้รับผลบวกจากค่าเงิน แต่ถ้าค่าเงินบาทแข็งมากๆก็อาจสร้างปัญหาได้ ถ้าเมื่อใดเงินบาทแข็งค่าเร็วกว่าผลตอบแทนที่ได้จากกองทุนต่างประเทศ เราควรทำอย่างไร และอะไรเป็นจุดตัดสินใจว่าจะเลิกลงทุนในกองทุนต่างประเทศ ( จากโปรแกรม optimization มี msci thailand เป็นตัวแทน จะออกแบบกระบวนการตัดสินใจอย่างไร จึงจะเหมาะสม?)
- จับตาดูการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอโดยใช้ DXY เป็นตัวแทน
- สร้างโมเดลเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับค่าเงินบาท โดยมีกรอบการตัดสินใจดังนี้ อันดับแรกเมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นติดต่อกัน 2 เดือนมากกว่า 2% อันดับที่ 2 ไม่มี etf ต่างประเทศใดที่ให้ผลตอบแทนเกินกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน
6. มีปัญหาอื่นที่เราต้องคิดล่วงหน้าอีกบ้างไหม เช่นปัญหาฟองสบู่แตกแบบดอทคอมเมื่อปี 2000 แล้วเราจะจับสัญญาณเหล่านี้ได้อย่างไร
- เฝ้าติดตาม ข่าวสาร และ บทวิเคราะห์ จากต่างประเทศ อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะจาก สำนักข่าวหลักอย่าง Bloomberg , Goldman Sachs , Morgan Stanley,WSJ
7. เราจะจับสัญญาณการพักฐานครั้งใหญ่ในต่างประเทศโดยวิธีใด เมื่อกำไรขึ้นไปถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์แล้ว ควรหยุดจัดสรรเงินลงทุนหรือไม่ ( หากตลาดปรับฐานใหญ่ 20% ก็ยังมีกำไรอีก 20%) หรือ รักษาอัตรากำไรเมื่อลงทุนใหม่แล้วหลังหักค่าใช้จ่ายต้องมีกำไรอย่างน้อย 30 % เสมอจะเหมาะสมดีหรือไม่
- ศึกษาเปรียบเทียบดัชนี 2 ตัวคือ VIX และ NASDAQ
- สร้างแบบจำลอง ที่จะใช้ เพื่อตอบโจทย์เรื่องนี้ ซึ่งต้องศึกษาเพิ่มเติม
8. การซื้อหุ้นต่างประเทศรายตัว ยังจะสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ การขยายตัวของกองทุน etf มีเพิ่มขึ้นมากและมีการดูแลการคัดสรรหุ้นที่ต่างไปจากเดิม เราจะเลือกหุ้นบางตัวจากในลิสต์ของ etf นั้นๆ ดีหรือเปล่า เพราะเราไม่ได้สัมผัสสินค้าและบริการของบริษัทนั้นๆด้วยตนเอง ใน etf บางตัว ให้รายละเอียด รายชื่อหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด จากการติดตามพบว่าบางครั้งขนาดสินทรัพย์ etf โตเร็วกว่าราคาตัวแทนของ etf และบางครั้งขนาดของ สินทรัพย์ etf ลดลงมากกว่า ราคาตัวแทนของ etf นั้นๆ
หรือเราจะเอาหุ้นทั้ง 30 หรือ 50 ตัวมาทำ optimization แล้วเลือกขึ้นมาอีกทีหนึ่งดี
- แนวคิดที่ว่าถ้าลงทุนหุ้นรายตัวเองดี แปลว่าเรามีความสามารถมากกว่าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ เครดิตสวิส หรือ morgan stanley หรือเปล่า ?
- เรามีความสามารถจับ mega trend ของหุ้นในต่างประเทศได้มากน้อยแค่ไหน ?
- การลงทุนผ่านกองทุนต่างประเทศ ซึ่ง บลจ. ได้คัดสรร etf และ ผู้บริหารกองทุนมาแล้ว ผ่อนแรงเราพอสมควร ปัญหาคือ การเปิดกองทุนใหม่ๆ เราจะหาข้อมูลได้จากที่ไหน (ระบบ API ของ กลต. ใช้ได้หรือไม่?) บลจ. เหล่านั้น มีแนวคิดอย่างไร เพราะที่ผ่านมาเคลื่อนไหวช้ากว่าตลาดต่างประเทศมาก แล้ว อนาคตจะเป็นอย่างไร ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนหรือเปล่า
หมายเหตุ
ผมอายุมากแล้วใกล้จะ 70 ปี เริ่มลืมเลือนบ้าง บางครั้งสรุปบทเรียนแล้ว แต่เมื่อเร็วๆนี้ก็ยังทำผิดซ้ำอีก จึงหวังว่าเว็บบอร์ดนี้จะช่วยให้ผมสามารถไม่ลืมเลือน และมีมุมมองที่กว้างขึ้น และเป็นเสมือนสมุดโน๊ตของตนเองไปในตัว ครับ
ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกความเห็นครับ