หลักการที่ควรจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาของนักลงทุนก็คือ “คุณจำเป็นต้องมีความพึงพอใจในสินทรัพย์นั้นๆ ก่อน”
เหมือนการซื้องานศิลปะ เวลาเฝ้ามองมัน เราต้องมีความรู้สึกพอใจ ภูมิใจที่ได้ครอบครอง หรือเสมือนการเป็นเจ้าของที่ดินสวยๆสักผืนหนึ่ง เมื่อเราเกิดความรู้สึกพึงพอใจที่ได้เป็นเจ้าของครอบครองสินทรัพย์นี้แล้วก็คงไม่ได้ไปสนใจว่าราคาตลาดจะเป็นเท่าใด ที่ดินผืนข้างเคียงจะขายเท่าไหร่ เหตุเพราะเราเกิดความรู้สึกที่ว่าสินทรัพย์ดังกล่าวนี้ดีเพียงพอแล้ว หาซื้อไม่ได้อีกแล้ว เจ้าของที่ดินผืนข้างเคียงเขาอาจจะร้อนเงินจนนำสินทรัพย์ออกมาขายในราคาถูก และถ้าให้เราขายในราคาเดียวกันนี้เราไม่มีทางยอมเด็ดขาด
นักลงทุนในหุ้นจำเป็นต้องสร้างความรู้สึกเช่นเดียวกันนี้ก่อน ต้องพึงพอใจในสินทรัพย์ที่เราถือครอง ในราคาที่เราเข้าซื้อ มองเห็นคุณค่าของบริษัทและกิจการ ไม่แตกต่างจากนักธุรกิจที่พวกเขาเหล่านั้นสร้างความมั่งคั่งขึ้นมาได้อย่างมหาศาล เหตุเพราะการถือครองธุรกิจอย่างยาวนานและไม่มีความคิดเพียงสักชั่วครู่เดียวที่จะขายส่วนหนึ่งของมันออกไป อย่ามีทัศนคติต่อการลงทุนในระยะสั้นจนเกินไป
..............................................................
“การเป็นนักลงทุนวีไอต้องรู้จักความพ่ายแพ้”
...
บางครั้ง บางเวลา เราต้องทำใจยอมรับให้ได้ว่าผลลัพธ์ทางการลงทุนคงต้องลดน้อยถดถอยลงมาบ้าง ในช่วงเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมานักลงทุนหลายคนมีความสุขสนุกสนานกับราคาสินทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หากแต่ในตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่า เราคงไม่สามารถที่จะรื่นเริงอยู่ในสภาวะการณ์เช่นนั้นได้ตลอดไป เนื่องจากสินทรัพย์ที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมามันไม่ได้เกิดขึ้นจากกระบวนการลงทุนรูปแบบปกติ ไม่ได้เกิดขึ้นจากประสิทธิภาพที่สูงขึ้นในแง่ของเศรษฐศาสตร์ หากแต่มันเกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลอัดฉีดสภาพคล่องจำนวนมหาศาลเข้าไปในระบบ เกิดจากการแจกจ่าย “เงินฟรีๆ” เพื่อให้สังคมสงบสุข เพื่อให้คนอยู่ดีกินดีจนเกิดกิจกรรมการใช้จ่าย ซึ่งมิได้เกิดขึ้นมาจากรากฐานอันแท้จริงของกระบวนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
สุดท้ายเมื่อกาลเวลาพ้นผ่านไป ก็ต้องเริ่มทำความเข้าใจ ยอมรับความจริงว่าที่ผ่านมาเราอาจจะรื่นเริงบันเทิงอารมณ์กันมากไปเสียหน่อย ต้องถอยกลับมาตั้งหลักบ้าง เราต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้สำหรับเหตุการณ์อันนอกเหนือไปจากอำนาจการควบคุมของตนเอง ระบบทุนนิยมก็เป็นเช่นนี้เอง
................................
“การเป็นนักลงทุน จงอย่าโลภเกินความรู้”
........
เซียนหุ้นรุ่นพี่ของผมท่านหนึ่ง เคยกล่าวไว้ว่า “การเป็นนักลงทุน จงอย่าโลภเกินความรู้” ควรต้องรู้จักประมาณตน บางทีธุรกิจซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังรุ่งเรือง ณ เวลานี้ อาจอยู่นอกเหนือไปจากขอบเขตความเชี่ยวชาญของเรา หากเข้าซื้อหุ้นเพื่อลงทุนตามฝูงชน แล้วในระยะยาวเราจะไหวรึเปล่า? เคยศึกษาอย่างเจาะลึกบ้างไหม? “จงประมาณความรู้ และประมาณความเสี่ยง” ว่าเรารับมันได้เพียงใด ซึ่งนักลงทุนแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน
คนส่วนใหญ่ที่นำเงินเข้ามาลงทุนในหุ้นมักมีความสุขยาก หลายครั้งพอประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้แล้วก็ยังอยากได้อยากมีเพิ่มมากขึ้นไปอีกอย่างไม่รู้จบสิ้น ภาพลักษณ์เก่าของนักลงทุนหุ้นอาจมีความคล้ายคลึงกับดารานักแสดงในวงการบันเทิง ยุคสมัยก่อนอาชีพนักแสดงถูกสังคมกระแสหลักชายตามองว่าเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน ไม่มีใครอยากทำหรืออยากเป็นหรอก ในอีกด้านหนึ่งหากคุณไปบอกกับใครเขาว่าเป็นนักลงทุนหุ้น ก็คงจะได้สัมผัสกับกระแสตอบรับที่มิได้แตกต่างกันมากนัก “เล่นหุ้นเหรอ ทำไมไม่ทำการทำงานดีๆ ไม่เห็นสร้างประโยชน์อะไรให้กับใครเลย” มีแต่คนรังเกียจ หากแต่ในยุคสมัยปัจจุบันกลับกลายเป็นว่า “การเป็นนักลงทุนมีแต่คนให้ความสนใจและพร้อมที่จะรับฟัง” (ในข้อแม้ที่ว่าหากคุณประสบความสำเร็จ )
...................
น้องๆ คนรุ่นใหม่ในตอนนี้ก็อาจมีมุมมองไปในทิศทางที่ว่าวงการตลาดหุ้นนั้นสามารถสร้างความมั่งคั่งให้เกิดแก่ตัวเขาเองได้ แถมยังมีชื่อเสียง ได้รับการยอมรับจากสังคมอีกด้วย กลายเป็นว่ากระบวนการลงทุนในหุ้นเพื่อให้ได้เงิน ได้กำไรเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอเสียแล้ว ยังต้องการชื่อเสียงเกียรติยศอีก ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพียงแต่คุณต้องชั่งใจและทบทวนตนเองอย่างลึกซึ้งว่ามันจะทำให้วิธีการลงทุนส่วนตัวของคุณเองนั้นแบกรับความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นหรือเปล่า?
เราทุกคนล้วนอยากมีชื่อเสียง อยากได้รับการยอมรับจากสังคมอยากให้มีคนรู้จักเราเยอะๆ ลองตรึกตรองดูให้ดีบ้างว่าความสุขมันอาจจะไม่ได้อยู่ไกลเกินฝันมากนัก ขอเพียงแค่รู้จักพอเสียบ้าง เมื่อออกเดินทางมาถึงจุดหนึ่งแล้วก็ควรใช้เวลาชื่นชมกับความสำเร็จเล็กๆน้อยๆ บ้าง ผ่อนคลายบ้าง ทำประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้าง ใส่ใจผู้คนรอบข้างให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข เราจะประสบความสำเร็จในเส้นทางการลงทุนก็ต่อเมื่อตนเอง ครอบครัว และผู้คนที่อยู่แวดล้อมคุณมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขและความสบายใจ เราไม่จำเป็นที่จะต้องวัดความสำเร็จทางการลงทุนด้วยตัวเลขเพียงอย่างเดียว
...................................................
“เรานี่มันไร้สาระ”
......
ผมเริ่มต้นลงทุนในหุ้นก่อนวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง (พ.ศ.2540) ณ ช่วงเวลานั้นผมตั้งเป้าหมายผลลัพธ์การลงทุนส่วนตัวไว้ที่หนึ่งเท่าต่อปี หรือผลตอบแทนทบต้น 100% ต่อปี เมื่อกาลเวลาดำเนินผ่านไปสักระยะหนึ่งก็ตกผลึกได้ว่า “โอ้โห เรานี่มันไร้สาระ” จะทำได้อย่างไร ถามว่ามันเป็นไปได้ไหม ก็คงตอบว่าเป็นไปได้แต่ไม่ยั่งยืน สำหรับผมแล้วมันสมเหตุสมผลที่นักลงทุนในหุ้นจะตั้งเป้าหมายของอัตราผลตอบแทนให้สอดคล้องกับการทำธุรกิจจริง หากเราลงทุนในหุ้นแล้วได้อัตราผลตอบแทนทบต้นสัก 15% ต่อปี เพียง 5 ปีพอร์ตเราก็เติบโตเป็นเท่าตัวแล้ว “ตลาดหุ้นในระยะสั้นมันเป็นเรื่องของความโลภ การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น”
..............
ตัวแปรสำคัญสำหรับการลงทุนให้ประสบความสำเร็จคือ “ราคาหุ้น ณ เวลาที่เราเข้าซื้อนั้น เป็นราคาซึ่งเหมาะสมแก่การลงทุนเพื่อทำธุรกิจจริงๆ หรือเปล่า?” โอกาสแห่งการลงทุนไม่ว่าจะเป็นวันที่ฝนตก แดดออก ฟ้ามืดหรือฟ้าสว่าง มันยังมีอยู่เสมอ เพียงแต่เมื่อเวลาฟ้ามืดคุณต้องระมัดระวังให้มากขึ้น “หากมีความรู้ โอกาสจะปรากฏตัวให้เห็นอยู่เสมอ” ในสถานการณ์ปัจจุบันควรมุ่งมั่น ทุ่มเทพยายามเสริมสร้างความรู้และประสบการณ์ให้มากที่สุด อารมณ์ตลาดหุ้น ณ ตอนนี้มันท่วมท้นไปด้วยความหวาดกลัว ใครจะไปล่วงรู้ได้ว่านี่อาจเป็นโอกาสแก่นักลงทุนผู้มุ่งมั่นที่จะสามารถสร้างความมั่งคั่งขึ้นมามากมายในช่วงเวลาอีก 2-3 ปีข้างหน้า หรือตลาดอาจจะน่าหวาดกลัวมากกว่านี้อย่างไม่มีวันมองเห็นปลายทาง ไม่มีใครรู้ได้อย่างแจ่มชัดหรอก
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้คือเวลาเท่าไหร่ หนึ่งทุ่ม หรือตีห้า เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลสำหรับการตัดสินใจที่มากเพียงพอ ก็ต้องเดินทางต่อไปอย่างระมัดระวัง
แต่เมื่อใดก็ตามที่ผมแน่ใจแล้วว่านี่คือเวลาตีห้า นี่อาจเป็นโอกาสของนักลงทุนผู้ซึ่งเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา เป็นโอกาสแห่งการสร้างความมั่งคั่งอย่างมหาศาลในอีกยุคสมัยหนึ่งเลยทีเดียว
................
ชาย มโนภาส
....................................................................
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
.....
“ฝึกจิต เคล็ดลับลงทุน เศรษฐีหุ้น : ชาย มโนภาส” Money Chat Thailand
....
Illustration by Mint Tangjitkusonkul
"ตลาดหุ้น : ความสุข เกียรติยศ และเงินตรา" [ชาย มโนภาส]
- Introverted investor
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 1
"ตลาดหุ้น : ความสุข เกียรติยศ และเงินตรา" [ชาย มโนภาส]
โพสต์ที่ 1
Try to be : Full Time Investor, Reader, Writer, Learner & Cultural observer.
......................................
I have a passion for keeping things simple.
......................................
https://www.facebook.com/Introverted.investor
......................................
I have a passion for keeping things simple.
......................................
https://www.facebook.com/Introverted.investor
- Bird.Songwut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 159
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "ตลาดหุ้น : ความสุข เกียรติยศ และเงินตรา" [ชาย มโนภาส]
โพสต์ที่ 2
เนื้อหาดี รูปสวย ขอบคุณมากครับ
"มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้นจะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล"
Investor hub : ห้องลับนักลงทุน https://www.youtube.com/@Investor_hub
Investor hub : ห้องลับนักลงทุน https://www.youtube.com/@Investor_hub