หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เมื่อคืน หุ้นเทคของเรา ตก 10% ซื้อ ขาย หรือถือ ดี

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 14, 2022 7:35 am
โดย picatos
ครบรอบเกือบหนึ่งปีที่ผมได้ Post กระทู้เชิญชวนเพื่อนๆ ไปเรียนวิธีการประเมินมูลค่าหุ้นที่ขาดทุนกับอาจารย์ Damodaran

โดยส่วนตัวแล้ว อาจารย์ทางด้านการลงทุนที่ผมนับถือมากๆ ที่คิดว่ามีแนวคิดที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุนหุ้นเทคฯ มีอยู่ 2 คน คนหนึ่งคืออาจารย์ Aswath Damodaran ส่วนอีกคนอาจารย์ Michael J. Maubosoussin

อาจารย์ Mauboussin เป็นอาจารย์ที่มีประวัติและแนวคิดที่แปลกมากสำหรับผม ท่านจบศิลปศาสตร์แต่ท่านได้รับเกียรติให้สอนวิชา Security Analysis ของมหาวิทยาลัย Columbia ที่เมืองนิวยอร์ก ซึ่งเป็นหลักสูตรเดียวกับที่บิดาแห่ง Value Investing อ. Benjamin Graham ท่านได้สอน Warren Buffet เอาไว้เมื่อปี 1951

อย่างไรก็ตามจุดเด่นของแนวคิดของอ. Maubosoussin จะไม่ได้เน้นไปที่เรื่อง Value Investing เหมือนอาจารย์ Graham แต่จุดเด่นของอาจารย์ คือ การสอนเรื่อง Decision Making โดยเฉพาะ Decision Making ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูงในการลงทุน

ท่านได้เขียนหนังสือและบทความเทพๆ ออกมาหลายชิ้น อย่างหนังสือเล่มล่าสุด ท่านได้ Revise หนังสือที่ท่านเขียนเมื่อปี 2003 ที่ชื่อ Expectations Investing: Reading Stock Prices for Better Returns ออกมา โดยได้เพิ่มเนื้อหา และปรับให้ทัน หนึ่งในนั้นท่านได้พูดหนึ่ง Paper 2 ฉบับที่ท่านได้เขียนเอาไว้เมื่อต้นปี 2015 และ 2016

โดยในปี 2015 ท่านได้ทำการวิจัยว่า สมมติว่าเราตื่นขึ้นมาพบว่า เมื่อคืนนี้หุ้นของเราอยู่ๆ ก็ตกมากว่าตลาด 10% เราควรที่จะทำอย่างไรกันแน่เราควรที่จะตัดสินใจ ซื้อ ถือ หรือ ขาย ใน Paper ที่ชื่อ Managing the Man Overboard Moment : Making an Informed Decision After a Large Price Drop

ต่อมาในปี 2016 ท่านได้ทำการวิจัยต่อว่า แล้วถ้าเราตื่นขึ้นมาพบว่า อยู่ๆ เมื่อคืนนี้หุ้นของเราก็ขึ้นมากกว่าตลาด 10% ล่ะ ใน Paper ที่ชื่อว่า Celebrating the Summit : Making an Informed Decision After a Large Price Gain

โดยข้อสรุปที่ท่านได้เขียนเอาไว้ในหัวข้อที่ 8 ในบทที่ 12 ว่า เราจะจัดการอย่างไร เวลาราคาหุ้นเหวี่ยงแรงๆ ซึ่งผมขอสรุปเอาไว้คร่าวๆ ดังนี้ (ขออภัยหากภาษาที่สรุปคลาดเคลื่อนจากหนังสือ)

"...
เวลาเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ราคาหุ้นเหวี่ยงแรงๆ เหตุการณ์พวกนี้จะกระตุ้นอารมณ์ของเราอย่างรุนแรงมาก ถ้าคุณถือหุ้นอยู่แล้วหุ้นตกหนัก คุณจะรู้สึกแย่มากๆ สับสน และนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด ในการศึกษาเรื่อง Decision Making ค้นพบว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่เราจะทำการตัดสินใจได้ดี เวลาที่เราถูกกระตุ้นจนอารมณ์ครอบงำ ส่งผลให้มันเป็นเรื่องยากมากที่เราจะหนักแน่นมั่นคงอยู่ในหลักการลงทุนของเรา

การมี Checklist สามารถช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น โดย Checklist นี้มีอยู่ 2 ประเภท
1) Checklist ที่คุณทำ tasks ของคุณ และ หยุดเพื่อ Confirm ว่าสิ่งที่คุณทำไปครบถ้วนทุกขั้นตอน (DO-CONFIRM) ตัวอย่างเช่น Checklist ของนักบินที่ต้องทำก่อนจะเอาเครื่องบินขึ้น ซึ่ง Checklist ประเภทนี้จะมีประโยชน์ในสถานการณ์ในการลงทุนปกติ

2) Checklist ที่ใช้ในกรณีฉุกเฉิน หรือ ในสถานการณ์ที่มีความตึงเครียดสูงมาก โดยเราจะมาอ่าน Checklist กันเวลาเกิดเหตุแล้วทำตาม (READ-DO) ตัวอย่างเช่น เวลาที่เครื่องยนต์เครื่องบินอยู่ๆ ก็หยุดทำงานระหว่างที่บินอยู่ นักบินจะเอา Checklist ขึ้นมาใช้งาน ซึ่ง Checklist ในลักษณะนี้แหละ ที่เราอยากที่จะสร้างมันขึ้นมา เพื่อช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นเวลาที่หุ้นเหวี่ยงแรงๆ

ในการที่จะสร้าง Checklist นี้ขึ้น อาจารย์ได้ทำการดูเหตุการณ์ที่หุ้นตกมากกว่าตลาด 10% จำนวน 5,400 เคส ในช่วงเวลา 20 ปี โดยได้แบ่งเหตุการณ์ที่หุ้นตกออกเป็น เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประกาศผลประกอบการหรือไม่เกี่ยว หลังจากนั้นก็ได้ให้น้ำหนักของปัจจัย 3 อย่างก่อนหุ้นตก ได้แก่ Momentum ของหุ้น Valuation และ คุณภาพ แล้วก็ดูสิว่าหลังจากเหตุการณ์ที่หุ้นตกแล้ว หุ้นพวกนั้นให้ผลตอบแทนอย่างไรในช่วงเวลา 30, 60 และ 90 วันต่อมา

นอกจากนี้ อาจารย์ยังได้ทำการวิเคราะห์ เหตุการณ์ที่หุ้นขึ้นวันเดียว 10% จากเคส 6,800 เคสในช่วงเวลา 25 ปี โดยได้ตัดเหตุกาณ์ M&A ออก เพราะ เหตุการณ์นี้ทำให้ข้อมูลใช้ดูไม่ได้

ข้อสรุป คือ ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าหุ้นมี Momentum ที่ไม่ดี และราคาที่ถูก ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นแรงๆ หรือ ลงแรงๆ มันเป็น buy signal ในขณะที่ถ้าหุ้นมี Momentum ขาขึ้น และ Valuation แพง มันคือ Sell Signal

ถึงแม้ว่าการวิเคราะห์นี้จะเป็นข้อสรุปที่ดูเหมือนจะไร้เดียงสาสำหรับการวิเคราะห์ ซึ่งมันบอกเรื่องราวเพียงแค่ส่วนเดียว แต่การได้รู้ Base Rate อย่างน้อยก็ช่วยให้เราได้เห็นความน่าจะเป็นของสิ่งจะเกิดขึ้น และให้ Guidance ที่ดีว่าเราควรที่จะ ซื้อ ขาย หรือ ถือ หุ้นต่อดี
..."

สำหรับคนที่ลงทุนในหุ้นเทคที่ขาดทุนมาสักระยะจะพบว่า หุ้นพวกนี้ Uncertainty สูงกว่าหุ้นปกติ Valuation ที่เราประเมินได้มีช่วงราคาที่เป็นไปได้ที่สูงกว่าเยอะมาก ซึ่งเราอาจจะแก้ปัญหาในการประเมินมูลค่าด้วยการทำ Scenario Analysis หรือทำ Monte Carlo Simulation แต่สุดท้ายเราก็ยังหนีไม่พ้นความจริงของความไม่แน่นอนที่สูงมากนี้

สำหรับผมแล้วงานเขียนของอาจารย์ Michael J. Maubosoussin หลายๆ ชิ้นเป็นงานเขียนที่มีประโยชน์ในการที่จะเอามาใช้ในการบริหารจัดการพอร์ตเงินลงทุนมากๆ ไม่ว่าจะเป็น The Success Equation: Untangling Skill and Luck in Business, Sports, and Investing ที่ทำให้เรารู้ตัวว่าโชคมีผลต่อเราขนาดไหนในการลงทุน และเราควรที่จะพัฒนา Process ในการจัดการพอร์ตอย่างไร ไปจนถึง Think Twice: Harnessing the Power of Counterintuition แนวความคิดที่ช่วยให้เราพัฒนา Second Level Thinking ให้ดีขึ้น และแน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้ Expectations Investing: Reading Stock Prices for Better Returns ที่จะช่วยให้เราเล่นกับความคาดหวังของตลาดได้ดีขึ้น ซึ่งอาจารย์ Damodaran เขียนคำนิยมของหนังสือเล่มนี้เอาไว้ว่า

"Some ideas are so powerful, and yet so obvious, that when you hear them or read about them for the first time, your inclination is to whack your head and ask yourself why you did not think of them first. ..."

Re: เมื่อคืน หุ้นเทคของเรา ตก 10% ซื้อ ขาย หรือถือ ดี

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 14, 2022 8:09 am
โดย picatos
เขียนนามสกุลอาจารย์ผิด ต้องเป็น Mauboussin นะครับ ขออภัยด้วย

Re: เมื่อคืน หุ้นเทคของเรา ตก 10% ซื้อ ขาย หรือถือ ดี

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 14, 2022 8:10 am
โดย romee
picatos เขียน:
ศุกร์ ม.ค. 14, 2022 7:35 am
ซึ่งเราอาจจะแก้ปัญหาในการประเมินมูลค่าด้วยการทำ Scenario Analysis หรือทำ Monte Carlo Simulation
ปกติคุณpicatos ใช้tool หรืออะไรในการทำ monte carlo sim, พอยกตัวอย่างได้มั้ยครับ
คือผมรู้จักเรื่องนี้จากพวกการทดสอบระบบพวก amibroker แต่เอามาประยุกใช้กับการประเมินมูลค่ายังไม่เป็น

ขอบคุณกับบทความดีๆเสมอมาครับ และผมได้เริ่มเรียนคอร์สใน yt ของอ.Damodaranแล้ว (eat that frog สุดๆ)