Black Swan Forum
Session III : ตกผลึก
คุณวีระพงษ์ ธัม หรือ อาจารย์หลิน นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)
อาจารย์หลิน พูดเกี่ยวกับ Black Swan ว่าจะเกิดขึ้นต้องมีครบ3องค์ประกอบคือ
1.เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
2.มีผลกระทบต่อเนื่อง ทำให้ตัดสินใจผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก
3.เป็นเหตุการณ์ที่ดูเหมือนง่าย แต่ถ้าอยู่ในเหตุการณ์นั้นจะมองไม่เห็นราวกับคนตาบอด
น้องทีน่าถามว่า ตอนนี้เราอยู่ในBlack Swan หรือยัง อจ หลิน ตอบว่า ยังไม่เรียกว่า Black Swanอีกเหรอ
ซึ่งเรียกเสียงฮาจากผู้ฟัง
อจ หลิน เล่าต่อว่า ช่วงที่ตลาดหุ้นUS ปรับตัวลดลงหลังFEDเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย และ ทำQT
ตื่นนอนออกมาเข้าห้องน้ำตอนตี1 ดูราคาหุ้นแดงทั้งกระดาน เลยนอนต่อไม่ลง
ตอนนี้ได้ตกผลึกบทเรียน 5 ข้อมาเล่าให้ผู้เข้าสัมมนาฟังดังนี้
1.ความผิดเพี้ยนของตลาดหุ้นต่างประเทศ
ตอนนี้คลี่คลายไปเยอะแล้ว หลังจากที่อัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจไปก่อนหน้านี้
2.ความผิดเพี้ยนของตลาดทุน
นักลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี พบว่าไม่มีVIที่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่ใช่ลักษณะการลงทุนแบบวีไอ
ปกติธุรกิจที่วีไอลงทุนประสบความสำเร็จ เช่น ค้าปลีก ซึ่งมีมานาน และ มีรูปแบบของธุรกิจที่แน่นอน
แต่คนที่ประสบความสำเร็จ คือ VC ซึ่งเข้ามาลงทุนตั้งแต่Series A, B , C , D, …
3.ความผิดเพี้ยนของนักลงทุนไทย
เราอ่านหนังสือของวอร์เรน บัฟเฟตต์มาทุกเล่ม แต่องค์ความรู้ห่างจากนักลงทุนต่างประเทศมาก
เราพึ่งมาพูดถึง Network effect เมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่ที่ต่างประเทศพูดกันมานานแล้ว
เราเจาะไม่ถึงแก่น เราเห็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ก็เลยลงทุนตาม
แต่ความเป็นจริง มีนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ สลับเปลี่ยนกันทุกปี สรุป เชื่ออาจารย์ผิดคน
4.เรื่อง Business Model หุ้นไทย กลุ่มค้าปลีก มีมานานแล้วกว่า 5,000-6,000ปี มีการพิสูจน์แล้ว
แต่ Technology , Metaverse , Digital Economy พึ่งมาไม่กี่ปี
เหมือนเรามองสัตว์ผิดสปีชีย์เลย มองว่าเป็นไดโนเสาว์ สุดท้ายมันไม่ใช่
5.ข้อนี้ยากสุด นักลงทุนไทยไม่ชำนาญ
Business Model แบบใหม่ ที่น้องโตพูดในSectionแรก
Five Force ใช้กับหุ้นไทยได้ แต่ไม่สามารถนำมาวิเคราะห์ธุรกิจใหม่ เช่น Technology ได้
เช่น มีหุ้นที่พึ่งเข้ามาใหม่ และทำให้หุ้นที่เราถือลง 10%เลย
มาดูเรื่องการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างในแต่ละประเทศ
ภาพ EU
ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ทำไมหนี้ครัวเรือนเยอะ เพราะคนที่นั่นจ่ายภาษีมาก แต่สามารถผ่อนกับรัฐได้
แต่รัฐบาลดูแลประชาชนเป็นอย่างดี
ส่วนที่ญี่ปุ่น หนี้รัฐบาลเยอะ แต่มาจากประชาชนนำเงินมาฝากเยอะ
และหนี้ครัวเรือนน้อย
ประเทศสิงค์โปร์ หนี้รัฐบาลเยอะ 130% เพราะเกิดจากคนทั่วโลกเอาเงินไปฝาก และSGก็นำเงินไปลงทุน
ผ่าน เทมาเส็ก
ประเทศสหรัฐอเมริกา มีหนี้ภาครัฐ 137% สูงสุดในประวัติศาสตร์ แต่ทำไมตัวเลขGDPยังดีอยู่
พบว่า Household ช่วยdriveเศรษฐกิจอเมริกา
จีน ตัวเลขหนี้ทั้งภาคครัวเรือนและภาครัฐ ไม่สูงประมาณ 60-70% เป็นตัวเลขที่ทำให้เป็นมหาอำนาจ
เวียดนาม หนี้ต่ำมาก ทั้งภาครัฐและภาคครัวเรือน
ถ้าดูแค่หนี้อย่างเดียว พบว่า จีน และ เวียดนาม ดีมาก แต่ดูแค่หนี้ก็ไม่เพียงพอ
จากรูป 700ปีที่ผ่านมา Long term Bond Yieldลงมาตลอด
เพราะดูจากประวัติศาสตร์ พบว่า เพราะมีมหาอำนาจ มาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
ก่อนโควิด เชื่อว่า ดอกเบี้ยจะลงไปอีก แต่ตอนนี้ภาพเปลี่ยนไปแล้ว
เพราะอายุเฉลี่ยของคนอีก50ปีข้างหน้า อายุเฉลี่ยของคนเกาหลี 75 ปี
โลกนั้น ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้นช้ากว่าเงินเฟ้อ อาจไม่ใช่เทรนดอกเบี้ยขาลง
ไม่ใช่ Play Book เล่มเดิม FEDจะรับมือไหวไหม
เงินเฟ้อสูง ทำลายเศรษฐกิจ แต่ FED ต้องการดับไฟกลับ
แต่เงินเฟ้อที่สูง ไม่มีใครต่อจากจีน ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตถูกลง
Productivity : เกิดขึ้นช้ากว่า และเงินเดือนที่สูงขึ้น
Black Swan Forum Session III : ตกผลึก คุณวีระพงษ์ ธัม
- Bird.Songwut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 159
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Black Swan Forum Session III : ตกผลึก คุณวีระพงษ์ ธัม
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณสำหรับการสรุปเนื้อหาครับ
"มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้นจะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล"
Investor hub : ห้องลับนักลงทุน https://www.youtube.com/@Investor_hub
Investor hub : ห้องลับนักลงทุน https://www.youtube.com/@Investor_hub