ควรทำอย่างไร ถ้าหุ้นที่อยากได้…ราคาไม่ยอมถูกสักที! / Pocket investor
โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 16, 2022 9:28 pm
Investor's practice: สวัสดีทุกท่านครับ วันนี้จะมาแชร์มุมมองเกี่ยวกับการซื้อหุ้นที่ยอดเยี่ยม แต่ราคาแพงกว่ามูลค่าพื้นฐาน ในมุมมองของผมควรจะทำอย่างไร ลองมาดูกันเลยครับ
.
อย่างที่บอกตั้งแต่เดือนก่อนว่า ช่วงนี้ผมค่อนข้างสนใจหุ้นเติบโตในตลาดอเมริกาที่หลายๆบริษัทลดราคาลงมาค่อนข้างมาก จนมีซื้อไปบ้างครับ อย่างไรก็ตามหุ้นใน Watchlist ที่อยากได้บางตัว ราคายังลงมาไม่มากเพียงพอหรือบางตัวเด้งกลับขึ้นไปแล้วด้วยซ้ำ 555+
.
ส่วนตัวคิดว่าหุ้นเหล่านี้ เป็นบริษัทที่มี Business model ที่ดี มี Moat ที่แข็งแกร่ง รวมถึงโอกาสการเติบโตได้อีกมากและมีโอกาสที่จะสร้าง Profitability ที่ดีได้ในอนาคต อย่างไรก็ตามด้วยความโดดเด่นที่กล่าวมา ตลาดคงมองเห็นความยอดเยี่ยมนี้เช่นกัน ทำให้ราคาดูเหมือนจะแพงกว่ามูลค่าที่ผมประเมินได้ตลอดเลย
.
ผลประกอบการที่ออกมาสูงกว่าที่เหล่านักวิเคราะห์คาดการณ์ แถมอนาคตที่ยังดูสดใสจากปัจจัยบวกต่างๆ เหมือนจะยิ่งตอกย้ำว่า "ของดียังไงก็ไม่ลดราคาหรอก ถ้ารอต่อไปก็ไม่ได้ซื้อแน่นอน"
.
คำถามที่น่าสนใจ สำหรับนักลงทุน VI รุ่นใหม่ คือ เราควรจะยังยึดมั่นในหลักการ "ซื้อหุ้นก็ต่อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง" แล้วนั่งทับมือเอาไว้ หรือควรจะเคาะขวาซื้อไปเลย เพราะ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสที่ราคาลงมาหรือไม่ เราไม่ควรไปคาดเดาราคาหุ้น
.
เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ ส่วนตัวคิดว่า ถ้าเลือกจะเป็นนักลงทุน VI แล้วคุณควรจะ "ยึดมั่นในมูลค่าที่แท้จริง" มาก่อนครับ อย่างไรก็ตามในกรณีแบบนี้มันก็มี สิ่งที่ควรทำ 3 อย่าง และมีสิ่งที่ไม่ควรทำ 2 อย่าง ดังนี้ครับ
.
สิ่งที่ควรทำ 3 อย่าง
.
1. ทบทวนมูลค่าใหม่ (พยายามอย่ามีอคติ)
สิ่งที่ควรทำเสมอๆ คือ การทบทวนมูลค่าใหม่เป็นประจำ บางครั้งที่ราคาไม่ลงมาถึงมูลค่าที่แท้จริงที่เราประเมินได้ อาจจะเป็นเพราะ "ข้อมูลไม่ Update!" ในเมื่อมูลค่าที่แท้จริงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งหุ้นที่ยอดเยี่ยมมูลค่าที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเมื่อระยะเวลาผ่านไป ตามการเติบโตของกิจการ
.
ลองเอาผลประกอบการและแนวโน้มธุรกิจล่าสุดมาพิจารณาและปรับ Assumption ใหม่ตามความเป็นจริง (ระวังการมองดีเว่อร์เกินจริง) บางครั้งมูลค่าที่แท้จริงอาจจะแซงราคาหุ้นไปแล้วก็ได้นะ!
.
2. เปรียบเทียบกับโอกาสการลงทุนอื่นๆ
เมื่อทำข้อ 1 โดย พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ราคายังแพงเกินไป นั่นก็หมายความว่าคุณยังไม่ควรซื้อหุ้นตัวนี้ ณ ตอนนี้ หรือถ้าซื้อไปแล้วอาจจะได้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่คุณต้องการ อย่างไรก็ตามในตลาดย่อมมีโอกาสลงทุนในหุ้นตัวอื่นๆที่คุณภาพอาจจะดีไม่เท่า แต่ราคายังต่ำกว่ามูลค่าและให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ซึ่งอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
.
ดังนั้น การลงทุนจึงเป็นการเลือกหุ้นโดยเปรียบเทียบความคุ้มค่า ระหว่างถือหุ้นตัวเดิมที่อยู่ในพอร์ต กับโอกาสลงทุนใหม่ๆที่มีหลากหลาย ให้เลือกโอกาสที่มี Risk & Reward ที่ดีที่สุด ณ เวลานั้นๆ
.
3. จงนั่งทับมือเอาไว้และรอโอกาส
ในเมื่อราคาหุ้น ยังสูงกว่ามูลค่าที่เหมาะสม คุณก็ยังไม่ควรซื้อหุ้นตัวนี้ในเวลานี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถ "ซื้อหุ้นตัวนี้ได้ในอนาคต"
.
โดย ทั่วไปแล้วหุ้นที่ยอดเยี่ยมมักจะมีราคาแพง จากความคาดหวังของตลาดที่สูง ซึ่งถ้าบริษัททำพลาดจนเกิดปัญหาชั่วคราวระยะสั้น หรือ ตลาดเกิด Panic หรือวิกฤต นั่นก็อาจจะเป็นโอกาสที่ราคาอาจจะลงมาได้ แต่คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น อาจจะไม่มีวิกฤตหรือบริษัทอาจจะไม่พลาดอะไรเลยก็ได้
.
สิ่งที่คุณศรัทธาได้เพียงอย่างเดียว คือ ในระยะยาวแล้วราคาหุ้นจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงเสมอ ถ้าราคาแพงมากเกินไปแล้ว ราคาย่อมมีแนวโน้มชะลอตัวให้พื้นฐานเติบโตตามทัน แล้วสักวันเส้นราคาและมูลค่าที่แท้จริงจะมาบรรจบกัน นั่นอาจจะเป็นเวลาที่ควรซื้อหุ้น
.
สิ่งที่ไม่ควรทำ 2 อย่าง
.
1. ซื้อหุ้นที่แพงกว่ามูลค่าไปเลย
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะ แม้ว่าคุณจะประเมินคุณภาพหุ้นได้ถูกต้อง การเติบโตเป็นไปตามที่คุณคาดการณ์ทุกอย่าง แต่คุณก็อาจจะได้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า เพราะ ราคาหุ้นมันสะท้อนไปก่อนหน้านี้แล้ว การลงหุ้นที่แพงเกินไปรออาจจะมี "ต้นทุนค่าเสียโอกาส" ในการนำเงินไปลงทุนหุ้นตัวอื่นๆที่คุ้มค่ากว่า
.
2. ปรับมูลค่าที่แท้จริงให้สอดคล้องกับราคาหุ้น
บางคนอาจจะคิดว่า ในเมื่อราคาไม่ยอมลงมาสักที งั้นก็ปรับมูลค่าใหม่ ให้ขึ้นไปเกินราคาเลยแล้วกัน จะได้ซื้อหุ้นได้ 5555+...
"สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของการลงทุนอาจจะเป็นการหลอกตัวเอง"
.
และต่อให้ราคาหุ้นตัวนั้นจะไม่มีทางลงมาเจอราคาเหมาะสมเลย จนหุ้นเติบโตเป็นหุ้น 10 เด้ง ไปแล้ว และทำให้คุณพลาดโอกาสการลงทุนนี้ไปแล้ว แต่นั่นก็อาจจะไม่ใช่วิถีทางของนักลงทุน VI ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้คุณเสียหายอะไรสักหน่อยหนิ
.
ส่วนตัวผมยังเชื่อเสมอว่า หุ้นที่ดีในราคาเหมาะสมที่คุณเลือกเข้าพอร์ต ก็ทำให้คุณประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
.
"Investment success doesn’t come from buying good things, but rather from buying things well."
-Howard Marks
.
ทั้งหมดเป็นแค่มุมมองของผมเพียงคนเดียว อาจจะถูกบ้างผิดบ้างนะครับ ใครมีความคิดเห็นอย่างไรสามารถ comment มาคุยกันได้เลยนะครับ : )
Writer: Pocket investor
.
อย่างที่บอกตั้งแต่เดือนก่อนว่า ช่วงนี้ผมค่อนข้างสนใจหุ้นเติบโตในตลาดอเมริกาที่หลายๆบริษัทลดราคาลงมาค่อนข้างมาก จนมีซื้อไปบ้างครับ อย่างไรก็ตามหุ้นใน Watchlist ที่อยากได้บางตัว ราคายังลงมาไม่มากเพียงพอหรือบางตัวเด้งกลับขึ้นไปแล้วด้วยซ้ำ 555+
.
ส่วนตัวคิดว่าหุ้นเหล่านี้ เป็นบริษัทที่มี Business model ที่ดี มี Moat ที่แข็งแกร่ง รวมถึงโอกาสการเติบโตได้อีกมากและมีโอกาสที่จะสร้าง Profitability ที่ดีได้ในอนาคต อย่างไรก็ตามด้วยความโดดเด่นที่กล่าวมา ตลาดคงมองเห็นความยอดเยี่ยมนี้เช่นกัน ทำให้ราคาดูเหมือนจะแพงกว่ามูลค่าที่ผมประเมินได้ตลอดเลย
.
ผลประกอบการที่ออกมาสูงกว่าที่เหล่านักวิเคราะห์คาดการณ์ แถมอนาคตที่ยังดูสดใสจากปัจจัยบวกต่างๆ เหมือนจะยิ่งตอกย้ำว่า "ของดียังไงก็ไม่ลดราคาหรอก ถ้ารอต่อไปก็ไม่ได้ซื้อแน่นอน"
.
คำถามที่น่าสนใจ สำหรับนักลงทุน VI รุ่นใหม่ คือ เราควรจะยังยึดมั่นในหลักการ "ซื้อหุ้นก็ต่อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง" แล้วนั่งทับมือเอาไว้ หรือควรจะเคาะขวาซื้อไปเลย เพราะ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสที่ราคาลงมาหรือไม่ เราไม่ควรไปคาดเดาราคาหุ้น
.
เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ ส่วนตัวคิดว่า ถ้าเลือกจะเป็นนักลงทุน VI แล้วคุณควรจะ "ยึดมั่นในมูลค่าที่แท้จริง" มาก่อนครับ อย่างไรก็ตามในกรณีแบบนี้มันก็มี สิ่งที่ควรทำ 3 อย่าง และมีสิ่งที่ไม่ควรทำ 2 อย่าง ดังนี้ครับ
.
สิ่งที่ควรทำ 3 อย่าง
.
1. ทบทวนมูลค่าใหม่ (พยายามอย่ามีอคติ)
สิ่งที่ควรทำเสมอๆ คือ การทบทวนมูลค่าใหม่เป็นประจำ บางครั้งที่ราคาไม่ลงมาถึงมูลค่าที่แท้จริงที่เราประเมินได้ อาจจะเป็นเพราะ "ข้อมูลไม่ Update!" ในเมื่อมูลค่าที่แท้จริงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งหุ้นที่ยอดเยี่ยมมูลค่าที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเมื่อระยะเวลาผ่านไป ตามการเติบโตของกิจการ
.
ลองเอาผลประกอบการและแนวโน้มธุรกิจล่าสุดมาพิจารณาและปรับ Assumption ใหม่ตามความเป็นจริง (ระวังการมองดีเว่อร์เกินจริง) บางครั้งมูลค่าที่แท้จริงอาจจะแซงราคาหุ้นไปแล้วก็ได้นะ!
.
2. เปรียบเทียบกับโอกาสการลงทุนอื่นๆ
เมื่อทำข้อ 1 โดย พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ราคายังแพงเกินไป นั่นก็หมายความว่าคุณยังไม่ควรซื้อหุ้นตัวนี้ ณ ตอนนี้ หรือถ้าซื้อไปแล้วอาจจะได้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่คุณต้องการ อย่างไรก็ตามในตลาดย่อมมีโอกาสลงทุนในหุ้นตัวอื่นๆที่คุณภาพอาจจะดีไม่เท่า แต่ราคายังต่ำกว่ามูลค่าและให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ซึ่งอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
.
ดังนั้น การลงทุนจึงเป็นการเลือกหุ้นโดยเปรียบเทียบความคุ้มค่า ระหว่างถือหุ้นตัวเดิมที่อยู่ในพอร์ต กับโอกาสลงทุนใหม่ๆที่มีหลากหลาย ให้เลือกโอกาสที่มี Risk & Reward ที่ดีที่สุด ณ เวลานั้นๆ
.
3. จงนั่งทับมือเอาไว้และรอโอกาส
ในเมื่อราคาหุ้น ยังสูงกว่ามูลค่าที่เหมาะสม คุณก็ยังไม่ควรซื้อหุ้นตัวนี้ในเวลานี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถ "ซื้อหุ้นตัวนี้ได้ในอนาคต"
.
โดย ทั่วไปแล้วหุ้นที่ยอดเยี่ยมมักจะมีราคาแพง จากความคาดหวังของตลาดที่สูง ซึ่งถ้าบริษัททำพลาดจนเกิดปัญหาชั่วคราวระยะสั้น หรือ ตลาดเกิด Panic หรือวิกฤต นั่นก็อาจจะเป็นโอกาสที่ราคาอาจจะลงมาได้ แต่คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น อาจจะไม่มีวิกฤตหรือบริษัทอาจจะไม่พลาดอะไรเลยก็ได้
.
สิ่งที่คุณศรัทธาได้เพียงอย่างเดียว คือ ในระยะยาวแล้วราคาหุ้นจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงเสมอ ถ้าราคาแพงมากเกินไปแล้ว ราคาย่อมมีแนวโน้มชะลอตัวให้พื้นฐานเติบโตตามทัน แล้วสักวันเส้นราคาและมูลค่าที่แท้จริงจะมาบรรจบกัน นั่นอาจจะเป็นเวลาที่ควรซื้อหุ้น
.
สิ่งที่ไม่ควรทำ 2 อย่าง
.
1. ซื้อหุ้นที่แพงกว่ามูลค่าไปเลย
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะ แม้ว่าคุณจะประเมินคุณภาพหุ้นได้ถูกต้อง การเติบโตเป็นไปตามที่คุณคาดการณ์ทุกอย่าง แต่คุณก็อาจจะได้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า เพราะ ราคาหุ้นมันสะท้อนไปก่อนหน้านี้แล้ว การลงหุ้นที่แพงเกินไปรออาจจะมี "ต้นทุนค่าเสียโอกาส" ในการนำเงินไปลงทุนหุ้นตัวอื่นๆที่คุ้มค่ากว่า
.
2. ปรับมูลค่าที่แท้จริงให้สอดคล้องกับราคาหุ้น
บางคนอาจจะคิดว่า ในเมื่อราคาไม่ยอมลงมาสักที งั้นก็ปรับมูลค่าใหม่ ให้ขึ้นไปเกินราคาเลยแล้วกัน จะได้ซื้อหุ้นได้ 5555+...
"สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของการลงทุนอาจจะเป็นการหลอกตัวเอง"
.
และต่อให้ราคาหุ้นตัวนั้นจะไม่มีทางลงมาเจอราคาเหมาะสมเลย จนหุ้นเติบโตเป็นหุ้น 10 เด้ง ไปแล้ว และทำให้คุณพลาดโอกาสการลงทุนนี้ไปแล้ว แต่นั่นก็อาจจะไม่ใช่วิถีทางของนักลงทุน VI ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้คุณเสียหายอะไรสักหน่อยหนิ
.
ส่วนตัวผมยังเชื่อเสมอว่า หุ้นที่ดีในราคาเหมาะสมที่คุณเลือกเข้าพอร์ต ก็ทำให้คุณประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
.
"Investment success doesn’t come from buying good things, but rather from buying things well."
-Howard Marks
.
ทั้งหมดเป็นแค่มุมมองของผมเพียงคนเดียว อาจจะถูกบ้างผิดบ้างนะครับ ใครมีความคิดเห็นอย่างไรสามารถ comment มาคุยกันได้เลยนะครับ : )
Writer: Pocket investor