RuVi เขียน: ↑พุธ ก.ย. 21, 2022 5:32 pm
ปันผลเราจะได้เยอะขึ้นได้ยังไงหรอครับ ถ้าเกิด ราคาของหุ้นยังอยู่ที่เดิม หรือว่าถ้าหากบริษัททำกำไรสุทธิได้มากๆ แล้ว Book value เพิ่มขึ้นในทุกๆปี ตัว % ของปันผล (Dividend Yield) จะเพิ่มขึ้นหรอครับจากสมการการหาค่า DY กรณีที่บริษัทจ่ายปันผลนะครับ
แล้วถ้าเกิดเป็นบริษัทที่ไม่จ่ายปันผลเลย นำกำไรไปขยายธุรกิจต่อเรื่อยๆจนใหญ่โตมากๆ แต่นักลงทุนไม่เข้ามาลงทุนจะเกิดอะไรขึ้นกับเงินลงทุนของเราครับทั้งๆที่หุ้นตัวนั้นควรจะมีราคาสูงกว่าที่เราซื้อหลายเท่าตัวแต่กลับราคาเท่าเดิม ถ้าเกิดบริษัทมันใหญ่แบบมากๆแต่ไม่มีใครมาเห็นมันเลยนั่นจะเท่ากับว่ากำไรจากการลงทุนในบริษัทนี้เป็น 0 รึเปล่าครับเพราะเราไม่สามารถสร้าง Value ได้เลยในขณะที่ตัวบริษัทโตขึ้นในทุกๆปี
สอบถามเพิ่มเติมนะครับ ราคาหุ้น ptt ปี 60-61 เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงหล่นมาราวๆ 90% หรอครับ หรือว่า ptt มีการแตกหุ้นในปีนั้นครับ
สมมุติเริ่มต้น ปี2022 บริษัทนั้น
- Book Value (Equity) ตั้งต้น = 100 บาท
- อัตราทำกำไรจากEquity: ROE 20%
- กำไรปี2022 = 20 บาท
- ปันผล 50% = ปัน 10 บาท
- reinvest ที่เหลือ 10 บาท ในbook value (เป็น110 บาท)
(โดยสมมุติแบบเว่อๆว่า เอาไปลงทุนขยายสาขาธุรกิจปีต่อไปแบบทันทีได้กำไรเท่าสาขาเก่าได้ทันทีในปีต่อไป
คือROE สาขาใหม่ก็ได้ 20% ตั้งแต่ปีกแรกที่เปิดเลย และสาขาเก่าที่เปิดค้างไว้อยู๋แล้วก็ได้ ROEเท่าเดิม20% ไปเรื่อยๆ)
ปี 2023
- Book Value (Equity) ตั้งต้น = 110 บาท
- อัตราทำกำไรจากEquity: ROE 20%
- กำไรปี2023 = 22 บาท [ผลลัพธ์กำไรเพิ่มจากสาขาที่ขยายเพิ่มขึ้นมา]
- ปันผล 50% = ปัน 11 บาท [ผลลัพธ์ปันผลเพิ่มขึ้นจากกำไรที่เพิ่มขึ้นมา]
- reinvest ที่เหลือ 11 บาท ในbook value (เป็น 121 บาท)
ปี 2024
- Book Value (Equity) ตั้งต้น = 121 บาท
- อัตราทำกำไรจากEquity: ROE 20%
- กำไรปี2024 = 24.2 บาท [ผลลัพธ์กำไรเพิ่มจากสาขาที่ขยายเพิ่มขึ้นมา]
- ปันผล 50% = ปัน 12.1 บาท [ผลลัพธ์ปันผลเพิ่มขึ้นจากกำไรที่เพิ่มขึ้นมา]
- reinvest ที่เหลือ 12.1 บาท ในbook value (เป็น 133.10 บาท)
ปี 2025
- Book Value (Equity) ตั้งต้น = 133.10 บาท
- อัตราทำกำไรจากEquity: ROE 20%
- กำไรปี2025 = 26.62บาท [ผลลัพธ์กำไรเพิ่มจากสาขาที่ขยายเพิ่มขึ้นมา]
- ปันผล 50% = ปัน 13.31 บาท [ผลลัพธ์ปันผลเพิ่มขึ้นจากกำไรที่เพิ่มขึ้นมา]
- reinvest ที่เหลือ 13.31 บาท ในbook value (เป็น 146.41 บาท)
สมมุตปี2022: เราซื้อหุ้นมาราคา 200 บาท
ปันผลปี 2022 = ปัน 10 บาท >> Div. Yield 5% (เทียบทุนเรา 200 บาทเท่าเดิม)
ปันผลปี 2023 = ปัน 11 บาท >> Div. Yield 5.5% (เทียบทุนเรา 200 บาทเท่าเดิม)
ปันผลปี 2024 = ปัน 12.1 บาท >> Div. Yield 6.05% (เทียบทุนเรา 200 บาทเท่าเดิม)
ปันผลปี 2025 = ปัน 13.31 บาท >> Div. Yield 6.66% (เทียบทุนเรา 200 บาทเท่าเดิม)
แล้วเราได้อะไรอีกนอกจากปันผล ถ้าราคาหุ้นไม่ขึ้น ?
- ถ้าดูกำไร/ขาดทุน จากราคาตลาดMark-to-Market ในพอตหุ้น ก็คงจะเป็นอย่างงั้นครับ ว่ากำไรจากราคาหุ้นเป็น 0
แต่ถ้าเรารู้สึกอินกับธุรกิจมากซะจน จนรู้สึกในมุมมองว่าเป็นธุรกิจส่วนตัวเราเอง: เราก็จะเห็นว่า
ในปี2025:
- Book Value ในบริษัทเรา อยู่ที่ 146.41 บาท (ลองเทียบกับปี2022ดูซิ - มันเพิ่มมาจาก 100 บาทเลย - เพิ่มมา 46.41%)
และ Book Value 46.41 บาทที่เพิ่มขึ้นมามันก็เอาไปใช้ทำกำไรได้ROE20% เหมือนกันด้วย
- Book Value 46.41บาทที่เพิ่มขึ้นมาถ้ามองแต่ในเชิงตัวเลขก็อาจจะไม่รู้สึกอะไร
แต่ถ้าเรามองว่า46.41บาท มันคืออะไรใน Real Business เราอาจจะSatisfyกับ46.41บาทนี้มากขึ้นก็ได้ครับ
มันก็คือ >> สาขาของธุรกิจเรามันเพิ่มขึ้นมาทุกปีเลย และทำกำไรได้มากขึ้นทุกปีด้วย มีสาขากระจายกันหลายพื้นที่ไม่ต้องหวังพึ่งสาขาแรกๆอย่างเดียว มีทีมงานมากขึ้น บริษัทเรามีเครดิตมากขึ้นในอุตสาหกรรม ฐานลูกค้าจาก10,000คน กลายเป็น 50,000คน มีสินค้าขายดีเพิ่มขึ้นไม่ต้องไมู่กกับสินค้าไม่กี่ตัว
- สรุปก็คือ เงินเราก็คือ book value ที่เพิ่มขึ้นจากที่เราแบ่งกำไรมาreinvestในบริษัททุกๆปีนั่นเองครับ
** อันนี้ไม่ได้หมายถึงว่าให้เรารักหุ้นมากนะครับ แค่เปรียบเปรยเฉยๆ ว่าจริงๆแล้วเราก็ได้ Book Value ที่มันเพิ่มขึ้นนั่นแหละ แต่พอเราไม่ใช่เจ้าของแบบเต็มตัวส่วนใหญ่แล้วก็อาจจะไม่รู้สึกกว่านี่มันเป็นของๆเรา **
>> ซึ่งก็มาตอบคำถามที่ว่า ถ้าซ์้อหุ้นตัวนี้แล้ว ราคาไม่ขึ้นเลย จะเป็นยังไง?
- ก็ต้องลองรู้สึกกับตัวเองดูว่า Dividend Yeildที่เพิ่มขึ้นในระดับนี้ทุกปี + BookValueที่เพิ่มขึ้นระดับนี้ทุกปี + ภาพReal Business ที่พัฒนาขึ้นระดับนี้ทุกปี เราพอใจรึเปล่า? (เมื่อเทียบกับความเสี่ยงของธุรกิจนี้)
- ถ้าเราพอใจรับได้ ก็อาจจะแปลได้ว่า > ราคา 200 บาทในปี2022ก็อาจจะFairly Price เพราะเฉพาะตัวReal Business Return มันSatifyเราได้
- ถ้าเรารู้สึกว่าคุ้มมากๆเลย ได้น้อยกว่านี้นิดนึงก็ยังรับได้เลย > ราคา200 บาทในปี2022 ก็อาจจะ under-priceนิดนึง
- ถ้าเรารู้สึกมันได้น้อยจังเลย ไม่คุ้มเลย > ราคา200 บาทในปี2022 ก็อาจจะ Over-price เพราะเฉพาะตัวReal Business Return มันไม่สามารถที่จะSatifyเราได้เลย (ต้องหา Capital Gainมาเสริมถึงจะทำให้รู้สึกคุ้มได้)
สุดท้ายแล้ว: มูลค่าบริษัท(ยังไม่พูดถึงราคาตลาด) ในปี 2022 กับ ปี2025 ในกรณีนี้ จะมีทางที่จะเท่าเดิมได้รึเปล่า?
- สิ้นปี 2022 = Book Value 110 บาท, กำไร 20 บาท, ปันผล 10 บาท + นึกภาพธุรกิจของจริงในปี2022
- สิ้นปี 2025 = Book Value 146.61 บาท, กำไร 26.62 บาท, ปันผล 13.31 บาท + นึกภาพธุรกิจของจริงในปี2025
>> ดูแล้วยังไงมูลค่าบริษัทในปี 2025 ก็น่าจะต้องไม่น้อยกว่าปี2022แน่นอน (ในกรณีนี้ที่ผลลัพธ์ของReal Business เป็นแบบที่สมมุติมานี้นะครับ)
มูลค่าบริษัทนี้ จากปี2022 มาปี 2025 มันเพิ่มขึ้นมาแน่นอน
แต่ว่าเราลงทุนจะมีกำไรจาก Capital Gain รึเปล่านี่ก็อีกเรื่องนึงครับ อยู่ที่ราคาตลาดที่เราไปซื้อมา
- เราสามารถลงทุนแล้วขาดทุน Capital Gain ได้กับบริษัทนี้แน่นอน แม้ว่ามูลค่าบริษัทในปี2025มันจะมากกว่าปี2022ก็ตาม ถ้าเราซื้อที่ราคาตลาดแพงเกินไป
- แต่ในความเป็นจริง ถึงเราจะซื้อแพงกว่ามูลค่าบริษัท แต่ถ้าราคาตลาดมันสูงกว่ามูลค่าบริษัทไปเรื่อยๆ Capital Gain เมื่อ Mark-to-Market เราก็คงจะไม่เห็นขาดทุนได้ >> แต่ Real Business Return ที่เราได้จริงๆเมื่อเทียบกับต้นทุนมันก็คงจะน้อยกว่าที่เราจะรับได้ ถ้าไม่มีCapital Gain มาช่วยครับ
- ซึ่งการวัดมูลค่าบริษัท ณ ช่วงเวลานึงก็คงจะได้เลขเป็น Rangeออกมา ,คงไม่สามารถตีเป็นเลขตัวเดียวได้ว่าต้องมูลค่าเท่านี้เป๊ะๆ
- ในมุมมองของ Value Investor: ถ้าเราตั้งใจซื้อหุ้นที่ราคาตลาดที่สูงกว่าRangeมูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินเองขึ้นมา ซื้อแบบรู้ทั้งรู้ว่ามันแพงกว่าintrinsic value = นั่นก็คือเราก็ต้องรู้ว่าเรากำลังเล่นในmindset Speculatorอยู่ส่วนนึง การจับจังหวะตลาดว่าจะมีคนมาซ์้อต่อที่ราคาสูงขึ้น
(เพราะถ้าเราซ์้อที่ราคาสูงกว่ามูลเหมาะสม นั่นแปลว่า Real Business Return เมื่อเทียบกับต้นทุนเรา มันจะต่ำเกินไปกว่าที่ควรจะเป้นเมื่อเทียบกับความเสี่ยงของบริษัทนั้น)
ซึ่งไม่ใช่เรื่องไม่ถูกต้องอะไร แต่แค่เราต้องรู้ว่ามันมีความเสี่ยงการขาดทุน Capital Gain สูงขึ้น เพราะว่าราคาตลาดมันก็มีโอกาสลงมาเทรดที่ราคาintrinsic valueได้ ถ้าคนเลิกเห่อให้ราคาpremiumกับหุ้นตัวนั้นกัน